พระไตรปิฎกมีอะไรมากกว่าที่คิด ตอน 4

การแพทย์ในพระไตรปิฎกเดินทางมาถึงภาค 4 แล้วครับ
เพื่อนๆครับเคยได้ฟังเรื่อง “การสวดมนต์และนั่งสมาธิรักษาโรค” กันมาบ้างใช่ไหมครับ



วันนี้ผมมีประสบการณ์ตรงมาเล่าให้ฟังครับ คือ เคยแนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งทำสมาธิแล้วหายจากโรคมาแล้ว 2 คน
จะยกตัวอย่าง 1 ท่านครับ เมื่อปี พ.ศ.2547 ผมได้รู้จักพี่คนหนึ่ง ชื่อ ขวัญเรือน ร่วมสกุล เป็นชาวสมุทรสาคร
แกป่วยเป็นมะเร็งมดลูกมา 10 ปี อาการอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว หมอบอกว่า จะอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน



คุณขวัญเรือนเล่าว่า มะเร็งมดลูก ทำให้ทุกข์ทรมานมาก คราวหนึ่งกินยาพาราเซตามอล ไป 80 เม็ด
ตั้งใจจะระงับความปวดชั่วนิรันดร์ แต่หมอช่วยไว้ทัน ต่อมาจึงหาเชือกมาผูกคอ แต่มีคนมาเจอจึงช่วยไว้อีก

เมื่อได้คุยกัน ผมจึงบอกว่า สมาธิช่วยได้นะ เพราะเคยได้ศึกษามาว่า
หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ สามารถใช้สมาธิรักษาโรคได้
จึงแนะนำให้แกทำสมาธิโดยนึกนิมิตไว้กลางท้องตามวิธีการของวัดปากน้ำ
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง คุณขวัญเรือน เห็นเป็นดวงสว่างอยู่กลางท้อง



ผมจึงแนะนำให้อธิษฐานจิตว่า ขอให้หายจากการเป็นมะเร็งในครั้งนี้
นับจากวันนั้น คุณขวัญเรือน ก็นั่งสมาธิทุกวัน
ผ่านไป 1 เดือน ไปตรวจโรคอีกครั้ง หมอทักว่า ไปทำอะไรมาครับ ทำไมดูสดใสขึ้น
และผลการตรวจโรคปรากฏว่า มะเร็งหยุดการเติบโต โรคแทรกซ้อนที่เป็นอยู่อื่นๆหายหมด

ผ่านมา 12 ปีแล้ว คุณขวัญเรือนยังมีชีวิตอยู่และหายขาดจากโรคมะเร็งแล้วครับ

ในพระไตรปิฎกมีบันทึกไว้ใน “กัมมวิปากชสูตร” ว่า ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธหนักเพราะวิบากบาปกรรมในอดีต
ท่านจึงระงับการอาพาธด้วยการ “นั่งสมาธิ ตั้งกายตรง อดกลั้นทุกขเวทนาที่เผ็ดร้อน อยู่ในที่ไม่ไกลจากพระผู้มีพระภาคเจ้า”  
พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นภิกษุรูปนั้น จึงทรงเปล่งอุทานว่า
“ภิกษุผู้ละกรรมทั้งหมดได้... ดำรงมั่น คงที่ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบอกให้คนช่วยเยียวยา”  



นอกจากนี้การได้ฟังธรรมหรือฟังบทสวดมนต์ก็ช่วยรักษาโรคได้ด้วยครับ    
มีบันทึกไว้ใน “ปฐมคิลานสูตร” ว่า ครั้งหนึ่ง พระมหากัสสปเถระอาพาธหนัก
พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปหาท่านและทรงแสดงธรรมเรื่องโพชฌงค์ 7 ให้ท่านฟังว่า  
“กัสสปะ โพชฌงค์ 7 ประการนี้เรากล่าวไว้ชอบแล้ว บุคคลเจริญแล้ว
ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ...”    
เมื่อพระผู้มีพระภาคแสดงธรรมจบแล้ว พระมหากัสสปเถระ มีใจยินดี
ชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า และหายขาดจากอาพาธนั้น  



มีงานวิจัยถึง 150 ชิ้นที่ระบุว่า การเปล่งเสียงสวดมนต์ “สามารถบำบัดและรักษาอาการป่วยได้ อย่างน่าอัศจรรย์”
แม้แต่โรคหัวใจและโรคเอดส์ก็สามารถรักษาได้

นายแพทย์วิธาน ฐานะวุฑฒ์ ผู้ดำเนินโครงการหัวใจใหม่ ชีวิตใหม่ จังหวัดเชียงราย
ได้ทดลองแบ่งคนไข้โรคหัวใจจำนวน 393 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่รักษาแบบปกติกับกลุ่มที่สอดแทรกวิธีรักษาด้วยการสวดมนต์
สิ่งที่พบคือ กลุ่มที่มีการสวดมนต์อาการของโรคหัวใจดีขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยประเภทเดียวกัน แต่ได้รับการรักษาแบบปกติ  “โรคเอดส์” ก็เช่นกัน
ผลการวิจัยพบว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาด้วยการสวดมนต์
มีตัวเลขการเสียชีวิตลดลงกว่าครึ่งของผู้ที่รักษาอาการตามปกติ



บทสวดมนต์ที่นำมาใช้ในการทดลองนั้นมีดังนี้คือ ชัยมงคลคาถาหรือบทพาหุง, มงคลสูตร
เมตตปริตร, โพชฌงคปริตร และรัตนสูตร เป็นต้น
โดยเฉพาะบทโพชฌงคปริตรนั้นเป็นบทเดียวกันกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มักใช้แสดงธรรมแก่ภิกษุอาพาธ การสวดมนต์นั้นถือเป็นการทำสมาธิวิธีหนึ่ง
http://www2.manager.co.th/asp-bin/PrintNews.aspx?NewsID=9470000009776

ดร.เฮอร์เบิร์ต เบนสัน (Herbert Benson) ศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด      
ได้นำเอาศาสตร์ตะวันออกหลายประการมาใช้บำบัดรักษาโรค เช่น การฝึกความผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
การสวดมนต์ การทำสมาธิ โยคะ ชี่กง ฝึกการเจริญสติในเวลาออกกำลังกาย ฯลฯ



ในระยะแรกท่านทดลองให้พระทิเบตทำสมาธิ เป็นเวลา 1ชั่วโมง แล้ววัดดูการทำงานของร่างกายในขณะเป็นสมาธิ
พบว่าสมาธิทำให้ทำให้ความดันลดลง ชีพจรเต้นช้าลง หายใจช้าลง อุณหภูมิกายลดลง การเผาผลาญสารอาหารในร่างกายลดลง
คลื่นสมองช้าลงและเป็นระเบียบมากขึ้น ท่านเรียกปรากฏการณ์ นี้ว่า
ผลของความผ่อนคลาย (Ralaxation Response) ซึ่งเป็นผลตรงข้ามกับผลของความเครียด



ต่อมาจึงเริ่มรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยการฝึกสมาธิร่วมกับการใช้ยา ก็พบว่าได้ผลดีในโรคต่างๆ
คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง โรคลำไส้แปรปรวน
ผู้ป่วยมีบุตรยาก อาการปวดเรื้อรังที่เกิดจากโรคต่างๆ เป็นต้น พบว่า ผลของความผ่อนคลายช่วยให้การรักษาโรคได้ผลดีขึ้น
ใช้ยาลดลง บางรายเป็นไม่มากก็ไม่ต้องใช้ยา โดยเฉพาะพวกที่นอนไม่หลับ จะช่วยให้นอนหลับดี
และฝึกระยะยาวก็ไม่ต้องใช้ยานอนหลับอีกเลย คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน www.massgeneral.edu/bhi/clinical_finding

ศ.เบนสัน เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับความเครียดที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก เป็นคนแรกที่นำเอาการฝึกสมาธิมาใช้บำบัดโรค
ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเครียด ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีใครสนใจเรื่องนี้เลย ท่านทำงานทางด้านนี้ไม่ต่ำกว่า 40 ปี
มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ 180 เรื่อง เขียนหนังสือไว้ 12 เล่ม เช่น Relaxation response, Timeless Healing, The Wellness Book,
Relaxation Revolution เป็นต้น ท่านผู้อ่านอาจจะเข้าไปดูได้ในAmazon.com/Herbert Benson
และเข้าไปฟังคำบรรยายของท่านที่ Youtube.com/Herbert Benson ก็จะมีให้ฟังมากมาย
เรื่องที่น่าสนใจเช่น meditation- universal antidote,Legacy Wisdom-Dr. Herbert Benson ,
2011 Mind Body Week keynote Dr Herbert Benson, MD.เป็นต้น ก็จะได้ความรู้มากมาย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 145 มกราคม 2556 โดย น.พ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)



เมื่อสักครู่ ( 6 เม.ย.2559 )  ผมลองค้นข้อมูลใน google โดยใส่คำว่า “Meditation therapy”
โดยพบคำนี้มากถึง  35,100,000 รายการ, พบคำว่า “สมาธิบำบัด” 452,000  รายการ ,
พบคำว่า “สมาธิรักษาโรค” 336,000  รายการ, และคำว่า สวดมนต์รักษาโรค 521,000 รายการ



หากค้นข้อมูลด้วยภาษาอื่น ๆ ด้วยคงจะได้ข้อมูลเรื่องสมาธิบำบัดนี้อีกหลายล้านรายการ
ข้อมูลจำนวนมากมหาศาลนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดียิ่งว่า
โลกยุคปัจจุบันกำลังย้อนกลับมาให้ความสำคัญกับสมาธิบำบัดและหลักธรรมต่าง ๆ
ซึ่งมีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกกว่า 2,500 ปี แต่เดิมชาวโลกจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าเป็นของโบราณล้าสมัย
ไม่อาจสู้กับการแพทย์แผนตะวันตกซึ่งพัฒนามาจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำยุคได้
แต่วันนี้ชาวโลกจำนวนมากเริ่มนำของที่เคยคิดว่าล้าสมัยนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตกันแล้ว
ปัจจุบันสมาธิและคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถือว่าเป็น  “เทรนด์ใหม่” หรือ แนวโน้มใหม่
ที่ใคร ๆ ก็พูดถึงและศึกษากันอย่างกว้างขวาง ทั้งเพื่อการบำบัดโรค เพื่อความสงบสุขของจิตใจ
และเพื่อศึกษาค้นคว้าทางใจด้วยสมถวิปัสสนาขั้นสูง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่