อะไรบางอย่างกำลังมานะ .... เบาเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ไม่ถึงกับหนักหน่วงรุนแรงแต่ก็พาให้ระคายใจ .... เบา ๆ ที่ว่ามีอะไร "นิดหน่อย" คือเรื่องนี้ กินข้าวด้วยกันนี่นะ อวี้ถังและผู้ชายคนนั้นมีอะไรเหมือนกัน อาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นความบังเอิญที่ไม่น่าอภิรมย์สำหรับเหวินข่ายเอาเลย หนึ่งอย่างที่เหมือนกันอาจนับได้ว่า " มากไป "
นั้นเขาทำอะไร "เธอคิด" จริง ๆ คิดมาตั้งแต่เช้าแล้วด้วย หมายความว่าอะไรกันที่ว่า "ครั้งนี้ไม่ตั้งใจ" เวลาพูดที่ชอบเอาหน้ามาแนบแทบจะติดแบบนั้นน่ะ คืออะไร คราวนี้ไม่ตั้งใจ แล้วคราวอื่นล่ะ ... เธอพยายามแล้วที่จะไม่คิดเป็นอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน ทำไมมันยากเย็นขึ้นก็ไม่รู้สิ แต่โปรเจคอลม่านล้านแปดที่ทำอยู่ก็ทำให้เธอไม่หยุดสนใจกับเรื่องนี้นานนัก จนกระทั่งเวลามื้อเย็น ระหว่างที่เจรจางานธุรกิจกับจื่ออวี้ จนลืมสั่งข้าว ตอนนั้นทุกอย่างยังเป็นปกติ แต่เมื่ออ้ายชาและเขาก้าวเข้ามา เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าที่เป็นอยู่นั้น "คืออะไร"
ความไม่พอใจหรือ ก็ไม่น่าจะใช่ ผิดหวังหรือก็ไม่ถึงขนาดนั้น รู้แต่ว่ามันส่งผลสะเทือนต่อมื้ออาหารนั้นไม่มากก็น้อย เธอแอบมองเขาใส่สร้อยให้อ้ายชา มองนานจนคนข้างหน้าเริ่มตะงิดใจหน่อย ๆ แววตาแบบนั้น "ใจหาย" ละมัง ที่โต๊ะใกล้ ๆ นั้น เขาแอบมองเธออยู่เช่นกัน คนที่มาด้วยก็พอจะรู้อะไรเลา ๆ "งานจ้อง" ครั้งนี้คงทำให้สิ่งที่สงสัยในใจของอ้ายซาชัดเจนขึ้น แม้เจ้านายของเธอจะกลับมาสู่โหมดปกติได้ในเวลาอันสั้น แต่เธอรู้และแน่ใจว่าภายใต้ความ "ไม่มีอะไร" มันมี และ มี "มาก" เสียด้วย
มากขนาดไหนน่ะหรือ ? ก็มากขนาดที่ต้องเอาเรื่องไปพรรณนาให้เพื่อนสนิทฟังน่ะสิ
ดีเทลขนาดเมนูออมเลตดับเบิ้ลชีสนางยังไม่พลาด (ฮา) "ไอ้อ่อนเอ๊ย .... ถ้าไม่ชอบแล้วจะเรียกว่าอะไรฟระ" เสียงเพื่อนสนิทลอยลมมากลั้วเสียงหัวเราะเฮฮา นายว่าเขาเป็นมือใหม่เรื่องงาน อยากบินสูงก็บินไม่ได้ ตัวนายก็ไก่อ่อนเรื่องรักเหมือนกันละวะ บอกไปเถอะไม่รัก อยากหลอกตัวเองก็หลอกไป แต่หลอกชั้นไม่ได้หรอกนะแก แค่สร้าง motivation กับเพื่อนเก่าเหรอ ? ใช่สิ อยู่อเมริกามาเป็น 10 ปี ประสบความสำเร็จดี แล้วด้วยเรื่องแค่นี้ ซื้อตั๋วบินกลับมา .... จ้า จ้า อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ? รู้ได้ไงว่าเขาอยู่บริษัทนี้ล่ะ ติดตามเหรอ หรือเป็น stalker ? สมัยเรียนสาวสวยสะเด็ดชวนเดทไม่รู้กี่หน ก็ไม่จริงจังกับใคร แคร์เขามากเห็นเขาเหนื่อยเพราะตัวเองโยนงานให้ ก็เลยไม่ยอมเรียกใช้ ไม่เรียกรัก ไม่เรียกชอบ แล้วจะเรียกอะไร .... กล้านิยามไหม พูด !!!! อยากเฉไฉไปทางไหนก็แล้วแต่ จะแต่งนิยายโฆษณาชวนเชื่อก็ตามใจ
แต่ในสายตาคนที่รู้จักแกดีอย่างฉัน ... การกระทำมัน "ฟ้อง" หนักมาก
แนะนำให้เอามะละ ส่งข้อความหา ไลน์ก็ได้อ่ะ โถ่เอ๊ย รักใครชอบใครก็บอกเค้าไปเซ่ (มคปด. ไม่รู้ด้วยนะ)
จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ ... จีเหวินข่ายจึงแหวกตารางงานรัดตัวใน 20 นาทีของวันที่ว่าง มาฟัง presentation ของแผนกขาย 3 และ เชิญหอกข้างแคร่ ฮื้อ หนามแทงใจ ฮ้า เรียกง่าย ๆ ว่าอัศวินชุดขาวของอวี้ถังมาร่วมฟังด้วยในฐานะทายาทเบอร์หนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่ ก็นั่นไง บริษัทที่เขาผู้ทำเป็นหวหน้าเลขาฯอยู่นั่นแหละ งานก็คืองานไหม ? จีเหวินข่ายไม่ใช่เด็กน้อย งานก็คืองาน โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายซะทีไหน
อาจจะไม่รู้ตัวแต่แบบนี้ก็เป็นวิถีทางที่เขาแสดงให้อวี้ถังเห็นว่าเธอมีเขา "สนับสนุน" เธออยู่ แบบไม่มากไม่น้อยไป และ ก็เป็นอีกครั้งที่ "เขา" เปิดหน้าชนกับศัตรูหัวใจตรง ๆ ผมเชื่อว่า "แผนกขาย 3" ร่วมงานกับ " shinway "ไม่ได้นึกอะไรไปมากกว่าเรื่อง "งาน" ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาซักชื่อหนึ่งแต่เหมือนเขารู้กันเองว่าหมายถึงใคร .... แถมเปิดศึกชนิดไม่เกรงใจทายาทคู่ค้ารเลยด้วยซ้ำ แล้วอีแบบนี้ยังจะกล้าพูดอีกไหมว่า ไม่ได้คิดอะไรกับ ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
หากเหตุการณ์ก็ดูจะกลับตาลปัตรไปอีก เพราะ "ศึกชิงเปลือกไข่" เมื่อส่วนผสม "ตัวนี้" ตัวนี้ดันไปทับไลน์กับแผ่นมาร์กสหน้าผลิตภัณฑ์ของแผนกขาย 1 จงอวี้ถังจึงต้องเป็นหนังหน้าไฟอีกครั้ง หมดเรื่องนี้ไปเรื่องนั้นไม่ได้หยุดพัก แล้วคนจับเขาวัวเสี้ยมให้ชนกันก็ไม่ใช่ใคร เจ้าเก่าเจ้าเดิม จีเหวินข่าย ... อีกครั้งที่อวี้ถังซึ่งทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว โดนด่าสาดเสียเทเสีย อีกครั้งที่ความพยายามที่ผ่านมาต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง ด้วยน้ำมือคนกันเอง อีกครั้งที่คำว่า "มือใหม่" กลับมาหลอกหลอนเธอ ต่อหน้าผู้ชายชื่อจีเหวินข่าย และ อีกครั้งที่งานยากแสนยากรอเธอยู่ที่ปลายทาง เหมือนไม่รู้จบไม่รู้สิ้น
แล้วก็อีกครั้งเช่นกันที่รอยยิ้มลึกลับประทับอยู่บนใบหน้าจีเหวินข่าย
ไม่รู้ว่ามันคือความพอใจ หรือ มีอะไรเป็นไปตามแผน
สถานการณ์เริ่มพลิกไปอีกตลบ เมื่ออวี่ถังมาทำความสะอาดบ้านเหวินข่ายเหมือนเคย ณ เวลานั้นเองที่สาเหตุแห่งปัญหาเริ่มเผยโฉม เธอแค่อยากช่วยเขาแต่มันกลับกลายเป็นการทำลายศักดิ์ศรีเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง แล้วท้ายที่สุดมิตรภาพระหว่างเขาและเธอถูกทำลาย โดยเธอไม่มีโอกาสจะแก้ไข เขาเย็นชากับเธอ เธอคิดว่ามันแปลก ๆ แต่เรื่องการสอบ เรื่องปัญหาที่บ้าน ทำให้เธอต้องพักเรื่องราวนั้นเอาไว้ก่อน จนสุดท้าย ... ก็ห่างหายกันไปราว 10 ปี เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าดีใจเมื่อเจอเขา และ ยิ่งรู้ว่าเขาเป็น CEO เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็คิดดีใจกับเพื่อนเก่าด้วยซ้ำ
ดูเหมือนสถานการณ์ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
ผู้ชายคนนั้นจีเหวินข่ายก็ยังไม่พูดอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ผู้หญิงคนนั้นจงอวี่ถังก็ยังไม่คิดเรื่องหัวใจให้ลึกซึ้งเสียที
แต่ก็อย่างที่บอก .... ผีเสื้อกระพือปีกแล้วล่ะ
เขารู้ตัวแล้วว่ามีภัยคุกคามเขาถึงพยายามเดินแต้มในแบบตัวเอง
ส่วนเธอก็เริ่มเอะใจนิด ๆ เช่นกันว่าสิ่งที่เขาทำน่าจะมีเหตุมีผล
และหัวใจของเธอก็มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเหล่านั้น
จะหลอกตัวเองอย่างไร
พยายามบอกตัวเองว่าไม่คิดแค่ไหน
แต่ความจริงมันก็เป็นความจริงอยู่ยังวันยังค่ำ
และความจริง ... มีเพียงหนึ่งเดียว
ที่ควรรู้อยู่แก่ใจ
後菜鳥的燦爛時代 Refresh Man (กึ่งรีวิวตอนที่ 8) : ความจริง ... มีเพียงหนึ่งเดียว
นั้นเขาทำอะไร "เธอคิด" จริง ๆ คิดมาตั้งแต่เช้าแล้วด้วย หมายความว่าอะไรกันที่ว่า "ครั้งนี้ไม่ตั้งใจ" เวลาพูดที่ชอบเอาหน้ามาแนบแทบจะติดแบบนั้นน่ะ คืออะไร คราวนี้ไม่ตั้งใจ แล้วคราวอื่นล่ะ ... เธอพยายามแล้วที่จะไม่คิดเป็นอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน ทำไมมันยากเย็นขึ้นก็ไม่รู้สิ แต่โปรเจคอลม่านล้านแปดที่ทำอยู่ก็ทำให้เธอไม่หยุดสนใจกับเรื่องนี้นานนัก จนกระทั่งเวลามื้อเย็น ระหว่างที่เจรจางานธุรกิจกับจื่ออวี้ จนลืมสั่งข้าว ตอนนั้นทุกอย่างยังเป็นปกติ แต่เมื่ออ้ายชาและเขาก้าวเข้ามา เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าที่เป็นอยู่นั้น "คืออะไร"
ความไม่พอใจหรือ ก็ไม่น่าจะใช่ ผิดหวังหรือก็ไม่ถึงขนาดนั้น รู้แต่ว่ามันส่งผลสะเทือนต่อมื้ออาหารนั้นไม่มากก็น้อย เธอแอบมองเขาใส่สร้อยให้อ้ายชา มองนานจนคนข้างหน้าเริ่มตะงิดใจหน่อย ๆ แววตาแบบนั้น "ใจหาย" ละมัง ที่โต๊ะใกล้ ๆ นั้น เขาแอบมองเธออยู่เช่นกัน คนที่มาด้วยก็พอจะรู้อะไรเลา ๆ "งานจ้อง" ครั้งนี้คงทำให้สิ่งที่สงสัยในใจของอ้ายซาชัดเจนขึ้น แม้เจ้านายของเธอจะกลับมาสู่โหมดปกติได้ในเวลาอันสั้น แต่เธอรู้และแน่ใจว่าภายใต้ความ "ไม่มีอะไร" มันมี และ มี "มาก" เสียด้วย
ดีเทลขนาดเมนูออมเลตดับเบิ้ลชีสนางยังไม่พลาด (ฮา) "ไอ้อ่อนเอ๊ย .... ถ้าไม่ชอบแล้วจะเรียกว่าอะไรฟระ" เสียงเพื่อนสนิทลอยลมมากลั้วเสียงหัวเราะเฮฮา นายว่าเขาเป็นมือใหม่เรื่องงาน อยากบินสูงก็บินไม่ได้ ตัวนายก็ไก่อ่อนเรื่องรักเหมือนกันละวะ บอกไปเถอะไม่รัก อยากหลอกตัวเองก็หลอกไป แต่หลอกชั้นไม่ได้หรอกนะแก แค่สร้าง motivation กับเพื่อนเก่าเหรอ ? ใช่สิ อยู่อเมริกามาเป็น 10 ปี ประสบความสำเร็จดี แล้วด้วยเรื่องแค่นี้ ซื้อตั๋วบินกลับมา .... จ้า จ้า อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ? รู้ได้ไงว่าเขาอยู่บริษัทนี้ล่ะ ติดตามเหรอ หรือเป็น stalker ? สมัยเรียนสาวสวยสะเด็ดชวนเดทไม่รู้กี่หน ก็ไม่จริงจังกับใคร แคร์เขามากเห็นเขาเหนื่อยเพราะตัวเองโยนงานให้ ก็เลยไม่ยอมเรียกใช้ ไม่เรียกรัก ไม่เรียกชอบ แล้วจะเรียกอะไร .... กล้านิยามไหม พูด !!!! อยากเฉไฉไปทางไหนก็แล้วแต่ จะแต่งนิยายโฆษณาชวนเชื่อก็ตามใจ
จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ ... จีเหวินข่ายจึงแหวกตารางงานรัดตัวใน 20 นาทีของวันที่ว่าง มาฟัง presentation ของแผนกขาย 3 และ เชิญหอกข้างแคร่ ฮื้อ หนามแทงใจ ฮ้า เรียกง่าย ๆ ว่าอัศวินชุดขาวของอวี้ถังมาร่วมฟังด้วยในฐานะทายาทเบอร์หนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่ ก็นั่นไง บริษัทที่เขาผู้ทำเป็นหวหน้าเลขาฯอยู่นั่นแหละ งานก็คืองานไหม ? จีเหวินข่ายไม่ใช่เด็กน้อย งานก็คืองาน โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายซะทีไหน
อาจจะไม่รู้ตัวแต่แบบนี้ก็เป็นวิถีทางที่เขาแสดงให้อวี้ถังเห็นว่าเธอมีเขา "สนับสนุน" เธออยู่ แบบไม่มากไม่น้อยไป และ ก็เป็นอีกครั้งที่ "เขา" เปิดหน้าชนกับศัตรูหัวใจตรง ๆ ผมเชื่อว่า "แผนกขาย 3" ร่วมงานกับ " shinway "ไม่ได้นึกอะไรไปมากกว่าเรื่อง "งาน" ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาซักชื่อหนึ่งแต่เหมือนเขารู้กันเองว่าหมายถึงใคร .... แถมเปิดศึกชนิดไม่เกรงใจทายาทคู่ค้ารเลยด้วยซ้ำ แล้วอีแบบนี้ยังจะกล้าพูดอีกไหมว่า ไม่ได้คิดอะไรกับ ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
หากเหตุการณ์ก็ดูจะกลับตาลปัตรไปอีก เพราะ "ศึกชิงเปลือกไข่" เมื่อส่วนผสม "ตัวนี้" ตัวนี้ดันไปทับไลน์กับแผ่นมาร์กสหน้าผลิตภัณฑ์ของแผนกขาย 1 จงอวี้ถังจึงต้องเป็นหนังหน้าไฟอีกครั้ง หมดเรื่องนี้ไปเรื่องนั้นไม่ได้หยุดพัก แล้วคนจับเขาวัวเสี้ยมให้ชนกันก็ไม่ใช่ใคร เจ้าเก่าเจ้าเดิม จีเหวินข่าย ... อีกครั้งที่อวี้ถังซึ่งทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว โดนด่าสาดเสียเทเสีย อีกครั้งที่ความพยายามที่ผ่านมาต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง ด้วยน้ำมือคนกันเอง อีกครั้งที่คำว่า "มือใหม่" กลับมาหลอกหลอนเธอ ต่อหน้าผู้ชายชื่อจีเหวินข่าย และ อีกครั้งที่งานยากแสนยากรอเธอยู่ที่ปลายทาง เหมือนไม่รู้จบไม่รู้สิ้น
ไม่รู้ว่ามันคือความพอใจ หรือ มีอะไรเป็นไปตามแผน
สถานการณ์เริ่มพลิกไปอีกตลบ เมื่ออวี่ถังมาทำความสะอาดบ้านเหวินข่ายเหมือนเคย ณ เวลานั้นเองที่สาเหตุแห่งปัญหาเริ่มเผยโฉม เธอแค่อยากช่วยเขาแต่มันกลับกลายเป็นการทำลายศักดิ์ศรีเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง แล้วท้ายที่สุดมิตรภาพระหว่างเขาและเธอถูกทำลาย โดยเธอไม่มีโอกาสจะแก้ไข เขาเย็นชากับเธอ เธอคิดว่ามันแปลก ๆ แต่เรื่องการสอบ เรื่องปัญหาที่บ้าน ทำให้เธอต้องพักเรื่องราวนั้นเอาไว้ก่อน จนสุดท้าย ... ก็ห่างหายกันไปราว 10 ปี เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าดีใจเมื่อเจอเขา และ ยิ่งรู้ว่าเขาเป็น CEO เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็คิดดีใจกับเพื่อนเก่าด้วยซ้ำ
ผู้ชายคนนั้นจีเหวินข่ายก็ยังไม่พูดอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ผู้หญิงคนนั้นจงอวี่ถังก็ยังไม่คิดเรื่องหัวใจให้ลึกซึ้งเสียที
เขารู้ตัวแล้วว่ามีภัยคุกคามเขาถึงพยายามเดินแต้มในแบบตัวเอง
ส่วนเธอก็เริ่มเอะใจนิด ๆ เช่นกันว่าสิ่งที่เขาทำน่าจะมีเหตุมีผล
และหัวใจของเธอก็มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเหล่านั้น
พยายามบอกตัวเองว่าไม่คิดแค่ไหน
แต่ความจริงมันก็เป็นความจริงอยู่ยังวันยังค่ำ
และความจริง ... มีเพียงหนึ่งเดียว
ที่ควรรู้อยู่แก่ใจ