กระทู้คุณวัชรานนท์ เป็นกระทู้สนทนา คนหล่อห้ามเข้า
ผมเลยต้องแตกกระทู้มา เพราะอ่านกระทู้คุณวัชรานนท์แล้วรู้สึกคันหล่อ อยากร่วมสนทาธรรมด้วยสักนิดครับ
แต่สนทนาธรรมของผมจะเน้นไปที่ด่าเหลือบพระศาสนามากกว่าเนื้อหาทางธรรม
ที่คุณวัชรานนท์บอกว่า
"เธอจงจำไว้นะพุทธอิสระ....ศรัตรูของนักบวชคือ “กิเลสและตัณหา”
และสองตัวนี้แหละที่เธอต้องต่อสู้ และต่อสู้เพื่อตัวเธอเองไม่ใช่เพื่อใครอื่น..."
ชัด จบ ตบเกรียนอ้อน้อยกลิ้งลงเวทีไปเลยครับ
นี่แหละครับ ที่คุณวัชรานนท์ว่านี่แหละ คือ ธรรม
ธรรมชาติของสมณะนั้น คือการฝ่าข้ามกิเลส ตัณหา
มิใช่อ้างธรรม อ้างสู้อะไรบ้าบอมั่วไปหมด มันผิดธรรมชาติ ไม่ใช่ ธรรม
โล้นอิสระนั้น เต็มไปด้วยกิเลส พอกไปด้วยตัณหา
ในเมื่อตัวตนยังพ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหา ก็มีแต่จะพาคนอื่นลงเหวแห่งอกุศลมูล
อ้างชาติ อ้างศาสนา อ้างสถาบัน เพื่อให้ตัวเองดูดีมีราคาไปเท่านั้นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ โล้นเคยเผลอปากพูดถึงบุคคลสำคัญครั้งหนึ่ง
ได้ยินแล้วชัดเลยว่า โล้นตนนี้หวังสูงให้บุคคลสำคัญเข้าหา อยากเป็นยิ่งกว่าหลวงตามหาบัว
รู้กันมานาน แต่ไม่มีใครอยากพูด เพราะพูดแล้วทำให้เสื่อมเสียแก่พระผู้ใหญ่ แก่ศาสนา
หลักของพุทธ คือกฎแห่งการกระทำ ใครทำกรรมดี ก็ได้ผลดี ใครทำกรรมไม่ดี ก็ได้ผลไม่ดี
(เรื่องนี้ คึกฤทธิ์เคยเขียนขำ ๆ ไว้ว่า กฎแห่งกรรมมีจริงหรือ แล้วทำไมผัวเมียบางคู่ ทำแทบตายไม่มีลูก)
นั่นคือเรื่อง "ห้องกระจก"
จนมาถึงยุคกรวยเฟื่องฟู
โล้นอิสระนั้น รับงานมาจากห้องกระจก มุ่งเป็นใหญ่ หวังลาภสักการะ
มีห้องกระจก มีศิษย์ที่มีอำนาจหนุนหลัง ใครก็เกรง ข้าราชการเกรง ชาวบ้านหลง โล้นเลยซ่าไปทุกเรื่อง
คนอย่างนี้น่ากลัวครับ
ซ่อนโลภซ่อนหลงเก่ง แม้จะซ่อนโกรธไม่เก่ง
เหมือนนักการเมืองผู้ซื่อสัตว์หลายคน ที่สร้างภาพเป็นคนดีศรีประเสริฐซะเหลือเกิน
ไม่โกง ไม่โลภ
แต่คนพวกนี้ จะมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ภายใน นั่นคือเป้าหมายเป็นผู้ที่มีอำนาจ มีบารมี แตะต้องไม่ได้
คนเรา เมื่อมีอำนาจ มีบารมี มีสถานะ
ลาภ ยศ ที่บอกว่าไม่อยากได้ มันจะไปไหนเสีย ก็แค่สร้างภาพว่าไม่เอา แต่อยากให้คนกราบคนเชิดชูทั้งแผ่นดิน
และไม่มีใครตรวจสอบแตะต้องได้ ตัวเองสร้างภาพว่าไม่โลภ แต่คนรอบข้างรวยเอา ๆ ใหญ่เอา ๆ ทั้งยศทั้งทรัพย์
คนโลภ คนโกง ยังมองเห็นครับ
แต่ประเภทดี๊ดี ซื่อสัตย์ จนเรียกว่าซื่อสัตว์นั่นแหละครับ น่ากลัวสุด ๆ
คนพวกนี้จะปล่อยวางไม่เป็น สร้างภาพเก่ง กล้าหลอกคนทั้งโลก
สมณะนั้น พึงละกิเลสตัณหาให้ได้ก่อน ไม่ต้องถึงขั้นอรหันต์หรอก
แค่แสดงตนให้เห็นว่าละแล้วก็พอ
ใช่แค่ว่าอ้างอยู่ในธรรม กินน้อย ใช้น้อย ไม่หวังพัดยศ ไม่หวังตำแหน่ง แต่กิเลสออกทางตาตัณหาออกทางปากทุกขณะ
ผมเคยอ่านคอมลัมน์ข้างวัดของประสก เขียนไว้ว่า
ช่วงวัยรุ่นตอนท่านบวช ได้เห็นสีกานุ่งผ้าถุงนั่งไม่ระวัง เห็นแล้ว เกือบบรรลุโสดาบันในทันใด
นี่แหละครับ คนมีธรรม ก็ตีความเป็นธรรม แต่หากไร้ธรรม ก็เกิดกำหนัด
(ประสก เป็นนามปากกาของคุณจำรัส ดวงธิสาร)
พิจารณาดูโล้นอิสระเถิด อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย
ว่ามีธรรมจริงหรือ หรือจมอยู่ในอาจมแห่งกิเลสตัณหา
จบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี่ไม่ใช่เกลียดโล้นอิสระและชอบธรรมกายนะครับ
ธรรมกายนั้น ผมว่าก็พอปันกันกับสันติอโศก พอปันกันกับโล้นอิสระนั่นแหละ
เพียงแต่วิธีทางการตลาดต่างกัน
พุทธอิสระ vs วัชรานนท์ นี่แหละคือข้อเปรียบเทียบระหว่าง คนรู้ธรรม กับ คนอ้างธรรม
ผมเลยต้องแตกกระทู้มา เพราะอ่านกระทู้คุณวัชรานนท์แล้วรู้สึกคันหล่อ อยากร่วมสนทาธรรมด้วยสักนิดครับ
แต่สนทนาธรรมของผมจะเน้นไปที่ด่าเหลือบพระศาสนามากกว่าเนื้อหาทางธรรม
ที่คุณวัชรานนท์บอกว่า
"เธอจงจำไว้นะพุทธอิสระ....ศรัตรูของนักบวชคือ “กิเลสและตัณหา”
และสองตัวนี้แหละที่เธอต้องต่อสู้ และต่อสู้เพื่อตัวเธอเองไม่ใช่เพื่อใครอื่น..."
ชัด จบ ตบเกรียนอ้อน้อยกลิ้งลงเวทีไปเลยครับ
นี่แหละครับ ที่คุณวัชรานนท์ว่านี่แหละ คือ ธรรม
ธรรมชาติของสมณะนั้น คือการฝ่าข้ามกิเลส ตัณหา
มิใช่อ้างธรรม อ้างสู้อะไรบ้าบอมั่วไปหมด มันผิดธรรมชาติ ไม่ใช่ ธรรม
โล้นอิสระนั้น เต็มไปด้วยกิเลส พอกไปด้วยตัณหา
ในเมื่อตัวตนยังพ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหา ก็มีแต่จะพาคนอื่นลงเหวแห่งอกุศลมูล
อ้างชาติ อ้างศาสนา อ้างสถาบัน เพื่อให้ตัวเองดูดีมีราคาไปเท่านั้นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ โล้นเคยเผลอปากพูดถึงบุคคลสำคัญครั้งหนึ่ง
ได้ยินแล้วชัดเลยว่า โล้นตนนี้หวังสูงให้บุคคลสำคัญเข้าหา อยากเป็นยิ่งกว่าหลวงตามหาบัว
รู้กันมานาน แต่ไม่มีใครอยากพูด เพราะพูดแล้วทำให้เสื่อมเสียแก่พระผู้ใหญ่ แก่ศาสนา
หลักของพุทธ คือกฎแห่งการกระทำ ใครทำกรรมดี ก็ได้ผลดี ใครทำกรรมไม่ดี ก็ได้ผลไม่ดี
(เรื่องนี้ คึกฤทธิ์เคยเขียนขำ ๆ ไว้ว่า กฎแห่งกรรมมีจริงหรือ แล้วทำไมผัวเมียบางคู่ ทำแทบตายไม่มีลูก)
นั่นคือเรื่อง "ห้องกระจก"
จนมาถึงยุคกรวยเฟื่องฟู
โล้นอิสระนั้น รับงานมาจากห้องกระจก มุ่งเป็นใหญ่ หวังลาภสักการะ
มีห้องกระจก มีศิษย์ที่มีอำนาจหนุนหลัง ใครก็เกรง ข้าราชการเกรง ชาวบ้านหลง โล้นเลยซ่าไปทุกเรื่อง
คนอย่างนี้น่ากลัวครับ
ซ่อนโลภซ่อนหลงเก่ง แม้จะซ่อนโกรธไม่เก่ง
เหมือนนักการเมืองผู้ซื่อสัตว์หลายคน ที่สร้างภาพเป็นคนดีศรีประเสริฐซะเหลือเกิน
ไม่โกง ไม่โลภ
แต่คนพวกนี้ จะมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ภายใน นั่นคือเป้าหมายเป็นผู้ที่มีอำนาจ มีบารมี แตะต้องไม่ได้
คนเรา เมื่อมีอำนาจ มีบารมี มีสถานะ
ลาภ ยศ ที่บอกว่าไม่อยากได้ มันจะไปไหนเสีย ก็แค่สร้างภาพว่าไม่เอา แต่อยากให้คนกราบคนเชิดชูทั้งแผ่นดิน
และไม่มีใครตรวจสอบแตะต้องได้ ตัวเองสร้างภาพว่าไม่โลภ แต่คนรอบข้างรวยเอา ๆ ใหญ่เอา ๆ ทั้งยศทั้งทรัพย์
คนโลภ คนโกง ยังมองเห็นครับ
แต่ประเภทดี๊ดี ซื่อสัตย์ จนเรียกว่าซื่อสัตว์นั่นแหละครับ น่ากลัวสุด ๆ
คนพวกนี้จะปล่อยวางไม่เป็น สร้างภาพเก่ง กล้าหลอกคนทั้งโลก
สมณะนั้น พึงละกิเลสตัณหาให้ได้ก่อน ไม่ต้องถึงขั้นอรหันต์หรอก
แค่แสดงตนให้เห็นว่าละแล้วก็พอ
ใช่แค่ว่าอ้างอยู่ในธรรม กินน้อย ใช้น้อย ไม่หวังพัดยศ ไม่หวังตำแหน่ง แต่กิเลสออกทางตาตัณหาออกทางปากทุกขณะ
ผมเคยอ่านคอมลัมน์ข้างวัดของประสก เขียนไว้ว่า
ช่วงวัยรุ่นตอนท่านบวช ได้เห็นสีกานุ่งผ้าถุงนั่งไม่ระวัง เห็นแล้ว เกือบบรรลุโสดาบันในทันใด
นี่แหละครับ คนมีธรรม ก็ตีความเป็นธรรม แต่หากไร้ธรรม ก็เกิดกำหนัด
(ประสก เป็นนามปากกาของคุณจำรัส ดวงธิสาร)
พิจารณาดูโล้นอิสระเถิด อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย
ว่ามีธรรมจริงหรือ หรือจมอยู่ในอาจมแห่งกิเลสตัณหา
จบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้