[CR] [เลห์][ลาดักห์][ซันสการ์][แบคแพคเกอร์] 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง

22 วันกับการเดินทางในอินเดียจาก เดลี-เลห์-ซันสการ์-อักรา

ติดตามเรื่องราวตอนที่แล้วได้จาก  22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-I ตอนดีเลย์เดลี http://ppantip.com/topic/35118550
ตอน2: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง http://ppantip.com/topic/35123718
ตอน3: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-III ตอนไปนูบราแบบแมนๆ Royal Enfield http://ppantip.com/topic/35127049
ตอน4: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-IV ตอน In Love In Leh http://ppantip.com/topic/35130597
ตอน5: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-V ตอน เส้นทางสู่ Zanskar หุบเขาแห่งสวรรค์ http://ppantip.com/topic/35139076
ตอน6: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-VI ตอน เมืองแห่ง Zanskar, Rungdum-Padum http://ppantip.com/topic/35151837
ตอน7: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-VII ตอน ไปขี่ม้าที่ Sonamarg, นั่งเรือชม Dal Lake http://ppantip.com/topic/35159052

"เส้นทางจากมนาลีสู่เลห์"

จากมนาลีเราพร้อมออกเดินทางเกือบร่วมบ่าย ซึ่งเราคาดว่าจะไปนอน tent ที่ Sarchu แต่ด้วยสภาพถนนที่แย่ลงเรื่อยๆ ทำการเดินทางล่าช้ากว่าที่คิด ร่วมสามทุ่มแล้วเราถึงแค่ Jispa จึงตัดสินใจค้างที่นี่ก่อนเพราะจากนี้ไปไม่มีที่พักอีกแล้ว และหนึ่งในเพื่อนเราเริ่มมีอาการของ โรคแพ้ความสูง (Attitude sickness)

"เส้นทางจากมนาลี"

"คุณลุงคนขับรถอยู่กับเรา 3 วัน 2 คืน  แวะจอดทุกที่ๆเราขอเพือถ่ายรูปวิวข้างทาง และช่วยเจรจาที่พัก   ถ้าเจอขยะระหว่างจอดแกจะเก็บทิ้ง  แกนับถือพุทธธิเบต นั่งเรียงหินตอนเราจอดพักถ่ายรูป"

"จุดแวะพักระหว่างทาง"


"จุดแวะพักระหว่างทาง"


"โรงแรมที่พักที่ Jispa"

เราเริ่มเดินทางแต่เช้า เพราะตั้งใจให้ถึงเลห์ตอนเย็น  แม้วันนี้ฟ้ามีเมฆอยู่มากแต่เราก็ยังขอให้คุณลุงคนขับรถจอดถ่ายรูประหว่างทาง  วิวทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนไปตามเส้นทาง จากเขียวครึ้มค่อยๆ เป็นเขาหินทรายสลับกับสีน้ำตาล บางช่วงหินกันเซาะคล้ายๆแคนยอน บางช่วงภูเขาเป็นสีม่วง อมเขียวทำให้เราตื่นตา
"วิวภูเขาสองข้างทางเปลียนไปตลอดให้ตื่นตา"


"วิวภูเขาแคนยอน"


ช่วงประมาณบ่ายสามเกิดรถติดยาวมากจากสาเหตุ ทางถล่ม ไถปรับพื้นที่กันใหม่ ทำให้รถบรรทุกติดหล่มเอียงกระเท่เล่ ตรงโค้งพอดีทำให้รถสัญจรไปมาไม่ได้ ติดแงกทั้งสองฝั่ง จนเจ้าหน้าที่ชาวบ้านปรับพื้นที่ข้างรถบรรทุกที่ติดหล่มจึงพอเบียดไปได้
แต่พอวิ่งไปซักพักถึงหมู่บ้าน Rumtse ร่วมหกโมงกว่า ได้ยินข่าวทางขาด ดินถล่ม น้ำเซาะ ไม่มีทางไปต่อถึง Leh ได้ รถทุกคันจอดหาบ้านพักชาวบ้านที่ Runtse เต็ม รถของเราวิ่งต่อไปหาที่พักบ้านชาวบ้านที่หมู่บ้านเล็กๆ Lato ร่วม 19.00 น.

"ราคาที่พักคืนนี้ถือว่าถูกที่สุดคื่อคนละ 100 บาท"

ปรากฎว่าที่พักส่วนมากเต็มเพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เราเลยได้นอนบ้านของชาวบ้านที่แบ่งห้องหน้าครัวให้นอน ปรากฎว่าคืนนั้น คนที่มาพักทำแกงอินเดียกินกับแป้งจาปาตี กลิ่นตลบอบอวน  ยิ่งกว่านั้นเป็นวันที่ไม่ได้อาบน้ำเพราะน้ำในห้องน้ำต้องใช้ตักจากลำธารและหนาวมากกก  อาศัยส้วมธรรมชาติ
"homestay กลิ่นกับข้าว"

เราออกเดินทางเข้า Leh แต่เช้า เลย Lato ไปหน่อยเห็นทางที่ถูกดินถล่มเพิ่งปรับเสร็จ และบางส่วนกระแสน้ำเริ่มเซาะทางขาดไปครึ่งนึง จากนั้นวิ่งเข้าสู่ Upshi , Kuru
ก่อนเข้า Leh ช่วง Thiksey ,Shey มีร่องรอยน้ำท่วม ,ทำทางน้ำผ่าน cross ถนน , บางจุดดินโคลนยังขังบนถนน เราถึง Leh ร่วมสิบโมงเช้า
ในที่สุดเราก็มาถึงเลห์ จากเดลีด้วยระยะทางเกือบ 800 กิโลใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ...เฮ้อออ.. แต่ถ้าเรานั่งเครื่องมาลงเลห์เลยเราก็จะไม่รู้ว่าเมืองมานาลี สวย น่าอยู่พักผ่อนชิวๆ ถนนเส้นมานาลีมาเลห์ก็น่าขับรถเที่ยว และ อื่นๆอีกมากมาย...

เส้นทางสู่เลห์


ก่อนเข้าสู่เลห์


เรามาอยู่ในต้วเลห์ประมาณ 9 โมงเช้ากว่าๆ  ที่พักเกือบทุกที่ถูกยกเลิกเพราะแผนเดินทางเราเลื่อน นอกจากวันพรุ่งนี้ที่กลับมานอนในเลห์
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ Inner Line Permit เข้าพื้นที่ที่เป็น restriction area  ที่สำนักงานประจำเลห์ (DC) ปกตินักท่องเที่ยวจากไทยจะติดต่อเอเย่นต์ก่อนมา แต่เรามาทำที่นี่เลย และพบว่าทำได้ง่ายเพียงแค่ใช้พาสปอร์ต

แต่ในที่สุดเมื่อเราไปรอทำ permit ที่สำนักงานก็ต้องผิดหวังเพราะต้องทำผ่าน agent เท่านั้น  ลุงคนขับรถช่วยโทรติดต่อเพื่อนแกและพาไปหาที่ออฟฟิศเพื่อยื่นเอกสารคือพาสปอร์ต และเสียค่าใช้จ่าย 700 รูปีต่อคน  กว่าจะได้ก็เกือบบ่าย

เรายังคงใช้บริการลุงคนขับคันเดิมให้ขับรถพาไปที่ปันกองในวันนี้  จากแผนที่จะเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไปเป็นอันตกไป..

กว่าเราจะออกจากเลห์ก็บ่ายกว่าๆ หลังจากได้ร้บ inner line permit จาก agent  เส้นทางสู่ปันกองต้องผ่านเขาคดเคี้ยวหลายลูก
เส้นทางก่อนถึงทะเลสาปปันกองจะมีที่ราบอุ้มน้ำเป็นบ้านของมาร์มอท  หนึ่งในเจ้ากระรอกอ้วนอยู่ใต้ดินที่พี่ต๋องใฝ่ฝันจะมาถ่ายรูปและให้บิสกิตเจ้ามาร์มอท  (จริงๆแล้ว ห้ามให้อาหารค่ะ เพราะจะทำให้ธรรมชาติของการหาอาหารเสียไป) เราช่วยกันดูและตามล่ามาร์มอทจนเจอช่วงหนึ่งที่ติดป้ายว่าเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่อยู่ของมัน


กว่าเราจะถึงทะเลสาปปันกองก็เกือบ 6 โมงเย็น น้ำทะเลสาปสีเทอร์คอยซ์จะเก็บภาพได้ในช่วงบ่ายเท่านั้น..เหมือนอกหักอีกครั้ง..รอดูพรุ่งนี้ อาจได้ภาพสวยๆ ตอนเช้าที่แสงอาทิตย์ขึ้น

คืนนี้โดนโรคแพ้ความสูงเต็มๆ อาการคือปวดหัวมากทั้งคืนจนแทบนอนไม่หลับ..ไม่รู้จะทำงัย ทรมานจนน้ำตาซึมและอดทนได้จนถึงเช้า
จริงๆ Diamox คือยาที่เราเตรียมกินกันมาก่อนที่จะถึงเลห์ 48 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็โดนเล่นงานจนได้ค่ะ

เช้ารุ่งขึ้นยามแสงทองอาทิตย์ตกกระทบทะเลสาปที่เงียบสงบช่างเป็นเวลาที่วิเศษ  เวลานี้มีกรุ๊ปนักถ่ายรูปไทยมาเที่ยว 1-2 กรุ๊ป เราเจอและทักทายกันนิดหน่อยตอนเก็บภาพที่หลังคาที่พัก




"ผมเคยมาที่นี่ตั้งแต่ ปี 2004-2005  ตอนนี้สิ่งแวดล้อมรอบๆทะเละสาปเปลี่ยนไปมาก  ตอนนั้นนกน้ำยังเยอะ และการขออนุญาตเข้ามายังยาก"

"  คุณมาทำมัยคะ ทำอะไรหรือคะ"

"ผมมานับจำนวนประชาการนกน้ำในทะเลสาปครับ  แล้วจดบันทึกไว้แต่ละปี  ดูการเปลี่ยนแปลง  ผมเขียนบทความลง journal ที่อังกฤษครับ"

เราพูดคุยกันพอสมควร พบน้ำเสียงสะท้อนความห่วงใยที่ทางการอินเดียเปิดให้ทะเลสาปปันกองเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

"คุณดูสิ ว่าน้ำเสียจากโรงแรมรีสอร์ต ไปไหน..ม้นไม่มีระบบจัดการที่ดี"

คนที่ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม เทียบกับนักท่องเที่ยวทั่วไปยังมีอยู่น้อย.. เราเห็นใจธรรมชาติจริงๆ เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มขยะและปัญหาให้ธรรมชาติ

คุณลุงชาวสวิสผู้มานับนกน้ำในทะเลสาป



เราเริ่มออกเดินทางกลับ Leh โดยแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง ที่ขับรถกลับ จนจุดสุดท้ายจะสิ้นสุดทะเลสาบ Pangong




ต๋องขอให้รถจอดเพื่อลงไปถ่ายรูป แล้วให้รถไปจอดรอข้างหน้า  ส่วนตัวเองเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

ระหว่างทางที่เกือบจะถึงสุดท้ายของ Pangong แล้ว ได้ยินเสียงคนตะโกน

"พี่ต๋องงงงง......."

เดิมที่สมาชิกเรา มี 3 คน และ นัดหมายเจอที่ Leh 2 คน เป็นรุ่นน้องของต๋องที่พาไปเที่ยว สิกขิม โดนนัดเจอกัน 4 สค.ที่โรงแรม Siala Guesthouse แต่จาก Sinakar-Leh ทางขาดทางถล่มมาไม่ได้ และหลังจากนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้เลยเพราะสัญญาณเน็ต โทรศัพท์ใช้การไม่ได้  เรียกง่ายๆต่างฝ่ายต่างติดปัญหาการเดินทางยากที่จะเจอ

ถ้าต๋องไม่ลงมาเดินเล่นในช่วงโค้งสุดท้ายทะเลสาบ Pangong คงไม่ได้เจอกัน แต่น้องสองคนก็ได้เที่ยวตามเสาะหาตามโรงแรมต่างๆที่จองไว้ ว่ามีชื่อนี้มาพักมั้ย

"เมื่อเราคิดอย่างไร จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามา.."


ติดตามเพจของเราได้ที่
https://www.facebook.com/Travel-Freedom-553376888142638/
https://travelfreedomthai.com/
ชื่อสินค้า:   เลห์ ลาดักห์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่