สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
นิทานสอนใจ: ใครกันที่ชนะ
ในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน มีประเพณีอย่างหนึ่งของพระภิกษุนิกายเซ็น คือ พระภิกษุอาคันตุกะ ที่เดินทางมาถึงที่วัดใด จะต้องตอบปัญหาธรรมชนะพระภิกษุที่อยู่ก่อน จึงจะมีสิทธิ์เข้าพักได้ ถ้าแพ้ก็ต้องเดินทางหาวัดใหม่ต่อไป
วันหนึ่ง มีพระอาคันตุกะองค์หนึ่ง เดินทางมาจากที่ไกลถึงที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น วัดนี้มีพระเซนพี่น้อง 2 องค์อาศัยอยู่ องค์พี่เป็นผู้คงแก่เรียนรอบรู้แตกฉานมาก องค์น้องนอกจากจะตาบอดข้างหนึ่งแล้ว ยังมีสติปัญญาค่อนข้างทึบอีกด้วย
เมื่อทราบระเบียบว่า จะต้องมีการโต้ธรรมะกันก่อนเข้าพักอาศัย พระอาคันตุกะก็ยินดีปฏิบัติตาม แต่เนื่องจากพระองค์พี่เหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติงานมาทั้งวัน จึงได้มอบให้พระองค์น้องทำหน้าที่โต้ปัญหาธรรมแทน และได้แนะให้พระองค์น้องใช้วิธีโต้ปัญหาแบบ “เงียบ” พระทั้งสององค์จึงไปยังที่บูชา จุดธูปบูชาพระรัตนตรัย เสร็จแล้วการโต้ปัญหาธรรมะก็เริ่มขึ้น ชั่วครู่เดียวพระอาคันตุกะก็เดินออกไปหาพระองค์พี่ แล้วกล่าวว่า
“น้องชายท่านเก่งเหลือเกิน ข้าพเจ้ายอมแพ้แล้ว “
“ท่านโต้ปัญหากันว่าอย่างไรล่ะ” พระองค์พี่ถาม
พระอาคันตุกะจึงชี้แจงว่า “ทีแรกข้าพเจ้าชูนิ้วขึ้นมาก่อนหนึ่งนิ้ว ซึ่งหมายถึงพระพุทธ น้องชายของท่านชูสองนิ้วตอบ ซึ่งหมายความว่าเมื่อมีพระพุทธก็ต้องมีพระธรรมด้วย ข้าพเจ้าจึงชูสามนิ้วตอบซึ่งหมายถึงว่าถ้าจะให้ครบ ก็ต้องมีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วย คราวนี้น้องชายท่านกลับชูกำปั้นมาที่หน้าผม ซึ่งหมายความว่า จะเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตาม ก็ต้องมารวมเป็นหนึ่งเดียว คือพุทธศาสนา ผมจึงว่าน้องท่านเป็นผู้ชนะ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่”
พระภิกษุอาคันตุกะกล่าวแล้ว ก็ลาพระภิกษุองค์พี่เดินทางต่อไปสักครู่ พระองค์น้องก็เข้ามาหาพระพี่ชายอย่างเร่งรีบ แล้วถามหาพระอาคันตุกะว่า
“เจ้าหมอนั่นมันไปไหนแล้วล่ะ?”
“เธอชนะเขาแล้วไม่ใช่หรือ ?” พระผู้พี่ถามด้วยความสงสัย
“ชนะกะผีอะไรล่ะ” พระองค์น้องโกรธ
“เธอโต้ปัญหากับเขาว่าอย่างไรล่ะ?“ พระองค์พี่ถามต่อ
“โต้อย่างไรนะหรือ” พระองค์น้องตะโกน
“พอเห็นหน้าผมเท่านั้น มันก็ชูนิ้วเดียวมาที่หน้าผม ซึ่งมันดูหมิ่นว่าผมมีตาข้างเดียว ผมสู้อดทนเพราะเห็นว่าเป็นแขก จึงชูตอบไปสองนิ้ว แสดงความยินดีที่เขามีตาครบบริบูรณ์ แทนที่มันจะรู้ตัว มันกลับชูนิ้วกลับมาอีกสามนิ้ว ซึ่งหมายความว่า ทั้งผมและมันมีตารวมกันอยู่สามตา อย่างนี้ไม่ใช่เยาะเย้ยแล้วจะเรียกว่าอะไร ผมเหลืออดจริงๆ จึงชูกำปั้นขึ้นมาจะต่อยหน้ามันสักหน่อย แต่มันกลับวิ่งออกมาเสียก่อน”
----------------------------
มุมมองของคนเราต่อสิ่งต่างๆ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่มุมมองของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมองในมุมที่ตนสนใจ เข้าใจ และอยากจะมอง และถ้าเป็นแบบนี้ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
คนที่เป็นหัวหน้างาน เป็นผู้จัดการ ที่ต้องบริหารจัดการลูกน้อง เวลาที่เราคุยกับลูกน้อง หรือได้ยินลูกน้องคุยอะไรมา เรามองอย่างไร เราเห็นในสิ่งที่ลูกน้องของเราเห็นหรือไม่ หรือต่างคนต่างมองในมุมของตนเอง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็จะไม่ได้ใจลูกน้องของเราได้เลย
อย่าให้มุมมองของตนเองมาปิดหูปิดตา และไม่สนใจมุมมองของคนอื่น จงเปิดใจ ละทิฐิและยอมที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองของตน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งความเข้าใจนี้ก็จะส่งผลดีต่อทั้งการทำงาน และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย
Copy เขามาอีกที 😁😁😁
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน มีประเพณีอย่างหนึ่งของพระภิกษุนิกายเซ็น คือ พระภิกษุอาคันตุกะ ที่เดินทางมาถึงที่วัดใด จะต้องตอบปัญหาธรรมชนะพระภิกษุที่อยู่ก่อน จึงจะมีสิทธิ์เข้าพักได้ ถ้าแพ้ก็ต้องเดินทางหาวัดใหม่ต่อไป
วันหนึ่ง มีพระอาคันตุกะองค์หนึ่ง เดินทางมาจากที่ไกลถึงที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น วัดนี้มีพระเซนพี่น้อง 2 องค์อาศัยอยู่ องค์พี่เป็นผู้คงแก่เรียนรอบรู้แตกฉานมาก องค์น้องนอกจากจะตาบอดข้างหนึ่งแล้ว ยังมีสติปัญญาค่อนข้างทึบอีกด้วย
เมื่อทราบระเบียบว่า จะต้องมีการโต้ธรรมะกันก่อนเข้าพักอาศัย พระอาคันตุกะก็ยินดีปฏิบัติตาม แต่เนื่องจากพระองค์พี่เหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติงานมาทั้งวัน จึงได้มอบให้พระองค์น้องทำหน้าที่โต้ปัญหาธรรมแทน และได้แนะให้พระองค์น้องใช้วิธีโต้ปัญหาแบบ “เงียบ” พระทั้งสององค์จึงไปยังที่บูชา จุดธูปบูชาพระรัตนตรัย เสร็จแล้วการโต้ปัญหาธรรมะก็เริ่มขึ้น ชั่วครู่เดียวพระอาคันตุกะก็เดินออกไปหาพระองค์พี่ แล้วกล่าวว่า
“น้องชายท่านเก่งเหลือเกิน ข้าพเจ้ายอมแพ้แล้ว “
“ท่านโต้ปัญหากันว่าอย่างไรล่ะ” พระองค์พี่ถาม
พระอาคันตุกะจึงชี้แจงว่า “ทีแรกข้าพเจ้าชูนิ้วขึ้นมาก่อนหนึ่งนิ้ว ซึ่งหมายถึงพระพุทธ น้องชายของท่านชูสองนิ้วตอบ ซึ่งหมายความว่าเมื่อมีพระพุทธก็ต้องมีพระธรรมด้วย ข้าพเจ้าจึงชูสามนิ้วตอบซึ่งหมายถึงว่าถ้าจะให้ครบ ก็ต้องมีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วย คราวนี้น้องชายท่านกลับชูกำปั้นมาที่หน้าผม ซึ่งหมายความว่า จะเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตาม ก็ต้องมารวมเป็นหนึ่งเดียว คือพุทธศาสนา ผมจึงว่าน้องท่านเป็นผู้ชนะ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่”
พระภิกษุอาคันตุกะกล่าวแล้ว ก็ลาพระภิกษุองค์พี่เดินทางต่อไปสักครู่ พระองค์น้องก็เข้ามาหาพระพี่ชายอย่างเร่งรีบ แล้วถามหาพระอาคันตุกะว่า
“เจ้าหมอนั่นมันไปไหนแล้วล่ะ?”
“เธอชนะเขาแล้วไม่ใช่หรือ ?” พระผู้พี่ถามด้วยความสงสัย
“ชนะกะผีอะไรล่ะ” พระองค์น้องโกรธ
“เธอโต้ปัญหากับเขาว่าอย่างไรล่ะ?“ พระองค์พี่ถามต่อ
“โต้อย่างไรนะหรือ” พระองค์น้องตะโกน
“พอเห็นหน้าผมเท่านั้น มันก็ชูนิ้วเดียวมาที่หน้าผม ซึ่งมันดูหมิ่นว่าผมมีตาข้างเดียว ผมสู้อดทนเพราะเห็นว่าเป็นแขก จึงชูตอบไปสองนิ้ว แสดงความยินดีที่เขามีตาครบบริบูรณ์ แทนที่มันจะรู้ตัว มันกลับชูนิ้วกลับมาอีกสามนิ้ว ซึ่งหมายความว่า ทั้งผมและมันมีตารวมกันอยู่สามตา อย่างนี้ไม่ใช่เยาะเย้ยแล้วจะเรียกว่าอะไร ผมเหลืออดจริงๆ จึงชูกำปั้นขึ้นมาจะต่อยหน้ามันสักหน่อย แต่มันกลับวิ่งออกมาเสียก่อน”
----------------------------
มุมมองของคนเราต่อสิ่งต่างๆ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่มุมมองของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมองในมุมที่ตนสนใจ เข้าใจ และอยากจะมอง และถ้าเป็นแบบนี้ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
คนที่เป็นหัวหน้างาน เป็นผู้จัดการ ที่ต้องบริหารจัดการลูกน้อง เวลาที่เราคุยกับลูกน้อง หรือได้ยินลูกน้องคุยอะไรมา เรามองอย่างไร เราเห็นในสิ่งที่ลูกน้องของเราเห็นหรือไม่ หรือต่างคนต่างมองในมุมของตนเอง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็จะไม่ได้ใจลูกน้องของเราได้เลย
อย่าให้มุมมองของตนเองมาปิดหูปิดตา และไม่สนใจมุมมองของคนอื่น จงเปิดใจ ละทิฐิและยอมที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองของตน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งความเข้าใจนี้ก็จะส่งผลดีต่อทั้งการทำงาน และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย
Copy เขามาอีกที 😁😁😁
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 21
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมแวะไปเดินเล่นที่บางแสนมาด้วยล่ะ
ไม่ได้ไปมานานพอดูไม่ต่ำกว่า 30 ปี แน่นอน ส่วนมากทะเลชอบไปชะอำและไปบ่อยเหมือนกัน
อยากบอกว่าผมรู้สึกผิดหวังกับบางแสนนิดหน่อย ผมว่าน้ำทะเลมองดูไม่สะอาดเท่าไหร่ และเท่าที่เห็นกับตาตัวเองมันคือ ขยะ
ใช่เลยมันมีขยะล่องลอยในน้ำทะเลด้วย ไม่น่าเล่นจริงๆในความคิดผม (ส่วนตัวมองว่าชะอำดีกว่า)
ภาพทุกภาพผมไม่รู้จักสักคนเพราะผมไปคนเดียวไม่ได้เอาใครติดสอยห้อยตามไปด้วยแน่นอน
หากมีภาพท่านใดที่ติดมากับภาพของผม ส่วนตัวต้องขออภัยและไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีกับเจ้าของภาพครับผม
01
เอามาให้ดูนิดหน่อยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่ได้ไปมานานพอดูไม่ต่ำกว่า 30 ปี แน่นอน ส่วนมากทะเลชอบไปชะอำและไปบ่อยเหมือนกัน
อยากบอกว่าผมรู้สึกผิดหวังกับบางแสนนิดหน่อย ผมว่าน้ำทะเลมองดูไม่สะอาดเท่าไหร่ และเท่าที่เห็นกับตาตัวเองมันคือ ขยะ
ใช่เลยมันมีขยะล่องลอยในน้ำทะเลด้วย ไม่น่าเล่นจริงๆในความคิดผม (ส่วนตัวมองว่าชะอำดีกว่า)
ภาพทุกภาพผมไม่รู้จักสักคนเพราะผมไปคนเดียวไม่ได้เอาใครติดสอยห้อยตามไปด้วยแน่นอน
หากมีภาพท่านใดที่ติดมากับภาพของผม ส่วนตัวต้องขออภัยและไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีกับเจ้าของภาพครับผม
01
เอามาให้ดูนิดหน่อยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 3/4/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
เมื่อวานมีดอกไม้ประจำเดือนเมษายนไปแล้ว วันนี้ถึงคิวอัญมณีประจำเดือนเมษายนบ้างจ้า เลอค่าจริงๆ ค่ะ
เพชร (Diamond)
เพชรเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและความสำเร็จผู้ใดมีเพชร ไว้ครอบครองจะทำให้ร่ำรวย มีอำนาจ เป็นที่เกรงขาม ชีวิตรุ่งเรือง และชนะศัตรูทุกมวล ซึ่งดูแล้วเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวเมษ ที่มีความทะเยอทะยาน มีลักษณะของความเป็นผู้นำ มีอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่น หัวแข่งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ก็เป็นคนผูกมิตรกับคนอื่นได้ง่าย ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบอยู่นิ่ง ชอบค้นคว้าหาคำตอบทุกสิ่งด้วยตัวเอง อัญมณีที่มีสีขาวใสอย่างเพทายขาวก็จัดเป็นอัญมณีประจำราศีนี้เช่นกัน เนื่องจากสีขาวใสเทียบได้กับทารกเกิดใหม่ที่ยังบริสุทธิ์อยู่นั่นเอง
เพชรมีความแข็ง (Hardness) กว่าแร่ธาตุทุกชนิด ซึ่งหมายถึง มีความทนต่อการขีดข่วน เพชร มีค่าความแข็งเท่ากับ 10 ไม่มีพลอยชนิดใดสามารถทำให้เพชรเป็นรอยขีดข่วนได้นอกจากตัวมันเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า "เพชรตัดเพชร" ฉะนั้นเมื่อรักษาไม่ให้เพชรเป็นรอย จึงไม่ควรนำเพชรมาอยู่รวมในห่อเดียวกัน
เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเช่นเดียวกับถ่านหรือไส้ดินสอ แต่มีการเรียงตัวระหว่างพันธะทางเคมีที่ต่างกัน ไส้ดินสอทำด้วยแกรไฟต์ ซึ่งเกิดจากอะตอมคาร์บอนรวมตัวกันเป็นชั้นๆ จึงทำให้มีความเปราะ แต่เพชรเกิดจากการรวมตัวกันของคาร์บอนในที่ๆ มีอุณหภูมิ และความกดดันที่สูงลึกลงไปภายใต้เปลือกโลก ทำให้อะตอมคาร์บอนรวมตัวกันเป็นโครงสร้างแบบผลึกจึงทำให้มีความแข็ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น