ถึงร้าย ก็รัก ( เรื่องของเจค กับ ทริกเกอร์ น้องหมาโฮ่งๆ . ตอนความรักของทริกเกอร์ กับ โซเฟีย )

กระทู้สนทนา
ถึงร้าย ก็รัก    ( เรื่องของเจค   กับ ทริกเกอร์  น้องหมาโฮ่งๆ .    ตอนความรักของทริกเกอร์    กับ  โซเฟีย    )



http://ppantip.com/topic/31553245

ทริกเกอร์  ได้พบกับโซเฟีย   อีกครั้ง ณ  คลินิกเดิม   ที่ทั้งคู่พบกันในวันนั้น   จะเปลี่ยนไป  ก็แต่เวลาที่หมอนัดหมาย
ครั้งแรกเจอกันตอนเช้า
มาพบกันอีกครั้งตอนบ่าย  
ทันที่ที่พบหน้านวลน้อง   ทริกเกอร์ก็หวลคิดไปถึงครั้งก่อน ที่เจอกัน   วันนั้น    ทริกเกอร์ไม่ได้สนใจ โซเฟีย นักหนา  แถมออกจะหมั่นไส้ด้วยซ้ำ
ผู้หญิงอะไรวะ  แค่พี่เจค  พี่ชายร่วมน้ำสาบาน   จะเตะตัวเอง แต่พลาดไปโดนโซเฟีย   แค่นั้น    แม่ด่าซะเสียหมา   เห็นปากโซเฟียอย่างนั้น   ทริกเกอร์ เลยสาปส่งในใจ    ปากจัดอย่างยายนี่    ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคร้ายไปสิบชาติ  ทางที่ดี  เราอยู่ห่างๆไว้ดีกว่า

แต่พอมาได้เจอโซเฟียอีกครั้ง   ได้นั่งใกล้ๆ  ได้กลิ่นสบู่หอมระรื่นจากกายโซเฟีย  ความคิดก็เปลี่ยนไป  
“สวยขึ้น หรือเปล่าเนี่ย”     ทริกเกอร์ที่อยู่ในความควบคุมของผู้หญิง  ที่กระชับเชือกที่ผูกคอไว้แน่นๆ   นั่งคู่กับเจคที่นั่งจ๋อง    ร้องถามโซเฟีย  ที่นั่งอยู่บนตักผู้หญิงเจ้าเนื้อ ที่เป็นเจ้าของ ผู้มีนามกรว่า  มาดอนน่า   
“ไอ้บ้า”
“แล้วกัน   หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้  แต่ทำไม   ปากคอถึงได้จัดอย่างนี้ล่ะครับผม   ”
“เรื่องของฉัน   แกไม่เกี่ยวไปไกลๆ   ชิ้วๆๆๆ”  ไม่ได้ด่าอย่างเดียว   ไล่ส่งตอนท้าย
“ผมคงไปไม่ได้หรอก  เพราะหัวใจผมมันเข้าไปวิ่งอยู่ใกล้ๆหัวใจคุณหาทางออกไม่เจอ  ไปไหนไม่ได้”   (  ทริกเอ้ย    ที่ไปไม่ได้  เพราะถูกคุณผู้หญิงยึดตัวไว้ต่างหาก   )
“แหวะ  จะอ้วก” โซเฟียไม่พูดเปล่า ทำท่าประกอบ  
“อะไรกัน   หน้าตาก็ยังดูเด็ก   ท้องเสียแล้วหรือนี่   น่าเสียดาย”
“ไอ้บ้า”
“แต่ให้ตายเถอะ    ชมว่าสวยอยู่พอดีๆ  ไหงติดโบว์ผิดสี   ขำว่ะ”  ทริกเกอร์เหย้า   อยากด่าด่าไป   ทริกเกอร์ไม่สนใจ
“อะไรของแก”  โซเฟียถามดังๆ   ก่อนจะชะโงกหน้าไปดูกระจกใกล้ๆ   มองผมจุกของตน พอเห็นก็ตระหนก     มีอย่างที่ไหน  ข้างหนึ่งสีชมพู  อีกข้างดันเป็นสีเขียวนกกะลิง
“คุณผู้หญิง  ทำไมผูกโบว์ ผิดสี  โซเฟียไม่ย๊อม ไม่ยอม”  ร้องแรกอย่างขัดใจ ถ้าทำได้  คงกระโดดจากตักคุณมาดอนน่า  ลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น  เพราะความขัดใจ
“ตายแล้ว  โซเฟีย มายเดียของฉัน   วันนี้ฉันรีบไปหน่อย  เลยไม่ทันดู   โทษทีๆ”   คุณมาดอนน่าพูดจบ  ก็จัดแจงเปิดกระเป๋าถือ   หยิบโบว์สีชมพูขึ้นมา   ดึงไอ้สีเขียวนกกะลิงออกเก็บใส่กระเป๋า   แล้วติดสีชมพูแทน   
“ใจคอ จะไม่ขอบใจผมสักหน่อยเหรอ  ที่บอกให้ ไม่งั้นก็คงเด๋อด๋า  ติดโบว์สองสี   ใครเห็นเข้า    ดีไม่ดีคิดว่าคุณ เป็นโรคประสาท”
“ขอบใจให้โง่เหรอ    แส่เอง ช่วยไม่ได้”
“หน้าตาก็ดี   แต่นิสัย  โหลยโท่ย   ว่ะ ”
“แกพูด  ภาษาอะไรของแก”
“ไม่ต้องรู้สักเรื่อง ก็ได้นะ  ”  ทริกเกอร์ร้องบอก  หลิ่วตาให้นิดๆ    มุมปากข้างซ้ายยกขึ้นทำมุมฉาก 45 องศา  กวนกาละแมเป็นที่สุด
“คิดว่าฉันอยากรู้ตาย  งั้นเหรอ ”
“ไม่อยากรู้   แล้วมาถามทำไม  พูดมาก   ปล้ำซะดีไหม  ”  ทริกเกอร์   โพล่งออกมาอย่างเหลืออด  ขยับเข้าไปหา  ขานี้ พูดจริงทำจริงเสมอ    ยิ่งเรื่องลวนลามผู้หญิงขอให้บอก  ถนัดนักแล
“จุ๊ๆ”  ไม่ใช่คุณผู้หญิงที่ปราม  แต่กลายเป็นพี่เจค  ที่ยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหู

“จะจีบเขา  แต่ไปกวนประสาทเขาอย่างนี้  ผู้หญิงที่ไหน เขาจะเล่นด้วยวะ  ไอ้ปุ๊ ”(  ไอ้ปุ๊  ที่ว่า  คือฉายา ของ เจ้าทริก   ที่   คุณโค อัศดง ประทานให้    โดยที่เจ้าตัวไม่รู้   )
“คุณผู้หญิงขา    ไอ้บ้านี่   มันบอกว่ามันจะปล้ำโซเฟีย  ช่วยโซเฟียด้วย ”   โซเฟีย ฟ้องเจ้าของ  แต่คุณผู้หญิง นอกจากจะไม่ช่วย   ยังจุ๊ปากให้เงียบ      เรื่องของเรื่องกำลังดู     Day  of our  lives    ละครฮิตติดลม   
“คนบ้า  ทำอะไรไม่ผิดนะครับ” ไอ้ทริกเดินหน้า  รุกไล่    น้ำเสียงและสีหน้าหื่นพอกัน    โซเฟียสะบัดหน้าพรืดไปอีกทาง    เบื่อจะต่อกรด้วย   ทริกเกอร์เลยพูดต่อไปอย่างฮึกเหิม

“ชีวิตเรา    มันสั้นนะคุณโซเฟีย    เกิดหนเดียว ตายหนเดียว    One life to  live    อยากจะรัก   จะชอบใคร โปรดอย่ากั๊ก  แต่จงรักเลย “
“อย่า…แม้แต่จะคิด     Don’t even think about it   โซเฟีย ตัดไมตรีฉับไว     ก่อนจะหยามเย้ยต่อไป
“ น้ำหน้าอย่างนาย  ชาตินี้   ขาอ่อนฉันก็ไม่ได้เห็น  (  สำนวนเก่าไปหรือเปล่าคะคนเขียน  เปลี่ยนใหม่ยังทันนะ    )
“น้อยๆหน่อย  คุณโซเฟีย “  ทริกเกอร์ว่า  ยื่นหน้าไปหา  “  ผมรักคุณที่หัวใจ  ส่วนขาของคุณ  มันแค่เป็นผลพลอยได้    เพราะต่อให้คุณไม่มีขา  ยังไง  ผมก็รักคุณอยู่ดี     จุ๊บๆ  ”
“ไอ้บ้า “
“อย่าเอาแต่ด่าอยู่เลย   หันมาดูหน้าตาดีๆของผมบ้าง    หน้าผมนะ ออกหล่อเหลา  มีชาติตระกูล  แถมผิวยังสีแทน  ตามสมัยนิยมอีกด้วย     ( ไอ้ทริก     แทน กับ ดำ แยกแยะให้ออก ด้วย  อย่าสับสน   )    
“ฉันไม่สน    และขอบอกให้รู้ไว้ตอนนี้เสียเลย    ฉันกับนาย  มันคนละชั้นกัน”
“แล้วคุณจบชั้นไหน  เหรอครับ”
“ไอ้…”
“ผมนะจบมอแปด  ตกมอหก  จาก  *โรงเรียนวัดลิงขบ  นี่ก็กำลังคิดอยู่ว่า   จะไปศึกษาต่อ  Princeton, Yale,  Harvard   หรือ  Stand up  เอ๊ย   Standford  ดี”
“บ้า  แล้วยังโง่บรมอีกด้วย    ชั้น  ที่ฉันพูดถึง   ไม่ใช่โรงเรียน    แต่หมายถึงฐานะความเป็นอยู่ ต่างหาก” กล่าวจบก็เชิดหน้า  มองหมิ่นๆด้วยหางตา
“พูดอย่างนี้ก็สวยนะซิ”  เจ้าทริก ร้องออกมาดังๆ   “ ปกติ ผมก็ไม่ใช่คนขี้คุยหรอกนะ   แต่เมื่อคุณเป็นฝ่ายเริ่มต้น   จำเป็นที่ผมจะต้องพูดเสียหน่อย    เผื่อคุณจะได้รู้ว่า  ผมไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกอย่างที่คุณว่า   “ ไอ้ทริกหยุดพูด กลืนน้ำลายดังเอื๊อก   แน่ละ  ตั้งแต่มา มันหยุดพูดเสียที่ไหน   โชคดีเท่าไหร่ ที่มันไม่สำลักน้ำลายตายไปก่อนที่จะพบกับหมอ  

“บ้านที่ผมอยู่  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ   ทรงสเปน   มีสามชั้น    สี่ห้องนอน  ห้องรับแขกใหญ่ๆสองห้อง   ห้องครัว ห้องอาหาร  ห้องน้ำสองห้องครึ่ง  ห้องใต้ดิน  มีโทรทัศน์ห้าเครื่อง    มีสระว่ายน้ำ    สนามบินส่วนตัวก็มีนะ แต่ยังไม่เปิดทำการ  เพราะเครื่องบินที่คุณผู้ชายให้บริษัทสร้างแบบพิเศษ ยังไม่เสร็จ     รอให้เครื่องบินเสร็จเมื่อไหร่   เราจะเปิดใช้สนามบินทันที     เป็นสนามบินเฉพาะสมาชิกในครอบครัวเราเท่านั้น    คนนอกไม่เกี่ยว  ”

“อะแฮ่ม  ”  คุณผู้หญิง กับ เจค  ทำเสียงนั้นขึ้นมาพร้อมๆกัน ราวกับนัด    เพราะทนความขี้คุยของไอ้ทริกไม่ไหว
“ทริก  จะเรียกโจรเข้าบ้านหรือไง”     คุณผู้หญิงถามขำๆ    แต่ทริกเกอร์ขยิบตาให้   ซ้ำวิงวอนด้วยสายตา
น่านะ   คุณผู้หญิง  ขอผมสักวันเถอะ   ยายโซเฟีย  ดูถูกผม  ก็เท่ากับดูถูกไปถึงคุณผู้หญิงด้วย  เรื่องอื่นผมยอมได้ แต่เรื่องเกียรติภูมิ  ตายเสียดีกว่าที่จะให้มาหยามกัน

คุณผู้หญิงอ่านสายตาเจ้าทริกออก  เลยใจอ่อน   มันอยากคุย   คุยไป    ส่วนเจคนั้น  ยิ่งใกล้เวลาพบหมอ  ความที่กลัวหมอจัด ประสาทไม่สั่งงาน  นั่งอ้าปากหวอ ไม่ออกความเห็นแต่อย่างใด

“ไอ้ขี้คุย” โซเฟีย ตวาด  
“ไม่เชื่อ    ก็ตามไปบ้านผมซิ    จะได้รู้ว่าบ้านผมใหญ่โตแค่ไหน”  ทริกเกอร์ท้าทาย
แต่โซเฟียก็ไม่ได้ทำตามคำท้าของทริกเกอร์    แต่กระนั้น   ทั้งสองก็จะโคจรมาเจอกันเรื่อยๆเมื่อคุณหมอนัด   ที่คลินิก   และขอให้ทั้งคู่เจอกัน เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น   จะต้องมีเรื่องถกเถียงกันอยู่เนืองๆ

จนวันหนึ่ง   ทริกเกอร์ผู้แหลมคม  มานั่งคิดนอนคิด  ทำยังไงถึงจะพิชิตใจ   ผู้หญิงปากร้ายอย่างโซเฟียได้    ซึ่งในที่สุด   เจ้าทริก  ผู้ปราดเปรื่อง  ก็คิดแผนแก้ลำนางในฝัน   (ร้าย )   สำเร็จ

ครั้งล่าสุดที่เจอกัน   แทนที่ทริกเกอร์  จะไปทักทาย  เหย้าแหย่โซเฟีย  ที่มองมา  พร้อมที่จะรับมือ  ผู้ชายปากเสีย  
แต่ทริกเกอร์    กลับทำไม่สนใจ    ซ้ำยังทำให้โซเฟียประหลาดใจยิ่งนัก   เมื่อทริกเกอร์  เห็นน้องหมาพันธ์ปักกิ่งหน้าตาน่ารัก   ที่เพิ่งจะเข้ามาในคลินิก  และนั่งตรงกันข้าม     ก็เดินไปทักทายทันที

“สวัสดีน้องคนสวย ชื่ออะไร  ครับเนี่ย ”  
น้องหมาตอบอายๆ
“หนูชื่อ  พาเมล่า ค่ะ  ”
“ อะไรนะ  ชื่อพลับพลึง   เหรอ ”
“ไม่ใช่พลับพลึง   แต่หนูชื่อ    พา เม ล่า”  น้องพาเมล่า สะกดชื่อตัวเองช้าๆ   ทำท่าเอียงอาย
“คงไม่ใช่แอนเดอร์สัน หรอกนะ   เพราะ …”  ทริกเกอร์  หยุดพูด  พลางมองไปที่หน้าอก หน้าใจ ของน้องหมาที่มีอยู่น้อยนิด  
“พี่ อ่ะ   พูดแบบนี่หนูอายนะ”  น้องแพมติงเขินๆ   ยกเท้าทั้งสองปิดหน้าอก   ( ไปซะแล้วคนเขียน   ทะลุออกนอก ระบบสุริยะจักรวาล   กู่ไม่กลับ  )  
“ล้อเล่น อย่าโกรธเลยนะ  น้องแพม    “ กล่าวจบก็ยักคิ้ว หลิ่วตาให้  

จิตวิทยา 101
เวิร์ค!

การกระทำของทริกเกอร์   นำความโกรธขึ้งมาสู่โซเฟีย   ถ้าทำได้   คงกระโดดจากตักคุณมาดอนน่าเจ้าของ   ลงมาเต้นเร่าๆตรงหน้าด้วยความขัดใจ
จากที่ตัวเองเคยเป็นศูนย์กลางจักรวาล    กลับโดน เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างพาเมล่า    มายื้อแย่งเอาความสนใจจากหนุ่มปากจัด    ที่ตัวเองแอบปิ๊งอยู่เนิ่นนานไปเสียแล้ว
เสียหน้าไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าต้องเสียความรักไป  หัวใจคงแตกสลาย
จะพูดกับทริกก่อน ก็กลัวเสียฟอร์ม   จำต้องกลืนกล้ำเห็นภาพบาดใจ
กรี๊ด!

“ขอโทษนะคะ พี่เจค  วันนี้ น้องชายไม่มาด้วยเหรอคะ”  โซเฟียถามเจค  ที่ไปคลินิกตามลำพัง เพราะทริกเกอร์ ไม่มีนัดกับหมอ     แต่ก่อนมาทริกเกอร์วิงวอนเจคให้ช่วย

“พี่เจค   ถ้าเจอยายโซเฟีย  หวานใจผมละก็    ใส่ไปเลย ว่าผมป่วย     ถ้ายายปากจัดนั่น  ห่วงผม ก็แสดงว่ารักผม  แต่ถ้าเฉยๆ  ผมก็ถอดใจ    ไม่ล้งไม่รัก มันแล้ว    นะๆๆ พี่เจค  ช่วยผมหน่อย   นึกว่าสงสารลูกหมาตาดำๆ ”
“ทริกเขาไม่สบายมาก น้องโซเฟีย   เวลานอนไม่ได้กิน   เวลากินไม่ได้นอน  (  เจค  พูดผิดพูดถูก   เจคไม่ถนัดเรื่องกุเรื่อง  ใครจะเก่งอย่างไอ้ปุ๊ละ  ไอ้บ้านั่น  โกหกเป็นไฟ   )
“จริงๆ   เหรอพี่เจค”
“จริงๆ   น้องโซเฟีย    “ เจคพูดเสียงอ่อยๆ ไม่มองหน้า   เขาว่าดวงตาคือหน้าต่างใจ   ขืนมอง    เจคกลัวโซเฟีย  จะจับได้ว่าโกหก   
“งั้นพี่เจค  เจอเขา  ฝากบอกเขาด้วย  ว่าโซเฟียขอให้เขาหายไวๆ”
“โอ้ ว้าว” เจคร้องดังๆอย่างตี่นเต้น   อมยิ้ม แต่พอนึกได้ก็รีบบอกโซเฟีย  “ได้ซิน้องโซเฟีย   ยังไงเดี๋ยวพี่เจค จะไปบอกทริกเกอร์ให้นะ”


“หายแล้วเหรอ    “ โซเฟียเปิดฉากถาม    สงครามประสาทที่ทริกเกอร์ก่อ  ทำให้สาวเจ้าทนไม่ไหว  ต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา  ทันทีที่เจอหน้าทริกเกอร์ในวันนั้น ที่คลินิก
“หายที่ไหน   ก็นั่งหัวโด่เห็นๆ   ว่างๆไปตัดแว่นที่ท็อปเจริญ   ซะไป๊    “  ทริกเกอร์ ตอบกวนๆ

“เฮ้อ”  โซเฟียถอนใจแรงๆ  ที่โดนทริกเกอร์กวนประสาท   “  ฉันหมายถึง   ที่นายไม่สบายนะ หายดีแล้วใช่มั้ย  ”
“ก็สบายดี  ทำไม   ที่ถามนี่  ห่วงใช่ไหมล่ะ”
“ใครห่วงเรา  คนเคยเห็นหน้ากัน   ก็ถามๆไปอย่างนั้นตามมารยาท  ”
คุณผู้หญิง กับ เจคที่ฟังพ่อแง่ยิ้มอน  โต้ตอบกันไปมา   ส่ายหน้าอย่าระอา   ก่อนที่คุณผู้หญิงจะตัดสินใจ   แทรกขึ้นมา ไม่งั้น เรื่องนี้ไม่จบแน่

“น้องโซเฟีย  พี่ทริก   เขาคิดถึงหนูนะ   ความจริง  วันนี้ เขาไม่ได้นัดกับหมอ   แต่เขาขอตามมาด้วย   เพราะเขาอยากเห็นหน้าเรา”  
“โห  คุณผู้หญิง  พูดอย่างนี้  ผมเสียหายนะ”   ไอ้ทริกโวยวาย   ทำหน้าเหมือนกินยาขมห่อตาห้าใบโพธิ์  
“อย่าฟอร์มจัดนักเลยทริกเกอร์     รักก็บอกเขาว่ารัก   เรื่องมาก เดี๋ยวก็อกหักจนได้หรอก  ” เจคโพล่งออกมาอย่างเหลืออด  เรื่องของเรื่อง  ไม่อยากทำตัวเป็นพ่อสื่อ   เซ็ง !
โซเฟียยิ้มแป้น   แต่ทริกเกอร์ยิ้มไม่ออก   เพราะรู้สึกเสียฟอร์มอย่างไรไม่รู้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่