ถ้าจะเล่าเรื่องผีหลายๆเรื่อง ที่ฉันเคยได้ยินมา จะมีใครอยากฟังไหม ?

ใครเกิดทันชีวิตบ้านนอก เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ถือว่าโชคดีมาก เพราะจะได้เห็นวิวัฒนาการตั้งแต่ใช้ตะเกียงแทนไฟฟ้า ใช้วัวควายเป็นยานพาหนะ ฉันเองก็เกิดไม่ทันหรอก แต่เรื่องราวเหล่านั้น เมื่อถูกคนเก่าคนแก่สืบทอด เป็นอันต้องนั่งฟังนอนฟัง ตั้งใจฟังยิ่งกว่าเรียนหนังสือซะอีก เรื่องหนึ่งที่เด็กๆ จะตั้งใจฟัง คงหนีไม่พ้นเรื่องผี ฉันเองก็กลัวผีขึ้นสมอง แต่ก็ไม่พลาดที่จะฟังเรื่องเดิมๆ เป็นสิบๆ รอบ ขอแค่คุณย่าเล่าให้ฟัง ฉันไม่เคยมีวันเบื่อ
    บ้านฉันอยู่ในชนบท แถบภาคอีสานที่บ้านก็ทำนาตามประสา ฉันเกิดทันในยุดที่มีรถมอเตอร์ไซค์ YAMAHA สีแดงขาวเสียงดังๆ ใช้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ารุ่นอะไร ส่วนการเดินทางไปทำนานั้น ก็ใช้รถอีแต๊ก (รถไถนาเดิมตามพ่วงด้วยกระบะไม้) กิจกรรมเวลาดำนา คือ หอบกล้า (ต้นข้าว)
จากคนที่ถอนต้นข้าว ไปให้คนที่กำลังดำนา ทำบ้างเล่นน้ำซะส่วนใหญ่ แต่ก่อนไม่มียาฆ่าแมลงเราสามารถแช่น้ำไม่เป็นวัน ถ้าไม่โดนไม้เรียวซะก่อน เมื่อถึงเวลาต้องนอน ก็จะมีเปลผ้าขาวม้าผูกไว้กับเถียงนาน้อย ซึ่งเด็กสมัยนี้แทบไม่ได้สัมผัสบรรยากาศ ที่จริงคืออยากจะเล่าให้ฟังเยอะกว่านี้ เพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยมีบรรยากาศ และคงอยากมีอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฉันเองก็มีแค่ความทรงจำเท่านั้น
    ในเมื่อหัวข้อกระทู้คือเล่าเรื่องผี ฉันก็คงต้องเล่าเรื่องผี คงนอกเรื่องมากไม่ได้ เดี๋ยวคนจะเลิกอ่านซะก่อน (ขนาดไม่นอกเรื่อง) เอาเป็นว่าที่อารัมภบทมานานๆ คือ อยากให้คิดถึงบรรยากาศ และความเชื่อในสมัยนั้นค่ะ
    มีครั้งหนึ่งที่วัดมีหนังกลางแปลง แน่นอนว่าก็ต้องไปหอบลูกกระเตงหลานไปดู ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่โดนกระเตงไป ตอนนั้นอายุประมาณ 2 ขวบ พอพูดได้ แต่ไม่ยอมเดินเองแน่นอน หนังกลางแปลงถูกฉายในวัดที่ห่างจากบ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็เดินสิคะ จะมีรถที่ไหน หากจะเป็นจักรยาน ก็คงไม่กล้ากระเตงลูกไป ครอบครัวฉันก็ไปครอบครัวใหญ่เลยค่ะ ตอนนั้นย่าทวดของฉันยังอยู่ (คุณแม่ของคุณย่า) เรื่องราวของหนังนั้น ไม่น่าสนใจค่ะ (คือไม่ได้ดูไง 2 ขวบ จะดูรู้เรื่องมั้ย) เรื่องที่น่าสนใจคือ เมื่อตอนเดินกลับ กลับกัน 5-6 คน ย่าเองก็จำไม่ได้ รู้แค่ว่ามีผู้ใหญ่แค่ 2 คน คือ ย่าทวด และย่าของฉัน และก็จะมีแต่ลูกๆหลานๆ ที่โตกว่าฉัน เพราะฉะนั้น สิทธิพิเศษของฉันคือ โดนกระเตงโดยคุณย่าทวด น่าอิจฉาใช่มั้ยล่ะ พอออกจากวัด ย่าทวดก็หอบฉันขึ้นบ่า ลูกหลานที่โตแล้วก็พอจะมีวิจารณญาณดีว่า ดึกดื่นเที่ยงคืนอย่างนี้ไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่ ก็จะเดินอย่างเรียบร้อย เป็นระเบียบ นำหน้าคุณย่ากับคุณย่าทวด ส่วนฉันเหรอคะ ก็อยู่กับคุณย่าทวดไง ท้ายสุดสิคะ คุณย่าทวดอุ้มฉันพลาดบ่า ซึ่งแน่นอนว่าหน้าของฉันต้องหันไปทางที่เดินจากมา และด้วยความเฉลียวฉลาด และเป็นเด็กช่างถามของฉัน ก็เลยไม่พลาดที่จะถามย่าทวดว่า "แม่ใหญ่ๆ เอื้อยอันนั้นคือบ่ใส่เสื้อ ผมบักยาวนึง คึเอาก้างปลาอันบักใหญ่หวีได้วะ" (พี่สาวคนนั้นทำไมไม่ใส่เสื้อ ผมยาวมาก ทำไมใช้ก้างปลาอันใหญ่ๆ หวีผมได้) เท่านั้นล่ะค่ะ คุณย่าเล่าให้ฟังว่า วิ่งกันทั้งคนแก่และเด็ก จนย่าทวดผ้าถุงหลุดรุ่ยเลยทีเดียว ฉันเองโชคดีที่จำอะไรไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้คุณปู่ทวดพูดล้อย่าทวดบ่อยว่า "ย่านผีจนซิ่นเหี่ย" (กลัวผีจนผ้าถุงหลุด) ส่วนจุดที่ฉันเจอนั้น เป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กซึ่งจะมีบ่อน้ำเก่าที่ถูกถมแล้วอยู่ ( ภาคอีสานเรียก ส้าง ) ส่วนตำนานนั้น ฉันไม่เคยได้ยินอะไร
        ยังมีอีกหลายๆเรื่อง ที่แน่ใจว่าคุณไม่เคยได้ยิน ... เจ้าคิกคักเจ้าคิกคัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ยิ้มยิ้มยิ้มยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่