ชีวิตที่ต้องใช้หนีก้อนโตให้ที่บ้าน กว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ทำให้ชีวิตเดินช้ากว่าคนอื่นไปหลายก้าว

ผมเคยอ่านกระทู้ทำนองนี้มาสักพัก ในความรู้สึกของคนหัวอกเดียวกันครับ

ก่อนอื่นเลย ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวผมมีกัน 4 คนครับ พ่อ แม่ พี่ชาย และตัวผม
พ่อทำงานประจำรายได้ไม่สูงมากนัก ทำให้บางเดือนก็ไม่พอสำหรับใช้จ่ายภายในครอบครัว
ส่วนพี่ชายผมขอไม่พูดถึงนะครับ หายสาบสูญไม่กลับบ้านมานานมากแล้ว

ผมทำงานประจำครับ มีรายได้พอสมควร และแต่ในแต่ละเดือนผมมีรายจ่ายที่มากเกินกว่า 50% และแน่นอน มันคือหนี้ก้อนโตที่ต้องร่วมชดใช้ให้พ่อกับแม่
ผมถือเป็นเสาหลักของบ้านรองจากพ่อ เผลอๆอาจเป็นแทนพ่อด้วยครับ ถ้ามองกันจริงๆ แต่ผมก็เต็มใจกับสถานะนี้
เพราะการเป็นหนี้ นี้แหละ ทำให้ผมโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น
จากที่เมื่อก่อนตั้งแต่เด็กจนถึงมหาลัย ผมได้แต่เรียนๆเล่นๆ ไม่สนใจอะไรมากนักเพราะที่ผ่านมาเข้าใจมาตลอดว่าบ้านเรามีฐานะดีพอสมควร
ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ความจริงก็ปรากฎเมื่อจบปี 4 และเริ่มเข้าทำงานครับ
เมื่อแม่เดินมาบอกผมกับพ่อและพี่ชายว่า แม่เป็นหนี้ก้อนโต เอารถเอาบ้านไปจำนองสถาบันปล่อยเงินกู้
แต่ก็นั่นแหละครับ ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากยิ้มรับ และช่วยแม่ชดใช้หนี้จนถึงทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 3 ปี
กับหนี้ก้อนโต และรับผิดชอบค่าใช่จ่ายภายในบ้าน รวมถึงเงินเดือนที่ต้องให้แม่ใช้จ่ายในแต่ละเดือน(แม่เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานครับ)

เพราะหนี้พวกนี้แหละครับ บางครั้งผมก็ท้อๆ นะ ที่เราหารายได้มากเท่าไร มันก็ต้องหมดไปกับรายจ่ายที่มันไม่ได้ก่อประโยชน์กับเราเลย
ไม่ได้เป็นหนี้ดี ที่งอกเงยในอนาคต กว่าผมจะตั้งตัวได้และใช้หนี้หมด ลองคำนวณดูแล้วก็อีกเกือบ 3 -4 ปี
เรื่องสร้างอนาคต สร้างครอบครัวทำให้ผมต้องคิดหนัก
ว่าหากผมยังวนลูปอยู่แบบนี้ ได้รายรับใช้หนี้ รายรับ ใช้หนี้ กว่าจะมีเงินลงทุน เงินสร้างอนาคตตามที่ตั้งใจไว้
คงต้องใช้เวลานานพอสมควร เรื่องแต่งงานมีครอบครัวเล็กๆ ก็ต้องพับโครงการไว้อีกหลายปี
เพราะผมไม่อยากให้แฟนต้องมาลำบาก อยากเคลียร์ตัวเองกับหนี้ที่บ้าน หนี้ของแม่ ให้หมด

อีกอย่างผมก็กลัวนะครับ ว่าไม่รุ้แฟนผมจะรอผมไหวมั้ย จะอยากมีอนาคตร่วมกันกับผมมั้ยที่มีภาระมากมายขนาดนี้
กลัวเธอจะเปลี่ยนใจจริงๆครับ แฟนผมดีมากครับ ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย คงเพราะรู้สถานะการเงินของผมดี
แถมบางเดือนที่ผมไม่พอ ยังยื่นมือมาช่วยเหลือผมเสมอ จนผมละอายมากครับ แทนที่จะต้องเป็นคนดูแลช่วยเหลือเธอ
วันนี้ผมขอมาแชร์เรื่องราวของผมบ้าง มีใครหัวอกเดียวกัน มาแชร์วิธีคิด วิธีแก้ปัญหา หรือแนวทางแนวคิดดีๆ ได้นะครับ
จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมากครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ช้ากว่าคนอื่น ... ???

คิดแต่เรื่องจำนวนเงิน มีมาก มีน้อย มันก็ช้ากว่าคนอื่นนะซิ

ใครเค๊าจะมีแสนล้าน ก็เรื่องของเค๊าซิ

เรามีแค่ นิดหน่อย ถ้าเราพอใจ ... มันก็คือ ประสบความสำเร็จแล้ว


เดินตามตูดคนอื่นทำไม ... ตัวเราพอใจ นั่นแหละ จบ
ความคิดเห็นที่ 6
ผมกลับมองเป็นโอกาสที่คุณได้สร้างบุญ สร้างกุศลนะ เงินคุณอาจดูน้อยกว่าคนอื่น แต่บุญอาจล้ำหน้าก็ได้ ทำไปเถอะครับ ต้องได้ดีแน่ๆ คุณโชคดีแล้วที่มีกำลังทรัพย์ช่วยเหลือพระอรหันต์ของคุณ
ความคิดเห็นที่ 4
ต้นทุนชีวิต คนเราไม่เท่ากันค่ะ

พยามคิดอยู่เสมอว่า

มีลมหายใจ อยู่ ก็พอใจแล้ว
ไม่เป็นโรคอะไร ก็พอใจแล้ว
มีข้าวกิน ก็พอใจแล้ว

เข้าใจคำนี้ เมื่อตอนกำลังป่วยหนัก เข้าผ่าตัด

แต่คำว่าพอใจแล้ว ไม่ใช่ให้เราขี้เกียจ แต่เป็นการให้กำลังใจในการสู้ต่อค่ะ

คนเราผ่านอุปสรรค ปัญหา อะไรมา ถ้าผ่านไปได้ มันเหมือนภูมิคุ้มกันในชีวิต ค่ะ

สู้ๆ นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่