ทำไมคนส่วนใหญ่ ยังคิดว่า หากแต่งงานไป จะมีคนดูแล
"แก่ไปใครจะดูแล" มันเป็นคำพูดนึง ที่ระยะหลัง มักจะได้ยินกันบ่อยมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจาก ในสมัยก่อน 50-60 ปี คนจะมีลูกกันเยอะ แต่ในยุคต่อมา คนเริ่มมีลูกน้อยลง และ ไม่แต่งงานกันมากขึ้น ผลก็เลยทำให้ คนที่เป็นรุ่นลูกหลาน จะต้องพบกับปัญหาชีวิตมากขึ้น เนื่องจาก จะต้องคอยไปๆมาๆ เพื่อจะพบป่ะ พูดคุย และ ดูแลคนสูงอายุ แต่มันจะมีสักคนกี่คน ที่อยากจะทำ และ ทำได้จริงๆ เนื่องจาก คนที่เป็นรุ่นลูกนั้น เขาก็ต้องไปดิ้นรนกับชีวิตในยุคปัจจุบัน ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ แล้วก็ต้องพยายามอยู่ให้รอดด้วย แต่มันก็คงจะทำได้ยาก สำหรับคนที่เกิดมาไม่ได้มีสมบัติ ฐานะ หรือ กิจการจากทางบ้านรอให้รับช่วงต่อ
แต่ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่ ก็ยังคิดอยากจะแต่งงาน และ มีลูก เพื่อจะได้มีคนดูแล มีคนคอยให้ใช้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ทำไม กลับไม่มีใครมาดูแลหล่ะ นั่นก็เพราะธรรมชาติ มนุษย์ปุถุชน มักจะห่วงตัวเองก่อน แล้วด้วยสภาวะต่างๆ ทางสังคม คนที่เอาเวลาตัวเองไปให้คนอื่น มันก็จะยิ่งทำให้เวลาของตัวเองน้อยลงไปด้วย ดังนั้น ทุกคนจึงควรจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าไปคาดหวังว่า ใครจะห่วง อย่าไปคาดหวังว่าใครจะสนใจ ขนาดพวกที่แต่งงานมา อยู่กินกันหลายสิบปี พอถึงเวลาวิกฤตชีวิต ทำไมถึงกลับตัวใครตัวมันหล่ะ ส่วนเรื่องที่คาดหวังว่า พอสูงอายุแล้ว จะมีลูกหลานมาดูแล ขอให้เลิกคิดได้เลย เนื่องจาก แต่ละคนนั้น จะต้องออกไปดิ้นรน และ ใช้ชีวิตของเขา การเอาแต่ก่นด่า จิ๊กหัวใช้ มันออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย แล้วถ้ายิ่งไปทำแบบนี้ ถึงลูกหลานจะมีเวลาเหลือเฟือง คงจะไม่มีใครอยากจะมาหาผู้ใหญ่ แบบนี้หรอก ยิ่งถ้าเวลาเจ็บป่วยหนักมากๆนะ อย่าให้พูดเลย มันจะสร้างความเครียดให้แก่คนที่จะต้องมาดูมาเฝ้าแค่ไหน ยิ่งถ้าเฝ้าตลอดเวลา คงจะพาลอดตาย อับจนกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว แต่ก็มีผุ้ใหญ่ส่วนน้อย ที่ไม่คิดถึงเรื่องนั้น ขอแค่ลูกหลานมีความสุข เขาก็พอใจแล้ว
ยังไงก็ต้องเตรียมตัว รับมือ กับเรื่องพวกนี้ไว้ได้แล้ว เพราะเงินทอง มันหายาก (ได้มายากมากๆ) จึงจำเป็นที่จะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้รอบๆตัวไว้ เผื่ออาจจะมองเห็นลู่ทาง และ ทำให้ ดูแลตัวเองให้พร้อม ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ในชีวิตได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่ร่างกายเสื่อม โรครุมเร้า แล้วก็ต้องเตรียมทำใจไว้ด้วยว่า พยายามอย่าทำให้ตัวเองทุกข์กับอะไรง่ายๆ ให้รีบฝึกไว้ตั้งแต่ตอนยังหนุ่มสาว เพราะเห็นคนแก่หลายคน ขนาดบ้านร่ำรวย มีรถ บีเอ็มดับบลิ้วขับ เปลี่ยนทุกสองปี กินอาหารภัตตาคาร แต่ก็ยังนั่งเหงาๆ เบื่อหน่ายทุกข์กับชีวิต ทั้งที่บ้านก็ยังมีกินใช้ แล้วไอคนที่เกิดมาไม่มีหล่ะ ก็จะกลายเป็นคนแก่ๆ อดๆอยากๆไง แถมถ้ายังไม่รู้จักจัดการความคิด มันจะยิ่งทุกข์ใจมากขึ้น
แล้วก็ด้วยเหตุผลเหล่านี้ คนถึงเริ่มจะไม่แต่งงาน หรือ มีลูกกันมากขึ้น นั่นก็เพราะ การแต่งงานก็ต้องใช้เงินเยอะ แล้วชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่สวยหรูแบบในละคร แล้วพอมีลูก ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆมากขึ้น ลำพังเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน ไม่กี่หมื่น จะไปพอ "ยาไส้" อะไร แล้วไหนจะต้องผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ผ่อนบ้าน ผ่อนมือถืออีก แล้วถ้ายิ่งแก่ โรคภัยก็เยอะ ไอลูกหลาน ที่มี ก็คงจะไม่มาดูแลอะไรหรอก ซึ่งผุ้ใหญ่ ดีๆ ก็คงจะไม่อยากจะไปเบียดเบียน เด็กรุ่นหลัง เขาถึงคิดถึงเรือ่ง การวางแผนเกษียณ (คือมีเงินให้พอใช้หลังไม่มีรายได้นั่นหล่ะ) แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันก็ทำได้ยาก ลองดูรอบๆสิ ทำไมยังมีคนทุกข์ อยู่มากมายนัก ขนาดตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน เอาเวลาแรงกายใจไปแลกค่าแรง แต่คนก็มักจะเอาไปใช้สอย หาความรู้ จากการเสพสิ่งต่างๆรอบๆตัว ไม่ว่าจะดูหนัง ท่องเที่ยว หมดไปหลายพัน จากนั้นก็รอเงินเดือนใหม่ แล้วพอมีปัญหา บริษัทลดจำนวนคนขึ้นมา ทีนี้แระเดือนร้อนเลย ยิ่งถ้าไปผ่อนอะไรไว้เยอะ ก็ถูกเขายึดทรัพย์ เงินไปอีก ยิ่งถ้าหากมีลูกหลาน บางครอบครัว ก็มอบมรดกเหล่านี้ (หนี้ก้อนมโหฬาร) ให้ดูต่างหน้า ขนาดพวกที่ไม่เที่ยว ไม่ฟุ้มเฟ้อ เก็บเอาเก็บเอา หารายได้หลายช่องทาง มันก็ยังไม่มีเงินพอเกษียณเลย จะไปหวังสวัสดิการรัฐหรอ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรอ สุดท้ายก็ไม่พออยู่ดี ยกเว้นเสียแต่ว่า จะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ แต่ส่วนมากก็ที่เห็นอายุน้อย สิบล้าน มักจะได้มรดก จากรุ่นก่อนมาทั้งนั้นแระ
แต่ทั้งนี้ เรื่องบ้าๆพวกนี้ ก็ยังคงจะดำเนินต่อๆไป เห็นอะไรตรงนี้ไหม เกิดเป็นมนุษย์มีทุกข์ เพราะต้องดิ้นรน มีชีวิตอยู่ ยังไงดูแลตัวเองให้ดีๆ อดทน มีสติ ต่อสู้กับความจริงต่อไป
เครดิต ::
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=826371850799982&id=804479232989244
ทำไมคนส่วนใหญ่ ยังคิดว่า จะต้องแต่งงาน เพราะจะได้มีคนดูแล (แต่ไม่ดูแลตัวเอง)
"แก่ไปใครจะดูแล" มันเป็นคำพูดนึง ที่ระยะหลัง มักจะได้ยินกันบ่อยมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจาก ในสมัยก่อน 50-60 ปี คนจะมีลูกกันเยอะ แต่ในยุคต่อมา คนเริ่มมีลูกน้อยลง และ ไม่แต่งงานกันมากขึ้น ผลก็เลยทำให้ คนที่เป็นรุ่นลูกหลาน จะต้องพบกับปัญหาชีวิตมากขึ้น เนื่องจาก จะต้องคอยไปๆมาๆ เพื่อจะพบป่ะ พูดคุย และ ดูแลคนสูงอายุ แต่มันจะมีสักคนกี่คน ที่อยากจะทำ และ ทำได้จริงๆ เนื่องจาก คนที่เป็นรุ่นลูกนั้น เขาก็ต้องไปดิ้นรนกับชีวิตในยุคปัจจุบัน ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ แล้วก็ต้องพยายามอยู่ให้รอดด้วย แต่มันก็คงจะทำได้ยาก สำหรับคนที่เกิดมาไม่ได้มีสมบัติ ฐานะ หรือ กิจการจากทางบ้านรอให้รับช่วงต่อ
แต่ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่ ก็ยังคิดอยากจะแต่งงาน และ มีลูก เพื่อจะได้มีคนดูแล มีคนคอยให้ใช้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ทำไม กลับไม่มีใครมาดูแลหล่ะ นั่นก็เพราะธรรมชาติ มนุษย์ปุถุชน มักจะห่วงตัวเองก่อน แล้วด้วยสภาวะต่างๆ ทางสังคม คนที่เอาเวลาตัวเองไปให้คนอื่น มันก็จะยิ่งทำให้เวลาของตัวเองน้อยลงไปด้วย ดังนั้น ทุกคนจึงควรจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าไปคาดหวังว่า ใครจะห่วง อย่าไปคาดหวังว่าใครจะสนใจ ขนาดพวกที่แต่งงานมา อยู่กินกันหลายสิบปี พอถึงเวลาวิกฤตชีวิต ทำไมถึงกลับตัวใครตัวมันหล่ะ ส่วนเรื่องที่คาดหวังว่า พอสูงอายุแล้ว จะมีลูกหลานมาดูแล ขอให้เลิกคิดได้เลย เนื่องจาก แต่ละคนนั้น จะต้องออกไปดิ้นรน และ ใช้ชีวิตของเขา การเอาแต่ก่นด่า จิ๊กหัวใช้ มันออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย แล้วถ้ายิ่งไปทำแบบนี้ ถึงลูกหลานจะมีเวลาเหลือเฟือง คงจะไม่มีใครอยากจะมาหาผู้ใหญ่ แบบนี้หรอก ยิ่งถ้าเวลาเจ็บป่วยหนักมากๆนะ อย่าให้พูดเลย มันจะสร้างความเครียดให้แก่คนที่จะต้องมาดูมาเฝ้าแค่ไหน ยิ่งถ้าเฝ้าตลอดเวลา คงจะพาลอดตาย อับจนกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว แต่ก็มีผุ้ใหญ่ส่วนน้อย ที่ไม่คิดถึงเรื่องนั้น ขอแค่ลูกหลานมีความสุข เขาก็พอใจแล้ว
ยังไงก็ต้องเตรียมตัว รับมือ กับเรื่องพวกนี้ไว้ได้แล้ว เพราะเงินทอง มันหายาก (ได้มายากมากๆ) จึงจำเป็นที่จะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้รอบๆตัวไว้ เผื่ออาจจะมองเห็นลู่ทาง และ ทำให้ ดูแลตัวเองให้พร้อม ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ในชีวิตได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่ร่างกายเสื่อม โรครุมเร้า แล้วก็ต้องเตรียมทำใจไว้ด้วยว่า พยายามอย่าทำให้ตัวเองทุกข์กับอะไรง่ายๆ ให้รีบฝึกไว้ตั้งแต่ตอนยังหนุ่มสาว เพราะเห็นคนแก่หลายคน ขนาดบ้านร่ำรวย มีรถ บีเอ็มดับบลิ้วขับ เปลี่ยนทุกสองปี กินอาหารภัตตาคาร แต่ก็ยังนั่งเหงาๆ เบื่อหน่ายทุกข์กับชีวิต ทั้งที่บ้านก็ยังมีกินใช้ แล้วไอคนที่เกิดมาไม่มีหล่ะ ก็จะกลายเป็นคนแก่ๆ อดๆอยากๆไง แถมถ้ายังไม่รู้จักจัดการความคิด มันจะยิ่งทุกข์ใจมากขึ้น
แล้วก็ด้วยเหตุผลเหล่านี้ คนถึงเริ่มจะไม่แต่งงาน หรือ มีลูกกันมากขึ้น นั่นก็เพราะ การแต่งงานก็ต้องใช้เงินเยอะ แล้วชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่สวยหรูแบบในละคร แล้วพอมีลูก ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆมากขึ้น ลำพังเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน ไม่กี่หมื่น จะไปพอ "ยาไส้" อะไร แล้วไหนจะต้องผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ผ่อนบ้าน ผ่อนมือถืออีก แล้วถ้ายิ่งแก่ โรคภัยก็เยอะ ไอลูกหลาน ที่มี ก็คงจะไม่มาดูแลอะไรหรอก ซึ่งผุ้ใหญ่ ดีๆ ก็คงจะไม่อยากจะไปเบียดเบียน เด็กรุ่นหลัง เขาถึงคิดถึงเรือ่ง การวางแผนเกษียณ (คือมีเงินให้พอใช้หลังไม่มีรายได้นั่นหล่ะ) แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันก็ทำได้ยาก ลองดูรอบๆสิ ทำไมยังมีคนทุกข์ อยู่มากมายนัก ขนาดตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน เอาเวลาแรงกายใจไปแลกค่าแรง แต่คนก็มักจะเอาไปใช้สอย หาความรู้ จากการเสพสิ่งต่างๆรอบๆตัว ไม่ว่าจะดูหนัง ท่องเที่ยว หมดไปหลายพัน จากนั้นก็รอเงินเดือนใหม่ แล้วพอมีปัญหา บริษัทลดจำนวนคนขึ้นมา ทีนี้แระเดือนร้อนเลย ยิ่งถ้าไปผ่อนอะไรไว้เยอะ ก็ถูกเขายึดทรัพย์ เงินไปอีก ยิ่งถ้าหากมีลูกหลาน บางครอบครัว ก็มอบมรดกเหล่านี้ (หนี้ก้อนมโหฬาร) ให้ดูต่างหน้า ขนาดพวกที่ไม่เที่ยว ไม่ฟุ้มเฟ้อ เก็บเอาเก็บเอา หารายได้หลายช่องทาง มันก็ยังไม่มีเงินพอเกษียณเลย จะไปหวังสวัสดิการรัฐหรอ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรอ สุดท้ายก็ไม่พออยู่ดี ยกเว้นเสียแต่ว่า จะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ แต่ส่วนมากก็ที่เห็นอายุน้อย สิบล้าน มักจะได้มรดก จากรุ่นก่อนมาทั้งนั้นแระ
แต่ทั้งนี้ เรื่องบ้าๆพวกนี้ ก็ยังคงจะดำเนินต่อๆไป เห็นอะไรตรงนี้ไหม เกิดเป็นมนุษย์มีทุกข์ เพราะต้องดิ้นรน มีชีวิตอยู่ ยังไงดูแลตัวเองให้ดีๆ อดทน มีสติ ต่อสู้กับความจริงต่อไป
เครดิต :: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้