บทที่ 1-2
http://ppantip.com/topic/34581823
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/34641272
บทที่ 4-5
http://ppantip.com/topic/34657924
บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/34686112
บทที่ 7
http://ppantip.com/topic/34709647
บทที่ 8
http://ppantip.com/topic/34730781
บทที่ 9
http://ppantip.com/topic/34740745
บทที่ 10
http://ppantip.com/topic/34855480
บทที่ 11
http://ppantip.com/topic/34899050
บทที่ 12
http://ppantip.com/topic/34910335
บทที่ 13
http://ppantip.com/topic/34928427
บทที่ 14 ความจริง เพียงบางส่วน
ทาคุเดินวนกลับไปกลับมาราวหนูติดจั่นอยู่ในห้องรับแขก สีหน้าและน้ำเสียงของซาคาโมโตะตอนไล่ออกจากห้องทำให้สารถีหนุ่มกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดพาลโมโหจนหน้ามืดลงไม้ลงมือหรือทำเรื่องไม่ดีกับฟุรุคาวะ ใจหนึ่งอยากเปิดประตูเข้าไปอธิบายแต่อีกใจกลับยั้งไว้เพราะเชื่อว่าคนยึดมั่นในความรักอย่างหมอนั่นไม่มีทางสร้างรอยแผลกับคนรักแน่ นึกถึงตรงนี้แล้วหัวใจของเขาก็เกิดอาการปวดแปลบเหมือนโดนเหล็กแหลมเสียบเข้าไปในอก เมื่อครู่ทั้งที่อยู่ในอาการตระหนกท่าทีของฟุรุคาวะที่มีต่อเขาช่างต่างจากเคียวยะราวฟ้ากับดิน พอหลุดจากอำนาจสะกดและเห็นหน้าเขาเท่านั้นเด็กหนุ่มก็รีบผลักออกอย่างไม่ลังเลแต่พอเป็นเคียวยะ แม้จะกลัวจนตัวสั่นแต่กลับยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างโดยไม่ขัดขืน
แสดงว่าฟุบุกิเริ่มมีใจให้กับเจ้าเคียวยะแล้วสินะ
สารถีหยุดยืนนิ่งกำหมัดแน่น จุดสีดำเล็กๆแห่งความริษยาที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกระตุกเต้นเป็นจังหวะและเริ่มขยายตัวออกทีละน้อย ในหัวมีเสียงต่างๆดังอื้ออึงเซ็งแซ่ ทั้งที่เมื่อครู่เขาสามารถลิ้มรสความหวานจากร่างกายของเด็กหนุ่มได้อย่างง่ายดายแล้วเหตุใดจึงปล่อยให้โอกาสแบบนั้นหลุดลอยไปจากมือ
ดวงตาลุกวาวด้วยเพลิงอันเกิดจากแรงขับแห่งความมืดมิดที่กำลังเรียกร้องให้เขาแย่งเด็กหนุ่มมาครอง พลันสำนึกแห่งความภักดีก็เผ่นโผนออกมาตะโกนลั่น
เขาไม่มีวันทรยศไรโชมารุ!
เสียงทั้งหลายยุติลงฉับพลันและในจังหวะเดียวกันนั้นทาคุก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตระหนกของฟุรุคาวะ เขาพุ่งไปที่ประตูเปิดพรวดเข้าไปทันทีพอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของซาคาโมโตะสารถีหนุ่มก็หลุดปากออกมาอย่างคาดไม่ถึง
“โจโรคุโมะ!!!”
“ไม่ใช่” ซาคาโมโตะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สารถีหนุ่มมองแมงมุมสีดำตัวโตเท่าแขนกำลังดิ้นอยู่ในมือส่วนขาทั้งแปดพยายามตะกายไปหาฟุรุคาวะเพื่อฝังตัวเข้าไปในร่างอีกครั้ง
“มันเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ทาคุถามพลางหันมองไปรอบๆ เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะมีตัวอะไรหลุดเข้ามาโดยที่เขาไม่รู้ ซาคาโมโตะยังไม่ตอบในทันที เขาโยนแมงมุมตัวร้ายไปทางจิ้งจอกสีเงินตัวน้อยที่กำลังจ้องตาวาวอยู่กลางห้อง มันอ้าปากรับอย่างแม่นยำกลืนกินอสูรร้ายเข้าไปในคำเดียว
“มันเป็นความสะเพร่าของฉันที่ไม่ตรวจให้ละเอียด ในตัวของฟุรุคาวะไม่ใช่พิษแต่เป็นตัวอ่อนที่โจโรคุโมะหยอดทิ้งไว้เพื่อเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นปิศาจ”
“ทำไมพวกเราถึงจับพลังของมันไม่ได้เลยล่ะ” สารถีหนุ่มถามด้วยความสงสัยขณะมองกิซึเนะตัวจ้อยกำลังเรอเหมือนอิ่มจนพุงกาง ซาคาโมโตะพาเด็กหนุ่มที่เริ่มยืนโซโซกลับไปนั่งที่เตียงระหว่างอธิบาย
“ลูกของโจโรคุโมะก็เหมือนพยาธิ เราจะไม่รู้เลยจนกว่าคนถูกสิงจะแสดงอาการ ถ้ากำจัดมันได้ทันเหยื่อก็มีโอกาสรอดแต่ถ้าช้าเกินไป” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นก่อนมองใบหน้าซีดของเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง “ที่แย่ก็คือพอดึงมันออกมาแล้วคนถูกสิงจะอ่อนเพลียมากเพราะถูกแมงมุมปิศาจสูบพลังชีวิตตอนอยู่ในร่าง”
ชายหนุ่มประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกเหมือนคนสิ้นเรี่ยวแรงให้นอนลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล มือแตะไปตามใบหน้าและลำคอเพื่อตรวจหาอุณหภูมิพอพบว่าตัวของฟุรุคาวะยังอุ่นๆเขาก็ระบายลมหายใจออกมา
“เจ้านั่นเพิ่งกินพลังชีวิตของเขาไปได้นิดเดียว”
ความเป็นห่วงของทาคุที่มีต่อฟุรุคาวะไม่น้อยไปกว่าซาคาโมโตะ พอได้ยินแบบนั้นเขาก็พลอยโล่งใจขึ้นมาด้วย
“ค่อยยังชั่ว” เปรยกับตัวเองและมองเพื่อนที่กำลังคลุมผ้าห่มให้เด็กหนุ่ม “นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“กิซึเนะ เจ้านั่นวิ่งหน้าตาตื่นไปบอกว่าฟุบุกิกำลังถูกหมาบ้าจับกิน”
“ฉันกำลังถูกเจ้าหนูนั่นจับกินต่างหากเจ้าบ้า” สารถีหนุ่มแย้งพลางส่งค้อนวงใหญ่ให้กับจิ้งจอกน้อย “แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
เขาถาม ซาคาโมโตะหันมามองด้วยความสงสัย
“เรื่องอะไร?”
“ฟุบุกิ” พูดพร้อมกับเลื่อนตาไปทางคนที่นอนอยู่บนเตียง “นายก็รู้นี่ว่าคนที่โจโรคุโมะหมายตาไว้ไม่เคยมีใครรอดซักราย ฉันว่าไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้นางต้องวกกลับมาจัดการเขาแน่”
ซาคาโมโตะสั่นศีรษะเหมือนไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น
“ไม่หรอกเพราะถ้านางคิดจะกินฟุบุกิคงจัดการตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนแล้ว การที่มันฝังตัวอ่อนก็เพื่อควบคุมแต่ฉันยังนึกไม่ออกว่าทำไม จะบอกว่าเพื่อฆ่าเราสองคนก็ไม่น่าเป็นไปได้”
ทาคุขมวดคิ้วหวนนึกถึงตอนที่ถูกฟุรุคาวะเล้าโลมจนหวิดจะหน้ามืดลงมือทำอะไรบ้าบอลงไปแล้ว กระทั่งถึงตอนนี้ร่างกายของเขายังคงปั่นป่วนกับความยวนยั่วอยู่ไม่หาย
“ถ้าต้องการให้เขาทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องฆ่าล่ะ”
“หมายถึงพยายามยั่วให้นายปล้ำน่ะเหรอ นางจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของทาคุเลื่อนไปยังคนที่เป็นทั้งนายและเพื่อน
“ยุให้เราสองคนแตกคอกัน”
“แต่นางรู้ได้ยังไงว่า...” ซาคาโมโตะตั้งท่าแย้งแต่ทาคุไม่สนใจฟังแถมยังสวนคำพูดแทรก
“ถึงไม่บอกว่าฟุบุกิคือฟูจินปิศาจพวกนั้นก็รู้ว่านายรักเขามาก ก็เล่นแสดงออกมาชัดขนาดนั้นเลยนี่หว่าว่าทั้งรักทั้งห่วงแถมยังหวงเด็กคนนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แค่ชักใยให้เขาพาฉันขึ้นเตียงนายจะได้หึงจนหน้ามืด ผลลัพธ์ก็รู้ๆกันอยู่”
เหตุผลของสารถีหนุ่มทำให้ซาคาโมโตะถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขายอมรับในเรื่องหึงและบางทีอาจจบลงด้วยความรุนแรงอย่างที่หมอนี่บอกแต่เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะทาคุคือเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุด และชายหนุ่มก็มั่นใจว่าคนสัตย์ซื่ออย่างเขาไม่มีวันทำเรื่องต่ำช้าแบบนั้นได้ลงคอ
“นายไม่ทำแบบนั้นหรอก” พูดสั้นๆก่อนออกจากห้องและกลับเข้ามาพร้อมอ่างน้ำกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก พอวางทุกอย่างแล้วก็พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นแล้วแตะใบหน้าของเด็กหนุ่มเบาๆพอแน่ใจว่าเขาหลับสนิทจึงลงมือถอดเสื้อยืดที่ชื้นไปด้วยเหงื่อออกแล้วเช็ดตัวให้ไล่ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอไปจนถึงหน้าอก ทาคุยืนมองการปรนนิบัตรที่แสนอ่อนโยนเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากถาม
“ไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ”
“หมายถึงอะไร” ซาคาโมโตะถามขณะที่มือกำลังปลดตะขอกางเกงให้เด็กหนุ่ม ภาพที่เห็นทำให้หน้าของทาคุร้อนผ่าว เขาแสร้งทำเป็นเสตามองไปทางอื่นและระงับอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่านก่อนตอบ
“โจโรคุโมะ”
ซาคาโมโตะขยับปากเพื่อตอบแต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่ออกจะขวยเขินของเพื่อนแล้วจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างของฟุรุคาวะจากนั้นจึงรูดกางเกงออกมา
“แล้วนายจะให้ฉันทำอะไร” เขาถามก่อนสอดผ้าเช็ดตัวเขาไปในร่มผ้าเพื่อทำวามสะอาดร่างกายให้เด็กหนุ่ม ถึงไม่อยากมองแต่หางตาเจ้ากรรมก็ดันเห็นอีกจนได้ สารถีหนุ่มรีบถูจมูกตัวเองแรงๆเพื่อแก้เก้อก่อนพูด
“เหมือนที่เราทำในสมัยก่อน ตามล่าแล้วลากกลับมารีดคำตอบว่าทำไมนางถึงทำแบบนี้”
“ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะทาคุเราจะทำอะไรบุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ อีกอย่างโจโรคุโมะเป็นปิศาจที่ขึ้นชื่อเรื่องการซ่อนเร้น จะหานางไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
ทาคุกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากการไม่เห็นด้วยหรืออิจฉาซาคาโมโตะที่กำลังลูบไล้ผิวกายขาวผ่องของฟุรุคาวะ ถึงจะเป็นเพียงแค่การเช็ดตัวให้ก็เถอะ
“นายลืมเรื่องความสามารถในการตามกลิ่นของเผ่าอินุไปแล้วหรือ”
“ไม่ได้ลืมแต่ปิศาจแมงมุมกลบเกลื่อนไอวิญญาณของตัวเองได้ นายถึงไม่รู้ไงว่ามีตัวอ่อนของมันฝังอยู่ในตัวเขา”
เหตุผลดังกล่าวทำให้สารถีหนุ่มถึงกับยืนงัน ถูกของซาคาโมโตะ ทั้งที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้เขายังไม่สำเหนียกเลยสักนิดว่าในตัวของฟุรุคาวะมีสิ่งน่ารังเกียจแฝงเร้นอยู่ หากไม่ใช่เพราะจิ้งจอกน้อยป่านนี้เขาคงโดนตัวอ่อนของโจโรคุโมะสูบกินวิญญาณจนตายกลายเป็นซากแห้งๆคาเตียงไปแล้ว
“ฉัน...”
“รู้ว่านายโมโห แต่ความโกรธมีแต่จะทำให้เราเสียทีต่อศัตรู ถ้านายอยากรู้ว่าใครเป็นคนบงการก็ขอให้สงบใจรอสักนิดฉันเชื่อว่ามันต้องปรากฏตัวออกมาไม่ช้าก็เร็ว”
คำเตือนของซาคาโมโตะทำให้ทาคุเอะใจ
“นายพูดเหมือนรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร”
“ก็พอจะเดาออก” ชายหนุ่มพูดอย่างเคร่งขรึมพลางหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมให้คนที่ยังนอนไม่ได้สติ พอเห็นทาคุยืนงงเป็นไก่ตาแตกเขาก็หัวเราะหึๆลำคอ “นายเป็นคนพูดออกมาเอง”
สารถีหนุ่มทำตาโตยกมือขึ้นชี้หน้าตัวเองเหมือนจะถามว่า ฉันเนี่ยนะเป็นคนพูด พออีกฝ่ายผงกศีรษะรับเขาก็มุ่นคิ้วยืนคิดทบทวนย้อนกลับไปตั้งแต่พบฟุรุคาวะวันแรกไล่เรื่อยไปจนถึงวันที่อิบุกิโดนทำร้าย ตราประทับที่ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุทำให้เขาหลุดปากออกมาเบาๆ
“โอโรจิ” เขาจ้องหน้าซาคาโมโตะด้วยดวงตาที่มีความหวั่นอยู่จางๆ “คาราสุเฮบิ” ปากขบกันเบาๆเหมือนไม่อยากเอ่ยถึงชื่อนี้เท่าใดนัก “แต่หมอนั่นเลิกยุ่งกับเราไปแล้วนี่นา”
“มีคำกล่าวว่าแรงอาฆาตของงูน่ากลัวมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด เขาทำสัญญาสงบศึกกับเราก็จริงแต่ในใจอาจกำลังวางแผนทำลายกลุ่มกินกิซึเนะอยู่ก็ได้ ฉันคิดว่าเรื่องในวันนี้ก็น่าจะเป็นแผนบางส่วนของคาราสุเฮบิแต่คิดไม่ตกว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น”
“นายหมายถึงที่ฟุบุกิพยายามลากฉันขึ้นเตียงน่ะเหรอ” ทาคุหลุดปากโพล่งถามไปตรงๆพอเห็นดวงตาของซาคาโมโตะมีประกายวาววับออกมาวูบหนึ่งเขาก็รีบกล่าวแก้ตัว “ขอโทษที่พูดออกมาแบบนั้นแต่ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นเขา”
“โจโรคุโมะรับคำสั่งของคาราสุเฮบิเพียงคนเดียว” อีกฝ่ายตอบสั้นๆก่อนหยิบอ่างน้ำและผ้าเช็ดตัวออกจากห้องคล้ายต้องการยุติข้อสนทนาทิ้งให้ทาคุยืนหันรีหันขวางอยู่ในห้องของฟุรุคาวะ แม้จะพยายามข่มใจไม่มองแต่ตาเจ้ากรรมยังอดชำเลืองคนบนเตียงด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ทรวงอกภายใต้ผ้าห่มที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอตามจังหวะการหายใจกับใบหน้าที่เริ่มมีเลือดฝาดเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มกลับมาเป็นปรกติเหมือนเดิมแล้ว ทาคุถอนลมหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอกก่อนหมุนตัวเดินออกมาจากนั้นจึงก้าวไปหาซาคาโมโตะที่กำลังยืนกอดอกขมวดคิ้วยุ่งราวกำลังไตร่ตรองถึงเรื่องบางอย่างอยู่ในห้องนั่งเล่น
“มีอะไรงั้นเหรอ” สารถีหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะจากการคุยเมื่อครู่ทำให้พอจะสันนิษฐานได้ว่าใครเป็นคนส่งปิศาจมาก่อกวนฟุรุคาวะ สำหรับตัวเขาเองการยุติเรื่องดังกล่าวมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือบุกเข้าไปอัดจอมวางแผนให้น่วมผิดจากซาคาโมโตะที่จะต้องวางแผนอย่างรอบคอบก่อนลงมือ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่าเขาคิดจะตะลุยเดี่ยวเข้าไปหาคาราสุเฮบิ
“ฉันต้องกลับไปที่ชิรายูกิยาชิกิ” ซาคาโมโตะตอบ ทาคุมุ่นคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะชิรายูกิยาชิกิคือคฤหาสน์ของตระกูลกิซึเนะซึ่งแฝงตัวเร้นอยู่ในป่าลึก
“จะกลับไปที่นั่นทำไม” ถามเพราะเห็นว่าซาคาโมโตะฝังตัวอยู่กับพวกมนุษย์มานานมากแทบไม่ได้กลับไปยังสถานที่แห่งนั้นนอกจากจะเกิดเรื่องร้ายแรงหรือมีเหตุจำเป็นจริงๆ แสดงว่าการลงมือของนางปิศาจแมงมุมน่าจะมีผลต่อเนื่องมากกว่านี้เขาจึงเลือกกลับไปหารือกับกลุ่มในบ้านที่มีอาคมป้องกันแข็งแกร่งเพื่อมิให้เรื่องราแพร่งพรายไปถึงหูของศัตรู
สายใยรักจิ้งจอกพันปี (yaoi) บทที่ 14 ความจริงเพียงบางส่วน
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/34641272
บทที่ 4-5 http://ppantip.com/topic/34657924
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34686112
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34709647
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/34730781
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/34740745
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/34855480
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/34899050
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/34910335
บทที่ 13 http://ppantip.com/topic/34928427
บทที่ 14 ความจริง เพียงบางส่วน
ทาคุเดินวนกลับไปกลับมาราวหนูติดจั่นอยู่ในห้องรับแขก สีหน้าและน้ำเสียงของซาคาโมโตะตอนไล่ออกจากห้องทำให้สารถีหนุ่มกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดพาลโมโหจนหน้ามืดลงไม้ลงมือหรือทำเรื่องไม่ดีกับฟุรุคาวะ ใจหนึ่งอยากเปิดประตูเข้าไปอธิบายแต่อีกใจกลับยั้งไว้เพราะเชื่อว่าคนยึดมั่นในความรักอย่างหมอนั่นไม่มีทางสร้างรอยแผลกับคนรักแน่ นึกถึงตรงนี้แล้วหัวใจของเขาก็เกิดอาการปวดแปลบเหมือนโดนเหล็กแหลมเสียบเข้าไปในอก เมื่อครู่ทั้งที่อยู่ในอาการตระหนกท่าทีของฟุรุคาวะที่มีต่อเขาช่างต่างจากเคียวยะราวฟ้ากับดิน พอหลุดจากอำนาจสะกดและเห็นหน้าเขาเท่านั้นเด็กหนุ่มก็รีบผลักออกอย่างไม่ลังเลแต่พอเป็นเคียวยะ แม้จะกลัวจนตัวสั่นแต่กลับยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างโดยไม่ขัดขืน
แสดงว่าฟุบุกิเริ่มมีใจให้กับเจ้าเคียวยะแล้วสินะ
สารถีหยุดยืนนิ่งกำหมัดแน่น จุดสีดำเล็กๆแห่งความริษยาที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกระตุกเต้นเป็นจังหวะและเริ่มขยายตัวออกทีละน้อย ในหัวมีเสียงต่างๆดังอื้ออึงเซ็งแซ่ ทั้งที่เมื่อครู่เขาสามารถลิ้มรสความหวานจากร่างกายของเด็กหนุ่มได้อย่างง่ายดายแล้วเหตุใดจึงปล่อยให้โอกาสแบบนั้นหลุดลอยไปจากมือ
ดวงตาลุกวาวด้วยเพลิงอันเกิดจากแรงขับแห่งความมืดมิดที่กำลังเรียกร้องให้เขาแย่งเด็กหนุ่มมาครอง พลันสำนึกแห่งความภักดีก็เผ่นโผนออกมาตะโกนลั่น
เขาไม่มีวันทรยศไรโชมารุ!
เสียงทั้งหลายยุติลงฉับพลันและในจังหวะเดียวกันนั้นทาคุก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตระหนกของฟุรุคาวะ เขาพุ่งไปที่ประตูเปิดพรวดเข้าไปทันทีพอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของซาคาโมโตะสารถีหนุ่มก็หลุดปากออกมาอย่างคาดไม่ถึง
“โจโรคุโมะ!!!”
“ไม่ใช่” ซาคาโมโตะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สารถีหนุ่มมองแมงมุมสีดำตัวโตเท่าแขนกำลังดิ้นอยู่ในมือส่วนขาทั้งแปดพยายามตะกายไปหาฟุรุคาวะเพื่อฝังตัวเข้าไปในร่างอีกครั้ง
“มันเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ทาคุถามพลางหันมองไปรอบๆ เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะมีตัวอะไรหลุดเข้ามาโดยที่เขาไม่รู้ ซาคาโมโตะยังไม่ตอบในทันที เขาโยนแมงมุมตัวร้ายไปทางจิ้งจอกสีเงินตัวน้อยที่กำลังจ้องตาวาวอยู่กลางห้อง มันอ้าปากรับอย่างแม่นยำกลืนกินอสูรร้ายเข้าไปในคำเดียว
“มันเป็นความสะเพร่าของฉันที่ไม่ตรวจให้ละเอียด ในตัวของฟุรุคาวะไม่ใช่พิษแต่เป็นตัวอ่อนที่โจโรคุโมะหยอดทิ้งไว้เพื่อเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นปิศาจ”
“ทำไมพวกเราถึงจับพลังของมันไม่ได้เลยล่ะ” สารถีหนุ่มถามด้วยความสงสัยขณะมองกิซึเนะตัวจ้อยกำลังเรอเหมือนอิ่มจนพุงกาง ซาคาโมโตะพาเด็กหนุ่มที่เริ่มยืนโซโซกลับไปนั่งที่เตียงระหว่างอธิบาย
“ลูกของโจโรคุโมะก็เหมือนพยาธิ เราจะไม่รู้เลยจนกว่าคนถูกสิงจะแสดงอาการ ถ้ากำจัดมันได้ทันเหยื่อก็มีโอกาสรอดแต่ถ้าช้าเกินไป” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นก่อนมองใบหน้าซีดของเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง “ที่แย่ก็คือพอดึงมันออกมาแล้วคนถูกสิงจะอ่อนเพลียมากเพราะถูกแมงมุมปิศาจสูบพลังชีวิตตอนอยู่ในร่าง”
ชายหนุ่มประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกเหมือนคนสิ้นเรี่ยวแรงให้นอนลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล มือแตะไปตามใบหน้าและลำคอเพื่อตรวจหาอุณหภูมิพอพบว่าตัวของฟุรุคาวะยังอุ่นๆเขาก็ระบายลมหายใจออกมา
“เจ้านั่นเพิ่งกินพลังชีวิตของเขาไปได้นิดเดียว”
ความเป็นห่วงของทาคุที่มีต่อฟุรุคาวะไม่น้อยไปกว่าซาคาโมโตะ พอได้ยินแบบนั้นเขาก็พลอยโล่งใจขึ้นมาด้วย
“ค่อยยังชั่ว” เปรยกับตัวเองและมองเพื่อนที่กำลังคลุมผ้าห่มให้เด็กหนุ่ม “นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“กิซึเนะ เจ้านั่นวิ่งหน้าตาตื่นไปบอกว่าฟุบุกิกำลังถูกหมาบ้าจับกิน”
“ฉันกำลังถูกเจ้าหนูนั่นจับกินต่างหากเจ้าบ้า” สารถีหนุ่มแย้งพลางส่งค้อนวงใหญ่ให้กับจิ้งจอกน้อย “แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
เขาถาม ซาคาโมโตะหันมามองด้วยความสงสัย
“เรื่องอะไร?”
“ฟุบุกิ” พูดพร้อมกับเลื่อนตาไปทางคนที่นอนอยู่บนเตียง “นายก็รู้นี่ว่าคนที่โจโรคุโมะหมายตาไว้ไม่เคยมีใครรอดซักราย ฉันว่าไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้นางต้องวกกลับมาจัดการเขาแน่”
ซาคาโมโตะสั่นศีรษะเหมือนไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น
“ไม่หรอกเพราะถ้านางคิดจะกินฟุบุกิคงจัดการตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนแล้ว การที่มันฝังตัวอ่อนก็เพื่อควบคุมแต่ฉันยังนึกไม่ออกว่าทำไม จะบอกว่าเพื่อฆ่าเราสองคนก็ไม่น่าเป็นไปได้”
ทาคุขมวดคิ้วหวนนึกถึงตอนที่ถูกฟุรุคาวะเล้าโลมจนหวิดจะหน้ามืดลงมือทำอะไรบ้าบอลงไปแล้ว กระทั่งถึงตอนนี้ร่างกายของเขายังคงปั่นป่วนกับความยวนยั่วอยู่ไม่หาย
“ถ้าต้องการให้เขาทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องฆ่าล่ะ”
“หมายถึงพยายามยั่วให้นายปล้ำน่ะเหรอ นางจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของทาคุเลื่อนไปยังคนที่เป็นทั้งนายและเพื่อน
“ยุให้เราสองคนแตกคอกัน”
“แต่นางรู้ได้ยังไงว่า...” ซาคาโมโตะตั้งท่าแย้งแต่ทาคุไม่สนใจฟังแถมยังสวนคำพูดแทรก
“ถึงไม่บอกว่าฟุบุกิคือฟูจินปิศาจพวกนั้นก็รู้ว่านายรักเขามาก ก็เล่นแสดงออกมาชัดขนาดนั้นเลยนี่หว่าว่าทั้งรักทั้งห่วงแถมยังหวงเด็กคนนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แค่ชักใยให้เขาพาฉันขึ้นเตียงนายจะได้หึงจนหน้ามืด ผลลัพธ์ก็รู้ๆกันอยู่”
เหตุผลของสารถีหนุ่มทำให้ซาคาโมโตะถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขายอมรับในเรื่องหึงและบางทีอาจจบลงด้วยความรุนแรงอย่างที่หมอนี่บอกแต่เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะทาคุคือเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุด และชายหนุ่มก็มั่นใจว่าคนสัตย์ซื่ออย่างเขาไม่มีวันทำเรื่องต่ำช้าแบบนั้นได้ลงคอ
“นายไม่ทำแบบนั้นหรอก” พูดสั้นๆก่อนออกจากห้องและกลับเข้ามาพร้อมอ่างน้ำกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก พอวางทุกอย่างแล้วก็พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นแล้วแตะใบหน้าของเด็กหนุ่มเบาๆพอแน่ใจว่าเขาหลับสนิทจึงลงมือถอดเสื้อยืดที่ชื้นไปด้วยเหงื่อออกแล้วเช็ดตัวให้ไล่ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอไปจนถึงหน้าอก ทาคุยืนมองการปรนนิบัตรที่แสนอ่อนโยนเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากถาม
“ไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ”
“หมายถึงอะไร” ซาคาโมโตะถามขณะที่มือกำลังปลดตะขอกางเกงให้เด็กหนุ่ม ภาพที่เห็นทำให้หน้าของทาคุร้อนผ่าว เขาแสร้งทำเป็นเสตามองไปทางอื่นและระงับอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่านก่อนตอบ
“โจโรคุโมะ”
ซาคาโมโตะขยับปากเพื่อตอบแต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่ออกจะขวยเขินของเพื่อนแล้วจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างของฟุรุคาวะจากนั้นจึงรูดกางเกงออกมา
“แล้วนายจะให้ฉันทำอะไร” เขาถามก่อนสอดผ้าเช็ดตัวเขาไปในร่มผ้าเพื่อทำวามสะอาดร่างกายให้เด็กหนุ่ม ถึงไม่อยากมองแต่หางตาเจ้ากรรมก็ดันเห็นอีกจนได้ สารถีหนุ่มรีบถูจมูกตัวเองแรงๆเพื่อแก้เก้อก่อนพูด
“เหมือนที่เราทำในสมัยก่อน ตามล่าแล้วลากกลับมารีดคำตอบว่าทำไมนางถึงทำแบบนี้”
“ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะทาคุเราจะทำอะไรบุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ อีกอย่างโจโรคุโมะเป็นปิศาจที่ขึ้นชื่อเรื่องการซ่อนเร้น จะหานางไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
ทาคุกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากการไม่เห็นด้วยหรืออิจฉาซาคาโมโตะที่กำลังลูบไล้ผิวกายขาวผ่องของฟุรุคาวะ ถึงจะเป็นเพียงแค่การเช็ดตัวให้ก็เถอะ
“นายลืมเรื่องความสามารถในการตามกลิ่นของเผ่าอินุไปแล้วหรือ”
“ไม่ได้ลืมแต่ปิศาจแมงมุมกลบเกลื่อนไอวิญญาณของตัวเองได้ นายถึงไม่รู้ไงว่ามีตัวอ่อนของมันฝังอยู่ในตัวเขา”
เหตุผลดังกล่าวทำให้สารถีหนุ่มถึงกับยืนงัน ถูกของซาคาโมโตะ ทั้งที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้เขายังไม่สำเหนียกเลยสักนิดว่าในตัวของฟุรุคาวะมีสิ่งน่ารังเกียจแฝงเร้นอยู่ หากไม่ใช่เพราะจิ้งจอกน้อยป่านนี้เขาคงโดนตัวอ่อนของโจโรคุโมะสูบกินวิญญาณจนตายกลายเป็นซากแห้งๆคาเตียงไปแล้ว
“ฉัน...”
“รู้ว่านายโมโห แต่ความโกรธมีแต่จะทำให้เราเสียทีต่อศัตรู ถ้านายอยากรู้ว่าใครเป็นคนบงการก็ขอให้สงบใจรอสักนิดฉันเชื่อว่ามันต้องปรากฏตัวออกมาไม่ช้าก็เร็ว”
คำเตือนของซาคาโมโตะทำให้ทาคุเอะใจ
“นายพูดเหมือนรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร”
“ก็พอจะเดาออก” ชายหนุ่มพูดอย่างเคร่งขรึมพลางหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมให้คนที่ยังนอนไม่ได้สติ พอเห็นทาคุยืนงงเป็นไก่ตาแตกเขาก็หัวเราะหึๆลำคอ “นายเป็นคนพูดออกมาเอง”
สารถีหนุ่มทำตาโตยกมือขึ้นชี้หน้าตัวเองเหมือนจะถามว่า ฉันเนี่ยนะเป็นคนพูด พออีกฝ่ายผงกศีรษะรับเขาก็มุ่นคิ้วยืนคิดทบทวนย้อนกลับไปตั้งแต่พบฟุรุคาวะวันแรกไล่เรื่อยไปจนถึงวันที่อิบุกิโดนทำร้าย ตราประทับที่ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุทำให้เขาหลุดปากออกมาเบาๆ
“โอโรจิ” เขาจ้องหน้าซาคาโมโตะด้วยดวงตาที่มีความหวั่นอยู่จางๆ “คาราสุเฮบิ” ปากขบกันเบาๆเหมือนไม่อยากเอ่ยถึงชื่อนี้เท่าใดนัก “แต่หมอนั่นเลิกยุ่งกับเราไปแล้วนี่นา”
“มีคำกล่าวว่าแรงอาฆาตของงูน่ากลัวมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด เขาทำสัญญาสงบศึกกับเราก็จริงแต่ในใจอาจกำลังวางแผนทำลายกลุ่มกินกิซึเนะอยู่ก็ได้ ฉันคิดว่าเรื่องในวันนี้ก็น่าจะเป็นแผนบางส่วนของคาราสุเฮบิแต่คิดไม่ตกว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น”
“นายหมายถึงที่ฟุบุกิพยายามลากฉันขึ้นเตียงน่ะเหรอ” ทาคุหลุดปากโพล่งถามไปตรงๆพอเห็นดวงตาของซาคาโมโตะมีประกายวาววับออกมาวูบหนึ่งเขาก็รีบกล่าวแก้ตัว “ขอโทษที่พูดออกมาแบบนั้นแต่ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นเขา”
“โจโรคุโมะรับคำสั่งของคาราสุเฮบิเพียงคนเดียว” อีกฝ่ายตอบสั้นๆก่อนหยิบอ่างน้ำและผ้าเช็ดตัวออกจากห้องคล้ายต้องการยุติข้อสนทนาทิ้งให้ทาคุยืนหันรีหันขวางอยู่ในห้องของฟุรุคาวะ แม้จะพยายามข่มใจไม่มองแต่ตาเจ้ากรรมยังอดชำเลืองคนบนเตียงด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ทรวงอกภายใต้ผ้าห่มที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอตามจังหวะการหายใจกับใบหน้าที่เริ่มมีเลือดฝาดเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มกลับมาเป็นปรกติเหมือนเดิมแล้ว ทาคุถอนลมหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอกก่อนหมุนตัวเดินออกมาจากนั้นจึงก้าวไปหาซาคาโมโตะที่กำลังยืนกอดอกขมวดคิ้วยุ่งราวกำลังไตร่ตรองถึงเรื่องบางอย่างอยู่ในห้องนั่งเล่น
“มีอะไรงั้นเหรอ” สารถีหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะจากการคุยเมื่อครู่ทำให้พอจะสันนิษฐานได้ว่าใครเป็นคนส่งปิศาจมาก่อกวนฟุรุคาวะ สำหรับตัวเขาเองการยุติเรื่องดังกล่าวมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือบุกเข้าไปอัดจอมวางแผนให้น่วมผิดจากซาคาโมโตะที่จะต้องวางแผนอย่างรอบคอบก่อนลงมือ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่าเขาคิดจะตะลุยเดี่ยวเข้าไปหาคาราสุเฮบิ
“ฉันต้องกลับไปที่ชิรายูกิยาชิกิ” ซาคาโมโตะตอบ ทาคุมุ่นคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะชิรายูกิยาชิกิคือคฤหาสน์ของตระกูลกิซึเนะซึ่งแฝงตัวเร้นอยู่ในป่าลึก
“จะกลับไปที่นั่นทำไม” ถามเพราะเห็นว่าซาคาโมโตะฝังตัวอยู่กับพวกมนุษย์มานานมากแทบไม่ได้กลับไปยังสถานที่แห่งนั้นนอกจากจะเกิดเรื่องร้ายแรงหรือมีเหตุจำเป็นจริงๆ แสดงว่าการลงมือของนางปิศาจแมงมุมน่าจะมีผลต่อเนื่องมากกว่านี้เขาจึงเลือกกลับไปหารือกับกลุ่มในบ้านที่มีอาคมป้องกันแข็งแกร่งเพื่อมิให้เรื่องราแพร่งพรายไปถึงหูของศัตรู