http://ppantip.com/topic/30333673
http://ppantip.com/topic/30518465
ฮัลโลวีน สตอรี่ ( เรื่องราวของเจค กับ ทริกเกอร์ )
และแล้ววันฮัลโลวีน ( *Halloween ) หรือวันปล่อยผี ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง วันฮัลโลวีนจะมีขึ้นทุกวันที่สามสิบเอ็ดของเดือนตุลาในทุกปี ตามความเชื่อแต่ครั้งโบร่ำโบราณของชาวตะวันตก
ผู้คนพากันเฉลิมฉลองเทศกาลฮัลโลวีน ด้วยการแต่งตัวด้วยคอสตูม (Custom ) แปลกๆ ตบแต่งบ้านช่องให้เข้ากับบรรยากาศผีๆ และสนุกสนานกับประเพณี ทริกออร์ทรีต *( Tric & Treat )
สำหรับฉัน เรื่องตบแต่งบ้าน หรือใส่คอสตูมแปลกๆ ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ อย่างดี นึกสนุกขึ้นมา ก็แค่เอาฟักทอง มาวางเรียงที่หน้าบ้านซะหน่อย ผิดกับเพื่อนบ้าน บางคนเอากระโครงกระดูกมาห้อยหน้าบ้าน ไม่ก็เนรมิตสนามหน้าบ้านเป็นสุสานจำลอง มีผีมานั่งมานอน เห็นแล้วชวนขนพองสยองแกล้า
พวกผู้ใหญ่ว่าตื่นเต้น แต่ยังน้อยกว่าบรรดาเด็กๆ พวกเขาดีใจสุดๆที่จะได้ได้แปลงร่างเป็นฟักทอง , สไปเดอร์แมน , ซินเดอเรลล่า หรือปีศาจ ตามแต่จินตนาการของตน และพอความมืดเข้ามาครอบคลุม พวกเขาก็จะพากันออกเดินไปตามถนน บ้านไหนเปิดไฟไว้หน้าบ้าน พวกเขาก็จะไปเคาะประตูเพื่อนบ้าน ร้อง ทริกออร์ทรีต ขอขนมอร่อยๆกิน
พวกเด็กๆมีความสุขที่ได้แต่งตัวแปลกๆ แถมได้กินขนมจนพุงกาง ส่วนฉันเอง แม้จะไม่ได้ใส่คอสตูม และออกไปเดินขอขนมเพื่อนบ้าน เพราะสูงวัย แต่ฉันรู้สึกสนุกสนานกับการแจกขนมเด็กๆพวกนั้น
ปีหนึ่งๆ ฉันหมดค่าขนมหลายตังค์ และปีนี้มีแนวโน้มว่าจะหมดตังค์กว่าปีก่อน ด้วยกะว่าจะแจกขนมเด็กสักร้อยถุงเป็นอย่างน้อย วันนี้ไปตลาดจ่ายกับข้าว เห็นขนมต่างๆเลยขนซื้อมาเสียเยอะแยะ มีทั้งลูกอม ช็อคโกแลต สายไหม พอถึงบ้านก็มานั่งที่หน้าทีวี ทยอยขนมออกจากจากถุง เอาใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ ถุงละกำมือ บรรจุเสร็จก็ใส่กะละมังที่เตรียมไว้
ฉันห่อขนมไปดูหนังช่อง ไซ-ไฟ ( Sifi ) ไปด้วย ช่องนี้หนังรักไม่มี มีแต่หนังลึกลับ ผีสาง จระเข้กินคน ยิ่งเดือนนี้ที่เป็นเทศกาลฮัลโลวีนด้วยแล้ว หนังเขย่าขวัญสั่นประสาทตามมาเป็นพรวน และแต่ละเรื่องก็ล้วนแต่สยอดสยองน่ากลัวทั้งสิ้น
เมื่อวาน Friday the 13th วันนี้ ไพเรท ออฟ เดอะ แคริบเบียน ( Pirates of the Caribbean )
ฉันชอบไพเรท มากกว่า Friday the 13th เพราะเป็นแฟนคลับของพี่เดปป์ ที่สรวมบทกัปตัน แจ็กสแปร์โรว์ คนอะไรเก่งนักหนา โหนเรือต่อสู้กับปีศาจโจรสลัด อย่างน่าทึ่ง และชื่นชม ฉันห่อขนมไปดูไป จบภาคหนึ่ง ก็ต่อด้วยภาคสอง แต่ดูไปดูมาสักพัก เริ่มเซ็ง ผีโจรสลัด ไม่โปรดหน้าตายับๆของมัน ก็เลยปิดโทรทัศน์หอบข้าวของไปนั่งห่อขนมรับลมที่ระเบียง
แต่หนีเสือปะจระเข้ เท้ๆ หนีผีโจรสลัด มาเจอหมาน้อยสองตัว ที่พอเห็นฉันมาพร้อมกับขนม ก็ตรูมาล้อมหน้าล้อมหลัง มองขนมตาโต น้ำลายย้อยมุมปาก ถ้านึกภาพไม่ออก โปรดนึกถึงโฆษณาปลากระป๋องปุ้มปุ้ย ของแท้ต้องมีน้ำลายสามหยด ถ้าน้อยหรือมากกว่านั้น คือของปลอม
“น่ากินจังเลยครับคุณผู้หญิง ขอผมสักอันสองอันซิครับ ” ทริกเกอร์ไม่อ้อมค้อม เว้ากันซื่อๆอย่างนี้แหละ ระหว่างที่รอคำตอบ ตาทั้งสองจ้องขนมทั้งที่ห่อแล้ว และยังไม่ห่อตาแป๋ว เจคเองก็เถอะ เห็นสุขุมภาพมาตลอด แต่พอโดนขนมล่อเข้าหน่อยตะบะแตกดังโพล๊ะ กระดิกหางไปมา มองตาเป็นมัน
“หมากินขนมไม่ได้ โดยเฉพาะช็อกโกแลต เพราะมันมีสาร theobromine ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ สารพวก caffeine ซึ่งมีในพวกกาแฟ โกโก้ ถ้าได้รับในปริมาณมากจะทำให้เกิดลมชักตายได้” ฉันอธิบายเสียยืดยาว ลืมไปว่ากำลังพูดอยู่กับหมา ไม่ใช่คน
“ฮึ่ม” เจคกับทริกเกอร์ทำเสียงนั้นออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ทริกเกอร์จะต่อลอง
“ กินช็อคโกแลตไม่ได้ ไม่เป็นไร งั้นเปลี่ยนเป็นสายไหม หรือลูกอมก็ได้ครับ ผมชอบ ” ทริกเกอร์พูดจบก็เลียปากแพลบๆ
“อย่าเลย ทริกเกอร์ กินขนมหวานมากๆ ฟันผุ” ฉันพูดไป เคี้ยวสายไหมในปากตุ้ยๆ ทริกเกอร์ขมวดคิ้วท้วงดังๆ อย่างไม่เข้าใจ
“กลัวผมฟันผุ แล้วคุณผู้หญิงไม่กลัวตัวเองฟันผุเหรอครับ “ ทริกเกอร์ถาม ( ความจริงย้อนนั่นแหละ ไอ้ตัวนี้ ปากมากยกให้ ) ฉันรู้ตัวรู้ตัวว่าพลาด โดนหมาย้อน จัดแจงเคี้ยวสายไหมเร็วๆกลืนดังเอิ๊อก จะโต้กลับแต่ไม่ทัน เจคที่นั่งฟังอยู่นานแล้ว โพล่งขึ้นมาเสียก่อน ( คงทนความประพฤติ ปากว่าตาขยิบ ของคุณผู้หญิง ไม่ไหว)
“คุณผู้หญิงไม่ห่วงฟันตัวเอง แล้วเด็กๆพวกนั้นล่ะครับ กินขนมคุณผู้หญิงมากๆ โตขึ้นมาฟันหลอจะว่าไง ” ( อ้าวเจค ไหงเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ )
“พูดมากจริงๆเลยหมาบ้า ถ้าไม่อยากโดนฟาด ไปไป๊ ลงไปห้องใต้ดินเดี๋ยวนี้ ” คุณผู้หญิงเสียฟอร์ม โดนหมาย้อน เกรี้ยวกราด ลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกา สองหน่อเห็นท่าไม่ดี เปิดแนบ วิ่งแข่งกันลงบันไดไป
“โล่งไปที ไม่มีไอ้สองตัว คราวนี้ จะได้ห่อขนมสบายๆใจหน่อย” ฉันบอกตัวเอง จัดแจงลงมือห่อขนม ท่ามกลางท้องฟ้าแจ่มใส และลมระรื่นจากทะเล และแม่น้ำหลังบ้านที่โชยมาระลอกแล้วระลอกเล่า ตาทั้งสองของฉันก็เริ่มหนักอึ้งลงทุกที … ทุกที
ติ๊กต็อกๆ เสียงนาฬิกาดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องลืมตาขึ้นมาช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือความมืดที่อยู่รอบๆตัว ฉันเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่โคมไฟบนโต๊ะใกล้โซฟา
“กรี๊ด ว๊าย” ฉันกรีดเสียงออกมาแข่งกับสัญญาญเตือนโขมยเมื่อประตูด้านหลังถูกกระแทกเข้ามาโดยกลุ่มโจรสลัดโครงกระดูก พวกมันแต่งตัวทะมัดทะแมง คาดผ้าสีแดงที่หัว เหน็บปืนกับดาบที่เอว มันช่วยกัน ลากเจคที่ถูกมัดเข้ามา
“ เจค” ฉันร้องเรียกชื่อนั้นเสียงสั่น นั่งตัวแข็งทื่อ เลือดในกายฉันเย็นเยียบราวกับเป็นน้ำแข็ง มองภาพตรงหน้า เจ้าผีทั้งสองตัวเอามีดจี้คอเจคลากมายังโซฟาที่ฉันนั่ง พอมาถึงก็ผลักเจคเซถลามานั่งใกล้ฉัน แล้วถอยไปยืนคุมเชิง ในขณะที่อีกสามตัวตามมาสมทบ และหนึ่งในนั้น ก้าวมายืนท้าวเอวตรงหน้าฉันกับเจคที่กอดกันตัวสั่น ฉันคิดว่า มันต้องเป็นหัวหน้าแน่ๆ ดูจากการแต่งตัวที่ผิดแผกจากตัวอื่น ตลอดจนท่าทางที่เย้อหยิ่ง เวอร์ๆ ขัดตาพิกล
ฮัลโลวีน สตอรี่ ( เรื่องราวของเจค กับ ทริกเกอร์ )
http://ppantip.com/topic/30518465
ฮัลโลวีน สตอรี่ ( เรื่องราวของเจค กับ ทริกเกอร์ )
และแล้ววันฮัลโลวีน ( *Halloween ) หรือวันปล่อยผี ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง วันฮัลโลวีนจะมีขึ้นทุกวันที่สามสิบเอ็ดของเดือนตุลาในทุกปี ตามความเชื่อแต่ครั้งโบร่ำโบราณของชาวตะวันตก
ผู้คนพากันเฉลิมฉลองเทศกาลฮัลโลวีน ด้วยการแต่งตัวด้วยคอสตูม (Custom ) แปลกๆ ตบแต่งบ้านช่องให้เข้ากับบรรยากาศผีๆ และสนุกสนานกับประเพณี ทริกออร์ทรีต *( Tric & Treat )
สำหรับฉัน เรื่องตบแต่งบ้าน หรือใส่คอสตูมแปลกๆ ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ อย่างดี นึกสนุกขึ้นมา ก็แค่เอาฟักทอง มาวางเรียงที่หน้าบ้านซะหน่อย ผิดกับเพื่อนบ้าน บางคนเอากระโครงกระดูกมาห้อยหน้าบ้าน ไม่ก็เนรมิตสนามหน้าบ้านเป็นสุสานจำลอง มีผีมานั่งมานอน เห็นแล้วชวนขนพองสยองแกล้า
พวกผู้ใหญ่ว่าตื่นเต้น แต่ยังน้อยกว่าบรรดาเด็กๆ พวกเขาดีใจสุดๆที่จะได้ได้แปลงร่างเป็นฟักทอง , สไปเดอร์แมน , ซินเดอเรลล่า หรือปีศาจ ตามแต่จินตนาการของตน และพอความมืดเข้ามาครอบคลุม พวกเขาก็จะพากันออกเดินไปตามถนน บ้านไหนเปิดไฟไว้หน้าบ้าน พวกเขาก็จะไปเคาะประตูเพื่อนบ้าน ร้อง ทริกออร์ทรีต ขอขนมอร่อยๆกิน
พวกเด็กๆมีความสุขที่ได้แต่งตัวแปลกๆ แถมได้กินขนมจนพุงกาง ส่วนฉันเอง แม้จะไม่ได้ใส่คอสตูม และออกไปเดินขอขนมเพื่อนบ้าน เพราะสูงวัย แต่ฉันรู้สึกสนุกสนานกับการแจกขนมเด็กๆพวกนั้น
ปีหนึ่งๆ ฉันหมดค่าขนมหลายตังค์ และปีนี้มีแนวโน้มว่าจะหมดตังค์กว่าปีก่อน ด้วยกะว่าจะแจกขนมเด็กสักร้อยถุงเป็นอย่างน้อย วันนี้ไปตลาดจ่ายกับข้าว เห็นขนมต่างๆเลยขนซื้อมาเสียเยอะแยะ มีทั้งลูกอม ช็อคโกแลต สายไหม พอถึงบ้านก็มานั่งที่หน้าทีวี ทยอยขนมออกจากจากถุง เอาใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ ถุงละกำมือ บรรจุเสร็จก็ใส่กะละมังที่เตรียมไว้
ฉันห่อขนมไปดูหนังช่อง ไซ-ไฟ ( Sifi ) ไปด้วย ช่องนี้หนังรักไม่มี มีแต่หนังลึกลับ ผีสาง จระเข้กินคน ยิ่งเดือนนี้ที่เป็นเทศกาลฮัลโลวีนด้วยแล้ว หนังเขย่าขวัญสั่นประสาทตามมาเป็นพรวน และแต่ละเรื่องก็ล้วนแต่สยอดสยองน่ากลัวทั้งสิ้น
เมื่อวาน Friday the 13th วันนี้ ไพเรท ออฟ เดอะ แคริบเบียน ( Pirates of the Caribbean )
ฉันชอบไพเรท มากกว่า Friday the 13th เพราะเป็นแฟนคลับของพี่เดปป์ ที่สรวมบทกัปตัน แจ็กสแปร์โรว์ คนอะไรเก่งนักหนา โหนเรือต่อสู้กับปีศาจโจรสลัด อย่างน่าทึ่ง และชื่นชม ฉันห่อขนมไปดูไป จบภาคหนึ่ง ก็ต่อด้วยภาคสอง แต่ดูไปดูมาสักพัก เริ่มเซ็ง ผีโจรสลัด ไม่โปรดหน้าตายับๆของมัน ก็เลยปิดโทรทัศน์หอบข้าวของไปนั่งห่อขนมรับลมที่ระเบียง
แต่หนีเสือปะจระเข้ เท้ๆ หนีผีโจรสลัด มาเจอหมาน้อยสองตัว ที่พอเห็นฉันมาพร้อมกับขนม ก็ตรูมาล้อมหน้าล้อมหลัง มองขนมตาโต น้ำลายย้อยมุมปาก ถ้านึกภาพไม่ออก โปรดนึกถึงโฆษณาปลากระป๋องปุ้มปุ้ย ของแท้ต้องมีน้ำลายสามหยด ถ้าน้อยหรือมากกว่านั้น คือของปลอม
“น่ากินจังเลยครับคุณผู้หญิง ขอผมสักอันสองอันซิครับ ” ทริกเกอร์ไม่อ้อมค้อม เว้ากันซื่อๆอย่างนี้แหละ ระหว่างที่รอคำตอบ ตาทั้งสองจ้องขนมทั้งที่ห่อแล้ว และยังไม่ห่อตาแป๋ว เจคเองก็เถอะ เห็นสุขุมภาพมาตลอด แต่พอโดนขนมล่อเข้าหน่อยตะบะแตกดังโพล๊ะ กระดิกหางไปมา มองตาเป็นมัน
“หมากินขนมไม่ได้ โดยเฉพาะช็อกโกแลต เพราะมันมีสาร theobromine ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ สารพวก caffeine ซึ่งมีในพวกกาแฟ โกโก้ ถ้าได้รับในปริมาณมากจะทำให้เกิดลมชักตายได้” ฉันอธิบายเสียยืดยาว ลืมไปว่ากำลังพูดอยู่กับหมา ไม่ใช่คน
“ฮึ่ม” เจคกับทริกเกอร์ทำเสียงนั้นออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ทริกเกอร์จะต่อลอง
“ กินช็อคโกแลตไม่ได้ ไม่เป็นไร งั้นเปลี่ยนเป็นสายไหม หรือลูกอมก็ได้ครับ ผมชอบ ” ทริกเกอร์พูดจบก็เลียปากแพลบๆ
“อย่าเลย ทริกเกอร์ กินขนมหวานมากๆ ฟันผุ” ฉันพูดไป เคี้ยวสายไหมในปากตุ้ยๆ ทริกเกอร์ขมวดคิ้วท้วงดังๆ อย่างไม่เข้าใจ
“กลัวผมฟันผุ แล้วคุณผู้หญิงไม่กลัวตัวเองฟันผุเหรอครับ “ ทริกเกอร์ถาม ( ความจริงย้อนนั่นแหละ ไอ้ตัวนี้ ปากมากยกให้ ) ฉันรู้ตัวรู้ตัวว่าพลาด โดนหมาย้อน จัดแจงเคี้ยวสายไหมเร็วๆกลืนดังเอิ๊อก จะโต้กลับแต่ไม่ทัน เจคที่นั่งฟังอยู่นานแล้ว โพล่งขึ้นมาเสียก่อน ( คงทนความประพฤติ ปากว่าตาขยิบ ของคุณผู้หญิง ไม่ไหว)
“คุณผู้หญิงไม่ห่วงฟันตัวเอง แล้วเด็กๆพวกนั้นล่ะครับ กินขนมคุณผู้หญิงมากๆ โตขึ้นมาฟันหลอจะว่าไง ” ( อ้าวเจค ไหงเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ )
“พูดมากจริงๆเลยหมาบ้า ถ้าไม่อยากโดนฟาด ไปไป๊ ลงไปห้องใต้ดินเดี๋ยวนี้ ” คุณผู้หญิงเสียฟอร์ม โดนหมาย้อน เกรี้ยวกราด ลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกา สองหน่อเห็นท่าไม่ดี เปิดแนบ วิ่งแข่งกันลงบันไดไป
“โล่งไปที ไม่มีไอ้สองตัว คราวนี้ จะได้ห่อขนมสบายๆใจหน่อย” ฉันบอกตัวเอง จัดแจงลงมือห่อขนม ท่ามกลางท้องฟ้าแจ่มใส และลมระรื่นจากทะเล และแม่น้ำหลังบ้านที่โชยมาระลอกแล้วระลอกเล่า ตาทั้งสองของฉันก็เริ่มหนักอึ้งลงทุกที … ทุกที
ติ๊กต็อกๆ เสียงนาฬิกาดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องลืมตาขึ้นมาช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือความมืดที่อยู่รอบๆตัว ฉันเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่โคมไฟบนโต๊ะใกล้โซฟา
“กรี๊ด ว๊าย” ฉันกรีดเสียงออกมาแข่งกับสัญญาญเตือนโขมยเมื่อประตูด้านหลังถูกกระแทกเข้ามาโดยกลุ่มโจรสลัดโครงกระดูก พวกมันแต่งตัวทะมัดทะแมง คาดผ้าสีแดงที่หัว เหน็บปืนกับดาบที่เอว มันช่วยกัน ลากเจคที่ถูกมัดเข้ามา
“ เจค” ฉันร้องเรียกชื่อนั้นเสียงสั่น นั่งตัวแข็งทื่อ เลือดในกายฉันเย็นเยียบราวกับเป็นน้ำแข็ง มองภาพตรงหน้า เจ้าผีทั้งสองตัวเอามีดจี้คอเจคลากมายังโซฟาที่ฉันนั่ง พอมาถึงก็ผลักเจคเซถลามานั่งใกล้ฉัน แล้วถอยไปยืนคุมเชิง ในขณะที่อีกสามตัวตามมาสมทบ และหนึ่งในนั้น ก้าวมายืนท้าวเอวตรงหน้าฉันกับเจคที่กอดกันตัวสั่น ฉันคิดว่า มันต้องเป็นหัวหน้าแน่ๆ ดูจากการแต่งตัวที่ผิดแผกจากตัวอื่น ตลอดจนท่าทางที่เย้อหยิ่ง เวอร์ๆ ขัดตาพิกล