กลับมาจากทริปสิงคโปร์แล้วแหละ....บอกเลยว่าทริปนี้ เป็นทริปออเดิร์ฟก่อนสงกรานต์เบาๆ จองตั๋ว Airasia บินตรง ดอนเมือง – (ชางงี) สิงคโปร์ ด้วยราคาไป-กลับ 3,000 นิดๆ ถ้ายิ่งจองล่วงหน้า ก็ยิ่งถูกนั่นแหละ จองตั๋วเสร็จ ก็ขออนุญาตเจ้านายลางานวันศุกร์ 1 วัน ไปเที่ยวสิงคโปร์ เมืองสุดฮิปกัน ไม่ต้องลีลาอะไรแล้ว เริ่มเลยก็แล้วกันนะ
แนะนำนิดนึงว่าใครที่จองตั๋วแอร์เอเชีย อย่าลืมโหลดแอพเค้าเอาไว้ ถ้าไม่โหลดกระเป๋า ก็เช็คอินออนไลน์ได้เลย แต่ถ้าใครโหลดกระเป๋า ก็เชิญได้ที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ ปิดโหลดก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมงนะ แล้วควรไปก่อนเวลาบินสัก 2-3 ชั่วโมง เพราะแต่ละวัน คนเดินทางเยอะมาก เครื่องบินออกตรงเวลามาก รอบนี้เราเกือบวิ่งจนไส้หลุดมาแล้ว
เตรียมตัวไปสิงค์โปร์กันดีกว่า
1.พกขวดน้ำประจำตัวไปด้วย เชื่อเราเถอะ เติมน้ำที่ hostel เอา แล้วพกออกไปด้วย ช่วยประหยัดไปได้อีกต่อนึง
2.นอนที่ Hostel ประหยัดที่สุด ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เค้ามีให้แยกห้องรวม ชาย – หญิง และยังมีคีย์การ์ด เพื่อเข้าห้องน้ำแบบแยกชาย หญิงด้วย
3.หมวก ร่ม แว่นกันแดด สิ่งเหล่านี้ พอถึงเวลา จำเป็นนะ อากาศที่สิงคโปร์ เหมือนกรุงเทพฯ บ้านเราเลย
4.หัวแปลงปลั๊กไฟ และปลั๊ก 3 ตา ที่นั่นเค้าให้ใช้แค่คนละจุด เราก็เลยพกไปต่อเอง ชาร์จทุกอย่างทีเดียวรวด
5.เตรียมใจไว้ให้พร้อม ที่นี่มีของกินเยอะ มีมุมให้ถ่ายรูปแยะ
เอาล่ะ....เตรียมตัวเก็บกระเป๋ากันไปแล้ว จากนี้ออกตะลุยเมืองสิงคโปร์เลยก็แล้วกัน แถ่นแถ๊น...เริ่มต้นด้วยการเดินทางก็แล้วกัน รอบนี้บินไฟล์ทเช้าสุด เพราะอยากใช้เวลาให้คุ้มค่า ยอมตื่นตี 3 กว่า เช้ากว่าไปทำงานซะอีก พอตื่นเช้าแล้วก็จะหิวไว รอบนี้เลยจองอาหารบนเครื่องเอาไว้ เพราะเริ่มเข็ดกับการที่คิดว่าไปถึงแล้วค่อยกิน เอาจริงๆ อาหารที่สนามบินแพงกว่าเยอะ ก็เลยสั่งมันซะตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน “ข้าวกระเพราไก่ ตบท้ายด้วย เมนูที่รอคอยมาแสนนาน Yamanashi Mochi” ใครไม่ขึ้น อดกินนะจ๊ะ แต่ถ้าไม่จองล่วงหน้า ก็มีขายเหมือนกัน
การเดินทางจากดอนเมือง – สิงคโปร์ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง กินอิ่ม ก็นอนได้ตื่นนึงก็ถึงพอดี ถึงปุ๊บ ตรวจคนเข้าเมืองปั๊บ เปลี่ยนซิมมือถือ 15 เหรียญสิงคโปร์ (SGD) โทรกลับไทยได้ เล่นเน็ตไม่อั้น แล้วเข้าเมืองกัน เดินไปที่ Terminal 2-3 ได้เลย ความเจ๋งของที่นี่คือ มีรถไฟฟ้าเข้าไปในเมือง แล้วทุกสายเชื่อมต่อกันได้หมดเลย ใครที่มาเที่ยว 1-3 วัน แนะนำให้ซื้อบัตรแบบบุฟเฟต์ที่ขึ้นรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถเมล์ได้ทุกสายที่ Ticket Office ของสถานีรถไฟฟ้าได้เลย เสียค่ามัดจำ 10 เหรียญสิงคโปร์ (SGD) ถ้าเอาบัตรมาคืนก็เอาเงินคืนกลับไปได้เลย
สำหรับรอบนี้เราจองที่พักไว้เผื่อๆ เพราะกลัวจะไม่มีทีนอน เลยจอง Hostel เอาไว้ เลือกแบบจองก่อน จ่ายทีหลัง ถ้าเห็นหน้างานโอเค สะอาดถูกใจ ก็ดีลจ่ายเงิน แถมนอนต่ออีกคืนด้วย เราไปนอนที่ “Bunc Hostel Little India” ราคาต่อหัวคนละประมาณ 600 บาทต่อคืน มีแอร์ มีผ้าห่ม ห้องน้ำรวม แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัว มีอาหารเช้า มีน้ำดื่มบริการฟรี
: สำหรับ Hostel นี้พิกัดจะอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน Rocher ขึ้นมาแล้วเดินอีก 500 เมตร ก็ถึงเลย
ทริปสิงคโปร์ โนแพลนรอบนี้ เราเน้นเดินเที่ยว เดินกิน เดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถเมล์ เดินไปเรื่อยๆ เรียกว่ารอบนี้คุ้มค่ากับการมากิน มาเที่ยวจริงๆ เลยจะแนะนำมุมฮิปๆ ร้านเด็ดๆ ที่เหมาะแก่การฝากท้อง ฝากชีวิตในราคาไม่สะเทือนกระเป๋ามาฝากกัน
รอบนี้เราได้ตะลุยกินที่ Food Court เยอะมาก เดี๋ยวเล่าให้ฟังก่อนว่าที่สิงคโปร์ เค้าจะเรียก Food Court ว่า Hawker จริงๆ มันคือการรวมร้านสตรีทฟู้ดอร่อยๆ มาอยู่ด้วยกันที่เดียว ทางรัฐบาลสิงคโปร์เค้าจัดสรรเอาไว้ เพื่อความสะอาด เป็นระเบียบของบ้านเมืองนั่นเอง แต่เราก็ได้รับความสะดวกไปด้วย ไปที่เดียว ได้กินของเด็ดๆ เพียบ
[CR] “สิงคโปร์ โนแพลน” เมืองฮิป ที่มีแต่ฟู้ดคอร์ดฮอตๆ เที่ยวง่าย จ่ายคุ้ม by JOURNEY เจอนี่
แนะนำนิดนึงว่าใครที่จองตั๋วแอร์เอเชีย อย่าลืมโหลดแอพเค้าเอาไว้ ถ้าไม่โหลดกระเป๋า ก็เช็คอินออนไลน์ได้เลย แต่ถ้าใครโหลดกระเป๋า ก็เชิญได้ที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ ปิดโหลดก่อนเครื่องออก 1 ชั่วโมงนะ แล้วควรไปก่อนเวลาบินสัก 2-3 ชั่วโมง เพราะแต่ละวัน คนเดินทางเยอะมาก เครื่องบินออกตรงเวลามาก รอบนี้เราเกือบวิ่งจนไส้หลุดมาแล้ว
เตรียมตัวไปสิงค์โปร์กันดีกว่า
1.พกขวดน้ำประจำตัวไปด้วย เชื่อเราเถอะ เติมน้ำที่ hostel เอา แล้วพกออกไปด้วย ช่วยประหยัดไปได้อีกต่อนึง
2.นอนที่ Hostel ประหยัดที่สุด ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เค้ามีให้แยกห้องรวม ชาย – หญิง และยังมีคีย์การ์ด เพื่อเข้าห้องน้ำแบบแยกชาย หญิงด้วย
3.หมวก ร่ม แว่นกันแดด สิ่งเหล่านี้ พอถึงเวลา จำเป็นนะ อากาศที่สิงคโปร์ เหมือนกรุงเทพฯ บ้านเราเลย
4.หัวแปลงปลั๊กไฟ และปลั๊ก 3 ตา ที่นั่นเค้าให้ใช้แค่คนละจุด เราก็เลยพกไปต่อเอง ชาร์จทุกอย่างทีเดียวรวด
5.เตรียมใจไว้ให้พร้อม ที่นี่มีของกินเยอะ มีมุมให้ถ่ายรูปแยะ
เอาล่ะ....เตรียมตัวเก็บกระเป๋ากันไปแล้ว จากนี้ออกตะลุยเมืองสิงคโปร์เลยก็แล้วกัน แถ่นแถ๊น...เริ่มต้นด้วยการเดินทางก็แล้วกัน รอบนี้บินไฟล์ทเช้าสุด เพราะอยากใช้เวลาให้คุ้มค่า ยอมตื่นตี 3 กว่า เช้ากว่าไปทำงานซะอีก พอตื่นเช้าแล้วก็จะหิวไว รอบนี้เลยจองอาหารบนเครื่องเอาไว้ เพราะเริ่มเข็ดกับการที่คิดว่าไปถึงแล้วค่อยกิน เอาจริงๆ อาหารที่สนามบินแพงกว่าเยอะ ก็เลยสั่งมันซะตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน “ข้าวกระเพราไก่ ตบท้ายด้วย เมนูที่รอคอยมาแสนนาน Yamanashi Mochi” ใครไม่ขึ้น อดกินนะจ๊ะ แต่ถ้าไม่จองล่วงหน้า ก็มีขายเหมือนกัน
การเดินทางจากดอนเมือง – สิงคโปร์ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง กินอิ่ม ก็นอนได้ตื่นนึงก็ถึงพอดี ถึงปุ๊บ ตรวจคนเข้าเมืองปั๊บ เปลี่ยนซิมมือถือ 15 เหรียญสิงคโปร์ (SGD) โทรกลับไทยได้ เล่นเน็ตไม่อั้น แล้วเข้าเมืองกัน เดินไปที่ Terminal 2-3 ได้เลย ความเจ๋งของที่นี่คือ มีรถไฟฟ้าเข้าไปในเมือง แล้วทุกสายเชื่อมต่อกันได้หมดเลย ใครที่มาเที่ยว 1-3 วัน แนะนำให้ซื้อบัตรแบบบุฟเฟต์ที่ขึ้นรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถเมล์ได้ทุกสายที่ Ticket Office ของสถานีรถไฟฟ้าได้เลย เสียค่ามัดจำ 10 เหรียญสิงคโปร์ (SGD) ถ้าเอาบัตรมาคืนก็เอาเงินคืนกลับไปได้เลย
สำหรับรอบนี้เราจองที่พักไว้เผื่อๆ เพราะกลัวจะไม่มีทีนอน เลยจอง Hostel เอาไว้ เลือกแบบจองก่อน จ่ายทีหลัง ถ้าเห็นหน้างานโอเค สะอาดถูกใจ ก็ดีลจ่ายเงิน แถมนอนต่ออีกคืนด้วย เราไปนอนที่ “Bunc Hostel Little India” ราคาต่อหัวคนละประมาณ 600 บาทต่อคืน มีแอร์ มีผ้าห่ม ห้องน้ำรวม แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัว มีอาหารเช้า มีน้ำดื่มบริการฟรี
: สำหรับ Hostel นี้พิกัดจะอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน Rocher ขึ้นมาแล้วเดินอีก 500 เมตร ก็ถึงเลย
ทริปสิงคโปร์ โนแพลนรอบนี้ เราเน้นเดินเที่ยว เดินกิน เดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถเมล์ เดินไปเรื่อยๆ เรียกว่ารอบนี้คุ้มค่ากับการมากิน มาเที่ยวจริงๆ เลยจะแนะนำมุมฮิปๆ ร้านเด็ดๆ ที่เหมาะแก่การฝากท้อง ฝากชีวิตในราคาไม่สะเทือนกระเป๋ามาฝากกัน
รอบนี้เราได้ตะลุยกินที่ Food Court เยอะมาก เดี๋ยวเล่าให้ฟังก่อนว่าที่สิงคโปร์ เค้าจะเรียก Food Court ว่า Hawker จริงๆ มันคือการรวมร้านสตรีทฟู้ดอร่อยๆ มาอยู่ด้วยกันที่เดียว ทางรัฐบาลสิงคโปร์เค้าจัดสรรเอาไว้ เพื่อความสะอาด เป็นระเบียบของบ้านเมืองนั่นเอง แต่เราก็ได้รับความสะดวกไปด้วย ไปที่เดียว ได้กินของเด็ดๆ เพียบ