22 วันกับการเดินทางในอินเดียจาก เดลี-เลห์-ซันสการ์-อักรา
ติดตามเรื่องราวตอนที่แล้วได้จาก
ตอน1: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-I ตอนดีเลย์เดลี
http://ppantip.com/topic/35118550
ตอน2: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง
http://ppantip.com/topic/35123718
ตอน3: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-III ตอนไปนูบราแบบแมนๆ Royal Enfield
http://ppantip.com/topic/35127049
"สิ่งหนึ่งที่เห็นในฐานะนักเดินทาง ก็คือคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ไม่ได้เป็นนักเดินทาง..
โลกหมุนไปด้วยคนที่ทำอะไรซ้ำๆ อยู่ในที่เดิมๆ ทุกวัน..
กิจวัตรสร้างวิถีชีวิต.. วิถีชีวิตสร้างวัฒนธรรม.. วัฒนธรรมสร้างสังคม และคำว่าบ้านก็เกิดจากความทรงจำของสรรพสิ่งเดิมๆ ที่เราตื่นขึ้นมาเจอทุกวัน..."
-จาก เถื่อนเจ็ด,วรรณสิงห์ ประเสิรฐกุล
"Highest, Coldest, Driest"
สามคำ..คือคำจำกัดความของ Ladakh,
เคยมี record อุณหภูมิต่ำสุดคือ -45 องศา Ladakh เป็นพื้นที่ๆสูงและแห้งที่สุดของอินเดีย , เวลามาที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม.
Leh จากหมู่บ้านเล็กๆ มาเป็นเมืองหลวงโดยกษัตริย์ Sengge Namgyal ในศตวรรษที่ 17 โดยมี Main Bazaar Road เป็นถนนหลัก ส่วน Fort Road เป็นถนนที่เป็นศูนย์รวมของโรงแรม เกสท์เฮาส์ที่พัก Exchange Money ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของชำ สำหรับนักท่องเที่ยวคล้ายๆถนนข้าวสาร
แผนที่ในตัวเมืองเลห์
หลังจากกลับมาจากโนบรา เอ๊ย นูบรา เราล่ำลาคุณลุงคนขับรถที่อยู่กับเรามาเกือบ 5 วันที่เคยเล่าว่า การขับรถข้ามเขตต้องมีใบอนุญาต เค้ามีสมาพันแทกซี่ที่กำหนดราคามาตรฐานสำหรับคิดราคากับนักท่องเที่ยว Taxi Stand ตั้งอยู่หัวมุมสุดของถนน Fort Road
มาตรฐานราคาตามปลายทางและประเภทรถ
คุณลุงคนข้บรถที่เช่ามาจากมนาลีในวันสุดท้ายที่มาส่งหน้าโรงแรม
เราพักที่ K-Sar Hotel บนถนน Fort Road ในราคาคืนละ 900 บาทต่อห้อง สะดวกเพราะอยู่ในใจกลางเลห์
"พี่พักโรงแรมที่โด่งพักละกัน เดี๋ยวเราทำครัวเองได้ด้วย แค่จ่ายค่าแก๊สค่าครัวให้เค้านิดหน่อย"
โด่งเลยกลายเป็นเชฟอาหารไทยที่เลห์ไปโดยปริยาย เย็นนั้นเราได้กินฝีมือเส้นหมี่ราดหน้าใส่ไข่ที่อร่อยสามโลก โดยฝีมือเชฟโด่ง
อาหารเช้าตั้งโตะกินหน้าโรงแรมฝีมือเชพโด่งวันแรกด้วยข้าวคลุกกะปิ (เป็นน้ำพริกกะปิที่ขนมาจากไทย)
ภายในห้องพัก K-Sar Hotel บนถนน Fort Road ที่เราใช้เป็นที่นอนและทำครัวอยู่ 3 คืน
ถนน fort Road หน้าที่พัก
Shanti Stupa
มีเวลาเย็นนี้เราขับมอเตอร์ไซค์ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ "Shanti Stupa" ไม่ไกลนักโดยอยู่สูงจาก
Shanti ในภาษาอินเดียแปลว่า "Peace" เป็นการสร้างโดยองค์กรพุทธของญี่ปุ่นในปี 1983 โดยที่ผนังโดมจะมีรูปของพระพุทธรูปประดับอยู่
Shanti Stupa "Place of Peace"
"Julay Leh"
เราเปลี่ยนแผนตัดTso Moriri ที่เป็นทะเลสาบห่างจาก Leh 220 กม.ทิ้ง เพราะเวลาเราเสียจากการเดินทางไปหลายวัน
พวกเราเปลี่ยนพาหนะเป็นสกูตเตอร์ใช้เดินทางในเมืองและรอบๆ เพราะว่ายสะดวกคล่องตัว เชฟโด่งเข้าครัวที่โรงแรม ยึดครัวแขกมาเป็นครัวไทยแต่เช้า เช้าวันนี้มีข้าวคลุกกะปิ แกงจืดไข่และผัดผัก
หลังจากทานข้าวเช้าเราก็ไปเช่าสกูตเตอร์ราคาคันละ 600 รูปี วันนี้เราจะไปเก็บ วัดทางตะวันออกของ Leh ใน Route#1 ได้แก่ Shey Palace , Thikse Gompa , Stakna Gompa , Hemis Gompa ไกลที่สุดเป็นระยะทาง 43 กิโลเมตร
ส่วน Route#2 Alchi และ Route#3 Stok จะเป็นวันถัดไป
เส้นทางขับขี่รอบๆเลห์แบ่งแต่ละวัน
Monastries of Ladakh Scooter Tour
ในเลห์เองมี Gompa เพียงไม่กี่แห่งนอกนั้นจะเป็นรอบๆ เลห์ คือในพื่นที่ของ ลาดักห์ ควรจะมีเวลาอย่างน้อย 2 วันเพื่อนั่งรถไปชมภูมิประเทศและสถานที่สำคัญๆ
หากไม่เช่ามอเตอร์ไซค์ Scooter วันละ 600 รูปี (ซึ่งหาเลือกได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องเช่าผ่านเอเย่นต์ไปจากไทย) ก็มีรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนข้บตามประเภทรถและเส้นทาง
Innova/Xylo 6-8 ที่นั่งจะราคาแพงที่สุด รองลงมาคือ Scorpio/Tervera/Safari (ถูกกว่า 5%) และ Sumo/Maruti จะถูกที่สุด สามารถไปเดินหาตามร้านทัวร์หรือร้านเช่าในเลห์ได้เลยค่ะ
ปล.อย่าลืม Virgo Adventure Holidays ของ มาซู ที่แนะนำไปเมื่อตอนที่แล้วค่ะ ราคาไม่แพงค่ะ
จาก Royal Enfield เมื่อวานเปลี่ยนมาเป็น Scooter Gang
Gompas คืออะไร
พุทธศาสนาได้เข้าสู่ทิเบตในสมัยกษัตริย์ซงซัน กัมโปในคริสต์ศตวรรษที่ 7 พุทธศาสนาเข้าสู่ทิเบตทั้งจากอินเดียและจีน ได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทิเบตว่ามีการสังคายนาพระพุทธศาสนา ณ นครลาซา โดยผ่านการโต้วาทีธรรมระหว่างนิกายเซนของจีนและวัชรยานจากอินเดีย ผลปรากฏว่า ชาวทิเบตเลื่อมใสในวัชรยานมากกว่า ดังนั้น พุทธศาสนาวัชรยาน จึงลงรากฐานมั่นคงในทิเบตสืบมา
วัดในสไตล์พุทธธิเบตส่วมมากในลาดักห์อายุไม่เกิน 500ปีค่ะ แต่สภาพที่ดูเก่าแก่ทำให้ดูมีเสน่ห์ ทำจากหินที่เอามาเรียงประสานและฉาบด้วยโคลน ส่วนมากจะมี Court Yard ตรงกลางสำหรับเทศกาลระบำหน้ากากประจำปีที่เรียกว่า "Cham" ด้านหน้า Court Yard จะมีห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับประกอบพิธีกรรมเรียกว่า "Dukhang"
Route#1 Shey Palace , Thikse Gompa , Stakna Gompa , Hemis Gompa
Shey Palace
เคยเป็นเมื่องหลวงเก่าของ Ladahk ตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ภายใต้การปกครองของกษัตริย์องค์แรก ทางขึ้นจะเป็นทางซิกแซก ชันขี้นไปด้านบน พอผ่านประตูทางขึ้นเดินพอหายเหนื่อยจะมีระเบียงซึ่งมองวิวจากมุมนี้ได้สวยงาม เดินถัดไปเป็นแถวของกงล้อหมุนสวดมนต์ แล้วจึงพบกับลานกว้างทางเข้าตัว gompa
ทางเข้า Shey Palace
Shey palace ทำจากหินเรียงกันเกาะด้วยกินเหนียว
จุดพักเหนื่อยชมวิวจากระเบียง - Shey Palace
วิวจาก Shey Place
Thikse Gompa
ภายใน Dukhang จะห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามยาว ผนังด้านหลังจะเป็นภาพเขียน มองจากด้านหน้าฝั่งซ้ายและขวาจะเป็นแถวที่นั่งของลามะหันหน้าเข้าหากันเพื่อสวดมนต์ตามแนวธิเบต ส่วนด้านขวาสุดจะมีที่นั่งของเจ้าอาวาส ส่วนตรงกลางจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป อาจเป็นองค์ศากยมุนี และมีพระพุทธรูปองค์อื่นด้านข้าง
Thikse Gompa
[ลามะทำพิธีภายใน Dukhang และเปิดให้นักท่องเที่ยวไปชมอย่างสงบ/b]
Thikse Gompa Courtyard
รอบๆ Thikse Gompa
วิวสวยๆเมื่อมองผ่าน stupa จาก Thikse Gompa
Stakna Gompa
วิวเมื่อมองจาก Stakna Gompa
ลามะที่ Stakna Gompa
Mani Stone, Stakna Gompa
Hemis Gompa
On the way to Hemis
Court Yard, Hemis Gompa
Hemis Gompa
Hemis Gompa
วันนี้ที่ๆ เราชิวมากที่สุดน่าจะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ ที่เรียกชื่อเอาตามดอกหญ้าสีม่วงที่ขึ้นเต็มข้างทาง ตอนพระอาทิตย์ออกเป็นแสงเย็น แล้วเรารอเพื่อนเราที่ไปหาของที่หล่นหาย ณ ตอนนั้นไม่มีความกังวลใดๆ อยู่กับเวลาณปัจจุบัน ไม่นึกถึงอดีตและไม่กังวลอนาคต พร้อมกับเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจ
ขอตัวพักแป๊ป..จะมาต่อ Route 2 นะคะ
[CR] [เลห์][ลาดักห์][ซันสการ์][แบคแพคเกอร์] 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-IV ตอน In Love In Leh
ติดตามเรื่องราวตอนที่แล้วได้จาก
ตอน1: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-I ตอนดีเลย์เดลี http://ppantip.com/topic/35118550
ตอน2: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง http://ppantip.com/topic/35123718
ตอน3: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-III ตอนไปนูบราแบบแมนๆ Royal Enfield http://ppantip.com/topic/35127049
"สิ่งหนึ่งที่เห็นในฐานะนักเดินทาง ก็คือคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ไม่ได้เป็นนักเดินทาง..
โลกหมุนไปด้วยคนที่ทำอะไรซ้ำๆ อยู่ในที่เดิมๆ ทุกวัน..
กิจวัตรสร้างวิถีชีวิต.. วิถีชีวิตสร้างวัฒนธรรม.. วัฒนธรรมสร้างสังคม และคำว่าบ้านก็เกิดจากความทรงจำของสรรพสิ่งเดิมๆ ที่เราตื่นขึ้นมาเจอทุกวัน..."
-จาก เถื่อนเจ็ด,วรรณสิงห์ ประเสิรฐกุล
สามคำ..คือคำจำกัดความของ Ladakh,
เคยมี record อุณหภูมิต่ำสุดคือ -45 องศา Ladakh เป็นพื้นที่ๆสูงและแห้งที่สุดของอินเดีย , เวลามาที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม.
Leh จากหมู่บ้านเล็กๆ มาเป็นเมืองหลวงโดยกษัตริย์ Sengge Namgyal ในศตวรรษที่ 17 โดยมี Main Bazaar Road เป็นถนนหลัก ส่วน Fort Road เป็นถนนที่เป็นศูนย์รวมของโรงแรม เกสท์เฮาส์ที่พัก Exchange Money ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของชำ สำหรับนักท่องเที่ยวคล้ายๆถนนข้าวสาร
หลังจากกลับมาจากโนบรา เอ๊ย นูบรา เราล่ำลาคุณลุงคนขับรถที่อยู่กับเรามาเกือบ 5 วันที่เคยเล่าว่า การขับรถข้ามเขตต้องมีใบอนุญาต เค้ามีสมาพันแทกซี่ที่กำหนดราคามาตรฐานสำหรับคิดราคากับนักท่องเที่ยว Taxi Stand ตั้งอยู่หัวมุมสุดของถนน Fort Road
เราพักที่ K-Sar Hotel บนถนน Fort Road ในราคาคืนละ 900 บาทต่อห้อง สะดวกเพราะอยู่ในใจกลางเลห์
"พี่พักโรงแรมที่โด่งพักละกัน เดี๋ยวเราทำครัวเองได้ด้วย แค่จ่ายค่าแก๊สค่าครัวให้เค้านิดหน่อย"
โด่งเลยกลายเป็นเชฟอาหารไทยที่เลห์ไปโดยปริยาย เย็นนั้นเราได้กินฝีมือเส้นหมี่ราดหน้าใส่ไข่ที่อร่อยสามโลก โดยฝีมือเชฟโด่ง
อาหารเช้าตั้งโตะกินหน้าโรงแรมฝีมือเชพโด่งวันแรกด้วยข้าวคลุกกะปิ (เป็นน้ำพริกกะปิที่ขนมาจากไทย)
มีเวลาเย็นนี้เราขับมอเตอร์ไซค์ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ "Shanti Stupa" ไม่ไกลนักโดยอยู่สูงจาก
Shanti ในภาษาอินเดียแปลว่า "Peace" เป็นการสร้างโดยองค์กรพุทธของญี่ปุ่นในปี 1983 โดยที่ผนังโดมจะมีรูปของพระพุทธรูปประดับอยู่
เราเปลี่ยนแผนตัดTso Moriri ที่เป็นทะเลสาบห่างจาก Leh 220 กม.ทิ้ง เพราะเวลาเราเสียจากการเดินทางไปหลายวัน
พวกเราเปลี่ยนพาหนะเป็นสกูตเตอร์ใช้เดินทางในเมืองและรอบๆ เพราะว่ายสะดวกคล่องตัว เชฟโด่งเข้าครัวที่โรงแรม ยึดครัวแขกมาเป็นครัวไทยแต่เช้า เช้าวันนี้มีข้าวคลุกกะปิ แกงจืดไข่และผัดผัก
หลังจากทานข้าวเช้าเราก็ไปเช่าสกูตเตอร์ราคาคันละ 600 รูปี วันนี้เราจะไปเก็บ วัดทางตะวันออกของ Leh ใน Route#1 ได้แก่ Shey Palace , Thikse Gompa , Stakna Gompa , Hemis Gompa ไกลที่สุดเป็นระยะทาง 43 กิโลเมตร
ส่วน Route#2 Alchi และ Route#3 Stok จะเป็นวันถัดไป
เส้นทางขับขี่รอบๆเลห์แบ่งแต่ละวัน
ในเลห์เองมี Gompa เพียงไม่กี่แห่งนอกนั้นจะเป็นรอบๆ เลห์ คือในพื่นที่ของ ลาดักห์ ควรจะมีเวลาอย่างน้อย 2 วันเพื่อนั่งรถไปชมภูมิประเทศและสถานที่สำคัญๆ
หากไม่เช่ามอเตอร์ไซค์ Scooter วันละ 600 รูปี (ซึ่งหาเลือกได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องเช่าผ่านเอเย่นต์ไปจากไทย) ก็มีรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนข้บตามประเภทรถและเส้นทาง
Innova/Xylo 6-8 ที่นั่งจะราคาแพงที่สุด รองลงมาคือ Scorpio/Tervera/Safari (ถูกกว่า 5%) และ Sumo/Maruti จะถูกที่สุด สามารถไปเดินหาตามร้านทัวร์หรือร้านเช่าในเลห์ได้เลยค่ะ
ปล.อย่าลืม Virgo Adventure Holidays ของ มาซู ที่แนะนำไปเมื่อตอนที่แล้วค่ะ ราคาไม่แพงค่ะ
Gompas คืออะไร
พุทธศาสนาได้เข้าสู่ทิเบตในสมัยกษัตริย์ซงซัน กัมโปในคริสต์ศตวรรษที่ 7 พุทธศาสนาเข้าสู่ทิเบตทั้งจากอินเดียและจีน ได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทิเบตว่ามีการสังคายนาพระพุทธศาสนา ณ นครลาซา โดยผ่านการโต้วาทีธรรมระหว่างนิกายเซนของจีนและวัชรยานจากอินเดีย ผลปรากฏว่า ชาวทิเบตเลื่อมใสในวัชรยานมากกว่า ดังนั้น พุทธศาสนาวัชรยาน จึงลงรากฐานมั่นคงในทิเบตสืบมา
วัดในสไตล์พุทธธิเบตส่วมมากในลาดักห์อายุไม่เกิน 500ปีค่ะ แต่สภาพที่ดูเก่าแก่ทำให้ดูมีเสน่ห์ ทำจากหินที่เอามาเรียงประสานและฉาบด้วยโคลน ส่วนมากจะมี Court Yard ตรงกลางสำหรับเทศกาลระบำหน้ากากประจำปีที่เรียกว่า "Cham" ด้านหน้า Court Yard จะมีห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับประกอบพิธีกรรมเรียกว่า "Dukhang"
Route#1 Shey Palace , Thikse Gompa , Stakna Gompa , Hemis Gompa
Shey Palace
เคยเป็นเมื่องหลวงเก่าของ Ladahk ตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ภายใต้การปกครองของกษัตริย์องค์แรก ทางขึ้นจะเป็นทางซิกแซก ชันขี้นไปด้านบน พอผ่านประตูทางขึ้นเดินพอหายเหนื่อยจะมีระเบียงซึ่งมองวิวจากมุมนี้ได้สวยงาม เดินถัดไปเป็นแถวของกงล้อหมุนสวดมนต์ แล้วจึงพบกับลานกว้างทางเข้าตัว gompa
วิวจาก Shey Place
Thikse Gompa
ภายใน Dukhang จะห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามยาว ผนังด้านหลังจะเป็นภาพเขียน มองจากด้านหน้าฝั่งซ้ายและขวาจะเป็นแถวที่นั่งของลามะหันหน้าเข้าหากันเพื่อสวดมนต์ตามแนวธิเบต ส่วนด้านขวาสุดจะมีที่นั่งของเจ้าอาวาส ส่วนตรงกลางจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป อาจเป็นองค์ศากยมุนี และมีพระพุทธรูปองค์อื่นด้านข้าง
Stakna Gompa
Hemis Gompa
วันนี้ที่ๆ เราชิวมากที่สุดน่าจะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ ที่เรียกชื่อเอาตามดอกหญ้าสีม่วงที่ขึ้นเต็มข้างทาง ตอนพระอาทิตย์ออกเป็นแสงเย็น แล้วเรารอเพื่อนเราที่ไปหาของที่หล่นหาย ณ ตอนนั้นไม่มีความกังวลใดๆ อยู่กับเวลาณปัจจุบัน ไม่นึกถึงอดีตและไม่กังวลอนาคต พร้อมกับเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจ
ขอตัวพักแป๊ป..จะมาต่อ Route 2 นะคะ