เนื่องจากมีญาติทางฝั่งพ่อ มาขอเงินค่าจ้างพยาบาลเลี้ยงดูคุณย่า คุณย่าล้มป่วยเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ บวกกับไม่มีคนดูแลที่บ้านต่างจังหวัด ทำให้ทางฝั่งน้า ต้องพาคุณย่ามาอยู่ด้วยที่ กทม แต่ด้วยต้องทำงานประจำ ไม่มีคนอยู่บ้าน ทำให้ต้องจ้างพยาบาลมาคอยดูแลหลังจากนี้
คุณพ่อเราเสียไปได้ เกือบๆ 27 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรากับแม่ 2 คน ดิ้นรนกันเองมาตลอด เราต้องไปทำงานตั้งแต่อายุ 15 เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนบรรเทาค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และหาเงินช่วยแม่ส่งค่าบ้านที่ต้องผ่อนกับทางธนาคาร ไม่เคยมีความสบายเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา หลังจากพ่อเสีย และไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใดๆจากทางญาติฝ่ายพ่อ หรือการติดต่อเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบรวมถึงทางย่าเอง แต่ละครั้งที่ติดต่อมา จะต้องมีเรื่องที่ขอความช่วยเหลือจากทางเราและแม่ทุกครั้ง
คุณแม่เราเสียเมื่อ 8 ปีที่แล้ว มีญาติทางฝั่งพ่อมาช่วยงานศพคุณแม่ โดยที่ไม่ได้ช่วยออกค่าใช้จ่ายใดๆ แต่เป็นทางญาติคุณยายที่ช่วยเหลือทั้งหมด อันนี้เราเข้าใจว่าแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันและเป็นแม่เรา แต่ ณ ตอนนั้นเรายังเรียนไม่จบ รายได้ที่มีหลังจากที่แม่ล้มป่วยจนกระทั่งเสียชีวิตมาจากการรับจ้างซักรีดโดยทีเราทำคนเดียวทุกอย่าง เลยต้องขอความช่วยเหลือจากทางญาติฝ่ายแม่และคุณยาย หลังจากนั้นเราก็ดิ้นรนอย่างหนักอยู่คนเดียว เพื่อเรียนให้จบตามที่แม่หวัง และหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเอง โดยไม่ได้รับการติดต่อหรือการช่วยเหลือใดๆจากทางญาติฝ่ายพ่อและย่า สู้ปากกัดตีนถีบจนผลักดันให้ตัวเองเรียนจบ ได้ทำงานในบริษัทที่ดีมั่นคง รายได้พอเหลือเก็บสำหรับอนาคต
แต่ก็ไม่วาย ทางย่าเกิดล้มป่วย ตามข้างต้น โดยญาติพี่น้องทางพ่อ ยังเหลือพี่น้องอีก 6 คนและหลานอีก 10คน (รวมตัวเรา) โดยที่แจ้งมาค่าใช้จ่ายดูแลตกเดือนละ 18,000 บาท ซึ่งปกติก็ควรจะต้องเป็นลูกที่ดูแลค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก่อนไหม เพราะพ่อเราก็เสียไปนานมากแล้ว แต่นี่ก็ยังจะมาขอความช่วยเหลือจากเราทุกๆเดือน แบบนี้เพื่อนๆมีความคิดเห็นยังไงบ้างคะ เราควรทำยังไงดี ตอนนี้คิดไม่ตกเลยค่ะ เงินไม่ได้เยอะแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วตอนเราลำบากหละเขาอยู่ที่ไหนกัน พอมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือถึงเพิ่งจะติดต่อมา
ป.ล. อาจจะพิมพ์วกไปวนมาต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่มันอธิบายไม่ถูกจริงๆค่ะ
ญาติมาขอเงินเลี้ยงดูย่าจากหลาน แต่ไม่เคยให้ความช่วยเหลือใดๆกับทางหลานมาก่อน เราควรช่วยไหมคะ
คุณพ่อเราเสียไปได้ เกือบๆ 27 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรากับแม่ 2 คน ดิ้นรนกันเองมาตลอด เราต้องไปทำงานตั้งแต่อายุ 15 เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนบรรเทาค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และหาเงินช่วยแม่ส่งค่าบ้านที่ต้องผ่อนกับทางธนาคาร ไม่เคยมีความสบายเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา หลังจากพ่อเสีย และไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใดๆจากทางญาติฝ่ายพ่อ หรือการติดต่อเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบรวมถึงทางย่าเอง แต่ละครั้งที่ติดต่อมา จะต้องมีเรื่องที่ขอความช่วยเหลือจากทางเราและแม่ทุกครั้ง
คุณแม่เราเสียเมื่อ 8 ปีที่แล้ว มีญาติทางฝั่งพ่อมาช่วยงานศพคุณแม่ โดยที่ไม่ได้ช่วยออกค่าใช้จ่ายใดๆ แต่เป็นทางญาติคุณยายที่ช่วยเหลือทั้งหมด อันนี้เราเข้าใจว่าแต่ละคนก็มีไม่เท่ากันและเป็นแม่เรา แต่ ณ ตอนนั้นเรายังเรียนไม่จบ รายได้ที่มีหลังจากที่แม่ล้มป่วยจนกระทั่งเสียชีวิตมาจากการรับจ้างซักรีดโดยทีเราทำคนเดียวทุกอย่าง เลยต้องขอความช่วยเหลือจากทางญาติฝ่ายแม่และคุณยาย หลังจากนั้นเราก็ดิ้นรนอย่างหนักอยู่คนเดียว เพื่อเรียนให้จบตามที่แม่หวัง และหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเอง โดยไม่ได้รับการติดต่อหรือการช่วยเหลือใดๆจากทางญาติฝ่ายพ่อและย่า สู้ปากกัดตีนถีบจนผลักดันให้ตัวเองเรียนจบ ได้ทำงานในบริษัทที่ดีมั่นคง รายได้พอเหลือเก็บสำหรับอนาคต
แต่ก็ไม่วาย ทางย่าเกิดล้มป่วย ตามข้างต้น โดยญาติพี่น้องทางพ่อ ยังเหลือพี่น้องอีก 6 คนและหลานอีก 10คน (รวมตัวเรา) โดยที่แจ้งมาค่าใช้จ่ายดูแลตกเดือนละ 18,000 บาท ซึ่งปกติก็ควรจะต้องเป็นลูกที่ดูแลค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก่อนไหม เพราะพ่อเราก็เสียไปนานมากแล้ว แต่นี่ก็ยังจะมาขอความช่วยเหลือจากเราทุกๆเดือน แบบนี้เพื่อนๆมีความคิดเห็นยังไงบ้างคะ เราควรทำยังไงดี ตอนนี้คิดไม่ตกเลยค่ะ เงินไม่ได้เยอะแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วตอนเราลำบากหละเขาอยู่ที่ไหนกัน พอมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือถึงเพิ่งจะติดต่อมา
ป.ล. อาจจะพิมพ์วกไปวนมาต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่มันอธิบายไม่ถูกจริงๆค่ะ