สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ถือว่าเป็น Masterpiece ในวัยเด็กของเราเลยค่ะ พ่อแม่เราในที่นี้คือ ลุงกับป้านะคะ เราไม่ได้โตมากับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ลุงกับป้าขอเราเป็นลูกตามกฏหมายตั้งแต่เราอายุ 3 เดือนค่ะ เราจึงเรียกท่านได้เต็มปากว่าพ่อแม่
ตอนเราอายุราวๆ 9 ขวบ เราพักอยู่บ้านปู่ย่า จันทร์-ศุกร์ เพราะบ้านใกล้โรงเรียน พอเย็นวันศุกร์พ่อจะขับเรือมารับกลับบ้าน ทุกวันศุกร์เราจะดีใจเพราะจะได้กลับบ้านไปเล่นกะหมาตัวโปรด พ่อจะชอบพาไปซื้อขนมก่อนเข้าบ้านทุกครั้ง ที่บ้านเราทำนาค่ะ
แต่วันนั้นรอจนเย็นพ่อก็ไม่มา สมัยนั้นไม่มีโทรศัพย์ อาบอกว่าพ่ออาจมารับพรุ่งนี้ให้รอพรุ่งนี้ แต่เราดื้อจะกลับบ้านให้ได้ ตอนนั้นเป็นหน้าแล้ง ท้องนาแห้งสามารถเดินได้ ถ้าเราเดินตามคันนาไปเรื่อยๆเพราะผืนนายาวติดกันไปเรื่อยๆจนถึงที่นาบ้านเรา แต่ต้องผ่านที่นาบ้านอื่นไป ข้ามบ่อปลาไปอีกสองบ่อ เราก็จะเขาเขตที่นาบ้านเรา เราก็นึกถึงข้อนี้ขึ้นมา แต่มันไกลนะราวๆ สิบกว่ากิโลได้ เรางอแงซักพัก แต่อยากกลับบ้านไง เอาไงดีล่ะ? นึกขึ้นได้ว่าตรงบ่อปลาเจ้าของบ่อเลี้ยงหมาไว้หลายตัว และเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านไม่มีเส้นอื่นด้วย เป็นไงเป็นกัน หยิบกระเป๋านักเรียนยัดชุดนักเรียนที่จะเอาไปซัก เดินเข้าครัวหยิบถุงพาสติกแล้วตักข้าวเปล่ายัดใส่ถุง แบ่งเป็นถุงเล็กๆ เปิดตู้กับข้าวเจอปลาเค็มก็ยัดไปอีก จากนั้นก็เริ่มค่อยๆออกเดินไม่ให้คนเห็น เดินด้วยความกลัวแต่ก็จะไป อยากกลับบ้านสุดพลัง จนถึงกลางทาง อาเดินตามมา ตะโกนเรียกให้กลับ ปู่กับย่าเป็นห่วง แต่เราเริ่มวิ่งหนี บอกจะไปหาพ่อแม่ให้ได้ อาเดินตามมา เราวิ่งสุดพลังเลยที่นี้ จนมายืนหอบที่หัวบ่อปลา หมาเจ้าถิ่นมันมองเห็นเรา เริ่มเห่าๆๆๆๆๆๆ แล้วเดินมาหาเราจากปลายบ่อ เราก็รีบๆเดิน แต่ไม่กล้าวิ่ง กลัวมันไล่ทัน แต่เด็กตัวแค่นี้จะวิ่งยังไงก็คงไม่พ้นแน่ๆ สุดท้ายหมามาใกล้ ขู่กระโชกเรา เราเห็นท่าไม่มี หยิบถุงข้าวเขวี่ยงออกไปทางด้านหลังหมา ตอนแรกมันเหมือนไม่สนใจ จนหมาตัวนึงหันไปกิน ตัวอื่นเลยไปตาม แต่มันยังไม่หมดแค่นั้น มันมาอีกกลุ่ม เห่าใส่ เข้าใกล้มาอีก เราล้วงถุงข้าว มีปลาเค็ม ขว้างไปทางอื่นจากนั้นก็เริ่มเดินให้พ้น หมาได้กลิ่นอาหารก็ไปรุมกินไป เห่าไป แต่ก็ไม่เดินตามเรา เราคิดว่าพอวิ่งได้ก็วิ่งแต่ดันมีดักหน้าอีกสองตัว ขว้างข้าวถุงสุดท้ายเบี่ยงความสนใจมันแล้ววิ่งแบบสุดชีวิต เหนื่อยจนล้ม กลิ้งตกคันนา กระเป๋านักเรียนเปิด ลุกขึ้นมา ไม่มีหมา ไม่มีอา ตามมาซักอย่าง 55555 มองเห็นหัวนาบ้านตัวเอง
อารมณ์ตอนนั้นเหมือนคนที่หนีตายเข้าเขตแดนไทยอ่ะ แบบว่าถ้าเราก้าวเข้าที่นาเราได้เราจะปลอดภัยแต่ตอนนั้นบอกเลย กว่าจะก้าวขาออกแต่ละก้าว มันยากมาก มันเหนื่อย คอแห้งเหมือนจะตาย ร้องไห้ จะเป็นลม โชคช่วย มีเพื่อนบ้านมองออกมาที่หัวนา เพราะหมาบ้านเค้าเห็นเราแล้วเห่าใส่ เค้าเลยมองตามออกมา เห็นเด็กตัวเล็กๆ ถือกระเป๋าเดินมาตามคันนา เลยตะโกนเรียกที่บ้านเรา พ่อกับแม่ตกใจมาก พ่อเดินไปรับเรา นาทีนั้นเราร้องไห้เลย พ่อบ่นมากที่เราเดินมา กลัวเราจะเป็นอะไรไป ถามว่าทำไมไม่นอนบ้านย่าอีกคืนพ่อจะไปรับ แม่โกรธมากที่เราทำแบบนี้แต่ไม่ได้ลงโทษอะไร ช๊อตเด็ดคือ อาผู้หญิงนั่งเรือมากับอาผู้ชาย เอาไม้เรียวมาฟาดก้นเราสามทีแรงๆ โทษฐานที่หนีกลับบ้านทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง ตีต่อหน้าพ่อแม่เราที่ไม่เคยตีเราซักครั้งตั้งแต่เกิดมา แต่พอเราโตขึ้น เวลาอาเราเอาเรื่องนี้มาเล่า ทุกคนจะขำนะ เค้าบอกเกิดมาไม่เคยเห็นเด็กอะไรแบบนี้เลย ใจเด็ดแถมหัวหมอมาก เอาข้าวเอาของไปล่อหมา มันคิดได้ไง 5555
กลับมาย้อนคิดถ้าตอนนั้นเราโชคร้าย เจออะไรที่อันตรายกว่าหมา เช่น เจอสัตว์ร้ายกัด หรือเจอคนไม่ดี เราคงตายคาทุ่งนาแน่ๆ แต่เราก็ได้ค้นพบตัวตนของเราว่า เราเป็นคนชอบผจญภัยนะ ชอบลุยๆตั้งแต่เด็ก
ตอนเราอายุราวๆ 9 ขวบ เราพักอยู่บ้านปู่ย่า จันทร์-ศุกร์ เพราะบ้านใกล้โรงเรียน พอเย็นวันศุกร์พ่อจะขับเรือมารับกลับบ้าน ทุกวันศุกร์เราจะดีใจเพราะจะได้กลับบ้านไปเล่นกะหมาตัวโปรด พ่อจะชอบพาไปซื้อขนมก่อนเข้าบ้านทุกครั้ง ที่บ้านเราทำนาค่ะ
แต่วันนั้นรอจนเย็นพ่อก็ไม่มา สมัยนั้นไม่มีโทรศัพย์ อาบอกว่าพ่ออาจมารับพรุ่งนี้ให้รอพรุ่งนี้ แต่เราดื้อจะกลับบ้านให้ได้ ตอนนั้นเป็นหน้าแล้ง ท้องนาแห้งสามารถเดินได้ ถ้าเราเดินตามคันนาไปเรื่อยๆเพราะผืนนายาวติดกันไปเรื่อยๆจนถึงที่นาบ้านเรา แต่ต้องผ่านที่นาบ้านอื่นไป ข้ามบ่อปลาไปอีกสองบ่อ เราก็จะเขาเขตที่นาบ้านเรา เราก็นึกถึงข้อนี้ขึ้นมา แต่มันไกลนะราวๆ สิบกว่ากิโลได้ เรางอแงซักพัก แต่อยากกลับบ้านไง เอาไงดีล่ะ? นึกขึ้นได้ว่าตรงบ่อปลาเจ้าของบ่อเลี้ยงหมาไว้หลายตัว และเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านไม่มีเส้นอื่นด้วย เป็นไงเป็นกัน หยิบกระเป๋านักเรียนยัดชุดนักเรียนที่จะเอาไปซัก เดินเข้าครัวหยิบถุงพาสติกแล้วตักข้าวเปล่ายัดใส่ถุง แบ่งเป็นถุงเล็กๆ เปิดตู้กับข้าวเจอปลาเค็มก็ยัดไปอีก จากนั้นก็เริ่มค่อยๆออกเดินไม่ให้คนเห็น เดินด้วยความกลัวแต่ก็จะไป อยากกลับบ้านสุดพลัง จนถึงกลางทาง อาเดินตามมา ตะโกนเรียกให้กลับ ปู่กับย่าเป็นห่วง แต่เราเริ่มวิ่งหนี บอกจะไปหาพ่อแม่ให้ได้ อาเดินตามมา เราวิ่งสุดพลังเลยที่นี้ จนมายืนหอบที่หัวบ่อปลา หมาเจ้าถิ่นมันมองเห็นเรา เริ่มเห่าๆๆๆๆๆๆ แล้วเดินมาหาเราจากปลายบ่อ เราก็รีบๆเดิน แต่ไม่กล้าวิ่ง กลัวมันไล่ทัน แต่เด็กตัวแค่นี้จะวิ่งยังไงก็คงไม่พ้นแน่ๆ สุดท้ายหมามาใกล้ ขู่กระโชกเรา เราเห็นท่าไม่มี หยิบถุงข้าวเขวี่ยงออกไปทางด้านหลังหมา ตอนแรกมันเหมือนไม่สนใจ จนหมาตัวนึงหันไปกิน ตัวอื่นเลยไปตาม แต่มันยังไม่หมดแค่นั้น มันมาอีกกลุ่ม เห่าใส่ เข้าใกล้มาอีก เราล้วงถุงข้าว มีปลาเค็ม ขว้างไปทางอื่นจากนั้นก็เริ่มเดินให้พ้น หมาได้กลิ่นอาหารก็ไปรุมกินไป เห่าไป แต่ก็ไม่เดินตามเรา เราคิดว่าพอวิ่งได้ก็วิ่งแต่ดันมีดักหน้าอีกสองตัว ขว้างข้าวถุงสุดท้ายเบี่ยงความสนใจมันแล้ววิ่งแบบสุดชีวิต เหนื่อยจนล้ม กลิ้งตกคันนา กระเป๋านักเรียนเปิด ลุกขึ้นมา ไม่มีหมา ไม่มีอา ตามมาซักอย่าง 55555 มองเห็นหัวนาบ้านตัวเอง
อารมณ์ตอนนั้นเหมือนคนที่หนีตายเข้าเขตแดนไทยอ่ะ แบบว่าถ้าเราก้าวเข้าที่นาเราได้เราจะปลอดภัยแต่ตอนนั้นบอกเลย กว่าจะก้าวขาออกแต่ละก้าว มันยากมาก มันเหนื่อย คอแห้งเหมือนจะตาย ร้องไห้ จะเป็นลม โชคช่วย มีเพื่อนบ้านมองออกมาที่หัวนา เพราะหมาบ้านเค้าเห็นเราแล้วเห่าใส่ เค้าเลยมองตามออกมา เห็นเด็กตัวเล็กๆ ถือกระเป๋าเดินมาตามคันนา เลยตะโกนเรียกที่บ้านเรา พ่อกับแม่ตกใจมาก พ่อเดินไปรับเรา นาทีนั้นเราร้องไห้เลย พ่อบ่นมากที่เราเดินมา กลัวเราจะเป็นอะไรไป ถามว่าทำไมไม่นอนบ้านย่าอีกคืนพ่อจะไปรับ แม่โกรธมากที่เราทำแบบนี้แต่ไม่ได้ลงโทษอะไร ช๊อตเด็ดคือ อาผู้หญิงนั่งเรือมากับอาผู้ชาย เอาไม้เรียวมาฟาดก้นเราสามทีแรงๆ โทษฐานที่หนีกลับบ้านทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง ตีต่อหน้าพ่อแม่เราที่ไม่เคยตีเราซักครั้งตั้งแต่เกิดมา แต่พอเราโตขึ้น เวลาอาเราเอาเรื่องนี้มาเล่า ทุกคนจะขำนะ เค้าบอกเกิดมาไม่เคยเห็นเด็กอะไรแบบนี้เลย ใจเด็ดแถมหัวหมอมาก เอาข้าวเอาของไปล่อหมา มันคิดได้ไง 5555
กลับมาย้อนคิดถ้าตอนนั้นเราโชคร้าย เจออะไรที่อันตรายกว่าหมา เช่น เจอสัตว์ร้ายกัด หรือเจอคนไม่ดี เราคงตายคาทุ่งนาแน่ๆ แต่เราก็ได้ค้นพบตัวตนของเราว่า เราเป็นคนชอบผจญภัยนะ ชอบลุยๆตั้งแต่เด็ก
แสดงความคิดเห็น
ความทรงจำวัยเด็กที่คุณไม่เคยลืมคืออะไร?
ผมเชื่อครับว่าทุกคนย่อมมีความทรงจำฝังใจกันแน่นอน
ของผมคือ...เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง...
สมัยที่ผมยังเด็กอยู่ ป.1ครับ ตอนนั้นอยู่กับตา..ก็ไม่รู้ว่าแกคิดอะไรของแกปกติจะเลี้ยงปลา
แต่ปีนั้นแกเลี้ยงเป็ดครับ...ซื้อมาตั้งแต่ตัวมันเท่ากำปั้น..มาอนุบาลมันจนโต
ตอนมันเล็กก็ดีอย่างครับตาจะขังไว้ให้กินอาหารเป็ดกินรำ(ผมไม่ได้ทำไร)
แต่พอมันเริ่มโตนี่สิครับ...ตาก็พาต้อนเป็ดพวกนั้นลงทุ่งนาบ้าง ลำคลองบ้างปล่อยให้มันหากินตามธรรมชาติ
คือมันโตไวดีครับ...แต่เลี้ยงแบบนี้เหนื่อยมาก ถึงแม้จะมี ตา น้า พี่สาว และผม แต่มันก็เหนื่อยเพราะต้องคอยต้อนมันไปทางเดียวกัน
ตัวไหนขาเจ็บ ปีกหัก ก็ต้องจับมันมาปฐมพยาบาลแล้วใส่ย่ามครับ...แล้วสะพายมันทั้งวันจนกว่าจะได้กลับบ้านสะพายไม่พอยังต้องระวังไม่ให้มันตายคาย่ามอีก
แล้วตอนเที่ยงเวลากินข้าวก็ต้องรีบกิน กินไปมองเป็ดไป กลัวมันหายแล้วตอนเย็นก็เป็นเวลาสวรรค์ครับ
คือเเค่ควบคุมจราจรเป็ดให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยและไม่ตกหล่นมา300ตัวก็ต้องกลับ300ตัว
มันคงเป็นความทรงจำทึ่ผมลืมไม่ลงจริงๆ