"ร้าว"
ร้าวรานร้าวลึกรุมเร้า ความร้าวรานผ่านสายตาที่เจ็บลึก
บนความเหือดแห้งแตกร้าวของผืนดิน
สะท้อนความร้าวลึกทะลุทะลวงทั้งกายใจและรอบกาย
ภาพ "ร้าว" เป็นภาพที่ ส่งเข้าประกวดภาพถ่ายขาวดำจากกล้องฟิล์ม งาน "รักษ์เอกรงค์"
จัดโดยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชุปถัมภ์
ได้เข้ารอบสุดท้ายหนึ่งในสิบ และได้รางวัลดีเด่น
งานถ่ายภาพฟิล์มขาวดำ ในยุคติจิตอลเรืองรอง เป็นงานที่ท้าทายทั้งความสามารถและขั้นตอนการทำภาพ
แต่มันมีเรื่องเราวเสน่ห์ของเกรนฟิล์ม ที่ตราตรึง ส่งอารมณ์ภาพให้มีมนต์ขลัง สะกดใจยิ่ง
ภาพ " ร้าว" ที่ได้รับรางวัล มีลิขสิทธิ์จากผลการตัดสิน จึงได้นำภาพที่บันทึกใกล้เคียงกันมากมา
ภาพนี้มีเรื่องราว "ข้างหลังภาพ" ของ "นาเดีย" นางสาวดอกคำใต้ สาวสวยผิวพม่านัยน์ตาแขก ผู้สู้ชีวิต
นาเดีย เป็นนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบจากม.ราชภัฏ เชียงใหม่ ที่ทำงานหาเงินพิเศษให้ตัวเองได้เรียนต่อจนจบ
โดยการรับงานแสดง งานฟ้อนรำ งานถ่ายภาพเล็กๆ น้อย แล้วแต่ว่าจะมีพี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยกันไป
และยังมีโอกาสได้เป็นนักเรียนการแสดง โดยมีเพื่อร่วมรุ่นกลายเป็นพระเอกดังที่สุดแห่งยุค
แต่ทว่าโอกาสเรื่องงานของเด็กสาวที่เรียนและทำงานอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มีเหมือนอีกหลายๆ คน
นาเดีย จึงมารับรำ รับงานถ่ายภาพจนเป็นที่คุ้นเคยกัน
ตอนที่วางธีมถ่ายภาพ ขาวดำจากกล้องฟิล์ม จึงนึกถึงนาเดีย
เด็กสาวที่มีนัยน์ตา สวย คม หวานปนเศร้า
ทว่าก่อนวันที่นัดกัน นาเดียโทรมาขอเลื่อนนัด
"ป้าคะ เดียขออนุญาตเลือนไปก่อนนะคะ "
เราได้แต่เพียงถามเหตุผลของนางไป ว่า "ทำไม ? ได้นัดทีมไว้หลายคนแล้ว"
ี
เธอให้เหตุผลว่า
"เดีย ต้องมาพะเยาด่วน ขณะนี้น้องชายประสบอุบัติเหตุ สมองบวม ต้องผ่าสมอง"
งานที่เตรียมถ่าย ก็ต้องยกกองกัน . . . เลื่อนออกไปโดยไม่ได้กำหนดอะไร
(เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยสารทุกข์สุกดิบ ทำให้ทราบว่า
นาเดีย เป็นสาวลูกครึ่งดอกคำใต้ ป๊าเป็นชาวคูเวต ที่ไม่ได้มั่งคั่ง
มาพบรักกับแม่และมีลูกด้วยกัน 4 คนโดยมีเดียเป็นลูกสาวคนโต
ป๊าอายุมากและมีโรคประจำตัว จึงอาศัยอยู่ที่คูเวต ไม่ได้อยู่รวมกัน
แต่ครอบครัวก็รักใคร่กันดี โดยที่ส่งเงินมาช่วยความเป็นอยู่
แต่ก็ไม่ได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย 5 ชีวิต นาเดียกับน้องสาวที่นาฏศิลป์
จึงรับงานรำ งานแสดง และอีกสารพัดที่พอจะทำได้ แบ่งเบาภาระพ่อแม่)
จากนั้นผ่านมาอีกสัปดาห์ นาเดียติดต่อกลับมา ว่าต้องมาธุระที่เชียงใหม่
พร้อมที่ทำงานร่วมกัน
เมื่อได้พบหน้ากันครั้งนี้ สายตาที่หวานปนเศร้า แต่ว่าสดใส มีแววขี้เล่น
ได้ดูหม่นหมอง ปวดร้าว สวยหวาน ทุกข์ เศร้า ถึงแม้จะมีรอยยิ้มมาบ้าง
ธีมของงานที่คิดไว้ เปลี่ยนไปในบัดดล . . เมื่อเจอสายตาเยี่ยงนี้
เมื่อถ่ายงานเสร็จ นาเดียบอกว่า
"ต้องรีบกลับไปดูแม่กับน้อง"
" อ๊าว !!!!!! แม่ดูน้องอยู่ไม่ใช่รึ ?"
นาเดียตอบว่า
"ค่ะ แม่กับเดียช่วยกันดู อาลี (ซึ่งหมายถึงน้องชายที่ประสบอุบัติเหตุ)
แต่แม่ลื่นล้มที่โรงพยาบาล ขาหัก ต้องเข้าเฝือก"
พวกเราที่ช่วยงานกันก็ได้แต่อึ้ง
เพราะรู้ดีว่า น้องเพิ่งเรียนจบ แล้วต้องมาเผชิญกับเรื่องใหญ่
กลายเป็นผู้นำครอบครัว ที่ต้องหาเลี้ยง 5 ชีวิต
พร้อมกับรับภาระค่ารักษาพยาบาล ที่ต้องย้ายน้องออกมาจากรพ.เอกชน มารพ.รัฐบาล
แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังมากเกิน เด็กจบใหม่จะหามาพอเยียวยา บวกกับเงินที่ป๊าพอจัดส่งมาได้บ้าง
เด็กสาวที่พร้อมจะโบยบินไปในเส้นทางแห่งความฝันมาทั้งชีวิต
ต้องเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวกลับบ้าน ด้วยความจำเป็น
ทุกคนช่วยกันคิด ว่าหากนาเดียกลับดอกคำใต้
รายได้จะไม่เพียงพอที่จะมาจุนเจือได้
นาเดียต้องอยู่เชียงใหม่ หรือกรุงเทพฯ
ที่พอจะมีงานให้ทำตามความสามารถของเธอ
นาเดียบอกว่าพยายามหางาน แต่ติดปัญหาว่าได้เคยทำสัญญากับบ.จัดหานักแสดงแห่งหนึ่ง
ซึ่งไม่ทราบว่าจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ แต่ช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้งานจากบริษัทเดิม จึงยังไม่มีใครกล้าจ้าง
มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่า หากยังไม่ได้งานและมีปัญหาขนาดนี้ ก็ไปคุยเพื่อขอความกรุณาจากเขาตรงๆ
ซึ่งพี่เจ้าของบ.เดิม ก็ใจดี ยอมยกเลิกสัญญา เพื่อให้เธอมีโอกาสหางานเอง
เราได้บอกน้องไปว่า ถึงแม้ไม่ได้งานเราก็ต้องกราบขอบพระคุณพี่เขา
อย่างน้อยเราก็มีโอกาสฝึกฝน ผ่านการเรียนการแสดงมาจากเขา เขาก็ให้โอกาสเราด้วย
บนเส้นทางที่อยากเดินทาง ไม่ได้ราบรื่นสวยงาม ข้างล่างมีขวากหนาม
บนฟากฟ้ามีพายุ ทางเรือก็มีคลื่นหนัก
วันนี้ นาเดียก้าวเดินออกจากดอกคำใต้ที่สะอื้นรอความสำเร็จ
(ทำไมพิมพ์ไปแล้วนึกถึง ดาวนิล แห่งแม่อายไม่รุ๊) น้ำตาจืไหล
เดียจะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว . .
ซึ่งขณะนี้แม่ยังเข้าเฝือก
อาลี มีอาการแทรกซ้อน ปอดขาดออกซิเจน ต้องเจาะคอช่วย
แพทย์ไม่รับปากว่าจะหายหรือเป็นแบบนี้ทั้งชีวิต
และต้องย้ายเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
เพราะที่พะเยาไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญการตรง กับสิ่งที่อาลีเผชิญอยู่
โดยมีญาติช่วยดูแล และนาเดียมุ่งก้าวสู่เมืองใหญ่ เพื่อหาปัจจัยมาช่วยเหลือครอบครัว
*** ภาพทุกภาพน้องสวมเสื้อผ้านะคะ อาศัยมุม และเทคนิคภาพแนวศิลปะค่ะ ***
"ร้าว" กับเรื่องราวข้างหลังภาพ เรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยาย นางสาวดอกคำใต้ยุค 2016
ร้าวรานร้าวลึกรุมเร้า ความร้าวรานผ่านสายตาที่เจ็บลึก
บนความเหือดแห้งแตกร้าวของผืนดิน
สะท้อนความร้าวลึกทะลุทะลวงทั้งกายใจและรอบกาย
ภาพ "ร้าว" เป็นภาพที่ ส่งเข้าประกวดภาพถ่ายขาวดำจากกล้องฟิล์ม งาน "รักษ์เอกรงค์"
จัดโดยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชุปถัมภ์
ได้เข้ารอบสุดท้ายหนึ่งในสิบ และได้รางวัลดีเด่น
งานถ่ายภาพฟิล์มขาวดำ ในยุคติจิตอลเรืองรอง เป็นงานที่ท้าทายทั้งความสามารถและขั้นตอนการทำภาพ
แต่มันมีเรื่องเราวเสน่ห์ของเกรนฟิล์ม ที่ตราตรึง ส่งอารมณ์ภาพให้มีมนต์ขลัง สะกดใจยิ่ง
ภาพ " ร้าว" ที่ได้รับรางวัล มีลิขสิทธิ์จากผลการตัดสิน จึงได้นำภาพที่บันทึกใกล้เคียงกันมากมา
ภาพนี้มีเรื่องราว "ข้างหลังภาพ" ของ "นาเดีย" นางสาวดอกคำใต้ สาวสวยผิวพม่านัยน์ตาแขก ผู้สู้ชีวิต
นาเดีย เป็นนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบจากม.ราชภัฏ เชียงใหม่ ที่ทำงานหาเงินพิเศษให้ตัวเองได้เรียนต่อจนจบ
โดยการรับงานแสดง งานฟ้อนรำ งานถ่ายภาพเล็กๆ น้อย แล้วแต่ว่าจะมีพี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยกันไป
และยังมีโอกาสได้เป็นนักเรียนการแสดง โดยมีเพื่อร่วมรุ่นกลายเป็นพระเอกดังที่สุดแห่งยุค
แต่ทว่าโอกาสเรื่องงานของเด็กสาวที่เรียนและทำงานอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มีเหมือนอีกหลายๆ คน
นาเดีย จึงมารับรำ รับงานถ่ายภาพจนเป็นที่คุ้นเคยกัน
ตอนที่วางธีมถ่ายภาพ ขาวดำจากกล้องฟิล์ม จึงนึกถึงนาเดีย
เด็กสาวที่มีนัยน์ตา สวย คม หวานปนเศร้า
ทว่าก่อนวันที่นัดกัน นาเดียโทรมาขอเลื่อนนัด
"ป้าคะ เดียขออนุญาตเลือนไปก่อนนะคะ "
เราได้แต่เพียงถามเหตุผลของนางไป ว่า "ทำไม ? ได้นัดทีมไว้หลายคนแล้ว"
ี
เธอให้เหตุผลว่า
"เดีย ต้องมาพะเยาด่วน ขณะนี้น้องชายประสบอุบัติเหตุ สมองบวม ต้องผ่าสมอง"
งานที่เตรียมถ่าย ก็ต้องยกกองกัน . . . เลื่อนออกไปโดยไม่ได้กำหนดอะไร
(เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยสารทุกข์สุกดิบ ทำให้ทราบว่า
นาเดีย เป็นสาวลูกครึ่งดอกคำใต้ ป๊าเป็นชาวคูเวต ที่ไม่ได้มั่งคั่ง
มาพบรักกับแม่และมีลูกด้วยกัน 4 คนโดยมีเดียเป็นลูกสาวคนโต
ป๊าอายุมากและมีโรคประจำตัว จึงอาศัยอยู่ที่คูเวต ไม่ได้อยู่รวมกัน
แต่ครอบครัวก็รักใคร่กันดี โดยที่ส่งเงินมาช่วยความเป็นอยู่
แต่ก็ไม่ได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย 5 ชีวิต นาเดียกับน้องสาวที่นาฏศิลป์
จึงรับงานรำ งานแสดง และอีกสารพัดที่พอจะทำได้ แบ่งเบาภาระพ่อแม่)
จากนั้นผ่านมาอีกสัปดาห์ นาเดียติดต่อกลับมา ว่าต้องมาธุระที่เชียงใหม่
พร้อมที่ทำงานร่วมกัน
เมื่อได้พบหน้ากันครั้งนี้ สายตาที่หวานปนเศร้า แต่ว่าสดใส มีแววขี้เล่น
ได้ดูหม่นหมอง ปวดร้าว สวยหวาน ทุกข์ เศร้า ถึงแม้จะมีรอยยิ้มมาบ้าง
ธีมของงานที่คิดไว้ เปลี่ยนไปในบัดดล . . เมื่อเจอสายตาเยี่ยงนี้
เมื่อถ่ายงานเสร็จ นาเดียบอกว่า
"ต้องรีบกลับไปดูแม่กับน้อง"
" อ๊าว !!!!!! แม่ดูน้องอยู่ไม่ใช่รึ ?"
นาเดียตอบว่า
"ค่ะ แม่กับเดียช่วยกันดู อาลี (ซึ่งหมายถึงน้องชายที่ประสบอุบัติเหตุ)
แต่แม่ลื่นล้มที่โรงพยาบาล ขาหัก ต้องเข้าเฝือก"
พวกเราที่ช่วยงานกันก็ได้แต่อึ้ง
เพราะรู้ดีว่า น้องเพิ่งเรียนจบ แล้วต้องมาเผชิญกับเรื่องใหญ่
กลายเป็นผู้นำครอบครัว ที่ต้องหาเลี้ยง 5 ชีวิต
พร้อมกับรับภาระค่ารักษาพยาบาล ที่ต้องย้ายน้องออกมาจากรพ.เอกชน มารพ.รัฐบาล
แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังมากเกิน เด็กจบใหม่จะหามาพอเยียวยา บวกกับเงินที่ป๊าพอจัดส่งมาได้บ้าง
เด็กสาวที่พร้อมจะโบยบินไปในเส้นทางแห่งความฝันมาทั้งชีวิต
ต้องเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวกลับบ้าน ด้วยความจำเป็น
ทุกคนช่วยกันคิด ว่าหากนาเดียกลับดอกคำใต้
รายได้จะไม่เพียงพอที่จะมาจุนเจือได้
นาเดียต้องอยู่เชียงใหม่ หรือกรุงเทพฯ
ที่พอจะมีงานให้ทำตามความสามารถของเธอ
นาเดียบอกว่าพยายามหางาน แต่ติดปัญหาว่าได้เคยทำสัญญากับบ.จัดหานักแสดงแห่งหนึ่ง
ซึ่งไม่ทราบว่าจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ แต่ช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้งานจากบริษัทเดิม จึงยังไม่มีใครกล้าจ้าง
มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่า หากยังไม่ได้งานและมีปัญหาขนาดนี้ ก็ไปคุยเพื่อขอความกรุณาจากเขาตรงๆ
ซึ่งพี่เจ้าของบ.เดิม ก็ใจดี ยอมยกเลิกสัญญา เพื่อให้เธอมีโอกาสหางานเอง
เราได้บอกน้องไปว่า ถึงแม้ไม่ได้งานเราก็ต้องกราบขอบพระคุณพี่เขา
อย่างน้อยเราก็มีโอกาสฝึกฝน ผ่านการเรียนการแสดงมาจากเขา เขาก็ให้โอกาสเราด้วย
บนเส้นทางที่อยากเดินทาง ไม่ได้ราบรื่นสวยงาม ข้างล่างมีขวากหนาม
บนฟากฟ้ามีพายุ ทางเรือก็มีคลื่นหนัก
วันนี้ นาเดียก้าวเดินออกจากดอกคำใต้ที่สะอื้นรอความสำเร็จ
(ทำไมพิมพ์ไปแล้วนึกถึง ดาวนิล แห่งแม่อายไม่รุ๊) น้ำตาจืไหล
เดียจะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว . .
ซึ่งขณะนี้แม่ยังเข้าเฝือก
อาลี มีอาการแทรกซ้อน ปอดขาดออกซิเจน ต้องเจาะคอช่วย
แพทย์ไม่รับปากว่าจะหายหรือเป็นแบบนี้ทั้งชีวิต
และต้องย้ายเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
เพราะที่พะเยาไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญการตรง กับสิ่งที่อาลีเผชิญอยู่
โดยมีญาติช่วยดูแล และนาเดียมุ่งก้าวสู่เมืองใหญ่ เพื่อหาปัจจัยมาช่วยเหลือครอบครัว
*** ภาพทุกภาพน้องสวมเสื้อผ้านะคะ อาศัยมุม และเทคนิคภาพแนวศิลปะค่ะ ***