แบกจักรยานปั่นสิงคโปร์ 5 วัน 4 คืน และฝันร้ายของนักปั่น

สวัสดีครับ

ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ของผมเอง
ผมคิดว่าหลายๆท่านที่ปั่นจักรยาน คงมีความตั้งใจอยากจะนำจักรยานคู่หูไปปั่นท่องเที่ยวในต่างแดน

ทริปนี้เป็นทริปนำจักรยานไปต่างแดนครั้งแรกของผมครับ (และเป็นทริปฝันร้ายของผมด้วย)

ขอเกริ่นนิดนึง เดิมที ผมมักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน ไม่ว่าจากบ้านลาดพร้าวไปทำงานแถวพระราม9 หรือนั่งเล่นร้านกาแฟแถวบ้าน ช่วงวันหยุดพักผ่อน แม้กระทั่งสวมบทพ่อบ้านไปซื้อกับข้าวและของใช้ทั่วไป

จักรยานที่ผมใช้ ตั้งแต่เดิมคันละไม่กี่พัน ผ่านไปสี่ปีเปลี่ยนไปสามคัน ปัจจุบันด้วยน้ำพักน้ำแรงก็มาจบที่ Brompton (จบแบบกัดฟันซื้อเลือดตาแทบกระเด็น) ซึ่งคุณสมบัติของมันน่าประทับใจอย่างที่ใครหลายคนพูดกันจริงๆ พับได้กระทัดรัด ปั่นสนุกและแข็งแรง บอกลาระบบขนส่งมวลชนทุกอย่างตั้งแต่วินมอไซน์ รถเมล์ ยัน BTS MRT (ใช้เวลาปั่น40นาทีแล้วไปอาบน้ำที่ทำงานครับ)









จนมาถึงวันนึง ผมมีความคิดว่า การปั่นในกรุงเทพฯหลายครั้ง อย่างที่รู้กันว่ามันไม่น่าอภิรมย์เลย อยากลองไปปั่นจักรยานต่างประเทศดูบ้าง อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง

มาพิจารณางบประมาณ สุดท้ายก็เลือกสิงคโปร์

สิ่งที่วางแผนคือ ที่ทำงานผมหยุดยาว 11-15เมษายน ผมมีเวลา 5 วัน 4คืน ที่จะสำรวจทั้งเกาะ เว้นเวลา 16-17 เสาร์อาทิตย์พักร่างเพราะคงเหนื่อยแน่ๆ

ผมเลือกพัก Adler Hostel ย่าน china town ราคาต่อคืนพันกว่าบาท
เพราะดูปลอดภัยกับทรัพย์สินผมที่สุดแล้ว แต่ไม่เหงาแบบโรงแรมห้องเดี่ยว
ผม email ไป request เตียงล่าง แจ้งโรงแรมว่าพกจักรยานพับไปด้วยขอพื้นที่วางจักรยานไว้หน้าที่นอน จะได้ไม่รบกวนแขกคนอื่น



การ pack จักรยาน ผมเลือกใช้กระเป๋า vincita สำหรับ brompton
ห่อด้วยแผ่นฟองน้ำกันกระแทก(หลายชั้น) ถอดอานและอุปกรณ์ต่างๆออก
น้ำหนักจักรยานรวมกระเป๋า = 15kg ตามเงื่อนไขของสายการบิน



และนี่คือรายการสถานที่ที่ผมอยากจะไปสำรวจ ข้อมูลจาก trip adviser และ นิตยสาร HUMAN RIDE ฉบับสิงคโปร์
(*คือไม่แนะนำให้เอาจักรยานไปเพราะบางโซนเอาจักรยานเข้าไม่ได้ครับ)

Marina barage
Garden by the bay*
Singapore sport hub
East coast park
Palau Ubin
Punggol waterway park
Bishan park
MacRiche Reservoir Park*
The tree top walk*
Kranji Wetland reserve *
Labrador nature reserve park
Bukit Timah Nature Reserve
The southern Ridge
Mount Faber Park
The henderson wave

วางตำแหน่งใน Google Map คร่าวๆประมาณนี้ครับ



ด้วยจักรยาน ผมสามารถสำรวจทั้งหมดได้ภายใน 4 วัน 4คืน แน่ๆ (แต่...)

Day 1 :

ผมไปถึงสนามบินดอนเมือง เช็คอินประมาณ 05:15 เครื่องออก 07:40
ตอนเช็คอิน แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าขอโหลดสัมภาระเป็นอุปกรณ์กีฬา 1 ชิ้น และสัมภาระทั่วไป 1 ชิ้น



เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก(ครั้งแรกนี่นา) ผมยืนเฝ้ากระเป๋าตั้งแต่ขึ้นสายพานจนลับตา (กลัวโดนโยน)
เมื่อเครื่องออกจากสนามบินเนื่องจากเป็น low cost airline บนเครื่องจึงไม่มีอะไรให้ทำมากนัก (เคยนั่งการบินไทยตอนไปดูงานกับบริษัทมีจอให้ดูหนัง) ผมเลยเอา ipad มานั่งวาดภาพฆ่าเวลาอย่างอารมณ์ดีแทน





ถึง Changi airport เวลา 11.20
ผมเดินอย่าสบายใจและตื่นเต้นมาก คิดในใจว่าจะลองปั่นจากสนามบินไปที่พักเลยดีไหม
เพราะโรงแรมจะเปิดให้เช็คอินตอนบ่ายสาม



ผมเดินมาถึงจุดรับกระเป๋า
กระเป๋าเป้มาแล้ว
ผมรอกระเป๋าจักรยาน
ผ่านไป10นาที หน้าจอตรงสายพานขึ้นว่า Last Bag On the belt.

ไม่มีกระเป๋าจักรยาน!!!!
ผมเดินไปหาเจ้าหน้าที่ My bicycle bag is missing. I need your help!!!!
ผมกับเจ้าหน้าที่เดินกันทั่ว Terminal รวมถึงเช็คที่จุด Odd size/over size baggage
ดูทุกจุดและทุกสายพาน ก็ไม่พบ

สุดท้ายเจ้าหน้าที่พาผมไปที่แผนก lost and found
เมื่อผมเข้าไป เจ้าหน้าที่สอบถามลักษณะกระเป๋า หลังจากนั้นจึงวิทยุสื่อสารไปยังแผนกอื่นๆ ว่ามีใครเจอกระเป๋าผมหรือไม่ สุดท้ายไม่มีใครพบ

เมื่อไม่มีใครพบกระเป๋า เจ้าหน้าที่จึงบันทึกข้อมูลลงในระบบไว้ และขอเบอร์ติดต่อ
เนื่องจากยังไม่มี sim card ผมจึงให้เบอร์ที่โรงแรมไป สุดท้ายผมได้เอกสาร report มา (ขอปิดชื่อสายการบินนะครับ เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการค้นหากระเป๋า)



หลังจากเสร็จธุระจากแผนก Lost and Found ผมเดินคอตกน้ำตาคลอ ออกมาจากแผนก (ยังช็อคอยู่ ทำใจไม่ได้) ลองเดินไปเดินมาในสนามบินจนแน่ใจว่า ไม่มีจริงๆ

หลังจากตั้งสติได้ ผมรีบไปซื้อ sim card เพื่อโทรหาสายการบินที่ไทย
ยี่ห้อที่หลายคนแนะนำคือ Sintel ครับ ผมบึ่งไปขอ tourist sim สำหรับ5วัน



ซึ่ง !!!!!! หมดครับ
(กลับมาอ่านรีวิวตอนกลับไทยไม่ว่าใครก็พูดเหมือนกันว่าไปขอซื้อแล้วsimหมดทุกที)


สุดท้ายได้ sim ตัวนี้มาครับ 50$ 5Gb ใช้ได้ 180วัน ซื้อแพงสุดมาเลยเพราะคิดว่าคงต้องโทรกลับไทยเยอะแน่ๆ
แต่เอาจริง เหลือบานเบอะครับ -_-* (ไม่น่าซื้อเยอะเลย) มันโทรขัามแดนไม่แพงมากอย่างที่คิด รายละเอียดลองดูบนเว็บของ sintel นะครับ
วันสุดท้ายผมเหลือเงินค่าโทร ประมาณ 30$ เน็ตเหลือ3Gb (เน็ตโทรศัพท์ปล่อย wifi ให้ ipad ส่วนมากเป็น upload ภาพ และใช้ google map)



โอเค หลังจากได้ซิมมา ผมรีบโทรหาสายการบินก่อนเลย ผมแจ้งไปว่าไม่มีกระเป๋ามาที่นี่ และประสานกับฝ่าย lost and found ที่นี่แล้ว
อยากให้ช่วยดูว่ากระเป๋าตกเครื่องหรือเปล่า หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังจากสายการบินเช็คข้อมูลก็ยืนยันกลับมาว่า tag กระเป๋าถูกส่งขึ้นเครื่องแล้ว
ผมStun สามวิ....เลยบอกกับสายการบินไปว่าผมให้เจ้าหน้าที่เช็คทั้งสนามบินแล้ว ไม่มีกระเป๋าผมที่นี่ รบกวนตรวจสอบให้แน่ใจด้วยครับ

หลังจากจบการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่ไทย ผมจึงลองส่งข่าวไปยังกลุ่มจักรยาน ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำยังไงดี และทิ้งข้อมูลไว้ในกลุ่มเผื่อว่ากระเป๋าอาจตกหล่นอยู่ที่ดอนเมือง

15:00 หลังจากเสร็จภารกิจที่คิดว่าต้องทำแล้ว ผมเดินทางแบบคอตกไปยังที่พัก
คิดในใจว่าคงแค่กระเป๋าตกเครื่อง เดี๋ยวเค้าก็ส่งมา ไม่มีอะไรต้องกังวล

เมื่อถึงที่พัก ผมแจ้งกับพนักงานโฮสเทลด้วยภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆว่า
I have lost my bicycle baggage. If you get any call from airport please tell me.
พร้อมกับให้เบอร์โทรไว้ โอเค พนักงานเข้าใจ และพาผมไปยังห้องพัก




ภาพข้างบนเป็นชิ้นส่วนของจักรยานที่ผมแยกออกใส่เป้ไว้เพื่อลดน้ำหนักกระเป๋าจักรยาน
ผมถอดอานและตัวล็อคจุดพับ รวมถึงบันไดออกหนึ่งข้าง (กลายเป็นกระสือตัวหาย)


17:00 หลังจากที่จัดระเบียบสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
ผมโทรกลับไปที่ไทยเพื่อเช็คว่าเจอกระเป๋าบ้างมั้ย ทางสายการบินแจ้งว่าตรวจสอบกับสายการบินอื่นที่ใช้สายพานเดียวกัน สุดท้ายผมได้คำตอบเดิม คือไม่เจอ

แต่ทางสายการบินยังยืนยันว่ากระเป๋าถูกส่งมาแล้ว

พนักงานเลยแนะนำว่า ให้ผมลองไปติดต่อกับ lost and found ของสายการบินดู

ผมเลยถามย้ำไปว่า lost and found ของสายการบินเลยใช่ไหม

เพราะผมแจ้งไปแล้วรอบนึง แต่ไม่รู้ว่าเป็นของสายการบินหรือเปล่า พนักงานตอบว่าไม่ทราบรายละเอียดของสนามบินสิงคโปร์แต่ทางสายการบินจะมีแผนกนี้เฉพาะไว้บริการเลย

ด้วยความที่อยากได้จักรยานคืนมามาก ผมบึ่งจาก China Town ไปสนามบินอีกรอบ

19:00 ถึงสนามบิน
ผมหาเคาท์เตอร์สายการบินไม่เจอ
เลยโทรกลับไปที่ไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ไทยก็ไม่ทราบรายละเอียดของสนามบินสิงคโปร์เหมือนกัน - -"

สุดท้ายผมเลยเดินไปถาม information
ด้วยภาษาอังกฤษแบบงงๆ
I lost my baggage. I need to talk with airline lost and found staff. Can you help me?
คุยกันนานมาก สื่อสารกันแบบงงๆ
สุดท้ายพนักงานประชาสัมพันธ์แจ้งว่า สนามบินมี lost and found 2 จุดคือ ส่วนของสนามบินกับส่วนของสายการบิน ถ้าของหายที่สายพานกระเป๋า แนะนำให้ติดต่อกับส่วนของสายการบิน

พนักงานต่อสายและให้ผมกรอกเอกสารเพื่อติดต่อ
ทำเรื่องไปสักพัก ผมกลับเข้ามาที่แผนกเดิม?
(ผ่านการกรอกเอกสารและตรวจกระเป๋ากับตำรวจสนามบิน)

สุดท้ายผมต้องมาทะเลาะกับเจ้าหน้า Lost and found คนเดิม
เธอถามผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า คุณกลับมาที่นี่ทำไม ใครโทรบอกให้คุณมาที่นี่?!
ผมโวยวายกลับไปว่า ทางสายการบินบอกให้ผมมา เขาแจ้งว่าเขาส่งกระเป๋ามาแล้ว

หลังจากเหวี่ยงกันไปมา ผมกลับออกมาเหมือนเดิม คือไม่เจอกระเป๋า

สุดท้ายคือ ได้แต่รอ หลังจากกลับมาที่พักผมออกมาเดินเล่นข้างนอกเพื่อแก้ฟุ้งซ่าน



ในใจคิดว่า ถ้าได้จักรยานคงออกมาสำรวจได้มากกว่านี้
จบไปหนึ่งวัน หมดตังค่าโทรและเดินทางไปน่าจะประมาณ 50$

เพื่อนๆหลายคนทราบเรื่องและถามกันเข้ามาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
และแนะนำว่าถ้าดำเนินเรื่องเสร็จแล้ว คงได้แต่รอ ยังไงก็เที่ยวให้สบายใจดีกว่า อย่าคิดมาก

โอเค วันพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่

END OF DAY 1

เหลืออีก 4 วันครับกำลังเขียน

DAY 2 : จากปั่นเป็นเดิน :รีวิวเที่ยวสิงคโปร์แนว escape from the city ตอนที่ 1
DAY 3 : มิตรภาพ
DAY 4 : สิงคโปร์มีป่า : รีวิวเที่ยวสิงคโปร์แนว escape from the city ตอนที่ 2
DAY 5 : เดินทางกลับและชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่