โลก / รัก / ลวง

กระทู้สนทนา
=============
โลก / รัก / ลวง
=============
Psycho G.






             ชีวิตรักของเรา—หมายถึงผมกับซาร่า ภรรยาแสนสวย เป็นไปอย่างราบรื่นจนน่าอิจฉา การงานของเราไปได้ด้วยดีทั้งคู่ ดูเหมือนอะไร ๆ จะสมบูรณ์ดีพร้อมไปทั้งหมด จนไม่น่าเชื่อว่าชีวิตคนเราจะดีเลิศประเสริฐศรีขนาดนี้ ก็แน่ล่ะ...มันเป็นความโชคดีที่บังเอิญโชคดีในหลายๆอย่างกับการได้คู่ครองที่ต่างฝ่ายเป็นตัวเติมเต็มให้กันและกันอย่างลงตัวสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในความเป็นจริง

             เราเป็นคู่รักที่หลายคนยกย่องให้เป็นคู่รักตัวอย่าง ไม่เคยมีปากมีเสียงกันเลยสักครั้ง เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจกันในทุกๆเรื่อง  วันหยุดเราจะออกจากบ้าน เที่ยวซื้อของหรูหราราคาแพงมาใช้แบบไม่เสียดายเงินทอง มรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษมากพอจะให้จับจ่ายใช้สอยฟุ่มเฟือยทั้งปีทั้งชาติ กลับมาดื่มด่ำกับความรักหวานชื่นซึ่งแม้แต่กามเทพยังต้องแอบหักปลายลูกศรด้วยอิจฉา

             เริ่มต้นด้วยความสวยงามใช่ไหม....แต่ในที่สุดผมก็เริ่มรู้ว่า ไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบพร้อมทุกอย่าง มีปัญหาอย่างอื่นเริ่มเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ปัญหาสุขภาพ และทำให้ผมตระหนักถึงคำกล่าวที่ว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” แต่ไม่มีอะไรจะราบเรียบเป็นไปด้วยดีตลอดไป สรรพสิ่งคือการเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสคลื่นลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน

             ซาร่าเริ่มมีอาการเครียดชนิดหนึ่งที่บรรยายไม่ถูก ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสับสน วิตกกังวลอะไรบางอย่าง หรืออาจจะหลายอย่างด้วยซ้ำอยู่ภายในใจ ผมเคยเห็นบัตรนัดของแพทย์ในกระเป๋าสะพายใบโปรดของเธอ

             หมอคนนั้นเป็นจิตแพทย์

             ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะป่วยเป็นโรคทางจิต  มันจะต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาดอย่างแน่นอน ชีวิตพวกเราไม่เคยมีปัญหาอะไรให้หนักอกหนักใจเลยสักนิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องการงาน และเรื่องนี้เองทำให้ผมเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเธออย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก หรือว่าความสุขราบรื่นมากเกินไปจะทำให้เกิดความผิดปกติภายในจิตใจของซาร่า

             เหมือนเหตุการณ์จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ เธอเริ่มพูดกับผมน้อยลง และมีหลายครั้งผมเห็นเธอแอบสนทนากับใครบางคนผู้แฝงตัวอยู่ในอากาศ มันทำให้ผมขนลุก และเหตุการณ์แบบนี้บ่อยขึ้นทุกที  คุณว่ามันน่าประสาทเสียไหมล่ะ

             บิล...  เป็นคนแรกที่ผมนึกถึง เขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่ง เสียดายว่าเขาไม่ค่อยมีโอกาสพบปะกับซาร่ามากนัก ผมตัดสินใจโทรศัพท์ไปปรึกษากับเขา อย่างน้อยเขาก็เป็นหมอ แม้จะไม่จบสาขาโรคประสาทโดยตรงก็ตาม

            เขาตั้งใจฟังเป็นพิเศษเมื่อผมเล่ารายละเอียดอาการของซาร่ายืดยาวโดยไม่พูดอะไรขัดจังหวะแม้แต่น้อย นี่เป็นข้อดีขอหนึ่งของบิลที่ทำให้เราคบกันได้

             “เอาล่ะ....นายฟังให้ดีนะ”

             เขาเอ่ยด้วยเสียงเน้นเป็นพิเศษ และเต็มไปด้วยความจริงจังจนน่าตกใจ

             “นายบอกว่าซาร่า ภรรยาของนายป่วยทางจิตใช่ไหม”

             “ใช่...นายสงสัยอะไร”

             ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในน้ำเสียงของเพื่อน

             “นายตั้งใจฟังให้ดี”

             เขาย้ำอีกครั้งก่อนจะหยุดพูดไปชั่วขณะเหมือนจะให้เวลาตั้งสติ  และเมื่อเขาเริ่มพูดต่อทำให้ผมประสาทลั่นเปรี๊ยะชาดิกไปทั้งร่าง

             “เท่าที่ฉันรู้ นายเป็นโสด อยู่คนเดียว และฉันไม่เคยเห็นซาร่าอะไรของนายเลย ฉันว่านายนั่นล่ะเป็นคนป่วย”

             “อย่ามาล้อเล่นน่า บ้าชัดๆ”

             ผมคำราม แต่ยังรู้สึกถึงกระแสแห่งความหวั่นไหวสับสนในน้ำเสียงของตัวเองชัดเจน

             “นายอย่ามาล้อเล่นแบบนี้ บิล ไม่ตลกเลย”

             “ฉันไม่ใช่คนตลกร้ายแบบนั้น นายก็รู้   ไม่เชื่อนายลองไปถามคนอื่นดู ว่ามีใครเคยเห็นซาร่าหรือเปล่า รับรองว่าไม่มีใครเคยเห็น บางทีนายอาจจะทำงานหนักเกินไป มันก็เป็นไปได้ว่านายจะสร้างภาพหลอนของใครสักคนขึ้นมาในใจเพื่อเป็นซาร่าผู้หญิงในอุดมคติ นายลองคิดดู ซาร่าจะดีพร้อมไปทุกอย่างได้ขนาดนั้นเลยหรือไง... .เธอเป็นภาพหลอน ฉันว่านายนั่นล่ะควรจะไปหาจิตแพทย์”

             นี่มันนรกอะไรกัน... ผมงุนงงสับสนไปหมด บิลไม่เคยล้อเล่นอะไรรุนแรงแบบนี้ เขาเป็นคนจริงจังกับชีวิตและทุกๆ เรื่อง นั่นคือสิ่งที่ผมแน่ใจ แต่จะให้ยอมรับได้อย่างไรกับการจู่ๆมีคนมาบอกว่า คนที่คุณแสนรัก คนที่คุณรู้จัก ไม่ได้มีตัวตนจริงๆ เป็นเพียงภาพหลอน ผมว่าคุณไม่มีวันรู้สึกได้ว่าน่าตกใจขนาดไหน เหมือนจักรวาลจะพังทลายไปต่อหน้าต่อตา

             “ได้โปรด บิล..”

             ผมคร่ำครวญเหมือนคนใจจะขาด

             “บอกมาว่ามันไม่จริง...”

             “ฉันก็อยากบอกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เสียใจ เพื่อนรัก นายต้องรับความจริงว่านายกำลังป่วยทางจิตระยะร้ายแรง รอที่บ้าน ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้ เราจะได้คุยเรื่องรายละเอียดกัน”

             “รีบมาเลยบิล....นายจะได้เจอซาร่า...วันนี้เธออยู่บ้าน นายจะเห็นว่าเธอมีตัวตน”

             ผมวางโทรศัพท์อย่างอ่อนระโหยโรยแรง เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ นั่นไง... มองลงไปจากหน้าต่าง ซาร่ากำลังใช้สายยางฉีดรดสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอมีตัวตนชัดเจนที่สุด และผมเองก็ได้สัมผัสเธอครั้งแล้วครั้งเล่า จะมาบอกว่าเป็นภาพหลอนได้อย่างไร เธอหันขึ้นมามองโดยบังเอิญและโบกมือส่งรอยยิ้มหวานมาให้

             เอาล่ะบิล...ผมคำรามในใจ ไม่ฉันก็นายต้องบ้ากันไปข้างหนึ่งให้รู้แล้วรู้รอด พอนายมาถึงบ้านก็จะเห็นว่าซาร่ามีตัวตนจริงๆ ฉันจะไม่ว่าอะไรถ้านายจะลองจับตัวเธอดูสักครั้ง

             ไม่นานนักเสียงรถยนต์คันหนึ่งก็วิ่งมาจอดหน้าบ้านและบีบแตรดังลั่น ตอนแรกผมคิดจะไปเปิดประตูให้ แต่เดี๋ยวก่อน....ผมคำรามในใจ....ซาร่าไปเปิดประตูให้ดีแล้ว บิลจะได้รู้ว่าเธอมีตัวตนจริงๆ  มีภาพหลอนที่ไหนบ้างเปิดประตูได้ ผมแทบจะนึกถึงสีหน้าท่าทางประหลาดใจสุดขีดของเขา และถ้าเป็นเช่นนั้นผมอาจจะต่อยหน้าบิลสักครั้งเป็นการระบายอารมณ์

             นั่นไง....ผมแทบระงับเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ ซาร่าและบิลเดินพูดคุยกันเข้ามาในบ้านอย่างสนิทสนม พวกเขาคงจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผมด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างเหมือนรายการตลกร้ายทางโทรทัศน์ที่เห็นบ่อยๆ ประเภทล้อกันเล่นอะไรประมาณนั้น

             “สวัสดีเพื่อน...เป็นไง เตรียมเครื่องดื่มอาหารการกินหรือยัง”

             เขายิ้มร่าเข้าประตูห้องนั่งเล่นมาด้วยสีหน้าท่าทางไม่วิตกกังวลอะไรเลยสักนิด ผิดแผกจากน้ำเสียงที่เพิ่งได้ยินทางโทรศัพท์เมื่อครู่อย่างไม่น่าเชื่อ

             “อาหาร....เครื่องดื่ม อะไร....”

             ผมเริ่มเป็นฝ่ายงง  บิลหัวเราะก่อนบอกว่า

             “ทำเป็นลืม.....ก็นายเป็นคนโทรไปชวนให้ฉันมาทานอาหารเที่ยงที่บ้านนายเมื่อครู่นี่เอง นี่จะมาไม้ไหนอีกล่ะนี่”

             ถ้าเป็นคนอื่นผมคงกระโดดชกปากไปแล้ว แต่นี่เป็นบิล คนซึ่งผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าเขาไม่เคยพูดจาล้อเล่นเปะปะรุนแรงเลยสักครั้งเดียว
เขามองหน้าผม พลางถามอย่างเป็นห่วง

             “นายสีหน้าไม่ดีเลยนะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า ไม่สบายหรือไง”

            ผมหันไปมองซาร่าผู้กำลังมองมาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน ผมคว้ามือของบิลตะปบลงบนแขนของซาร่า ก่อนพูดเสียงดังจนแทบเป็นเสียงตะโกน

             “นี่ไงซาร่า.... เห็นไหม เธอมีตัวตนจริงๆนายรู้สึกใช่ไหมว่าเป็นเธอจริงๆ เห็นไหม นายจับต้องเธอได้”

             “นายทำบ้าอะไร...”

             บิลพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ ก่อนปล่อยมือออกจากแขนซาร่า เพราะปกติเขาเป็นคนสุภาพให้เกียรติสุภาพสตรีอยู่แล้ว การกระทำของผมดูจะเป็นการผิดภาพพจน์ของเขาอยู่ค่อนข้างมาก

             “ฉันต่างหากต้องเป็นฝ่ายถาม...นายเล่นบ้าอะไร...ก็ฉันเพิ่งโทรไปปรึกษานายเรื่องอาการป่วยของ..........”

             ผมเกือบจะหลุดปากออกไปจนหมด แต่ภาพคนทั้งสองจ้องมาอย่างวิตกกังวลทำให้ผมขนลุกเกรียวขึ้นมาทั้งตัว ไม่มีทางที่บิลจะเป็นคนแบบนั้น มันจะต้องมีคำอธิบายนรกอะไรสักอย่าง

             ผมเดินกุมหัวไปล้มลงนอนบนโซฟาอย่างคนหมดแรง ถ้าเป็นแบบนี้คนป่วยเป็นโรคทางจิตจะต้องเป็นผมอย่างแน่นอน และผมคงบ้าขนาดหนักขนาดที่ว่าสับสนกับการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อครู่กับความเป็นจริง แล้วผมกับบิลคุยเรื่องอะไรกันแน่ โอ..พระเจ้าองค์ใด หรือซาตานตนไหนก็ได้ ช่วยผมที.....ความจริงมันคืออะไรกัน

             แล้วสติของผมก็ดับวูบลง


             เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้งผมก็มองเห็นซาร่า

             ความจริงเธอควรจะมองผมด้วยความห่วงใยตามแบบฉบับของคนรักกันแบบแนบแน่นสุดชีวิต แต่ตอนนี้สายตาของเธอเต็มไปด้วยแววตาประหลาดพิกลแบบไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาชนิดทำให้ผมรู้สึกใจหายชอบกล

             “บิลล่ะไปไหนแล้ว...”

             ผมแสร้งถามหาเพื่อน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอันเยือกเย็น แต่เมื่อมองดูโดยรอบก็ไม่มีบิลอยู่เลย มีเพียงเราสองคนเท่านั้นกับบรรยากาศแปลกๆ ในบ้านที่แสนคุ้นเคยและเก็บประวัติศาสตร์แห่งความรักสองเรามายาวนาน

             “บิลไม่มีตัวตนหรอกที่รัก” ซาร่าเอ่ยด้วยเสียงเศร้าๆ

             “เขาเป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้น”

             “เอ้ย......”

             ผมร้องเสียงหลง กระโดดผลุงขึ้นมาจากโซฟา ด้วยความรู้สึกว่ามันชักจะบ้าเกินไปแล้ว ภาพหลอนบ้าบอคอแตกอะไรกัน บิลกับผมรู้จักกันมานาน จู่ๆ จะมาบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นภาพหลอนแบบนี้ใครจะรับได้ โลกทั้งโลกดูหมุนคว้างสับสนไปหมด

             “ผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ได้โปรด.... ซาร่าพาผมไปหาหมอที”

             “คุณไม่ได้บ้าหรอกที่รัก”   เสียงของซาร่าเย็นยะเยือกจนน่าตกใจ

             “ฉันต่างหากที่บ้า หมอบอกว่าฉันสร้างคุณขึ้นมาเพื่อชดเชยบาดแผลทางใจ คุณเป็นภาพหลอนระดับรุนแรงจนคุณสามารถสร้างบิลขึ้นมาปรากฏในจิตใจของเราทั้งสองได้...ก็เท่านั้น ค่ะที่รัก ไม่มีอะไรมากกว่านี้เลยค่ะ”

             ผมปากอ้าตาค้างแบบคนสติแตก และทันใดนั้นก็รู้สึกแปลกๆบริเวณมือทั้งสองข้างจึงยกขึ้นมาดู ภาพที่เห็นคือปลายนิ้วเริ่มจากหายไปในอากาศธาตุเหมือนถูกความว่างเปล่ากลืนกินอย่างช้า ๆ ตอนนั้นสภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนไป ผมเพิ่งรู้สึกว่าซาร่าไม่ได้สวยหยาดฟ้ามาดินอะไรมากมาย สภาพบ้านก็ไม่ได้หรูหราเลิศเลออย่างที่คิด

             เสียงซาร่ายังคงดังมาให้ได้ยินขณะความว่างเปล่ากัดกินมาถึงหัวไหล่โดยปราศจากความเจ็บปวด

             “หมอให้ยามากินรักษาอาการเกิดภาพหลอน แต่ฉันคิดดูแล้วไม่กินดีกว่า...บังเอิญฉันคิดว่ายังมีชายหนุ่มที่ดีกว่าคุณกำลังก้าวเข้ามาในชีวิต ความรักใหม่ๆ .คนรักใหม่ๆ...ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นนะคะ เราอยู่กันมานานเกินไป ถึงเวลาลาจากกันแล้ว ลาก่อนที่รัก”

             ก่อนจะหายไปจนหมด ผมเห็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่งก้าวเท้าอย่างสง่างามออกมาจากความว่างเปล่า ซาร่าก็หันไปอ้าวงแขน ยิ้มรับอย่างดีใจ ด้วยสีหน้าท่าทางที่เคยใช้กับผมมาก่อนเมื่อหลายปีที่แล้ว ช่างทำกันได้ลงคอ


             ประวัติศาสตร์ของผมคือความลวงอันเกิดจากความว่างเปล่าที่บิดเบี้ยวไร้ตัวตนเท่านั้นเอง







จบแล้วครับ

ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่