มาปลูกดอกไม้ในวันที่ฟ้าสดใสกันเถอะค่ะ ( เรื่องราวยุ่งๆ ของน้องหมา เจค กับ ทริกเกอร์ )
http://ppantip.com/topic/31176227
ฉันกลับจากเมืองไทยมาได้สักพักหนึ่งได้แล้วละค่ะ หลังจากไปเยี่ยมบ้านเป็นเวลาสองเดือน และช่วงเวลาที่ว่านั้น หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเกือบจะหลอมละลายไปกับอากาศอันร้อนอบอ้าว แต่โชคดีเหลือล้นที่มีชีวิตรอดกลับมาได้ในที่สุด
เจ้าบ้านเจ้าเรือน เอ๊ย คุณผู้ชาย เหย้าให้ฉัน คุณนี่จังหวะชีวิตดีจังเลยนะ บินไปเมืองไทยตอนปลายฤดูหนาว แล้วกลับมาบ้านตอนฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่คนอื่นเขาหนาวคุณก็ไม่หนาว คนอื่นเขาร้อน แต่คุณอบอุ่น
“อย่าพูดมากได้ไหม ติ๊ก เจษ เอ๊ย ที่รัก ถึงฉันกลับมาเจออากาศดีก็จริง แต่ฉันก็ต้องทำงานนะคะ ไม่ใช่อยู่เฉยเสียหน่อย “ ฉันพูดจบก็สะบัดหน้าพรืด ก่อนจะออกไปที่โรงรถ ไปเดินรอบๆรถกอล์ฟ ดูความเรียบร้อยของข้าวของที่เตรียมไว้ กุหลาบในกระถางเล็กๆสองกระถาง ดอกไม้หลากสีในตะกร้า ถุงมือ ช้อนปลูก ส้อมพรวน เมื่อทุกอย่างครบถ้วน ก็กระโดดขึ้นรถกระจำตัว วันนี้จะปลูกดอกไม้ที่หน้าบ้าน เพราะหลังบ้านปลูกไปแล้วเมื่อวาน
ฉันพารถกอล์ฟแล่นเลียบถนนหน้าบ้าน ขับไปยิ้มไป เพราะลมเย็นพัดเอื่อย อากาศสุดแสนจะสบาย และเมื่อมองไปยังสนามหน้าบ้านตัวเอง หรือเพื่อนบ้านถัดไป ก็เห็นแต่ดอกไม้นานาออกดอกสะพรั่ง สีสัน สดใส มองไปมองมา ราวกับ ภาพวาด” Garden at Giverny “ ของ โมเนต์ Monet ศิลปินในยุคอิมเพรสชันนิสม์ ที่ฉันหลงใหล ยังไงยังงั้นเชียวแหละคุณ
ฉันคงจะชื่นชมบรรยากาศรอบตัวต่อไปอีกนานแสนนาน หากไม่เผอิญนึกขึ้นมาได้ว่า ปลูกต้นไม้เสร็จ ฉันยังต้องเตรียมอาหารมื้อกลางวันให้คุณผู้ชาย พอนึกได้ก็ไม่รอช้าพารถมาจอดข้างๆกับเทอเรสหน้าบ้านด้านซ้ายมือ จากนั้นก็ขนเครื่องมือทำสวนลงจากรถไปวางบนทางเดิน เสร็จแล้วก็หมุนตัวเร็วๆจะกลับไปยังรถ เพื่อเอากุหลาบ กับดอกไม้ในตะกร้า แค่คิดยังไม่ได้ไป แขกไม่ได้รับเชิญสองตัว ก็วิ่งพรวดมาหา
“ปลูกดอกไม้อีกแล้วเหรอครับ คุณผู้หญิง” เจ้าทริกจอมกวนเอียงคอถามพร้อมกับยิงฟันขาววับ ตัดกับขนที่ดำเมี่ยม
“ใช่ ทริก มีปัญหาอะไรเหรอ” ฉันถามอย่างนักเลงๆ รำคาญนั่นแหละ เรื่องของเรื่อง
“ผมว่าปลูกดอกไม้ สิ้นเปลืองโดยไม่ใช่เหตุ เพราะปลูกไปก็กินไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงจะปลูกไปทำไมให้เหนื่อย”
“ดอกไม้ อาจจะไม่ทำให้เราอิ่มท้อง แต่มองแล้วอิ่มใจ ช่างเถอะ พูดไปหมาอย่างเราก็ไม่รู้เรื่องหรอกนะ ไหนๆก็มาแล้ว ไปคาบดอกไม้ในตะกร้าท้ายรถมาซิ เร็วเข้าอย่าช้า”
“ช้าก่อนคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงพูดอะไร ผมได้ยินไม่ถนัด” เจ้าทริกถามเสร็จ ยักคิ้วแผล่บ
“ฉันใช้เรา ให้ไปคาบตะกร้าดอกไม้มาให้ มีปัญหาอะไรเหรอเจ้าทริก ”
ทริกเกอร์ได้ยินคำตอบก็เงียบไปครู่ ก่อนจะแผดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆๆ”
“ใช้ให้ไปคาบตะกร้าดอกไม้ กลับมายืนหัวเราะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไงเจ้าทริก” ฉันถามอย่างหงุดหงิด
“ก็มันขำนี่ครับคุณผู้หญิง” เจ้าทริกว่า ก่อนจะพูดต่อไปเร็วๆเมื่อเห็นฉันขยับจะพูดบ้าง” ผมพูดแล้ว คุณผู้หญิงจะว่าผมปากมาก ผมก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ผมพูดจริงๆนะครับ กลับจากเมืองไทยเที่ยวนี้ คุณผู้หญิงกลายเป็นคนโลกสวยอย่างเหลือเชื่อ อิมพอสซิเบิ้ลจริงๆ”
“ไอ้ทริก”
“ก็มันจริงๆนี่ครับ อยู่ดีๆจะให้หมาแมนๆ อย่างผม ไปคาบตะกร้าดอกไม้ ใครมาเห็นผมเข้าคงหัวเราะฟันหัก อ้อ แล้วไอ้หมาที่คาบตะกร้าดอกไม้ ที่คุณผู้หญิงว่า ผมเห็นมีแต่ในหนัง หรือทีวี เท่านั้น ไม่มีหรอกนะครับในชีวิตจริง”
“ใช้นิดใช้หน่อยมีปัญหา เรานี่มันเลี้ยงเปลืองอาหารเม็ดจริงๆเลยนะเจ้าทริก ” ( ถ้าเป็นคน จะเขียนว่า เลี้ยงไว้เปลืองข้าวสุก แต่เพราะเจ้าทริกเป็นน้องหมา เลยเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดแทน เพื่อความเหมาะสมค่ะ)
“คุณผู้หญิงนี่ นอกจากจะโลกสวย แล้วยังขี้ลืมอย่างแรงอีกด้วย คุณผู้หญิงเพิ่งจะพูดไปหยกๆเมื่อกี้เองนะครับว่า ปลูกดอกไม้ กินไม่ได้แต่เอาไว้ดู เพราะมันเป็นความสุขทางใจ คุณผู้หญิงก็สมมุติว่าผมเป็นดอกไม้ซิครับ ถึงจะกินไม่ได้ แต่เห็นหน้าหล่อๆของผมทุกวัน คุณผู้หญิงก็แฮปปี้ มีความสุข”
“เหอ” ฉันร้องออกมางงๆ มองหน้าไอ้ทริกที่ยืนยิ้มแฉ่ง หัวใจอันห่อเหี่ยวของฉันประหวัดนึกไปถึง Benji น้องหมาแสนรู้ในหนังเรื่องโปรดของฉันขึ้นมา
ฉันและคนอีกมากมายในโลกที่หลงรัก Benji เพราะ Benji แสนรู้ น่ารัก คาบหนังสือพิม์ก็ได้ แถมฉลาดเฉลียดเอาตัวรอดยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าร้าย ผิดกับไอ้ทริก ที่ชาตินี้เกิดมา สมัครใจจะเป็นผู้ร้ายอย่างเดียวเลย
“คุณผู้หญิงครับ ดอกไม้มาแล้วครับผม” เสียงของเจคดังขึ้นมาจากด้านหลัง ดึงความคิดฉันกลับมา ฉันหมุนตัวไปมองเร็วๆ ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเจคที่ครู่ก่อนยังฟังฉันกับไอ้ทริกถกเถียงกันอยู่ คาบตะกร้าดอกไม้ วิ่งตรงมาหา ช้าๆ สโลโมชั่น ทันใดนั้นเอง หูทั้งสองของฉันก็แว่ว I feel love เพลงเอกในภาพยนตร์ Benji ลอยมาตามลม
I feel love all around
I can feel it shine and down
It likes of the day like the morning sun
Reaching out and touching everyone
“นอกจากจะชอบประจบสอพลอแล้ว พี่เจคก็ยังเหมือนกับหมาเด็กเล่นที่ไขลานอีกด้วยนะเนี่ย แบบว่าพอคุณผู้หญิงไขลานปุ๊บ ก็ทำปั๊บ” ไอ้ทริกปากยื่นปากยาวให้เจค ที่ทำดีเกินหน้า ฝ่ายเจคพอส่งตะกร้าดอกไม้ให้ฉันเสร็จ ก็หันไปตอบโต้ กับไอ้เด็กเหลือขอ
“เอาเวลากระแนะกระแหนฉัน ไปทำดีบ้างเถอะเจ้าทริก แต่อย่างว่าแหละนะ หมาไม่เอาไหนอย่างแก พูดไปก็เสียเวลา เพราะหมาอย่างแกมันหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ชอบแต่สบายท่าเดียว” (นานๆเจคจะพูดเสียที แต่พอพูดทีก็เจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ นี่ถ้าคนเขียนเป็นเจ้าทริก มีหวังไปผูกคอตายใต้ต้นผักชีแน่เลย )
“ที่ด่านี่ คิดว่าผมจะเจ็บเร๊อะ อิๆๆ”ทริกลอยหน้าลอยตาถาม แบบกวนๆ
“ด่า อาจจะไม่เจ็บ แต่ถ้าเจอไอ้นี่ เจ็บแน่” “ เจคหยุดพูด พร้อมกับยกเท้าข้างซ้ายขึ้นขู่ ทำเอาไอ้ทริกหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“นอกจากไอ้นั่น ดีไม่ดียังจะเจอไอ้นี่ด้วยนะ “ฉันสริมขึ้นมาเร็วๆ ไอ้นั่นแน่นอนคือเท้าเจค ส่วนไอ้นี่ก็คือส้อมพรวนในมือฉัน ที่กวัดแกว่งไปมา น่าหวาดเสียวยิ่ง
เจ้าทริกโดนรุมสอง เกิดอาการจ๋อย เลยหนีไปยืนที่ข้างกระถางใบเฟิร์น ที่วางหมิ่นๆที่ริมเทอเรส คงเพราะตั้งแต่มาพูดไม่หยุด ก็เลยก้มลงกินน้ำฝนที่ขังอยู่ในกระถาง
“ทริก น้ำในกระถางต้นไม้เปื้อนดิน ดำปี๋ อย่ากิน เดี๋ยวไม่สบาย ถ้าหิวน้ำ ก็ไปกินน้ำในขันหลังบ้านนั่น ไป๊ ” ฉันที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ กำลังจะปลูกกุหลาบ ร้องบอกอย่างเป็นห่วง ทั้งที่เพิ่งจะทะเลาะกับมันไปหยกๆ เจ้าทริกกินน้ำเสร็จ เงยหน้าจากกระถางขึ้นมาตอบยิ้มๆ
“น้ำสกปรก ไม่ทำให้ผมตายได้หรอกครับ แต่ถ้าไม่ได้กินน้ำนี่ซิ ผมอาจจะตายเพราะความหิวกระหายก็เป็นได้ ” เจ้าตัวพูดเสร็จก็ยิ้มกว้าง สีหน้าของมันบอกฉัน เป็นไงคุณผู้ญิง เจอคารมผมไปหน่อย ถึงกับอึ้งไปเลยนะ
“คมมากใช่ไหมครับ ขอโทษนะครับผู้หญิง ถ้าผมจะบอกอะไรกับคุณผู้หญิงว่า ในโลกใบนี้ ไม่ใช่คุณผู้หญิงคนเดียว หรอกนะครับ ที่ศึกษาปรัชญา ตะวันตก ตะวันออก ผมเองก็ศึกษามาเหมือนกัน โซเครติส ขงจื้อ ผมรู้หมดละ ”ไอ้ทริกพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในขณะที่ฉันกับเจคพูดไม่ออก เอาแต่มองหน้ามัน ที่เล่นสำบัดสำนวนชวนหมั่นไส้ อย่างสนเท่ห์
“แกไปศึกษาปรัชญาตอนไหนวะไอทริก ในเมื่อแกกับฉันอยู่ด้วยกันตลอดเวลา” เจคถามเจ้าทริก ซึ่งเป็นคำถามเดียวที่ฉันอยากจะถามเจ้าทริกเหมือนกัน แต่เพราะยังงงอยู่ ก็เลยพูดไม่ออก
“ผมก็ศึกษา ตอนที่พี่เจคนอนหลับอยู่นะซิ อ่านปรัชญา ต้องอ่านเงียบๆ อ่านไป คิดไป”
“
” ขนาดเจค ที่เรียบร้อย อ่อนโยนยังกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ และพอพูดได้ ก็พูดติดกันเป็นพรืด โดยไม่เว้นวรรคช่องไฟ” หลอกใครหลอกได้ หลอกฉันไม่ได้หรอกเว้ย หน้าปกปรัชญาจริง แต่ในเล่มเป็นเพลย์บอย ของ ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ เปิดไปมีแต่รูปผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย ฉันเห็นแกมองตาลุก น้ำลายไหลยืดเป็นตังเม อย่าเถียงนะไอ้ทริก ว่าไม่จริง“
“ไม่จริงนะคุณผู้หญิง พี่เจคโกหก อย่าไปฟัง” ไอ้ทริกหันมาแก้ตัวกับฉันปากคอสั่น
“พอเลย หยุดทั้งคู่” ฉันที่ฟังเจ้าสองคนถกเถียงกัน จนไม่เป็นอันปลูกต้นไม้ ตวาดดังๆ “ อยากจะทะเลาะกัน ไปไกลๆ ฉันจะปลูกกุหลาบ ต้องการความสงบได้ยินไหม”
“ผมยังไม่อยากไปไหน ขอนั่งอยู่ใกล้ๆได้ไหมครับ” ทริกเกอร์ต่อรอง
“ผมก็ยังไม่อยากไปเหมือนกัน”เจคว่า “ผมชอบดูคุณผู้ญิงปลูกดอกไม้ เพลินดี”
“อยากนั่งก็นั่ง แต่ต้องนั่งเงียบๆ ห้ามพูดมาก”
“ได้ครับๆ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน ก่อนจะไปนั่งคู่กันบนทางเดินห่างจากฉันไปหน่อย
“ผมสงสัย อยากจะถามอะไร คุณผู้หญิงสักหน่อยครับ “ไอ้ทริกเริ่ม หลังจากเงียบไปเดี๋ยวเดียว (จริงๆ)
“สงสัยอะไรว่ามา ทริก”
“ทำไม คุณผู้หญิง ถึงใส่ผงชูรสในดอกไม้ล่ะครับ”
ฟังคำถามของเจ้าทริกที่ว่า ฉันก็อึ้งไปอึดใจ ก่อนจะแผดเสียงหัวเราะออกมาดังๆอย่างขบขำ
“ฮ่าๆ” ช่างน่าขำอะไรอย่างนี้นะ เจ้าทริกเห็นฉันผสม Miracle-Gro ที่เป็นปุ๋ยลงในกระป๋องน้ำ แล้วเอาไม้คนไปมาให้ละลายก่อนจะรดลงไปบนกุหลาบที่ฉันเพิ่งจะปลูกเสร็จ คิดว่าปุ๋ยเป็นผงชูรส
“หัวเราะผมทำไม ผมพูดอะไรผิดหรือครับคุณผู้หญิง”
“ผิดซิ ผิดมากด้วย เพราะผงชูรส ที่เราว่าน่ะ เขาใส่ให้อาหารรสชาติดี ส่วนผงที่ฉันใส่ในต้นไม้นี่มันคือปุ๋ย บำรุงดอกไม้ ต้นไม้ให้โตเร็วๆ”
“จริงๆหรอครับคุณผู้หญิง ” เจ้าทริกถามเสียงแหลม ตาทั้งสองโตเท่าไข่ห่าน
“ก็จริงนะซิ มีอะไรเหรอทริก ”
“ถ้าใสปุ๋ย แล้วต้นไม้ ดอกไม้โตเร็วๆ คุณผู้หญิงช่วยผสมให้ผมสักแก้วสองแก้วซิครับ ผมจะกินเดี๋ยวนี้เลย”
“เหอ” ฉันกับเจคร้องพร้อมกันอย่างงงๆ มองทริกเกอร์ เจ้าตัวเลยอธิบายต่อไปก่อนที่ฉัน หรือเจคจะถาม หรือพูดอะไร
“คือผมอยากสูงแบบต้นไม้บ้าง น้องจูเลียที่อยู่บ้านคุณวิลลี่ จะได้เลิกว่าผมสักที หล่อน่ะหล่อ เสียแต่ว่าเตี้ยไปนิด “
“ฮ่าๆ “ คราวนี้ใช่แต่ฉันที่หัวเราะ เจคที่นั่งฟังเงียบๆ ก็หัวเราะเหมือนกับฉัน ก่อนที่เจคจะเหน็บเจ้าทริกแรงๆ
“เอาสมองส่วนไหนคิดวะ ไอ้ทริก ปุ๋ย มันเป็นวัสดุที่ให้สารอาหารกับพืช และช่วยปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืช ต้นไม้กับดอกไม้ของคุณผู้หญิงได้ปุ๋ยเรื่อยๆถึงได้งาม แต่ก็ไม่ใช่ว่านึกจะใส่ก็ใส่ ต้องใส่ตามที่เขากำหนด ไม่งั้นแทนที่ต้นไม้ ดอกไม้จะโต ดีไม่ดีอาจจะตายก็ได้ แต่เอ ถ้าแกกินปุ๋ย ก็ไม่แน่นะ “ เจคหยุดตอนท้ายหรี่ตามอง เจ้าทริกที่อยากรู้เลยถามเร็วๆโดยไม่หายใจ
“มันจะช่วยเร่งให้ผมโตเร็วขึ้น ใช่ไหมพี่เจค”
“เปล่า เร่งให้ตายเร็วขึ้นต่างหาก”
“ว้าย!!!! “
“เราไปรู้เรื่องปุ๋ย มาจากไหนเหรอเจค เก่งแฮะ” ฉันถามเจคอย่างแปลกใจ ก่อนจะชมตอนท้าย
เจคม้วนไปม้วนมา ก่อนจะยิงฟันตอบยิ้มๆ
“ผมได้ความรู้เรื่องนี้ มาจากคุณผู้ชายน่ะครับ”
“ยังไงเหรอเจค”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เช้าวันนั้นประมาณตีห้าเศษๆ คุณผู้ชายลงมาเปิดประตูบ้านให้พวกผมเหมือนกับทุกวัน แต่พอดีอาหารเม็ดหมดไปเมื่อวาน คุณผู้ชายเลยหยิบเอาถุงอาหารมาด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะว่าคุณผู้ชายตายังไม่สว่างดีก็ได้ แทนที่จะเอาถุงอาหารมา ดันหยิบเอาถุงปุ๋ยมาแทน คุณผู้ชายเกือบจะเทให้เรากินแล้ว ดีแต่ดีว่าผมเอะใจ ท้วงไว้เสียก่อน เพราะปกติถุงอาหารจะมีรูปน้องหมายิ้มแป้น แต่คราวนี้กลายเป็นดอกแทน พอผมท้วงคุณผู้ชาย คุณผู้ชายตกใจ ตาสว่าง รีบเอาถุงปุ๋ยไปเก็บ เอาอาหารเม็ดมาให้เรา แล้วระหว่างนั้นก็อธิบายเรื่องปุ๋ยให้ผมฟัง ไอ้ทริกไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะตอนนั้นมันออกไปฉี่ที่สนาม”
“งั้นเหรอ”ฉันร้องออกมาดังๆอย่างแปลกใจ และแอบรู้สึกกระหยิ่มในใจนิดๆ แค่ฉันเดินชนประตูกระจกร้านกาแฟเพราะลืมแว่นตาไว้ที่บ้าน หรือร้องแรกให้เขาช่วยหาแปรงสีฟันที่เสียบไว้ที่หู แล้วเกิดลืม แค่นี้เขาเรียกฉันว่ายายเฉิ่มบ้าง เฟอะฟะบ้าง ทั้งที่สิ่งที่ฉันทำ หลายคนเขาก็เผลอไผลทำกัน ผิดกับเขา ที่เพียบพร้อมดีงามไปเสียหมด แต่อยู่ดีๆดันจะเอาปุ๋ยให้หมากิน เดี๋ยวรอให้เจอหน้า ฉันจะเอาคืนให้หนำใจทีเดียว
“คุณผู้หญิงครับ “
“อะไรทริก” ขานไม่เต็มเสียง เพราะมัวแต่คิด หาคำพูดร้ายๆไว้จัดการ “มิสเตอร์เพอร์เฟค”
“ทำไม คุณผู้หญิง จึงชอบกุหลาบมากล่ะครับ”
“ก็มันสวย”
“แล้วไงอีกเหรอครับ”
“หอม”
“แล้วไงอีกครับ”
มาปลูกดอกไม้ในวันที่ฟ้าสดใสกันเถอะค่ะ ( เรื่องราวยุ่งๆ ของน้องหมา เจค กับ ทริกเกอร์ )
http://ppantip.com/topic/31176227
ฉันกลับจากเมืองไทยมาได้สักพักหนึ่งได้แล้วละค่ะ หลังจากไปเยี่ยมบ้านเป็นเวลาสองเดือน และช่วงเวลาที่ว่านั้น หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเกือบจะหลอมละลายไปกับอากาศอันร้อนอบอ้าว แต่โชคดีเหลือล้นที่มีชีวิตรอดกลับมาได้ในที่สุด
เจ้าบ้านเจ้าเรือน เอ๊ย คุณผู้ชาย เหย้าให้ฉัน คุณนี่จังหวะชีวิตดีจังเลยนะ บินไปเมืองไทยตอนปลายฤดูหนาว แล้วกลับมาบ้านตอนฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่คนอื่นเขาหนาวคุณก็ไม่หนาว คนอื่นเขาร้อน แต่คุณอบอุ่น
“อย่าพูดมากได้ไหม ติ๊ก เจษ เอ๊ย ที่รัก ถึงฉันกลับมาเจออากาศดีก็จริง แต่ฉันก็ต้องทำงานนะคะ ไม่ใช่อยู่เฉยเสียหน่อย “ ฉันพูดจบก็สะบัดหน้าพรืด ก่อนจะออกไปที่โรงรถ ไปเดินรอบๆรถกอล์ฟ ดูความเรียบร้อยของข้าวของที่เตรียมไว้ กุหลาบในกระถางเล็กๆสองกระถาง ดอกไม้หลากสีในตะกร้า ถุงมือ ช้อนปลูก ส้อมพรวน เมื่อทุกอย่างครบถ้วน ก็กระโดดขึ้นรถกระจำตัว วันนี้จะปลูกดอกไม้ที่หน้าบ้าน เพราะหลังบ้านปลูกไปแล้วเมื่อวาน
ฉันพารถกอล์ฟแล่นเลียบถนนหน้าบ้าน ขับไปยิ้มไป เพราะลมเย็นพัดเอื่อย อากาศสุดแสนจะสบาย และเมื่อมองไปยังสนามหน้าบ้านตัวเอง หรือเพื่อนบ้านถัดไป ก็เห็นแต่ดอกไม้นานาออกดอกสะพรั่ง สีสัน สดใส มองไปมองมา ราวกับ ภาพวาด” Garden at Giverny “ ของ โมเนต์ Monet ศิลปินในยุคอิมเพรสชันนิสม์ ที่ฉันหลงใหล ยังไงยังงั้นเชียวแหละคุณ
ฉันคงจะชื่นชมบรรยากาศรอบตัวต่อไปอีกนานแสนนาน หากไม่เผอิญนึกขึ้นมาได้ว่า ปลูกต้นไม้เสร็จ ฉันยังต้องเตรียมอาหารมื้อกลางวันให้คุณผู้ชาย พอนึกได้ก็ไม่รอช้าพารถมาจอดข้างๆกับเทอเรสหน้าบ้านด้านซ้ายมือ จากนั้นก็ขนเครื่องมือทำสวนลงจากรถไปวางบนทางเดิน เสร็จแล้วก็หมุนตัวเร็วๆจะกลับไปยังรถ เพื่อเอากุหลาบ กับดอกไม้ในตะกร้า แค่คิดยังไม่ได้ไป แขกไม่ได้รับเชิญสองตัว ก็วิ่งพรวดมาหา
“ปลูกดอกไม้อีกแล้วเหรอครับ คุณผู้หญิง” เจ้าทริกจอมกวนเอียงคอถามพร้อมกับยิงฟันขาววับ ตัดกับขนที่ดำเมี่ยม
“ใช่ ทริก มีปัญหาอะไรเหรอ” ฉันถามอย่างนักเลงๆ รำคาญนั่นแหละ เรื่องของเรื่อง
“ผมว่าปลูกดอกไม้ สิ้นเปลืองโดยไม่ใช่เหตุ เพราะปลูกไปก็กินไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงจะปลูกไปทำไมให้เหนื่อย”
“ดอกไม้ อาจจะไม่ทำให้เราอิ่มท้อง แต่มองแล้วอิ่มใจ ช่างเถอะ พูดไปหมาอย่างเราก็ไม่รู้เรื่องหรอกนะ ไหนๆก็มาแล้ว ไปคาบดอกไม้ในตะกร้าท้ายรถมาซิ เร็วเข้าอย่าช้า”
“ช้าก่อนคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงพูดอะไร ผมได้ยินไม่ถนัด” เจ้าทริกถามเสร็จ ยักคิ้วแผล่บ
“ฉันใช้เรา ให้ไปคาบตะกร้าดอกไม้มาให้ มีปัญหาอะไรเหรอเจ้าทริก ”
ทริกเกอร์ได้ยินคำตอบก็เงียบไปครู่ ก่อนจะแผดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆๆ”
“ใช้ให้ไปคาบตะกร้าดอกไม้ กลับมายืนหัวเราะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไงเจ้าทริก” ฉันถามอย่างหงุดหงิด
“ก็มันขำนี่ครับคุณผู้หญิง” เจ้าทริกว่า ก่อนจะพูดต่อไปเร็วๆเมื่อเห็นฉันขยับจะพูดบ้าง” ผมพูดแล้ว คุณผู้หญิงจะว่าผมปากมาก ผมก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ผมพูดจริงๆนะครับ กลับจากเมืองไทยเที่ยวนี้ คุณผู้หญิงกลายเป็นคนโลกสวยอย่างเหลือเชื่อ อิมพอสซิเบิ้ลจริงๆ”
“ไอ้ทริก”
“ก็มันจริงๆนี่ครับ อยู่ดีๆจะให้หมาแมนๆ อย่างผม ไปคาบตะกร้าดอกไม้ ใครมาเห็นผมเข้าคงหัวเราะฟันหัก อ้อ แล้วไอ้หมาที่คาบตะกร้าดอกไม้ ที่คุณผู้หญิงว่า ผมเห็นมีแต่ในหนัง หรือทีวี เท่านั้น ไม่มีหรอกนะครับในชีวิตจริง”
“ใช้นิดใช้หน่อยมีปัญหา เรานี่มันเลี้ยงเปลืองอาหารเม็ดจริงๆเลยนะเจ้าทริก ” ( ถ้าเป็นคน จะเขียนว่า เลี้ยงไว้เปลืองข้าวสุก แต่เพราะเจ้าทริกเป็นน้องหมา เลยเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดแทน เพื่อความเหมาะสมค่ะ)
“คุณผู้หญิงนี่ นอกจากจะโลกสวย แล้วยังขี้ลืมอย่างแรงอีกด้วย คุณผู้หญิงเพิ่งจะพูดไปหยกๆเมื่อกี้เองนะครับว่า ปลูกดอกไม้ กินไม่ได้แต่เอาไว้ดู เพราะมันเป็นความสุขทางใจ คุณผู้หญิงก็สมมุติว่าผมเป็นดอกไม้ซิครับ ถึงจะกินไม่ได้ แต่เห็นหน้าหล่อๆของผมทุกวัน คุณผู้หญิงก็แฮปปี้ มีความสุข”
“เหอ” ฉันร้องออกมางงๆ มองหน้าไอ้ทริกที่ยืนยิ้มแฉ่ง หัวใจอันห่อเหี่ยวของฉันประหวัดนึกไปถึง Benji น้องหมาแสนรู้ในหนังเรื่องโปรดของฉันขึ้นมา
ฉันและคนอีกมากมายในโลกที่หลงรัก Benji เพราะ Benji แสนรู้ น่ารัก คาบหนังสือพิม์ก็ได้ แถมฉลาดเฉลียดเอาตัวรอดยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าร้าย ผิดกับไอ้ทริก ที่ชาตินี้เกิดมา สมัครใจจะเป็นผู้ร้ายอย่างเดียวเลย
“คุณผู้หญิงครับ ดอกไม้มาแล้วครับผม” เสียงของเจคดังขึ้นมาจากด้านหลัง ดึงความคิดฉันกลับมา ฉันหมุนตัวไปมองเร็วๆ ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเจคที่ครู่ก่อนยังฟังฉันกับไอ้ทริกถกเถียงกันอยู่ คาบตะกร้าดอกไม้ วิ่งตรงมาหา ช้าๆ สโลโมชั่น ทันใดนั้นเอง หูทั้งสองของฉันก็แว่ว I feel love เพลงเอกในภาพยนตร์ Benji ลอยมาตามลม
I feel love all around
I can feel it shine and down
It likes of the day like the morning sun
Reaching out and touching everyone
“นอกจากจะชอบประจบสอพลอแล้ว พี่เจคก็ยังเหมือนกับหมาเด็กเล่นที่ไขลานอีกด้วยนะเนี่ย แบบว่าพอคุณผู้หญิงไขลานปุ๊บ ก็ทำปั๊บ” ไอ้ทริกปากยื่นปากยาวให้เจค ที่ทำดีเกินหน้า ฝ่ายเจคพอส่งตะกร้าดอกไม้ให้ฉันเสร็จ ก็หันไปตอบโต้ กับไอ้เด็กเหลือขอ
“เอาเวลากระแนะกระแหนฉัน ไปทำดีบ้างเถอะเจ้าทริก แต่อย่างว่าแหละนะ หมาไม่เอาไหนอย่างแก พูดไปก็เสียเวลา เพราะหมาอย่างแกมันหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ชอบแต่สบายท่าเดียว” (นานๆเจคจะพูดเสียที แต่พอพูดทีก็เจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ นี่ถ้าคนเขียนเป็นเจ้าทริก มีหวังไปผูกคอตายใต้ต้นผักชีแน่เลย )
“ที่ด่านี่ คิดว่าผมจะเจ็บเร๊อะ อิๆๆ”ทริกลอยหน้าลอยตาถาม แบบกวนๆ
“ด่า อาจจะไม่เจ็บ แต่ถ้าเจอไอ้นี่ เจ็บแน่” “ เจคหยุดพูด พร้อมกับยกเท้าข้างซ้ายขึ้นขู่ ทำเอาไอ้ทริกหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“นอกจากไอ้นั่น ดีไม่ดียังจะเจอไอ้นี่ด้วยนะ “ฉันสริมขึ้นมาเร็วๆ ไอ้นั่นแน่นอนคือเท้าเจค ส่วนไอ้นี่ก็คือส้อมพรวนในมือฉัน ที่กวัดแกว่งไปมา น่าหวาดเสียวยิ่ง
เจ้าทริกโดนรุมสอง เกิดอาการจ๋อย เลยหนีไปยืนที่ข้างกระถางใบเฟิร์น ที่วางหมิ่นๆที่ริมเทอเรส คงเพราะตั้งแต่มาพูดไม่หยุด ก็เลยก้มลงกินน้ำฝนที่ขังอยู่ในกระถาง
“ทริก น้ำในกระถางต้นไม้เปื้อนดิน ดำปี๋ อย่ากิน เดี๋ยวไม่สบาย ถ้าหิวน้ำ ก็ไปกินน้ำในขันหลังบ้านนั่น ไป๊ ” ฉันที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ กำลังจะปลูกกุหลาบ ร้องบอกอย่างเป็นห่วง ทั้งที่เพิ่งจะทะเลาะกับมันไปหยกๆ เจ้าทริกกินน้ำเสร็จ เงยหน้าจากกระถางขึ้นมาตอบยิ้มๆ
“น้ำสกปรก ไม่ทำให้ผมตายได้หรอกครับ แต่ถ้าไม่ได้กินน้ำนี่ซิ ผมอาจจะตายเพราะความหิวกระหายก็เป็นได้ ” เจ้าตัวพูดเสร็จก็ยิ้มกว้าง สีหน้าของมันบอกฉัน เป็นไงคุณผู้ญิง เจอคารมผมไปหน่อย ถึงกับอึ้งไปเลยนะ
“คมมากใช่ไหมครับ ขอโทษนะครับผู้หญิง ถ้าผมจะบอกอะไรกับคุณผู้หญิงว่า ในโลกใบนี้ ไม่ใช่คุณผู้หญิงคนเดียว หรอกนะครับ ที่ศึกษาปรัชญา ตะวันตก ตะวันออก ผมเองก็ศึกษามาเหมือนกัน โซเครติส ขงจื้อ ผมรู้หมดละ ”ไอ้ทริกพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในขณะที่ฉันกับเจคพูดไม่ออก เอาแต่มองหน้ามัน ที่เล่นสำบัดสำนวนชวนหมั่นไส้ อย่างสนเท่ห์
“แกไปศึกษาปรัชญาตอนไหนวะไอทริก ในเมื่อแกกับฉันอยู่ด้วยกันตลอดเวลา” เจคถามเจ้าทริก ซึ่งเป็นคำถามเดียวที่ฉันอยากจะถามเจ้าทริกเหมือนกัน แต่เพราะยังงงอยู่ ก็เลยพูดไม่ออก
“ผมก็ศึกษา ตอนที่พี่เจคนอนหลับอยู่นะซิ อ่านปรัชญา ต้องอ่านเงียบๆ อ่านไป คิดไป”
“” ขนาดเจค ที่เรียบร้อย อ่อนโยนยังกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ และพอพูดได้ ก็พูดติดกันเป็นพรืด โดยไม่เว้นวรรคช่องไฟ” หลอกใครหลอกได้ หลอกฉันไม่ได้หรอกเว้ย หน้าปกปรัชญาจริง แต่ในเล่มเป็นเพลย์บอย ของ ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ เปิดไปมีแต่รูปผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย ฉันเห็นแกมองตาลุก น้ำลายไหลยืดเป็นตังเม อย่าเถียงนะไอ้ทริก ว่าไม่จริง“
“ไม่จริงนะคุณผู้หญิง พี่เจคโกหก อย่าไปฟัง” ไอ้ทริกหันมาแก้ตัวกับฉันปากคอสั่น
“พอเลย หยุดทั้งคู่” ฉันที่ฟังเจ้าสองคนถกเถียงกัน จนไม่เป็นอันปลูกต้นไม้ ตวาดดังๆ “ อยากจะทะเลาะกัน ไปไกลๆ ฉันจะปลูกกุหลาบ ต้องการความสงบได้ยินไหม”
“ผมยังไม่อยากไปไหน ขอนั่งอยู่ใกล้ๆได้ไหมครับ” ทริกเกอร์ต่อรอง
“ผมก็ยังไม่อยากไปเหมือนกัน”เจคว่า “ผมชอบดูคุณผู้ญิงปลูกดอกไม้ เพลินดี”
“อยากนั่งก็นั่ง แต่ต้องนั่งเงียบๆ ห้ามพูดมาก”
“ได้ครับๆ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน ก่อนจะไปนั่งคู่กันบนทางเดินห่างจากฉันไปหน่อย
“ผมสงสัย อยากจะถามอะไร คุณผู้หญิงสักหน่อยครับ “ไอ้ทริกเริ่ม หลังจากเงียบไปเดี๋ยวเดียว (จริงๆ)
“สงสัยอะไรว่ามา ทริก”
“ทำไม คุณผู้หญิง ถึงใส่ผงชูรสในดอกไม้ล่ะครับ”
ฟังคำถามของเจ้าทริกที่ว่า ฉันก็อึ้งไปอึดใจ ก่อนจะแผดเสียงหัวเราะออกมาดังๆอย่างขบขำ
“ฮ่าๆ” ช่างน่าขำอะไรอย่างนี้นะ เจ้าทริกเห็นฉันผสม Miracle-Gro ที่เป็นปุ๋ยลงในกระป๋องน้ำ แล้วเอาไม้คนไปมาให้ละลายก่อนจะรดลงไปบนกุหลาบที่ฉันเพิ่งจะปลูกเสร็จ คิดว่าปุ๋ยเป็นผงชูรส
“หัวเราะผมทำไม ผมพูดอะไรผิดหรือครับคุณผู้หญิง”
“ผิดซิ ผิดมากด้วย เพราะผงชูรส ที่เราว่าน่ะ เขาใส่ให้อาหารรสชาติดี ส่วนผงที่ฉันใส่ในต้นไม้นี่มันคือปุ๋ย บำรุงดอกไม้ ต้นไม้ให้โตเร็วๆ”
“จริงๆหรอครับคุณผู้หญิง ” เจ้าทริกถามเสียงแหลม ตาทั้งสองโตเท่าไข่ห่าน
“ก็จริงนะซิ มีอะไรเหรอทริก ”
“ถ้าใสปุ๋ย แล้วต้นไม้ ดอกไม้โตเร็วๆ คุณผู้หญิงช่วยผสมให้ผมสักแก้วสองแก้วซิครับ ผมจะกินเดี๋ยวนี้เลย”
“เหอ” ฉันกับเจคร้องพร้อมกันอย่างงงๆ มองทริกเกอร์ เจ้าตัวเลยอธิบายต่อไปก่อนที่ฉัน หรือเจคจะถาม หรือพูดอะไร
“คือผมอยากสูงแบบต้นไม้บ้าง น้องจูเลียที่อยู่บ้านคุณวิลลี่ จะได้เลิกว่าผมสักที หล่อน่ะหล่อ เสียแต่ว่าเตี้ยไปนิด “
“ฮ่าๆ “ คราวนี้ใช่แต่ฉันที่หัวเราะ เจคที่นั่งฟังเงียบๆ ก็หัวเราะเหมือนกับฉัน ก่อนที่เจคจะเหน็บเจ้าทริกแรงๆ
“เอาสมองส่วนไหนคิดวะ ไอ้ทริก ปุ๋ย มันเป็นวัสดุที่ให้สารอาหารกับพืช และช่วยปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืช ต้นไม้กับดอกไม้ของคุณผู้หญิงได้ปุ๋ยเรื่อยๆถึงได้งาม แต่ก็ไม่ใช่ว่านึกจะใส่ก็ใส่ ต้องใส่ตามที่เขากำหนด ไม่งั้นแทนที่ต้นไม้ ดอกไม้จะโต ดีไม่ดีอาจจะตายก็ได้ แต่เอ ถ้าแกกินปุ๋ย ก็ไม่แน่นะ “ เจคหยุดตอนท้ายหรี่ตามอง เจ้าทริกที่อยากรู้เลยถามเร็วๆโดยไม่หายใจ
“มันจะช่วยเร่งให้ผมโตเร็วขึ้น ใช่ไหมพี่เจค”
“เปล่า เร่งให้ตายเร็วขึ้นต่างหาก”
“ว้าย!!!! “
“เราไปรู้เรื่องปุ๋ย มาจากไหนเหรอเจค เก่งแฮะ” ฉันถามเจคอย่างแปลกใจ ก่อนจะชมตอนท้าย
เจคม้วนไปม้วนมา ก่อนจะยิงฟันตอบยิ้มๆ
“ผมได้ความรู้เรื่องนี้ มาจากคุณผู้ชายน่ะครับ”
“ยังไงเหรอเจค”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เช้าวันนั้นประมาณตีห้าเศษๆ คุณผู้ชายลงมาเปิดประตูบ้านให้พวกผมเหมือนกับทุกวัน แต่พอดีอาหารเม็ดหมดไปเมื่อวาน คุณผู้ชายเลยหยิบเอาถุงอาหารมาด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะว่าคุณผู้ชายตายังไม่สว่างดีก็ได้ แทนที่จะเอาถุงอาหารมา ดันหยิบเอาถุงปุ๋ยมาแทน คุณผู้ชายเกือบจะเทให้เรากินแล้ว ดีแต่ดีว่าผมเอะใจ ท้วงไว้เสียก่อน เพราะปกติถุงอาหารจะมีรูปน้องหมายิ้มแป้น แต่คราวนี้กลายเป็นดอกแทน พอผมท้วงคุณผู้ชาย คุณผู้ชายตกใจ ตาสว่าง รีบเอาถุงปุ๋ยไปเก็บ เอาอาหารเม็ดมาให้เรา แล้วระหว่างนั้นก็อธิบายเรื่องปุ๋ยให้ผมฟัง ไอ้ทริกไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะตอนนั้นมันออกไปฉี่ที่สนาม”
“งั้นเหรอ”ฉันร้องออกมาดังๆอย่างแปลกใจ และแอบรู้สึกกระหยิ่มในใจนิดๆ แค่ฉันเดินชนประตูกระจกร้านกาแฟเพราะลืมแว่นตาไว้ที่บ้าน หรือร้องแรกให้เขาช่วยหาแปรงสีฟันที่เสียบไว้ที่หู แล้วเกิดลืม แค่นี้เขาเรียกฉันว่ายายเฉิ่มบ้าง เฟอะฟะบ้าง ทั้งที่สิ่งที่ฉันทำ หลายคนเขาก็เผลอไผลทำกัน ผิดกับเขา ที่เพียบพร้อมดีงามไปเสียหมด แต่อยู่ดีๆดันจะเอาปุ๋ยให้หมากิน เดี๋ยวรอให้เจอหน้า ฉันจะเอาคืนให้หนำใจทีเดียว
“คุณผู้หญิงครับ “
“อะไรทริก” ขานไม่เต็มเสียง เพราะมัวแต่คิด หาคำพูดร้ายๆไว้จัดการ “มิสเตอร์เพอร์เฟค”
“ทำไม คุณผู้หญิง จึงชอบกุหลาบมากล่ะครับ”
“ก็มันสวย”
“แล้วไงอีกเหรอครับ”
“หอม”
“แล้วไงอีกครับ”