สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน กระทู้แรกในพันทิปก็เล่นเอาซะดราม่าเลย... ใช่ค่ะเรากำลังป่วยทางจิตและวันนี้ก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การป่วยทางจิตด้วยโรค OCD หรือโรคย้ำคิดย้ำทำค่ะ...
ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะค่ะ เล่าประวัติคร่าวๆของเราก่อนนะค่ะ ตอนนี้เราอายุ 25 เป็นแอร์สายการบินต่างประเทศแห่งหนึ่ง ชีวิตที่ผ่านมา 25 ปี มีแต่เรื่องดีดีค่ะ เรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดี ครอบครัวอบอุ่นน่ารักดีไม่มีปัญหา มีเพื่อนดี มีเงินใช้ไม่อดอยาก มีแฟนที่ดีมากๆดูแลดีทุกอย่าง แต่เอ๊ะ! ทำไมไม่มีความสุข!!!
ก่อนหน้านี้ชีวิตมีความสุขดีทุกอย่าง จนกระทั่งโรค OCD หรือโรคย้ำคิดย้ำทำได้ลุกลามเข้ามาในชีวิต ย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อน ที่โรคนี้เข้ามาในชีวิตครั้งแรกเท่าที่จำได้ (รู้สึกว่าตอนเด็กๆอาจจะเคยเกิดขึ้นบ้าง แต่จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกัน เพราะพอเป็นก็พยายามที่จะลืมมันไป ตอนแรกก็ลืมได้ดีอยู่หรอก แต่พอตอนหลังเริ่มหนักขึ้น) มันเริ่มที่ว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเข้าวัดบ่อยมาก อยากไปวัดตลอดธรรมะธรรมโมสุดๆ วันนั้นเลยตัดสินใจไปบวชคนเดียว 3วัน แต่บวชได้แค่คืนเดียวก็ต้องกลับ เพราะว่ามีความคิดแปลกๆผุดขึ้นในหัว ทำยังไงก็ไม่หาย รู้สึกแย่และกระสับกระส่ายใจมากๆ พยายามที่จะหยุดคิดก็ยิ่งคิด สิ่งที่คิดในตอนนั้นนั่นคือการลบหลู่ศาสนา คิดแต่สิ่งไม่ดีเกี่ยวกับศาสนา คิดว่าเอาเท้าไปเหยียบพระพุทธรูปบ้าง ด่าพระบ้างเป็นต้น ตอนนั้นรู้สึกว่าบาปมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี กระวนกระวายในหัวใจ คิดขอโทษขอโพยในใจวกวนไปมา อยู่เป็นร้อยเป็นพันครั้ง จึงตัดสินใจไม่เอาแล้ว ไม่อยู่วัดแล้วกลับบ้านดีกว่า น่าจะดีขึ้น แต่พอกลับบ้านมาก็ไม่หาย คิดซ้ำไป วกวนไปมาอยู่แบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนพยายามที่จะหยุดคิด แต่มันก็ไม่หาย มันเหมือนว่าจะหนักขึ้นๆ ช่วงนั้นเบลอไปเลย 3-4 วัน ทำอะไรไม่ค่อยได้ ผ่านไปอาทิตย์นึงก็ดีขึ้น หายดี เป็นปกติ ธรรมะธรรมโม เข้าวัดได้เหมือนเดิม..... ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดจะหาคำตอบอะไร เพราะคิดว่า เออ...มันหายแล้วก็ชั่งมัน มันคงไม่เป็นอีกแล้ว แต่ยอมรับว่าตอนนั้นเราทรมานมาก แทบขาดใจ...
แต่ที่ทำให้เราคิดจะแชร์ประสบการณ์ของโรคนี้นั้น มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อต้นปีจนถึงตอนนี้ก็เกือบสี่เดือนติดๆแล้ว ที่เราโดนโรคนี้คุมคามอีกครั้ง รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากๆ ไม่มีความสุขเลย ปวดหัวด้วย เบลอด้วย ทั้งที่ชีวิตดีมีทุกอย่าง แต่กลับไม่มีความสุข เพราะแค่ความคิดของตัวเอง มันเป็นความคิดที่เราไม่สามารถก้าวข้ามได้อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า "สิ่งที่ทำให้ท่านทุกข์ได้ มีแค่ความคิดของท่านเอง"
เมื่อต้นปี เราโดนความคิดลบหลู่ศาสนาคุมคามอีกครั้ง คราวนี้หนักขึ้นใช้เวลาคุมคามมากขึ้น แต่โชคดีที่เราอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้เห็นวัด พระพุทธรูป หรือพระสงฆ์มากนัก เลยไม่มีสิ่งที่กระตุ้นความคิดเข้าไปอีก แต่ก็ยังคงคิดอยู่หัว วกไปวนมาไปหยุด รู้สึกว่าความคิดนี้วกวนไปเกือบเดือนได้ เราพยายามมานั่งคิดวิเคราะห์กับตนเองว่าความคิดพวกนั้นคืออะไร ทั้งเอาเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง และความคิดทางแพทย์มาเกี่ยวข้องด้วย เลยทำให้รู้ว่าเรานั้นเป็นโรค OCD หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ ลองค้นหาในพันทิปดู ก็เห็นว่ามีคนเป็นโรคนี้เยอะเหมือนกัน แอบดีใจนิดนึงที่เราไม่ได้เป็นคนเดียว (แต่ที่จริงไม่อยากให้ใครต้องเป็นเลยเพราะมันทรมานมากๆ) พอรู้แบบนั้นก็หาวิธีแก้ไข...
วิธีแรกทำตามหลักพระพุทธศาสนา ที่พระไพศาล วิสาโล เคยตอบคำถามไว้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนวิธีที่สองก็ทำตามหลักทางการแพทย์ นั่นก็คือพยายามกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหางานอดิเรกทำ ไม่ให้ว้าวุ่นหรือฟุ้งซ่าน
สุดท้ายการอาการการบรรเทาลงจนหายไปในที่สุด ใช้เวลาเกือบเดือนกว่า หม่นหมองจิตใจมากๆ
แต่อาการของ OCD ก็ยังไม่จบแค่นั้น เราก็อุตส่าห์ดีใจว่ามันหายแล้ว อาการก็ยังกลับมาอีกเมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา คราวนี้มาอีกรูปแบบนึง ไม่ใช่การลบหลู่ศาสนาแล้วแต่อยู่ดีดีเราก็เกิดอาการกลัวว่า "เราจะชอบผู้หญิงด้วยกันเอง" ขึ้นมา!!! บอกเลยค่ะคราวนี้เป็นหนักมาก มันทำให้เราหมดและสูญเสียความมั่นใจของตัวเองไปเลย วันๆไม่อยากทำอะไร อยากเอาแต่นอนไม่อยากคิดอะไรเลย วันๆคิดซ้ำๆไปซ้ำมา นี่เราชอบผู้หญิงด้วยกันเองรึเปล่านะ เห้ย! ไม่ใช่ไม่ได้ชอบ เราชอบผู้ชายนิ คิดแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน น่ากลัวมากๆ วนเป็นลูปๆ รู้สึกเหมือนตกนรกเลยคะ คือเรามีแฟนอยู่แล้วเป็นผู้ชายค่ะ ตลอดชีวิตชอบผู้ชายมาตลอด ที่จริงเราไม่เคยแอนตี้เรื่องรักร่วมเพศหรืออะไรเลยนะค่ะ มีเพื่อนเป็นเกย์ กระเทย ทอม ดี้ เลสเบี้ยนมีหมดค่ะ ทุกคนน่ารักค่ะ ไม่เคยแบ่งแยกเพศใดๆเลย แต่อยู่ๆก็เกิดอาการนี้ขึ้นมา "กลัวการเป็นคนรักร่วมเพศ" จะมีข้อสงสัยขึ้นมาตลอดว่า เราชอบผู้หญิงด้วยกันรึเปล่านะ และก็คิดๆๆๆ จนได้คำตอบว่า เปล่า เราชอบผู้ชาย... ที่จริงคิดได้ครั้งเดียวก็น่าจะจบแล้ว แต่ว่ามันก็ยังคิดคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าคะ
ตอนแรกกลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้ามากๆ เพราะว่าอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ถึงขั้นเอ๋อไปเลย นอนอย่างเดียว ไม่มีความสุข เริ่มจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยค่ะ เลยลองเปิดใจดู ลองปรึกษาแฟนค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกล้าบอกใคร ว่าตัวเองเป็นโรค OCD เพราะอายค่ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะหาว่าเราบ้า หรือจะรับเราได้มั้ย (ที่จริงเคยเล่าให้แฟนฟังนิดนึงก่อนหน้านี้แล้วค่ะ ตอนที่เป็นโรคลบหลู่ศาสนา แฟนก็ฟังและให้กำลังใจ แต่เค้าก็ไม่ค่อยสนใจอะไร) คราวนี้แฟนตั้งใจฟังอย่างดีค่ะ ให้ความสนับสนุนกำลังใจเต็มที่ ดูแลช่วยเหลืออย่างดี จึงคิดว่าต้องสู้กับโรคนี้ให้ได้ต้องหายให้ได้ เรารู้สึกว่าชีวิตของเรามีค่ามากกว่าจะเอาเวลานี้สูญเสียไปกับความทุกข์ของโรคนี้ค่ะ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว ลองคิดไตร่ตรองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใช้สติให้มากขึ้นคะ ดูแลตัวเองมากขึ้น พอมันเริ่มคิด ก็จะถามตัวเองว่าคิดแล้วได้อะไร คิดแล้วมีอะไรดีขึ้น...
ความคิดเห็นส่วนตัว โรคนี้เป็นโรคของความกลัว กลัวว่าจะนู่นนี่นั่น ตัวอย่างของเราคือ กลัวว่าตัวเองจะลบหลู่ศาสนา และกลัวว่าตัวเองจะเป็นรักร่วมเพศ (เคยอ่านมา มีคนกลัวลืมปิดแก็สกับกลัวมือไม่สะอาดด้วย) เราเลยลองคิดทบทวนดูว่าจะกลัวไปทำไม ชีวิตเดียว จะกลัวหรือจะมีความสุข?
หลายๆกระทู้ที่เราอ่านแนะนำให้ไปหาหมอจิตแพทย์ค่ะ ตอนแรกเราก็ว่าจะไปหาเหมือนกัน เพราะทรมานไม่ไหว แต่เราอยากลองด้วยตัวเองก่อนค่ะ เพราะเราคิดว่าปัญหาทางจิต จิตเราเท่านั้นที่จะรักษาตัวเองได้ และพอเราเริ่มปล่อยวางมันก็เริ่มหายดี และหายดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอีกมั้ย ถ้าเป็นอีกครั้งหน้าคงต้องไปหาหมอแล้วแหละ
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบนะคะ ที่มาเขียนวันนี้ไม่ได้มีอะไรมาก เราแค่อยากให้กำลังใจทุกคนที่ทรมานด้วยโรคนี้เหมือนกัน อยากให้รู้ว่าไม่ใช่คุณที่ทรมานใจอยู่คนเดียว มีเราอีกคนที่เป็นเหมือนกัน บางคนอาจจะไม่กล้าที่จะเปิดเผยว่าเป็นโรคนี้ มันไม่น่าอายเลยค่ะที่จะเปิดเผยให้คนที่รักคุณรับรู้ มันดีกว่าที่เราเก็บกดอัดอั้นเก็บไว้คนเดียวมากๆ ตั้งแต่เราได้ปรึกษากับแฟนเราก็รู้สึกดีขึ้น เรารู้สึกว่าไม่ได้ต่อสู้กับโรคนี้อยู่คนเดียว ยังไงก็ขอให้เราหายไปด้วยกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอคะ ;))))
วันที่ฉันป่วย...ทางจิต (โรค O.C.D. ย้ำคิดย้ำทำ)
ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะค่ะ เล่าประวัติคร่าวๆของเราก่อนนะค่ะ ตอนนี้เราอายุ 25 เป็นแอร์สายการบินต่างประเทศแห่งหนึ่ง ชีวิตที่ผ่านมา 25 ปี มีแต่เรื่องดีดีค่ะ เรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดี ครอบครัวอบอุ่นน่ารักดีไม่มีปัญหา มีเพื่อนดี มีเงินใช้ไม่อดอยาก มีแฟนที่ดีมากๆดูแลดีทุกอย่าง แต่เอ๊ะ! ทำไมไม่มีความสุข!!!
ก่อนหน้านี้ชีวิตมีความสุขดีทุกอย่าง จนกระทั่งโรค OCD หรือโรคย้ำคิดย้ำทำได้ลุกลามเข้ามาในชีวิต ย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อน ที่โรคนี้เข้ามาในชีวิตครั้งแรกเท่าที่จำได้ (รู้สึกว่าตอนเด็กๆอาจจะเคยเกิดขึ้นบ้าง แต่จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกัน เพราะพอเป็นก็พยายามที่จะลืมมันไป ตอนแรกก็ลืมได้ดีอยู่หรอก แต่พอตอนหลังเริ่มหนักขึ้น) มันเริ่มที่ว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเข้าวัดบ่อยมาก อยากไปวัดตลอดธรรมะธรรมโมสุดๆ วันนั้นเลยตัดสินใจไปบวชคนเดียว 3วัน แต่บวชได้แค่คืนเดียวก็ต้องกลับ เพราะว่ามีความคิดแปลกๆผุดขึ้นในหัว ทำยังไงก็ไม่หาย รู้สึกแย่และกระสับกระส่ายใจมากๆ พยายามที่จะหยุดคิดก็ยิ่งคิด สิ่งที่คิดในตอนนั้นนั่นคือการลบหลู่ศาสนา คิดแต่สิ่งไม่ดีเกี่ยวกับศาสนา คิดว่าเอาเท้าไปเหยียบพระพุทธรูปบ้าง ด่าพระบ้างเป็นต้น ตอนนั้นรู้สึกว่าบาปมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี กระวนกระวายในหัวใจ คิดขอโทษขอโพยในใจวกวนไปมา อยู่เป็นร้อยเป็นพันครั้ง จึงตัดสินใจไม่เอาแล้ว ไม่อยู่วัดแล้วกลับบ้านดีกว่า น่าจะดีขึ้น แต่พอกลับบ้านมาก็ไม่หาย คิดซ้ำไป วกวนไปมาอยู่แบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนพยายามที่จะหยุดคิด แต่มันก็ไม่หาย มันเหมือนว่าจะหนักขึ้นๆ ช่วงนั้นเบลอไปเลย 3-4 วัน ทำอะไรไม่ค่อยได้ ผ่านไปอาทิตย์นึงก็ดีขึ้น หายดี เป็นปกติ ธรรมะธรรมโม เข้าวัดได้เหมือนเดิม..... ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดจะหาคำตอบอะไร เพราะคิดว่า เออ...มันหายแล้วก็ชั่งมัน มันคงไม่เป็นอีกแล้ว แต่ยอมรับว่าตอนนั้นเราทรมานมาก แทบขาดใจ...
แต่ที่ทำให้เราคิดจะแชร์ประสบการณ์ของโรคนี้นั้น มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อต้นปีจนถึงตอนนี้ก็เกือบสี่เดือนติดๆแล้ว ที่เราโดนโรคนี้คุมคามอีกครั้ง รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากๆ ไม่มีความสุขเลย ปวดหัวด้วย เบลอด้วย ทั้งที่ชีวิตดีมีทุกอย่าง แต่กลับไม่มีความสุข เพราะแค่ความคิดของตัวเอง มันเป็นความคิดที่เราไม่สามารถก้าวข้ามได้อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า "สิ่งที่ทำให้ท่านทุกข์ได้ มีแค่ความคิดของท่านเอง"
เมื่อต้นปี เราโดนความคิดลบหลู่ศาสนาคุมคามอีกครั้ง คราวนี้หนักขึ้นใช้เวลาคุมคามมากขึ้น แต่โชคดีที่เราอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้เห็นวัด พระพุทธรูป หรือพระสงฆ์มากนัก เลยไม่มีสิ่งที่กระตุ้นความคิดเข้าไปอีก แต่ก็ยังคงคิดอยู่หัว วกไปวนมาไปหยุด รู้สึกว่าความคิดนี้วกวนไปเกือบเดือนได้ เราพยายามมานั่งคิดวิเคราะห์กับตนเองว่าความคิดพวกนั้นคืออะไร ทั้งเอาเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง และความคิดทางแพทย์มาเกี่ยวข้องด้วย เลยทำให้รู้ว่าเรานั้นเป็นโรค OCD หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ ลองค้นหาในพันทิปดู ก็เห็นว่ามีคนเป็นโรคนี้เยอะเหมือนกัน แอบดีใจนิดนึงที่เราไม่ได้เป็นคนเดียว (แต่ที่จริงไม่อยากให้ใครต้องเป็นเลยเพราะมันทรมานมากๆ) พอรู้แบบนั้นก็หาวิธีแก้ไข...
วิธีแรกทำตามหลักพระพุทธศาสนา ที่พระไพศาล วิสาโล เคยตอบคำถามไว้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนวิธีที่สองก็ทำตามหลักทางการแพทย์ นั่นก็คือพยายามกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหางานอดิเรกทำ ไม่ให้ว้าวุ่นหรือฟุ้งซ่าน
สุดท้ายการอาการการบรรเทาลงจนหายไปในที่สุด ใช้เวลาเกือบเดือนกว่า หม่นหมองจิตใจมากๆ
แต่อาการของ OCD ก็ยังไม่จบแค่นั้น เราก็อุตส่าห์ดีใจว่ามันหายแล้ว อาการก็ยังกลับมาอีกเมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา คราวนี้มาอีกรูปแบบนึง ไม่ใช่การลบหลู่ศาสนาแล้วแต่อยู่ดีดีเราก็เกิดอาการกลัวว่า "เราจะชอบผู้หญิงด้วยกันเอง" ขึ้นมา!!! บอกเลยค่ะคราวนี้เป็นหนักมาก มันทำให้เราหมดและสูญเสียความมั่นใจของตัวเองไปเลย วันๆไม่อยากทำอะไร อยากเอาแต่นอนไม่อยากคิดอะไรเลย วันๆคิดซ้ำๆไปซ้ำมา นี่เราชอบผู้หญิงด้วยกันเองรึเปล่านะ เห้ย! ไม่ใช่ไม่ได้ชอบ เราชอบผู้ชายนิ คิดแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน น่ากลัวมากๆ วนเป็นลูปๆ รู้สึกเหมือนตกนรกเลยคะ คือเรามีแฟนอยู่แล้วเป็นผู้ชายค่ะ ตลอดชีวิตชอบผู้ชายมาตลอด ที่จริงเราไม่เคยแอนตี้เรื่องรักร่วมเพศหรืออะไรเลยนะค่ะ มีเพื่อนเป็นเกย์ กระเทย ทอม ดี้ เลสเบี้ยนมีหมดค่ะ ทุกคนน่ารักค่ะ ไม่เคยแบ่งแยกเพศใดๆเลย แต่อยู่ๆก็เกิดอาการนี้ขึ้นมา "กลัวการเป็นคนรักร่วมเพศ" จะมีข้อสงสัยขึ้นมาตลอดว่า เราชอบผู้หญิงด้วยกันรึเปล่านะ และก็คิดๆๆๆ จนได้คำตอบว่า เปล่า เราชอบผู้ชาย... ที่จริงคิดได้ครั้งเดียวก็น่าจะจบแล้ว แต่ว่ามันก็ยังคิดคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าคะ
ตอนแรกกลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้ามากๆ เพราะว่าอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ถึงขั้นเอ๋อไปเลย นอนอย่างเดียว ไม่มีความสุข เริ่มจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยค่ะ เลยลองเปิดใจดู ลองปรึกษาแฟนค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกล้าบอกใคร ว่าตัวเองเป็นโรค OCD เพราะอายค่ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะหาว่าเราบ้า หรือจะรับเราได้มั้ย (ที่จริงเคยเล่าให้แฟนฟังนิดนึงก่อนหน้านี้แล้วค่ะ ตอนที่เป็นโรคลบหลู่ศาสนา แฟนก็ฟังและให้กำลังใจ แต่เค้าก็ไม่ค่อยสนใจอะไร) คราวนี้แฟนตั้งใจฟังอย่างดีค่ะ ให้ความสนับสนุนกำลังใจเต็มที่ ดูแลช่วยเหลืออย่างดี จึงคิดว่าต้องสู้กับโรคนี้ให้ได้ต้องหายให้ได้ เรารู้สึกว่าชีวิตของเรามีค่ามากกว่าจะเอาเวลานี้สูญเสียไปกับความทุกข์ของโรคนี้ค่ะ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว ลองคิดไตร่ตรองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใช้สติให้มากขึ้นคะ ดูแลตัวเองมากขึ้น พอมันเริ่มคิด ก็จะถามตัวเองว่าคิดแล้วได้อะไร คิดแล้วมีอะไรดีขึ้น...
ความคิดเห็นส่วนตัว โรคนี้เป็นโรคของความกลัว กลัวว่าจะนู่นนี่นั่น ตัวอย่างของเราคือ กลัวว่าตัวเองจะลบหลู่ศาสนา และกลัวว่าตัวเองจะเป็นรักร่วมเพศ (เคยอ่านมา มีคนกลัวลืมปิดแก็สกับกลัวมือไม่สะอาดด้วย) เราเลยลองคิดทบทวนดูว่าจะกลัวไปทำไม ชีวิตเดียว จะกลัวหรือจะมีความสุข?
หลายๆกระทู้ที่เราอ่านแนะนำให้ไปหาหมอจิตแพทย์ค่ะ ตอนแรกเราก็ว่าจะไปหาเหมือนกัน เพราะทรมานไม่ไหว แต่เราอยากลองด้วยตัวเองก่อนค่ะ เพราะเราคิดว่าปัญหาทางจิต จิตเราเท่านั้นที่จะรักษาตัวเองได้ และพอเราเริ่มปล่อยวางมันก็เริ่มหายดี และหายดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอีกมั้ย ถ้าเป็นอีกครั้งหน้าคงต้องไปหาหมอแล้วแหละ
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบนะคะ ที่มาเขียนวันนี้ไม่ได้มีอะไรมาก เราแค่อยากให้กำลังใจทุกคนที่ทรมานด้วยโรคนี้เหมือนกัน อยากให้รู้ว่าไม่ใช่คุณที่ทรมานใจอยู่คนเดียว มีเราอีกคนที่เป็นเหมือนกัน บางคนอาจจะไม่กล้าที่จะเปิดเผยว่าเป็นโรคนี้ มันไม่น่าอายเลยค่ะที่จะเปิดเผยให้คนที่รักคุณรับรู้ มันดีกว่าที่เราเก็บกดอัดอั้นเก็บไว้คนเดียวมากๆ ตั้งแต่เราได้ปรึกษากับแฟนเราก็รู้สึกดีขึ้น เรารู้สึกว่าไม่ได้ต่อสู้กับโรคนี้อยู่คนเดียว ยังไงก็ขอให้เราหายไปด้วยกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอคะ ;))))