:: เมื่อคนดูออกจากโลกของคอมมิคไม่ได้ หลุมพรางตรรกะของ Captain America 3: Civil War ::

สวัสดีครับ จริงๆ ส่วนตัวดูหลายวันแล้วล่ะ แต่เพิ่งคิดจะเขียน พอดีขี้เกียจ **** SPOILER ALERT ****

ต้องยอมรับว่า Captain America 3: Civil War เป็นหนังของ Marvel เรื่องแรกก็แทบจะว่าได้ที่หยิบจับประเด็นที่หนักหน่วงและเป็นประเด็นที่สามารถกเถียงในชีวิตจริงได้

วันนี้ขอแสดงความเห็น ว่าด้วยเรื่อง "เมื่อการ์ตูนกำลังกลายเป็นชีวิตจริง"




กฏหมายคืออะไร?

กฏหมาย คือ "ข้อตกลงร่วมกัน" ที่ใช้กับ "ทุกคนในสังคม" อย่างเท่าเทียมกัน อย่าง เท่า เทียม กัน ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็น นายกฯหรือคนไร้บ้านข้างถนน ก็ต้องเคารพกฏหมายเหมือนกัน เท่ากัน ถูกตัดสินติดคุกได้เหมือนๆ กัน

อ้าว ทำไมเราไม่ให้ "คนดี" สักคนหรือกลุ่มนึงเป็นคนตัดสินล่ะ? ทำไมให้ "กระดาษ" มาตัดสินการกระทำของคนล่ะเฟ้ย?


เพราะโลกนี้ ไม่มี "คนดีแบบบริสุทธิ์ไร้ที่ติ" และที่สำคัญยังไม่มี "คนดีถาวร" อีกต่างหาก

คนเรามีอารมณ์ มีความรู้สึก มีชอบ มีไม่ชอบ มีรัก มีเกลียด ซึ่งมันตามมาด้วย ลำเอียง อคติ การยึดมั่นถือมั่น หลง


แต่ "กฏหมาย" เจ้าตัวหนังสือที่ประกอบกันเข้าเป็นบทบัญญัติ ข้อตกลงศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้กับทุกผู้นามในสังคมนั้นๆ อย่างเท่าเทียมนี่แหละ มันไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีการลำเอียง เลือกข้าง อคติ ฯลฯ

มันทำหน้าที่ของมันอย่างเท่าเทียมกัน หนักแน่น ไม่เกรงกลัวใคร


นี่คือเหตุผลว่า ทำไม "กฏหมาย" จึงอยู่เหนือสมาชิกทุกคนในสังคม




การที่มี "คนที่อ้างตัวว่าเป็นคนดี" ออกมาละเมิดกฏหมาย มีข้อเสียอย่างไร?

มันเสีย เพราะคำว่า "ฉันเป็นคนดี" นั้นใครๆ ก็อ้างได้ ใครๆ ก็พูดปากเปล่าได้ แล้วแค่นั้นมันพอแล้วหรือกับการที่สังคมจะหยิบยื่นอำนาจมหาศาลให้คนๆ นั้นหรือกลุ่มๆ นั้นทำอะไรก็ได้? ให้ละเมิด ให้ทำลายกฏหมาย ข้อตกลงอันศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดถือเอาไว้โดยทุกคนในสังคม?

"ผมเป็นคนดี ฉะนั้นผมจะทำอะไรก็ได้" เช่นนั้นหรือ?

ปัญหาคือ ในการ์ตูน ในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ มันไม่ใช่ชีวิตจริง (เลย) เพราะมันเหมือนหนังน้ำเน่าละครหลังข่าวที่แบ่งข้างคนร้ายกับคนดีชัดเจน

การ์ตูนกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ มีแค่ "ขาว" กับ "ดำ" เห็นชัดเจน สู้กันโต้งๆ

แต่ชีวิตจริงนั้นบางครั้ง และ "บ่อยครั้ง" ที่เราไม่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าใครผิดใครถูก ใครขาวใครดำ ในแต่ละเหตุการณ์นั้นมีบริบทที่มาที่ไป ซึ่งบางทีก็ตัดสินไม่ได้ง่ายๆ

และที่สำคัญ "เราทุกคนก็มีด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น"

ก็อย่างที่บอกว่า โลกนี้มันไม่มีหรอกครับ ที่ใครจะ "ดีสุดขั้ว" หรือ "ชั่วสุดขีด"


ในการ์ตูนจอเงินที่ไปนั่งๆ ดูกันนี้ ตัวร้ายก็ร้ายแบบน่าเกลียดน่ากลัว จะถล่มโลก บลาๆ ทำให้เรา "เลือกข้าง" ได้ไม่ยาก เราก็เลือกข้างฝ่ายดีสิครับ สีขาว ขาวจั๊ว ชัดเจน ก็อีกฝ่ายมันสีดำสนิทเสียขนาดนั้น

บทแบบนี้มันง่ายครับ


แล้วถ้า... ตัวร้ายไม่ใช่ "คนชั่ว" ที่มีสีดำสนิทง่อยๆ แบบที่ผ่านๆ มาล่ะครับ? ถ้ามัน "จริง" มากกว่านั้นล่ะ?






นี่คือรูปภาพของ Ronnie Bridgeman ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Kwame Ajamu

ชายคนนี้ถูกจำคุก 40 ปี

...โดยที่ "ไม่มีความผิด" โดยเป็น ผู้ บริสุทธิ์ และเพิ่งถูกปล่อยตัวเมื่อปี 2003


..............................................."40 ปี"...............................................



และไม่เพียงแต่ Kwame Ajamu แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 2 คน



พวกเค้าคือ Ricky Jackson และ Wiley Bridgeman ซึ่งเพิ่งถูกปล่อยตัวเมื่อ พฤศจิกายน 2014 นี่เอง


แม้แต่ระบบที่รัดกุมที่สุด กระบวนการยุติธรรมที่รอบคอบที่สุด ก็ยังอาจมีช่องโหว่ได้

กระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้เวลายาวนาน ต้องใช้ "วิจารณญาน" ของผู้คนมากมาย ใช้ทั้งพยายานและหลักฐาน ใช้การสืบสวนและวิทยาศาสตร์ ฯลฯ...

...ก็ยังผิดพลาดได้


แล้ว กัปตันอเมริกา หรือยอดมนุษย์ทั้งหลายเป็นใคร คนในสังคมถึงจะวางใจได้ว่าเค้าจะคิดถูกทุกครั้ง? เค้าจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด จะไม่เข้าใจผิด ไม่ลำเอียง ไม่อคติ?


ชีวิตที่เสียไปแล้วไม่อาจเอากลับมาได้ เช่นเดียวกับชาย 3 คนในตัวอย่างที่ไม่ว่าจะเงินทองมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจย้อนเวลา 40 ปีที่พวกเขาถูกจำคุกทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ไม่ได้


เป้าหมายของกฏหมาย จึงมีอยู่ว่า ต้องไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ การตัดสินที่ผิดพลาดนั้นนอกจากจะไม่แก้ปัญหาเดิม แล้วยังเพิ่มจำนวน "เหยื่อ" เข้าไปอีก อาจจะพูดหยาาบๆ ได้ว่า "จับผู้ร้ายไม่ได้ ก็ยังดีกว่าทำผิดจนมีผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น"


เพราะเหตุแบบนี้นั่นล่ะครับ เราถึงมีกระบวนการยุติธรรมที่ยุ่งยากซับซ้อนและกินเวลานาน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุเลวร้ายที่สุดของกระบวนการยุติธรรม คือ "ระบบที่ควรปกป้องประชาชน กลับทำร้ายประชาชนเสียเอง"

หมายเหตุ: https://en.wikipedia.org/wiki/Wrongful_execution ในหน้านี้กล่าวถึงการ "ตัดสินผิดพลาด" ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ โดยตัวอย่างชาย 3 คนข้างต้นที่เดิมทีถูกตัดสินประหารชีวิตแล้วลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตนั้นอาจจะยังนับได้ว่าโชคดี เพราะมีอีกหลายคนๆ ที่ไม่ได้โชคดีแบบพวกเค้าและต้อง "ตายฟรี" มาหลายต่อหลายราย




อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ด้วยความที่ที่ผ่านๆ มาหนัง Marvel นั่นดูง่ายๆ ตีความได้ง่ายๆ ตัวร้ายเป็นตัวประหลาดต่างดาวนอกโลกบ้าง หรือองค์กรชั่วร้าย คนทำหนังทำออกมาโดยการวาดภาพเหมือนนิทานก่อนนอนที่เป็นพระเอกสู้กับตัวร้ายชัดๆ ง่ายๆ เป็นขาวเจอกับดำ

Sokovia Accords หรือ สนธิสัญญาโซโคเวีย จึงเป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกการ์ตูนของหนัง กับโลกแห่งความเป็นจริง

เพราะในโลกของความเป็นจริง ไม่มีใครในโลกนี้ มันไม่มี "ขาว" และ "ดำ" ที่ชัดเจน บางครั้งต้องใช้เวลากว่าเราจะรู้ว่าใครผิดใครถูกจริง มี "เงิบ" กันมาก็มากมาย และที่สำคัญยิ่งคือ "ไม่มีใครที่จะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ตัดสินชีวิตคนอื่น ตัดสินความเป็นตายของคนอื่นได้"

หลักการของโลกใบนี้คือ "ทุกชีวิตเท่าเทียมกัน"


ไม่ว่ายอดมนุษย์คนไหน ก็ยังมีอารมณ์ มีรัก โลภ โกรธ หลง มีอคติ มีลำเอียง ทั้งยังสามารถเข้าใจผิด ถูกปลุกปั่น ยั่วยุ หรือกระทั่งถูกหลอกใช้ ถูกล้างสมอง

คนเดินดินปกติธรรมดาๆ อย่างพวกเรายังต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย

แล้วกับแก๊งค์ผู้วิเศษที่มีพลังอำนาจในการฆ่าและทำลายผู้คนนับเรือนแสนหรือล้านคนได้ง่ายๆ กลับจะไม่ต้องมีอะไรควบคุมอย่างนั้นหรือ?

"เชื่อใจ" แค่นั้นพอหรือ? นี่แก็งค์เพื่อนสมัยมัธยมหรือเรื่องของสังคมนุษย์โลกที่มีประชากรเกือบ 7 พันล้านคนกันแน่?


จริงๆ ในหนังนั้น คนดูจะเข้าใจได้ง่ายกว่านี้ ถ้าหนังทำออกมาอย่างที่เราคุ้นเคยกัน เช่นว่า สไปเดอร์แมน, แบทแมน, ซุปเปอร์แมน ฯลฯ ต้องสู้กับพวกคนร้ายที่เป็นมนุษย์ปกติทั่วไป ที่เดินดินเหมือนๆ เรา

คนธรรมดา ที่ถือปืน ปล้นจี้ ชิงทรัพย์ ปล้นธนาคาร ฆาตกรรม เรียกค่าไถ่ ฯลฯ คนดูต้องเห็นเหล่าฮีโร่สู้กับโจรธรรมดาๆ แบบนี้ ถึงจะเข้าใจว่า Sokovia Accords นี้มันสำคัญอย่างไร



เพราะ ลองดูข่าวในทีวี เราน่าจะชินกับแล้วนี่ กับการ "เงิบ" ที่ผลออกมาบางที "เหยื่อ" ดันไม่ใช่เหยื่อตัวจริง และ "ผู้ร้าย" ตัวจริงไม่ใช่อย่างที่เห็น



จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าจู่ๆ สไปเดอร์แมน, แบทแมน, ซุปเปอร์แมน ฯลฯ ไปฆ่าคนสักคนแล้วปรากฏว่าคนๆ นั้นแท้จริงไม่ได้ทำผิด?

อย่าว่าแต่ฆ่า เอาแค่จับผู้บริสุทธิ์ให้ตำรวจ นี่ก็ละเมิดสิทธิ์มนุษย์ชนแล้ว


"จับผู้ร้ายไม่ได้ ไม่แย่เท่ากับทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อเพิ่มไปด้วย"




การไม่มีสนธิสัญญา Sokovia ก็คงเปรียบได้พอๆ กับการอนุญาตให้ตำรวจทหารเข้าไปจับใครก็ได้ ค้นบ้านใครก็ได้ ขังใครก็ได้ หรือกระทั่งยิงใครก็ได้ ด้วยตรรกะง่ายๆ 2 อย่างคือ "พวกเค้าเป็นคนดี" และ "วิจารณญานของพวกเค้านั้นถูกต้องเป็นที่สุด"




Bucky คือตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของการต้องมี Sokovia Accords

ตลกร้าย ที่ตัวบั๊คกี้เองนี่แหละ ที่เป็นตัวอย่างของเหตุผลว่า "ทำไม ต้องมีสนธิสัญญาโซโคเวีย"

นั่นก็เพราะ "อำนาจ" ที่ตัว Bucky มี ที่เหล่ายอดมนุษย์ทั้งหลายมี มันเหมือนดาบที่ถ้าฟาดฟันไปที่ใคร คนนั้นก็ตาย โดยเราก็ได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่า "วิจารณญาน" ของ "เหล่าผู้ถือดาบ" นั้นจะถูกต้องอยู่เสมอทุกครั้งไป


Bucky เนื้อแท้แล้วเป็นคนดี แต่สุดท้าย ก็เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย ชีวิตที่ไม่อาจกู้คืนกลับมาได้

มันยิ่งพิสูจน์ว่าแม้แต่ "คนดี" ก็สามารถทำเรื่องชั่วช้าได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ จะถูกหลอกใช้ ปั่นหัว เข้าใจผิด ฯลฯ สิ่งที่สำคัญคือ "ผลของการกระทำนั้นๆ มันได้เกิดขึ้นไปแล้ว และไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้"

ดังนั้น จึงต้องมี Sokovia Accords เพื่อระงับยับยั้ง ไม่ให้เหล่ายอดมนุษย์ออกไปฟาดฟันใครได้ตาม "วิจารณญานของตัวเอง" ดั่งพระเจ้า เพราะหากพวกเขาเข้าใจผิด มีอคติ เข้าใจผิด ถูกสะกดจิต หลอกใช้ ฯลฯ สุดท้าย ผลก็คือต้องมี "เหยื่อ"

และยิ่งด้วยพลังอำนาจของแต่ละคน หากคนพวกนี้ลงทำอะไรลงไป ฟาดฟันใครไป ผลของมันจะร้ายแรงมหาศาล


คุณจะปล่อยให้ระเบิดนิวเคลียสักลูกเดินดุ่มๆ ไปไหนด้วยตัวเองโดยหวังเอาเองว่ามันคงจะไม่ระเบิดไปทำร้ายใครเข้าสักวัน?

ในบ้านคุณ ได้ แต่ในสังคม ใน "ส่วนรวม" คุณทำไม่ได้



Bucky จะต้องติดคุกหรือไม่ หรือถูกตัดสินอย่างไร ไม่ใช่อำนาจของกัปตันที่จะตัดสินใจเพียงคนเดียว Bucky มี "ความรับผิดชอบ" ที่ต้องมาชี้แจงอธิบายต่อสังคมเหมือนเช่นสมาชิกคนอื่นๆ ในสังคม ในศาล

เค้ามีสิทธิ์จะอ้างได้ว่าถูกสะกดจิต หลอกใช้ ถูกใช้งานด้วยกลไกอะไรต่างๆ แต่เค้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อสังคมที่เค้าเป็นส่วนหนึ่งในนั้นได้



ด้วยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ชาติที่ว่า "ทุกชีวิตเท่าเทียมกัน" ทำให้การเดินหนีออกไปจากกฏเกณฑ์ของสังคมของกัปตันและเพื่อน ทำให้พวกเค้ากลายเป็น "คนนอกกฏหมาย" เป็น "ศาลเตี้ย" ที่ยึดถือเพียงคำกล่าวของตัวเองว่า

"ฉันเป็นคนดี"




มีอดีตนักการเมืองท่านหนึ่งเหมือนกัน ที่ให้เหตุผลว่ากระบวนการยุติธรรมที่เขาได้รับนั้นไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม มีการลำเอียง อคติ ใส่ร้าย เขาจึงเลือกจะหนีไปและเพิกเฉยต่อกระบวนการนั้นเสีย

คุณเป็นคนนึงที่เห็นด้วยที่กัปตันและบัคกี้เพิกเฉยต่อสังคมและกฏหมาย แต่ไปเป่านกหวีดมาหรือปล่าว?




ความร้าวฉานของ สตีฟ และ โทนี่

เป็นอีกจุดที่หลายๆ คนหลงประเด็น การถูกฆาตกรรมของพ่อแม่ของโทนี่นั้นอาจจะเจ็บปวดมาก แต่ไม่ที่สุด เพราะนั่นคือ "อดีต" อดีตที่โทนี่ก็อยู่กับมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับโทนี่ คือ "ปัจจุบัน" ก็ได้พังทลายลงไปด้วย กับการที่กัปตันปิดบังเขา

วันนึง โทนี่จะเข้าใจ ว่าบัคกี้ไม่ได้ผิด (ทางจริยธรรม แต่ทางกฏหมายยังมีความรับผิดชอบที่ต้องไปชี้แจง) วันหนึ่ง โทนี่จะสามารถให้อภัยบัคกี้ได้ เพราะนั่นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่จิตใจของบั้คกี้


แต่สิ่งที่กัปตันทำ กัปตันทำทั้งที่มีสติรู้ชอบ จงใจ ตั้งใจปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท กับเพื่อนร่วมรบ กับครอบครัวที่ไว้ใจ


หากเคยอ่านประวัติสตีฟ จะทราบว่า บั้คกี้เปรียบเหมือนโลกทั้งใบของเขา

หากเคยดูหรืออ่านประวัติโทนี่ ก็จะทราบว่า พ่อแม่เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของโทนี่เช่นกัน



สิ่งที่ต่างคือ โทนี่เสียโลกเก่าไปนานแล้ว แต่โลกใหม่ของเขาได้พังทลายลงไปอีก

ส่วนกัปตัน ยอมเสียโลกใหม่ เพื่อให้ยังมีโลกใบเก่าของเขา

กัปตันมีโลกเก่าให้กลับไป โลกเก่าที่ยังรักเขา แต่โทนี่ไม่เหลืออะไรเลย ทั้งโลกเก่า และโลกปัจจุบัน


กับความเชื่อใจทั้งหมดที่ได้พังทลายลงไป ไม่อาจกู้คืนได้ด้วยคำว่า "มีอะให้ช่วยก็บอกนะ"



กัปตันอเมริกา "เคย" เป็นชายที่บริสุทธิ์และผดุงความยุติธรรมมาตลอด จนเขาเองได้แสดงให้เห็นว่าเขาก็ยังเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่มีความเป็นมนุษย์ธรรมดาเดินดิน

และนั่น ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความจำเป็นในการมี Sokovia Accords






แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่