สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 45
เมื่อกี้ลองใช้ระบบจองตั๋ว ของ AirAsia
สรุปขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
1. เลือกต้นทางและปลายทางที่หน้าแรกของ Website
(ผมทดลองกำหนดเป็นเที่ยวบินในประเทศ)
2. เลือกเที่ยวบินที่ต้องการ
3. กรอกรายละเอียด ผู้โดยสาร ประกอบด้วย
3.1 คำนำหน้าชื่อ
3.2 ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ
3.3 สัญชาติ
3.4 วันเกิด
3.5 Big Shot ID (กรอกหรือไม่กรอกก็ได้)
4. หน้าต่อๆ มาก็จะเป็นการให้เลือกซื้อบริการเสริมต่างๆ
(ขอไม่กล่าวในรายละเอียดเพราะไม่ใช่ประเด็นที่ จขกท. มีปัญหา)
5. มาที่หน้าสุดท้ายที่เป็นหัวข้อ "การชำระเงิน" จะต้องมีการกรอกชื่อคนอีก 2 ขั้นตอน คือ
5.1 รายละเอียดการติดต่อ : ประกอบด้วย
5.1.1 : คำนำหน้าชื่อ
5.1.2 : ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ
5.1.3 : E-Mail
5.1.4 : เบอร์มือถือ
คำนำหน้าชื่อ และ ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ ระบบจะ Default ค่าให้เหมือนกับ 3.1 และ 3.2
แต่ผู้จองมีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นชื่ออะไรก็ได้ ระบบไม่บังคับว่าต้องเหมือนกับ 3.1 และ 3.2 และไม่ต้องเป็นผู้โดยสารก็ได้
พูดง่ายๆ คือ เปลี่ยนได้อิสระเลย เช่น ผู้โดยสารชื่อ "สมศรี" แต่ผู้ติดต่อจะให้ชื่อ "สมชาย" ก็ได้
5.2 วิธีการชำระเงิน
กรณีเลือกจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ต้องกรอกชื่อตามหน้าบัตร ซึ่งจะเป็นบัตรของใครก็ได้อีกเหมือนกัน
สรุป คือ ชื่อที่กรอกใน ข้อ 3 / ข้อ 5.1 / ข้อ 5.2 มีความเป็นอิสระจากกัน ผู้จองจะกรอกอะไรก็ได้
ผู้โดยสาร ชื่อ สมศรี
ผู้ติดต่อ ชื่อ สมชาย
เจ้าของบัตร ชื่อ สมบัติ
3 คน สามารถชื่อต่างกันได้ทั้งหมด ระบบไม่ได้ห้าม
และการไม่ได้ห้ามผมก็ว่าถูกต้องแล้ว เพราะ มีความเป็นไปได้จริงๆ ที่ทั้ง 3 คนจะชื่อต่างกัน
เช่น คนเดินทางเป็นผู้สูงอายุ / ผู้ติดต่อเป็นลูกสาว / เอาบัตรเครดิตลูกชายรูดจอง
กลับมาที่ประเด็นที่เกิดขึ้นในกระทู้ ผมพอจะสรุปได้ว่า
> ที่ จขกท. บอกว่ากรอกชื่อย่อ ผมเดาว่าคงกรอกใน ข้อ 3. คือ ข้อมูลของผู้โดยสาร
> ที่ จขกท. บอกว่า เอ้อ กดๆ ไปเห็นราคาดี จองซะเลยดีกว่า แล้วกรอกข้อมูลชื่อใหม่แบบเต็มๆ ตอนหลัง
ที่ว่ากรอกเต็มๆ ตอนหลังนี่ ผมเดาว่าเป็นข้อมูลที่ต้องกรอกใน ข้อ 5.1 คือ รายละเอียดการติดต่อ
ซึ่งในตอนแรก จขกท. จะเห็นเป็นตัวย่อตามชื่อผู้โดยสาร (เพราะระบบ Default มาจากชื่อผู้โดยสารท่านแรก)
จขกท. ก็จัดการเปลี่ยนเป็นชื่อเต็มๆ ซะเลย
ซึ่งอย่างที่ผมอธิบายไปแล้วข้างต้น ว่า ข้อมูลของผู้โดยสาร (ข้อ 3.) กับ ข้อมูลรายละเอียดการติดต่อ (ข้อ 5.1)
มันเป็นอิสระต่อกัน กรณีของ จขกท. สมมติชื่อจริง "สมศรี ชมเพลิน" (SOMSRI CHOMPLERN)
กรอกข้อ 3. ว่า S C
กรอกข้อ 5.1 ว่า SOMSRI CHOMPLERN
ระบบ AirAsia ก็จะเห็นว่าผู้โดยสารท่านนี้ ชื่อ S นามสกุล C
ส่วนชื่อผู้ติดต่อที่คุณกรอกเต็มไปว่า ชื่อ SOMSRI นามสกุล CHOMPLERN แต่ไม่ใช่ผู้โดยสารนะครับ เป็นเพียงผู้ติดต่อเท่านั้น
ซึ่งในมุมของระบบ และเจ้าหน้าที่ของ AirAsia
ชื่อผู้โดยที่ระบุว่า ชื่อ "S" ก็คือ "S" ไม่ใช่ "SOMSRI"
นามสกุลผู้โดยสารก็เช่นกัน นามสกุล "C" ก็คือ "C" ไม่ใช่ "CHOMPLERN"
ผู้โดยสารชื่อ S C
ผู้ติดต่อชื่อ SOMSRI CHOMPLERN
เป็นอิสระเอกเทศจากกัน เพราะเป็นคนละตำแหน่งกัน (ผู้โดยสาร vs ผู้ติดต่อ)
เวลาคุณไป Check In ในฐานะผู้โดยสาร สิ่งที่เจ้าหน้าที่สนใจคือ ชื่อผู้โดยสาร ซึ่งในที่นี้ชื่อ S C
ชื่อผู้ติดต่อที่คุณระบุไปชื่อเต็มว่า SOMSRI CHOMPLERN ไม่มีผล เพราะ SOMSRI CHOMPLERN คือผู้ติดต่อ ไม่ใช่ผู้โดยสาร
คุณแสดงบัตรประชาชนว่าชื่อ SOMSRI CHOMPLERN พนักงานไม่ให้ผ่านก็ไม่แปลก
เพราะพนักงานจะเห็นแค่ว่าการจองนี้ผู้โดยสารชื่อ S C
S C กับ SOMSRI CHOMPLERN ไม่ใช่คนๆ เดียวกัน เพราะสะกดไม่เหมือนกันเลย
ที่คุณกล่าวว่า "เพราะถ้าวันนั้นได้มีการเช็คข้อมูลจากหมายเลขบัตรประชาชน และmail ที่ทางบริษัท confirm มาจะเห็นว่าชื่อตรงกับบัตรประชาชน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว และควรจะเปลี่ยนจากชื่อย่อเป็นชื่อเต็มได้ จะเรียกเก็บค่าดำเนินการเพิ่มก็น่าจะดีกว่า"
> เท่าที่ผมดู ไม่มีช่องให้กรอกเลขประจำตัวประชาชน ในระบบจองตั๋วของ AirAsia นะครับ ไม่แน่ใจว่าคุณอ้างถึงเลขประจำตัวประชาชนเพื่ออะไร
> และเรื่องการสะกดชื่อ หรือ ระบุชื่อถูกหรือผิด ผมว่าไม่น่าใช่ความรับผิดชอบของสายการบินนะ มันควรเป็นความรับผิดชอบเต็มๆ ของผู้จองเอง
มนุษย์บนโลกมีตั้งหกพันล้านคน สายการบินเขาจะมารู้ได้ไงว่าชื่อใครสะกดถูก/ผิด
*** แก้ไขข้อความให้อ่านง่ายขึ้น ใจความต่างๆ ยังครบถ้วนคงเดิม ***
สรุปขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
1. เลือกต้นทางและปลายทางที่หน้าแรกของ Website
(ผมทดลองกำหนดเป็นเที่ยวบินในประเทศ)
2. เลือกเที่ยวบินที่ต้องการ
3. กรอกรายละเอียด ผู้โดยสาร ประกอบด้วย
3.1 คำนำหน้าชื่อ
3.2 ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ
3.3 สัญชาติ
3.4 วันเกิด
3.5 Big Shot ID (กรอกหรือไม่กรอกก็ได้)
4. หน้าต่อๆ มาก็จะเป็นการให้เลือกซื้อบริการเสริมต่างๆ
(ขอไม่กล่าวในรายละเอียดเพราะไม่ใช่ประเด็นที่ จขกท. มีปัญหา)
5. มาที่หน้าสุดท้ายที่เป็นหัวข้อ "การชำระเงิน" จะต้องมีการกรอกชื่อคนอีก 2 ขั้นตอน คือ
5.1 รายละเอียดการติดต่อ : ประกอบด้วย
5.1.1 : คำนำหน้าชื่อ
5.1.2 : ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ
5.1.3 : E-Mail
5.1.4 : เบอร์มือถือ
คำนำหน้าชื่อ และ ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ ระบบจะ Default ค่าให้เหมือนกับ 3.1 และ 3.2
แต่ผู้จองมีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นชื่ออะไรก็ได้ ระบบไม่บังคับว่าต้องเหมือนกับ 3.1 และ 3.2 และไม่ต้องเป็นผู้โดยสารก็ได้
พูดง่ายๆ คือ เปลี่ยนได้อิสระเลย เช่น ผู้โดยสารชื่อ "สมศรี" แต่ผู้ติดต่อจะให้ชื่อ "สมชาย" ก็ได้
5.2 วิธีการชำระเงิน
กรณีเลือกจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ต้องกรอกชื่อตามหน้าบัตร ซึ่งจะเป็นบัตรของใครก็ได้อีกเหมือนกัน
สรุป คือ ชื่อที่กรอกใน ข้อ 3 / ข้อ 5.1 / ข้อ 5.2 มีความเป็นอิสระจากกัน ผู้จองจะกรอกอะไรก็ได้
ผู้โดยสาร ชื่อ สมศรี
ผู้ติดต่อ ชื่อ สมชาย
เจ้าของบัตร ชื่อ สมบัติ
3 คน สามารถชื่อต่างกันได้ทั้งหมด ระบบไม่ได้ห้าม
และการไม่ได้ห้ามผมก็ว่าถูกต้องแล้ว เพราะ มีความเป็นไปได้จริงๆ ที่ทั้ง 3 คนจะชื่อต่างกัน
เช่น คนเดินทางเป็นผู้สูงอายุ / ผู้ติดต่อเป็นลูกสาว / เอาบัตรเครดิตลูกชายรูดจอง
กลับมาที่ประเด็นที่เกิดขึ้นในกระทู้ ผมพอจะสรุปได้ว่า
> ที่ จขกท. บอกว่ากรอกชื่อย่อ ผมเดาว่าคงกรอกใน ข้อ 3. คือ ข้อมูลของผู้โดยสาร
> ที่ จขกท. บอกว่า เอ้อ กดๆ ไปเห็นราคาดี จองซะเลยดีกว่า แล้วกรอกข้อมูลชื่อใหม่แบบเต็มๆ ตอนหลัง
ที่ว่ากรอกเต็มๆ ตอนหลังนี่ ผมเดาว่าเป็นข้อมูลที่ต้องกรอกใน ข้อ 5.1 คือ รายละเอียดการติดต่อ
ซึ่งในตอนแรก จขกท. จะเห็นเป็นตัวย่อตามชื่อผู้โดยสาร (เพราะระบบ Default มาจากชื่อผู้โดยสารท่านแรก)
จขกท. ก็จัดการเปลี่ยนเป็นชื่อเต็มๆ ซะเลย
ซึ่งอย่างที่ผมอธิบายไปแล้วข้างต้น ว่า ข้อมูลของผู้โดยสาร (ข้อ 3.) กับ ข้อมูลรายละเอียดการติดต่อ (ข้อ 5.1)
มันเป็นอิสระต่อกัน กรณีของ จขกท. สมมติชื่อจริง "สมศรี ชมเพลิน" (SOMSRI CHOMPLERN)
กรอกข้อ 3. ว่า S C
กรอกข้อ 5.1 ว่า SOMSRI CHOMPLERN
ระบบ AirAsia ก็จะเห็นว่าผู้โดยสารท่านนี้ ชื่อ S นามสกุล C
ส่วนชื่อผู้ติดต่อที่คุณกรอกเต็มไปว่า ชื่อ SOMSRI นามสกุล CHOMPLERN แต่ไม่ใช่ผู้โดยสารนะครับ เป็นเพียงผู้ติดต่อเท่านั้น
ซึ่งในมุมของระบบ และเจ้าหน้าที่ของ AirAsia
ชื่อผู้โดยที่ระบุว่า ชื่อ "S" ก็คือ "S" ไม่ใช่ "SOMSRI"
นามสกุลผู้โดยสารก็เช่นกัน นามสกุล "C" ก็คือ "C" ไม่ใช่ "CHOMPLERN"
ผู้โดยสารชื่อ S C
ผู้ติดต่อชื่อ SOMSRI CHOMPLERN
เป็นอิสระเอกเทศจากกัน เพราะเป็นคนละตำแหน่งกัน (ผู้โดยสาร vs ผู้ติดต่อ)
เวลาคุณไป Check In ในฐานะผู้โดยสาร สิ่งที่เจ้าหน้าที่สนใจคือ ชื่อผู้โดยสาร ซึ่งในที่นี้ชื่อ S C
ชื่อผู้ติดต่อที่คุณระบุไปชื่อเต็มว่า SOMSRI CHOMPLERN ไม่มีผล เพราะ SOMSRI CHOMPLERN คือผู้ติดต่อ ไม่ใช่ผู้โดยสาร
คุณแสดงบัตรประชาชนว่าชื่อ SOMSRI CHOMPLERN พนักงานไม่ให้ผ่านก็ไม่แปลก
เพราะพนักงานจะเห็นแค่ว่าการจองนี้ผู้โดยสารชื่อ S C
S C กับ SOMSRI CHOMPLERN ไม่ใช่คนๆ เดียวกัน เพราะสะกดไม่เหมือนกันเลย
ที่คุณกล่าวว่า "เพราะถ้าวันนั้นได้มีการเช็คข้อมูลจากหมายเลขบัตรประชาชน และmail ที่ทางบริษัท confirm มาจะเห็นว่าชื่อตรงกับบัตรประชาชน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว และควรจะเปลี่ยนจากชื่อย่อเป็นชื่อเต็มได้ จะเรียกเก็บค่าดำเนินการเพิ่มก็น่าจะดีกว่า"
> เท่าที่ผมดู ไม่มีช่องให้กรอกเลขประจำตัวประชาชน ในระบบจองตั๋วของ AirAsia นะครับ ไม่แน่ใจว่าคุณอ้างถึงเลขประจำตัวประชาชนเพื่ออะไร
> และเรื่องการสะกดชื่อ หรือ ระบุชื่อถูกหรือผิด ผมว่าไม่น่าใช่ความรับผิดชอบของสายการบินนะ มันควรเป็นความรับผิดชอบเต็มๆ ของผู้จองเอง
มนุษย์บนโลกมีตั้งหกพันล้านคน สายการบินเขาจะมารู้ได้ไงว่าชื่อใครสะกดถูก/ผิด
*** แก้ไขข้อความให้อ่านง่ายขึ้น ใจความต่างๆ ยังครบถ้วนคงเดิม ***
ความคิดเห็นที่ 58
สรุป ประเด็นกระทู้นี้
> เจ้าหน้าที่ AirAsia ไม่ยอมให้ จขกท. เช็คอิน เพราะชื่อที่ระบุตอนจอง (ตัวย่อ) กับ ชื่อที่อยู่บนบัตรประชาชน ไม่เหมือนกัน
> เจ้าของกระทู้แจ้งว่า ไม่ให้ผ่านได้ไง เพราะตอนจองฉันก็กรอกชื่อเต็มนะ
> เจ้าของกระทู้กรอกชื่อเต็มจริง แต่... ชื่อเต็มนั้นดันไปกรอกในส่วนของ "ผู้ติดต่อ" ไม่ใช่ "ผู้โดยสาร"
ชื่อ "ผู้โดยสาร" ยังคงเป็น "ชื่อตัวย่อ" เหมือนเดิม ตามที่ จขกท. กรอกไว้ในตอนแรก (ตามที่ผมอธิบายไว้ที่ คห.45)
ความเห็นผม
> ต้นเหตุปัญหาของเคสนี้ เกิดจาก ผู้จอง กรอกชื่อผิดเอง
> ซึ่งผมว่าเป็นความผิดของผู้จองเต็มๆ 100% สายการบินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
เพราะโดยหลักการ common sense ทั่วๆ ไป ชื่อตัวเอง ตัวเองก็ต้องรู้ดีที่สุดว่ามันสะกดยังไง
ทำไมสายการบินจะต้องมารับรู้อะไรตรงนี้
> ที่ จขกท. บ่นว่า สายการบินน่าจะมีอะไรมาเตือนหน่อยนะว่า ผู้จองกรอกชื่อแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน
เรื่องนี้ ผมก็ว่าสายการบินไม่ได้ทำอะไรผิดเลยที่ไม่เตือน เพราะระบบมันถูกออกแบบมาว่า ชื่อผู้เกี่ยวข้องแต่ละส่วนทั้ง
ผู้โดยสาร , ผู้ติดต่อ , ผู้จ่ายเงิน สามารถเป็นคนละคนกันได้ (ตามที่ผมอธิบายไว้ที่ คห.45)
ซึ่งผมก็ว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะในชีวิตจริง ทั้ง 3 ส่วน ที่กล่าวมาสามารถเป็นคนละคนกันได้
> ที่ จขกท. บ่นว่า "ราคาค่าตั๋วใหม่รวมจ่ายไป 12,098.10 บาท พร้อมแจ้งว่าของเก่าน่าจะได้คืนแค่ค่าภาษีสนามบิน อันนี้ถือว่าเป็นการปล้นกันชัดๆ"
ที่บอกว่า "เป็นการปล้นกันชัดๆ" AirAsia ไปปล้นคุณตอนไหน เขาไม่ได้บังคับให้คุณจองตั๋วกับเขานะครับ
เงื่อนไขการ Refund ต่างๆ สายการบินมีแจ้งไว้ชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจองตั๋ว
ถ้าคุณอ่านแล้วมันไม่โอเค คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่จองครับ
แต่คุณก็จองไป (จะอ่านหรือไม่อ่านเงื่อนไขก็แล้วแต่) หมายความว่าคุณยอมรับเงื่อนไขนั้นไปแล้วโดยปริยาย
เพราะฉะนั้นอย่ามาโวยทีหลังว่าเขา "ปล้น"
> ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
ผิดพลาดแล้ว ต้องหาก่อนว่าสาเหตุมันเกิดจากใคร
ถ้าหาสาเหตุแล้ว ความผิดเกิดจากคนอื่น คุณจะด่า จะโวย เรียกร้องค่าเสียหาย ไม่แปลก
ถ้าหาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ไปสอบถามให้คนอื่นช่วยหาสาเหตุ อันนี้ก็ไม่แปลก
ถ้าหาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ออกตัวแรงชิงด่า ชิงโวย คนอื่นไปแล้วว่าเขาผิด (ทั้งๆ ที่ ตัวเองนั่นแหละเป็นต้นเหตุ) อันนี้ประหลาดครับ
> เจ้าหน้าที่ AirAsia ไม่ยอมให้ จขกท. เช็คอิน เพราะชื่อที่ระบุตอนจอง (ตัวย่อ) กับ ชื่อที่อยู่บนบัตรประชาชน ไม่เหมือนกัน
> เจ้าของกระทู้แจ้งว่า ไม่ให้ผ่านได้ไง เพราะตอนจองฉันก็กรอกชื่อเต็มนะ
> เจ้าของกระทู้กรอกชื่อเต็มจริง แต่... ชื่อเต็มนั้นดันไปกรอกในส่วนของ "ผู้ติดต่อ" ไม่ใช่ "ผู้โดยสาร"
ชื่อ "ผู้โดยสาร" ยังคงเป็น "ชื่อตัวย่อ" เหมือนเดิม ตามที่ จขกท. กรอกไว้ในตอนแรก (ตามที่ผมอธิบายไว้ที่ คห.45)
ความเห็นผม
> ต้นเหตุปัญหาของเคสนี้ เกิดจาก ผู้จอง กรอกชื่อผิดเอง
> ซึ่งผมว่าเป็นความผิดของผู้จองเต็มๆ 100% สายการบินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
เพราะโดยหลักการ common sense ทั่วๆ ไป ชื่อตัวเอง ตัวเองก็ต้องรู้ดีที่สุดว่ามันสะกดยังไง
ทำไมสายการบินจะต้องมารับรู้อะไรตรงนี้
> ที่ จขกท. บ่นว่า สายการบินน่าจะมีอะไรมาเตือนหน่อยนะว่า ผู้จองกรอกชื่อแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน
เรื่องนี้ ผมก็ว่าสายการบินไม่ได้ทำอะไรผิดเลยที่ไม่เตือน เพราะระบบมันถูกออกแบบมาว่า ชื่อผู้เกี่ยวข้องแต่ละส่วนทั้ง
ผู้โดยสาร , ผู้ติดต่อ , ผู้จ่ายเงิน สามารถเป็นคนละคนกันได้ (ตามที่ผมอธิบายไว้ที่ คห.45)
ซึ่งผมก็ว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะในชีวิตจริง ทั้ง 3 ส่วน ที่กล่าวมาสามารถเป็นคนละคนกันได้
> ที่ จขกท. บ่นว่า "ราคาค่าตั๋วใหม่รวมจ่ายไป 12,098.10 บาท พร้อมแจ้งว่าของเก่าน่าจะได้คืนแค่ค่าภาษีสนามบิน อันนี้ถือว่าเป็นการปล้นกันชัดๆ"
ที่บอกว่า "เป็นการปล้นกันชัดๆ" AirAsia ไปปล้นคุณตอนไหน เขาไม่ได้บังคับให้คุณจองตั๋วกับเขานะครับ
เงื่อนไขการ Refund ต่างๆ สายการบินมีแจ้งไว้ชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจองตั๋ว
ถ้าคุณอ่านแล้วมันไม่โอเค คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่จองครับ
แต่คุณก็จองไป (จะอ่านหรือไม่อ่านเงื่อนไขก็แล้วแต่) หมายความว่าคุณยอมรับเงื่อนไขนั้นไปแล้วโดยปริยาย
เพราะฉะนั้นอย่ามาโวยทีหลังว่าเขา "ปล้น"
> ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
ผิดพลาดแล้ว ต้องหาก่อนว่าสาเหตุมันเกิดจากใคร
ถ้าหาสาเหตุแล้ว ความผิดเกิดจากคนอื่น คุณจะด่า จะโวย เรียกร้องค่าเสียหาย ไม่แปลก
ถ้าหาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ไปสอบถามให้คนอื่นช่วยหาสาเหตุ อันนี้ก็ไม่แปลก
ถ้าหาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ออกตัวแรงชิงด่า ชิงโวย คนอื่นไปแล้วว่าเขาผิด (ทั้งๆ ที่ ตัวเองนั่นแหละเป็นต้นเหตุ) อันนี้ประหลาดครับ
แสดงความคิดเห็น
Air Asia สาบการบิน Low ซึ่งแปลว่าต่ำ
เรียน.ผู้บริหาร airasia
เมื่อ 18/03/2559 เวลา 8.00 น.ได้เดินทางจาก ดอนเมือง ไป ตรัง เที่ยวบิน FD 3241 ได้รับบริการที่แย่มาก กับการจองตั๋วและเดินทางเอง เป็นครั้งแรก ซึ่งจองตั๋ว ทางเวป airasia โดยครั้งแรกเข้าไปทดลองจองเพื่อดูราคา แต่จองเพียงที่นั่งเดียว ก็เลยออกแล้วจองเข้าไปใหม่ เป็นสามที่นั่ง แต่เห็นว่าแพงกว่าการจองที่นั่งเดียว จึงคิดว่าลองจองต่อไปโดยใส่เพียงชื่อย่อ เพื่อที่จะดูราคา(ในขณะที่สายการบินอื่นระบบบังคับให้ใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนตั้งแต่แรก) สุดท้ายเห็นว่าราคาพอรับได้ และไม่อยากเข้าไปทำการจองใหม่ เพราะเกรงว่าราคาจะแพงขึ้นอีก(ตามคำเล่าลือ) เลยดำเนินการต่อไป จนขั้นตอนสุดท้ายระบบ ให้ใส่ ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด จนครบ ดิฉันคิดว่าอันนี้น่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และยืนยันข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ในการจอง และเห็นว่าไม่น่าจะผิดพลาดอะไรเนื่องจาก มีการคีย์ข้อมูลครั้งสุดท้ายให้ครบถ้วนถูกต้อง จึงทำการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต(ซึ่งชื่อในบัตรเครดิตที่ชำระก็ตรงกับชื่อผู้จอง) เป็นจำนวน 5,382.90 บาท และได้รับ mail confirm เรียบร้อยแล้ว พอมาเช็คอินที่เค้าท์เตอร์ ได้รับการปฎิเสธ เนื่องจากชื่อไม่ตรงกับบัตร ดิฉันแจ้งว่าได้คีย์ครบถ้วนแล้ว และให้ตรวจสอบจากหมายเลขบัตรประชาชนดูได้ว่ามีการจองเข้ามาจริง แต่พนักงานปฎิเสธอย่างเดียวว่าต้องซื่อตั๋วใหม่ แก้ไขไม่ได้ ไม่สามารถพิสูจน์ได้(ซึ่งในความเป็นจริงถ้าดูจากชื่อ-นามสุกล เพียงอย่างเดียว คงมีคนชื่อและนามสกุลเดียวกันเยอะแยะ เช่น สมชาย แซ่ลิ้ม ถ้าไม่ดูจากหมายเลขบัตรประชาชน จะทราบได้อย่างไรว่าใครเป็นใคร) ราคาค่าตั๋วใหม่รวมจ่ายไป 12,098.10 บาท พร้อมแจ้งว่าของเก่าน่าจะได้คืนแค่ค่าภาษีสนามบิน อันนี้ถือว่าเป็นการปล้นกันชัดๆ เป็นการไม่ชัดเจนของระบบ ควรมีการแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบว่าต้องคีย์ข้อมูลให้ตรงกับบัตรประชาชนเท่านั้น เพราะถ้าระบบไม่ยอมให้ใช้ชื่อย่อ ระบบก็น่าจะฟ้องว่าข้อมูลจากการคีย์ทั้งสองครั้งไม่ตรงกัน(นี่คือหลุมพรางที่บริษัททำไว้ให้ลูกค้าพลาด เพื่อที่จะกินเงินจากลูกค้าฟรีๆ ใช่หรือไม่) ไม่ใช่เก็บเงินไปแล้วไม่สนใจจะดำเนินการแก้ไขใดๆทั้งสิ้น เพราะถ้าวันนั้นได้มีการเช็คข้อมูลจากหมายเลขบัตรประชาชน และmail ที่ทางบริษัท confirm มาจะเห็นว่าชื่อตรงกับบัตรประชาชน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว และควรจะเปลี่ยนจากชื่อย่อเป็นชื่อเต็มได้ จะเรียกเก็บค่าดำเนินการเพิ่มก็น่าจะดีกว่า ให้วิ่งวุ่นไปซื้อบัตรใหม่ พอไปถึงเค้าท์เตอร์ขายบัตรพนักงานขายบัตรแจ้งตั๋วเต็ม ดิฉันยืนยันว่าต้องมีที่ว่างอย่างน้อย 3 ที่ เพราะได้จองเข้ามาแล้ว พร้อมกับซื้อที่นั่งซึ่งบวกไปกับค่าตั๋วแล้วด้วย(พอแจ้งแบบนี้ทำไมถึงยอมขายได้ที่นั่งเดิมด้วย ในขณะที่เค้าท์เตอร์เช็คอินบอกพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นตัวจริง) เนื่องด้วยวันนั้นจำเป็นต้องเดินทางไปตรัง เที่ยวบินนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและด้วยมีเวลาที่จำกัด (ถ้าตกเครื่อง คงต้องเรียกร้องให้ถึงที่สุดแน่)เลยจำเป็นต้องยอมซื้อตั๋วใหม่ ไปฟรีๆก่อน ควรมีการแก้ไขปัญหาให้ดีกว่านี้ไม่ใช่ทำไม่ได้เพียงอย่างเดียว เสียทั้งเวลาและความรู้สึก แต่ในครั้งนี้ขอชื่นชม พนักต้อนรับบนเครื่อง ขณะที่ทำการแจกอาหาร ก็ขอดูตั๋ว เห็นว่าเลขที่ Booking ไม่ตรงกัน จึงสอบถามว่าเพราะอะไร ดิฉันแจ้งว่าซื้อตั๋วใหม่ ชื่อไม่ตรงกับบัตร น้องขอดูเอกสารแล้วแจ้งว่าชื่อใน Travel Itinerary ตรงกับตั๋ว รีบแก้ปัญหาให้โดยการขอปรึกษากับทางผู้ใหญ่ก่อน(ซึ่งดิฉันคิดว่าน่าจะไม่ได้อาหารแน่นอน เพราะตั๋วยังต้องซื้อใหม่เลยทำใจไว้แล้ว) จากนั้นน้องแจ้งว่ายินดีแจกอาหารให้กับดิฉัน แต่ขอเก็บเอกสาร Travel Itinerary เอาไว้เพื่อยืนยัน ดิฉันเห็นว่าไม่อยากให้น้องเดือดร้อน และอาจจะเป็นข้อโต้แย้งในการทำเรื่องขอคืนเงินจึงขอไม่รับอาหาร น้องก็แจ้งว่าจะช่วยแจ้งเรื่องให้กับบริษัททราบอีกทางหนึ่ง อันนี้ขอชื่นชม ว่ามีความจริงใจในการให้บริการ อย่างน้อยได้มีการพยายามแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการพิจารณาคืนเงินค่าตั๋วใหม่ทั้งหมด โดยดิฉันยินยอมที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงชื่อให้กับทางบริษัท(เสียค่าโง่)
**ข้อเสนอแนะ ขอให้มีการแจ้งเตือนที่ดีกว่านี้ เพื่อที่ลูกค้าท่านอื่นจะได้ไม่เป็นเหยื่อให้กับบริษัทเป็นรายต่อไป และถ้าบริษัทสงสัยว่าลูกค้าจะดำเนินการผิดควรรีบติดต่อกลับไปหาลูกค้า โดยการส่ง SMS จะดีกว่าการส่ง Mail เพราะถ้าเป็นบุคคลปกติทั่วไป มั่นใจได้เลยว่าไม่มีใครเปิด Mail อ่านทุกวัน(ในขณะที่สายการบินอื่น ส่ง SMS ให้ลูกค้าเป็นระยะ)