เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน ป่วยเป็นโรคแพนิคค่ะ และได้รับการรักษากับจิตแพทย์ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ช่วงที่รักษาอารการดีขึ้นบ้าง แย่งลงบ้าง จนมีวันหนึ่งคุยกับคุณหมอว่า ครั้งนี้กลับมาเป็นอีกแล้ว คุณหมอได้แนะนำว่า น่าจะไปหาธรรมะมาอ่าน ทำสมาธิบ้าง ตรงนี้เองทำให้เรากลับมาสนใจศาสนาอีกครั้ง สารภาพเลยค่ะ เราจึงเริ่มปฏิบัติธรรมควบคู่กับการทานยารักษาค่ะ
ขั้นแรก เราอ่านธรรมะ ไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดการปฏิบัติแบบจิตตานุปัสสนา แต่เรายังไม่ได้เริ่มปฏิบัตินะคะ ทำเพียงแต่ สวดมนต์ไหว้พระ ท่องพุธโธในใจในชีวิตประจำวัน แต่ยังไม่นั่งสมาธิในรูปแบบ ตอนนั้นอาการแพนิค ก็เกิดขึ้นแบบนาน ๆ ครั้งค่ะ
ขั้นที่สอง เนื่องจากเราสวดมนต์เป็นประจำ และท่องพุทโธ และอ่านธรรมะเป็นประจำ ส่วนใหญ่อ่านและฟังเกี่ยวกับการปฏิบัติแบบจิตตานุปัสสนาจนเริ่มเกิดจิตผู้รู้ขึ้น เราจึงเริ่มปฏิบัติจิตตานุปัสสนาค่ะ พร้อมทำสมาธิในรูปแบบเล็กน้อย 5-10 นาที เริ่มลดการท่องพุทโธในชีวิตประจำวันค่ะ
หลังจากฝึกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่ต้องทานยา และตอนนี้อาการยังไม่กลับไปกำเริบอีกอีกค่ะ
**ในขั้นแรกนั้นยังไม่ควรทำสมาธิในรูปแบบเพราะจะทำให้อารมณ์ดิ่งลง เป็นอันตราย เมื่อปฏิบัติขั้นแรกจนมีจิตผู้รู้แล้วให้ค่อย ๆ เพิ่มสมาธิในรูปแบบขึ้น ค่ะ
แชร์ประสบการณ์รักษาโรคแพนิคค่ะ
ขั้นแรก เราอ่านธรรมะ ไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดการปฏิบัติแบบจิตตานุปัสสนา แต่เรายังไม่ได้เริ่มปฏิบัตินะคะ ทำเพียงแต่ สวดมนต์ไหว้พระ ท่องพุธโธในใจในชีวิตประจำวัน แต่ยังไม่นั่งสมาธิในรูปแบบ ตอนนั้นอาการแพนิค ก็เกิดขึ้นแบบนาน ๆ ครั้งค่ะ
ขั้นที่สอง เนื่องจากเราสวดมนต์เป็นประจำ และท่องพุทโธ และอ่านธรรมะเป็นประจำ ส่วนใหญ่อ่านและฟังเกี่ยวกับการปฏิบัติแบบจิตตานุปัสสนาจนเริ่มเกิดจิตผู้รู้ขึ้น เราจึงเริ่มปฏิบัติจิตตานุปัสสนาค่ะ พร้อมทำสมาธิในรูปแบบเล็กน้อย 5-10 นาที เริ่มลดการท่องพุทโธในชีวิตประจำวันค่ะ
หลังจากฝึกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่ต้องทานยา และตอนนี้อาการยังไม่กลับไปกำเริบอีกอีกค่ะ
**ในขั้นแรกนั้นยังไม่ควรทำสมาธิในรูปแบบเพราะจะทำให้อารมณ์ดิ่งลง เป็นอันตราย เมื่อปฏิบัติขั้นแรกจนมีจิตผู้รู้แล้วให้ค่อย ๆ เพิ่มสมาธิในรูปแบบขึ้น ค่ะ