นี่คืออีกมุมหนึ่งของเรื่องราว "น้ำพริกแม่ประนอม" หรือเปล่าคะ

จากเพจ Pat Hemasuk

ข้างบ้านผมเขาทำน้ำพริกขายครับ ทำมานานตั้งแต่แม่หาบขายที่ตลาด แต่โชคดีที่น้ำพริกติดปากคนในซอยบ้านผมและตลาดนัดใกล้บ้าน
ก็เลยทำขายมากขึ้น จากพ่อแม่ลูกนั่งโขลกด้วยครกกันก็กลายเป็นเครื่องปั่นเครื่องบด จากหาบก็พัฒนากลายเป็นรถเข็น
ต่อมาก็ไม่พอขายจนต้องไปจ้างคนในซอยบ้านมาช่วยทำงาน จากรถเข็นก็กลายเป็นเช่าแผงในตลาดขายถาวรเสียเลย
ส่งลูกทุกคนเรียนได้สูงๆ ตามที่ลูกอยากจะเรียน

พอพ่อแม่แก่ตัวลงลูกๆ ก็เข้ามาดูแลพวกลูกจ้างโขลกน้ำพริกเอง ลูกคนโตเก่งกว่าสักหน่อยเพราะดูแลงานมาตั้งแต่แม่เริ่มจ้างคนมาช่วย
และไม่อยากจะทำน้ำพริกของแม่อย่างเดียว ก็ไปทำธุรกิจปลูกทาวเฮาส์ขายของตัวเองกับสามี แต่ก็ยังดูแลคนงานที่จ้างมาโขลกน้ำพริก
ขายน้ำพริกแทนแม่ที่ตลาดมาหลายสิบปีให้ยังมีงานทำน้ำพริกต่อไปไม่ต้องตกงาน

แต่ลูกคนน้องกลับคิดว่าน้ำพริกแม่ติดตลาดแล้ว จะเซ้งแผงของแม่ที่ตลาดพร้อมยี่ห้อน้ำพริกไปน่าจะได้เงินเป็นก้อนดี
เพราะเงินที่ได้มาต่อปีก็มากอยู่ เลยไปถามแม่ว่าจะเอาไหม แม่ก็เห็นด้วยว่าได้เงินก้อนก็ดีเพราะแม่ก็ไม่ได้ทำน้ำพริกนานแล้ว
อายุแม่ก็ไม่น้อย มีร้านน้ำพริกหรือไม่มีร้านก็เดือดร้อนอะไร แม่กับน้องก็เลยตกลงกันว่าจะขายแผงในตลาดเอาเงินก้อนมาใช้ดีกว่า

ลูกสาวคนโตก็เลยไม่ยอม บอกกับแม่ว่า พ่อสั่งเสียเอาไว้ว่าให้หนูดูแลเรื่องขายน้ำพริกก่อนตาย เซ็นต์ชื่อโอนแผงให้หนูดูแล
ให้เก็บแผงขายน้ำพริกในตลาดให้ถึงรุ่นหลาน เพราะเซ้งแผงไปแล้วคนงานที่จ้างมานานก็ต้องเลิกจ้าง แล้วคนพวกนี้จะเอาอะไรกิน
คนงานก็มีลูกเต้าต้องส่งเสียเรียนหนังสือไม่ต่างกับแม่ตอนนั้นเหมือนกัน อย่างน้อยพวกหลานๆ ของแม่ในรุ่นต่อไปถ้าไม่รู้จะทำอะไร
ก็ยังขายน้ำพริกของยายทำมาหากินในตลาดได้ และอีกอย่างคือคนที่ดูแลแผงขายน้ำพริกกับคนงานตำน้ำพริกคือหนูเองกับพ่อ
ขออนุญาตกับทาง อย.ก็หนูเองเป็นคนไปขอกับทางอำเภอตอนทำน้ำพริกกระป๋องขายงานโอท็อปกับพ่อ ไม่ใช่แม่กับน้องที่อยู่เฉยๆ
แต่กินเงินกำไรจากแผงลอยในตลาดมาเป็นสิบปีแล้ว

น้องก็ไม่ยอมเพราะอยากได้เงินก้อนเลยบอกแม่ว่าอย่างนี้ไปฟ้องสมภารวัดข้างบ้านเลยดีกว่า เอามันกลางศาลางานบุญวันพระนี่แหละ
คนเยอะดี น้องเลยดันหลังแม่ไปนั่งร้องไห้ให้สมภารฟัง คราวนี้คนทั้งศาลาเลยด่าลูกคนโตว่ามันช่างชั่วช้าเลวทรามเสียนี่กระไร
โกงได้แม้กระทั่งแม่ แต่ลูกคนโตก็เงียบอยู่เพราะถ้าขืนออกมาพูดว่าอะไรเป็นอะไรก็เท่ากับด่าแม่ตัวเองทางอ้อมให้ชาวบ้านฟังว่ายิ้ม
เลยต้องยอมทนก้มหน้าให้ชาวบ้านด่าต่อไป

คราวนี้พวกลูกจ้างคนงานก็บอกกับลูกคนโตว่า เจ๊สั่งมาเลยว่าจะเอาอย่างไร จะให้พวกหนูลุยไหม
เพราะที่ขายน้ำพริกในตลาดมาหลายสิบปีก็เพราะเจ๊บริหาร ไม่ใช่แม่กับน้องที่กินแต่ส่วนแบ่งอย่างเดียว
ถ้าแผงในตลาดโดนเซ้งพวกหนูก็อดตายเหมือนกัน ทำน้ำพริกมาตั้งแต่รุ่นแม่เป็นคนงานจนถึงรุ่นลูก
เจ๊ก็จ้างต่อเนื่องดูแลคนงานมาอย่างดี พวกหนูนัดหยุดงานแห่กันไปฟ้องสมภารเล่าความจริงก็ได้นะ เจ๊สั่งคำเดียวเดี๋ยวพวกหนูลุยเอง

เรื่องนี้จะจบอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไปว่าวันพระหน้าที่ศาลาวัดจะมีดราม่าเหมือนวันพระที่ผ่านมาหรือไม่ Tsu Zu Ku
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่