ตอนที่ 4
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ร่างผอมโซของโหน่งชายจรจัดวัยกลางคน เดินตามหลังชายแก่คนหนึ่งขึ้นไปบนตึกร้างสามชั้นเก่าโทรมในเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ตึกแห่งนี้ถูกไฟไหม้และร้างมานานรอวันรื้อถอน ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้บริเวณนี้เพราะร่ำลือกันว่าเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณเฮี้ยน ซึ่งผีก็คงพเนจรมาเจอว่าเหมาะเลยเข้าพักอาศัย ส่วนความเฮี้ยนนั้น เล่าต่อ ๆ กันว่าบางทีก็เห็นเป็นเด็ก บางทีเห็นเป็นผู้หญิงและคนแก่
คงเหมือนคนจรจัดแบบเขาที่ต้องเร่ร่อนหาที่นอนไปเรื่อย ๆ เที่ยวอาศัยนอนตามข้างทาง บางทีหานอนใต้ชายคาตึกใหญ่ ตามสวนสาธารณะ คืนไหนดวงซวยก็ถูกยามหรือเจ้าของตึกไล่ให้ไปนอนที่อื่นราวหมูหมา คืนไหนโชคดีหน่อยก็พอได้หลับเต็มตา
อย่างในคืนนี้เห็นทีโชคดีคงมาเยือน เพราะขณะที่ชายจรจัดกำลังเล็งหาที่ลับตาคนเอนตัวหลับนอนในสวนสาธารณะ จู่ ๆ ชายแก่แต่งตัวดี ท่าทีเป็นคนมีเงินคนนี้ก็เข้ามากระซิบบอกเขาว่า นอกจากอาหารและที่นอนดี ๆ ยังมีสาวสวยรออยู่บนชั้นสามของตึกเก่าหลังนี้ ถ้าหากสนใจก็ให้ตามมา
คำว่าสาวสวยทำให้โหน่งตาลุก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสรสกาเม มันนานเสียจนโหน่งจำไม่ได้ ครั้งสุดท้ายดูเหมือนได้รับความอนุเคราะห์จากนางบังเงาคนหนึ่งซึ่งเมาแอ๋ หล่อนยอมลดราคาให้เหลือเพียงแลกกับเจ้ายาสุดหรรษาเม็ดเดียวที่โหน่งบังเอิญมีไว้ในครอบครอง แต่คืนนี้ตาลุงแก่ท่าทางเงียบขรึมบอกเอาไว้ว่า เขากำลังจะมีลาภลอยก้อนใหญ่ เพราะนอกจากได้แสดงหนังสดกับสาวสวยให้คนแก่ตัณหากลับถ่ายวีดีโอเก็บไว้ดูเล่น เพื่อกระตุ้นกำหนัดชายชราให้ซาบซ่าแล้ว ชายแก่สัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะให้ค่าเหนื่อยเขาอีกหลายพัน ชายจรจัดนึกกระหยิ่มขณะเดินตามชายชราขึ้นตึกร้างหลังนั้นไปต้อย ๆ
พอขึ้นมาถึงชั้นบนสุดซึ่งรอบด้านเป็นกำแพงปรักหักพัง หลังคาโหว่ไปกว่าครึ่ง ชายชราพาเขาเข้าไปในห้องที่บานประตูและบานหน้าต่างหายเกลี้ยง เหลือเพียงช่องประตูกับหน้าต่างโล่ง ๆ ช่องหน้าต่างด้านหนึ่งมีแผ่นไม้ตอกตะปุปิดทับเอาไว้ห่าง ๆ จึงจัดว่ามิดชิดกว่าห้องอื่น เมื่อชายแก่พาเขาเดินเข้ามาถึงในห้อง โหน่งก็ต้องตะลึงมองร่าง ๆ หนึ่งที่ยืนรออยู่...
ชายจรจัดหยุดกึก ก่อนยกมือขึ้นขยี้ตาให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด ร่างสาวน้อยในชุดเสื้อกระโปรงสีหวานตรงหน้างดงามราวเทพธิดา ใบหน้าผุดผ่องเหลียวมามอง สายตาในดวงตากลมโตสุกใสเจิดจรัสแม้ยามอยู่ในเวลาอาทิตย์อัสดงแฝงแววยินดี
เมื่อเธอเยื้องย่างเข้ามาใกล้ ชายพเนจรได้กลิ่นหอมราวกลิ่นดอกไม้ระเหยออกมาจากร่างงาม หนุ่มไร้บ้านยังคงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก...จนเธอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มให้ โหน่งสาบานว่ามันเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานน่ารักที่สุดในโลก มือน้อยข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือหนาหยาบกร้านของเขาเอาไว้ อีกข้างสอดโอบเข้ารอบลำคอ ก่อนโน้มใบหน้าหนุ่มพเนจรให้ก้มต่ำลง โหน่งจ้องเข้าไปในดวงตาแวววาวเป็นประกายอย่างตื่นใจ ก่อนเผยอริมฝีปากหนารอรสจูบจากสาวน้อย
ทันใดนั้น ร่างของชายเร่ร่อนถูกรวบกอดจากทางด้านหลัง ลำตัวของเขาราวโดนบีบรัดด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลจนกระดิกตัวไม่ได้ มือเรียวที่สอดโอบรอบลำคอกระชากใบหน้าของเขาให้โน้มต่ำลงอีก โหน่งเห็นคาตาว่าแม่สาวตรงหน้าบัดนี้ได้กลายร่างเป็นผีดิบ หล่อนอ้าปากเห็นเขี้ยวยาวแหลมคมสองมุมปาก ดวงตาแวววาวดำขลับเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานดุจแสงเพลิง สาวแวมไพร์แยกเขี้ยวแสยะ ก่อนเอียงหน้าซุกเข้าที่ซอกคอของชายจรจัด หนุ่มเคราะห์ร้ายตาเหลือก เมื่อฉับพลันเขารู้สึกถึงเขี้ยวแหลมคมกัดแทงทะลุผิวเนื้อ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจนเนื้อกายสั่นเทิ้ม โหน่งอ้าปากร้องโหยหวน แต่เสียงร้องของเขาถูกอุ้งมือเธอตะปบปิดเอาไว้ทันใด ชายเคราะห์ร้ายดิ้นอึกอัก พยายามเตะถีบให้ตัวเองหลุดพ้นจากชะตากรรมสยอง แต่สองขากลับอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว สายเลือดตรงลำคอถูกดูดดื่มหนักหน่วงและมันได้ดูดเอาพละกำลังของเขาหายออกไปด้วย แต่ชายจรจัดยังฮึดสู้ ดิ้นรนจนสุดแรง
ฉับพลัน เงาร่างบุรุษผู้หนึ่งทะยานลงมาจากช่องโหว่ของหลังคาตึก ร่างลึกลับทิ้งตัวลงมายืนจังก้าตรงหน้า ก่อนกระโจนเข้าหากลุ่มคนที่กำลังชุลมุนกันอยู่
โหน่งรู้สึกว่าแรงบีบรัดคลายลงจากความตกใจของคนที่กอดรัดร่างเขาเอาไว้ และเขี้ยวคมถูกถอนออกจากลำคอกะทันหันเพราะเจ้าของคมเขี้ยวหันขวับไปทางผู้บุกรุก วินาทีแห่งชีวิต ชายพเนจรรีบถือโอกาสนั้นสะบัดตัวหลุดจากการควบคุม ร่างผอมหงายหลังผลึ่งลง ก่อนรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น พอยันตัวยืนได้มั่น โหน่งก็รีบโกยอ้าวออกจากที่ตรงนั้นทันที
ร่างชราโผนเข้ากั้น หวังขวางเหยื่อไว้ไม่ให้หนีรอด แต่อีกร่างของผู้มาใหม่ปราดตามติด มือแข็งแรงคว้าหัวไหล่ของชายชราซึ่งก็คือดอกเตอร์สมานพ่อของพลอยนั่นเอง ชายลึกลับออกแรงกระชากให้ชายแก่หันร่างกลับมา สมานเหวี่ยงท่อนแขนข้างนั้นเข้าใส่ทันควัน แรงกระแทกจากท่อนแขนกระทบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง ส่งผลให้หน้านั้นผงะหงายไปด้านหลัง แต่มือเหนียวเป็นตุ๊กแกก็ยังไม่ยอมปล่อยให้หัวไหล่ของดอกเตอร์ชราเป็นอิสระ เมื่ออีกฝ่ายเข้าคลุกวงใน สมานจึงจำต้องหันมาพันตูกับเจ้าของร่างลึกลับ จนต้องปล่อยให้เหยื่อคมเขี้ยวหลุดรอดวิ่งหนีไปจนได้ ชายชราทว่ามีพละกำลังมากมายผิดมนุษย์ ใช้สองมือผลักร่างผู้บุกรุกให้ถอยออก ก่อนยกเท้ายันโครมเต็มแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นออกห่าง ครั้นแล้วสมานจึงมองเห็นหน้าคนที่เข้ามาขวางทางเต็มตา
“เดวิด”
ชายชราอุทานเรียกชื่อบุรุษตรงหน้าออกมาอย่างคาดไม่ถึง ร่างชายที่ชื่อเดวิดเป็นชาวเอเชียวัยกลางคน ร่างสันทัดอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงสีดำสนิทตัดกับผิวขาวเผือดซึด ดวงตาเรียวเล็กบนใบหน้าสี่เหลี่ยมเขม้นมองมา พลางแสยะยิ้มให้
“ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง ลุงฉี”
“นายมาได้ยังไง”
“ไม่น่าถาม แล้วลุงล่ะ มาได้ยังไง”
เดวิดตอบยียวน สายตาคมเหมือนตาเหยี่ยวจ้องมองมาอย่างประสงค์ร้าย
“อ้อ อันที่จริงผมตามกลิ่นเธอมา”
เขาเอียงศีรษะไปอีกด้านทางร่างของเด็กสาวที่ยังมีคราบเลือดเลอะเปรอะริมฝีปากยืนอยู่
“ทางใครทางมัน แกหลีกไปซะ”
สมานหรือลุงฉี ซึ่งอีกชื่อหนึ่งคือเหลียงฉี หัวหน้าสถาบันวิจัยพันธุ์มนุษย์ประหลาดขององค์กรลับปกป้องมนุษยชาติจากภัยคุกคามเหนือคำอธิบาย แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกห้วน ๆ
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอลุง ผมได้แค่เศษเพชรกับเงินอีกนิดหน่อย ส่วนลุงได้เพชรล้ำค่า แถมยังพาชิงชิงหนีมาด้วย ยุติธรรมกับผมหน่อยสิครับลุงฉี”
“แกได้เพชรส่วนใหญ่ไปตามข้อตกลง ฉันแบ่งมานิดหน่อยกับเพชรพิงก์ เลดี้ สตาร์ เม็ดเดียวเท่านั้น ส่วนชิงชิง...นึกว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนระหว่างพ่อแกกับฉันสักครั้งได้ไหม”
เหลียงฉีพูดถึงโคตรเพชรน้ำงามทรงอัลมอนด์สีชมพูจาง เม็ดใหญ่ขนาดเท่าหัวแม่มือคนตัวโต ๆ มูลค่าประมาณไม่ได้ ซึ่งมันเคยเป็นสมบัติบรรพบุรุษของชิงชิง หรือชื่อใหม่ในไทยคือเพียงพลอย ที่เขาแอบนำมันหลบหนีมาไทยพร้อมกับเด็กสาวเจ้าของเพชรเมื่อสองปีที่แล้ว
เดวิดหรือชื่อจีนคือหลี่จิ้ง หนึ่งในคณะทำงานของสถาบันวิจัยมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาด ซึ่งรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อคราวสถาบันวิจัยขององค์กรลับที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะเร้นลับแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซียเกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดรุนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุคราวนั้นทำให้สถาบันวิจัยแหลกเป็นจุณภายในพริบตา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนของสถาบันอยู่ในนั้น พวกเขาเสียชีวิตทั้งหมดพร้อมมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาดที่ค้นพบ ไม่มีใครระแคะระคายว่าหัวหน้าสถาบันวิจัยเหลียงฉีกับผู้ช่วยของเขาอีกหนึ่งคนได้ลักลอบนำมนุษย์ประหลาดชื่อชิงชิงหลบหนีออกมาก่อนเกิดเหตุระเบิด และผู้ช่วยคนนั้นของเขาก็คือดอกเตอร์หลี่จิ้ง
หลี่จิ้งเป็นลูกชายคนเดียวของดอกเตอร์หลี่เว่ย ซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมงานและเพื่อนสนิทของเหลียงฉี เขาเสียชีวิตที่สถาบันแห่งนี้เช่นกัน ต่างกันแต่ว่าหลี่เว่ยไม่ได้ตายจากเหตุระเบิด แต่เขาถูกชิงชิงฆ่าตาย
เรื่องราวก่อนหน้านั้นมีอยู่ว่า...ชิงชิง คือสาวน้อยแสนสวยที่เป็นหญิงมีลักษณะพิเศษ ผิวกายเธอหอมกรุ่นราวกลิ่นดอกไม้ หากชายใดได้อยู่ใกล้มักทำให้เกิดปั่นป่วนรัญจวนใจราวต้องมนต์เสน่ห์ เธอถูกพบโดยบังเอิญในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อหมู่บ้านมู่เฟิงซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก เมื่อคราวเหลียงฉีกับหลี่เว่ยหลงป่าจนพลัดหลงเข้าไปลึกถึงใจกลางเกาะที่หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ นักวิจัยทั้งสองพบเรื่องราวประหลาดมากมาย เริ่มจากผู้คนในหมู่บ้านพูดภาษาจีนสมัยราชวงศ์ฉินที่ทั้งคู่แทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยิน แถมยังยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีจีนโบราณอย่างเคร่งครัด
ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องหญิงสาวได้กินยาอายุวัฒนะ "เซียนจือ" (ตำรายาเทวดา หรือยาอายุวัฒนะ) ของเซียน ซิ่ว ชาวบ้านที่มีเพียงไม่ถึงร้อยคนต่างนับถือบูชาเธอราวเทพเจ้า พวกเขาเชื่อว่าเธอคือบุตรสาวของเซียนเพราะเธอไม่แก่เฒ่า ของวิเศษนี้ขบวนเรือหมอหลวงราชวงศ์ฉินหาจนพบ แต่ไม่สามารถนำไปถวายองค์จักรพรรดิจิ๋นซีได้ เพราะขบวนเรือเจอพายุและล่มลงกลางทะเลลึกเสียก่อน เหลือรอดเพียงลำเดียวเท่านั้น คือลำที่บิดาของชิงชิงซึ่งเป็นหัวหน้าคณะพร้อมลูกเรือเต็มลำโดยสารมา แต่เรือก็เสียหายและถูกคลื่นซัดมาติดค้างอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ชิงชิงสูญเสียบิดาไปในเกลียวคลื่นรุนแรง ชาวเรือที่เหลือรอดเกรงพระราชอาญาขององค์ฮ่องเต้ ที่ไม่สามารถนำยาอายุวัฒนะกลับไปถวายได้ จึงพากันตัดสินใจตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ครั้นเวลาล่วงเลยเป็นพัน ๆ ปี ผู้คนบนเกาะบ้างก็ถือกำเนิดเด็กทารก บ้างก็พากันล้มหายตายจาก...ยกเว้นชิงชิง หญิงสาวผู้ถูกรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ตามคำสั่งของบิดา และเธอไม่เคยแก่เฒ่า
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราว ประกอบกับการหว่านล้อมล่อหลอกผู้คนในหมู่บ้านด้วยอุปกรณ์และวิทยาการสมัยใหม่ กระทั่งชาวบ้านหลงเชื่อว่าชายทั้งสองต่างเป็นเทพเจ้าเหมือนชิงชิง จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าถึงตัวหญิงสาวแสนมหัศจรรย์คนนี้ได้ ครั้นเมื่อพบปะพูดคุยกัน ทั้งสองจึงทราบเรื่องของชิงชิงกับบิดาอย่างละเอียด และในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถเกลี้ยกล่อมทั้งชาวบ้านและชิงชิง พาตัวสาวน้อยมหัศจรรย์มายังสถาบันวิจัยแห่งนี้จนได้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
เสน่หาอำมหิต...มฤตยูยอดรัก ตอนที่ 4
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ร่างผอมโซของโหน่งชายจรจัดวัยกลางคน เดินตามหลังชายแก่คนหนึ่งขึ้นไปบนตึกร้างสามชั้นเก่าโทรมในเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ตึกแห่งนี้ถูกไฟไหม้และร้างมานานรอวันรื้อถอน ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้บริเวณนี้เพราะร่ำลือกันว่าเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณเฮี้ยน ซึ่งผีก็คงพเนจรมาเจอว่าเหมาะเลยเข้าพักอาศัย ส่วนความเฮี้ยนนั้น เล่าต่อ ๆ กันว่าบางทีก็เห็นเป็นเด็ก บางทีเห็นเป็นผู้หญิงและคนแก่
คงเหมือนคนจรจัดแบบเขาที่ต้องเร่ร่อนหาที่นอนไปเรื่อย ๆ เที่ยวอาศัยนอนตามข้างทาง บางทีหานอนใต้ชายคาตึกใหญ่ ตามสวนสาธารณะ คืนไหนดวงซวยก็ถูกยามหรือเจ้าของตึกไล่ให้ไปนอนที่อื่นราวหมูหมา คืนไหนโชคดีหน่อยก็พอได้หลับเต็มตา
อย่างในคืนนี้เห็นทีโชคดีคงมาเยือน เพราะขณะที่ชายจรจัดกำลังเล็งหาที่ลับตาคนเอนตัวหลับนอนในสวนสาธารณะ จู่ ๆ ชายแก่แต่งตัวดี ท่าทีเป็นคนมีเงินคนนี้ก็เข้ามากระซิบบอกเขาว่า นอกจากอาหารและที่นอนดี ๆ ยังมีสาวสวยรออยู่บนชั้นสามของตึกเก่าหลังนี้ ถ้าหากสนใจก็ให้ตามมา
คำว่าสาวสวยทำให้โหน่งตาลุก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสรสกาเม มันนานเสียจนโหน่งจำไม่ได้ ครั้งสุดท้ายดูเหมือนได้รับความอนุเคราะห์จากนางบังเงาคนหนึ่งซึ่งเมาแอ๋ หล่อนยอมลดราคาให้เหลือเพียงแลกกับเจ้ายาสุดหรรษาเม็ดเดียวที่โหน่งบังเอิญมีไว้ในครอบครอง แต่คืนนี้ตาลุงแก่ท่าทางเงียบขรึมบอกเอาไว้ว่า เขากำลังจะมีลาภลอยก้อนใหญ่ เพราะนอกจากได้แสดงหนังสดกับสาวสวยให้คนแก่ตัณหากลับถ่ายวีดีโอเก็บไว้ดูเล่น เพื่อกระตุ้นกำหนัดชายชราให้ซาบซ่าแล้ว ชายแก่สัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะให้ค่าเหนื่อยเขาอีกหลายพัน ชายจรจัดนึกกระหยิ่มขณะเดินตามชายชราขึ้นตึกร้างหลังนั้นไปต้อย ๆ
พอขึ้นมาถึงชั้นบนสุดซึ่งรอบด้านเป็นกำแพงปรักหักพัง หลังคาโหว่ไปกว่าครึ่ง ชายชราพาเขาเข้าไปในห้องที่บานประตูและบานหน้าต่างหายเกลี้ยง เหลือเพียงช่องประตูกับหน้าต่างโล่ง ๆ ช่องหน้าต่างด้านหนึ่งมีแผ่นไม้ตอกตะปุปิดทับเอาไว้ห่าง ๆ จึงจัดว่ามิดชิดกว่าห้องอื่น เมื่อชายแก่พาเขาเดินเข้ามาถึงในห้อง โหน่งก็ต้องตะลึงมองร่าง ๆ หนึ่งที่ยืนรออยู่...
ชายจรจัดหยุดกึก ก่อนยกมือขึ้นขยี้ตาให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด ร่างสาวน้อยในชุดเสื้อกระโปรงสีหวานตรงหน้างดงามราวเทพธิดา ใบหน้าผุดผ่องเหลียวมามอง สายตาในดวงตากลมโตสุกใสเจิดจรัสแม้ยามอยู่ในเวลาอาทิตย์อัสดงแฝงแววยินดี
เมื่อเธอเยื้องย่างเข้ามาใกล้ ชายพเนจรได้กลิ่นหอมราวกลิ่นดอกไม้ระเหยออกมาจากร่างงาม หนุ่มไร้บ้านยังคงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก...จนเธอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มให้ โหน่งสาบานว่ามันเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานน่ารักที่สุดในโลก มือน้อยข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือหนาหยาบกร้านของเขาเอาไว้ อีกข้างสอดโอบเข้ารอบลำคอ ก่อนโน้มใบหน้าหนุ่มพเนจรให้ก้มต่ำลง โหน่งจ้องเข้าไปในดวงตาแวววาวเป็นประกายอย่างตื่นใจ ก่อนเผยอริมฝีปากหนารอรสจูบจากสาวน้อย
ทันใดนั้น ร่างของชายเร่ร่อนถูกรวบกอดจากทางด้านหลัง ลำตัวของเขาราวโดนบีบรัดด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลจนกระดิกตัวไม่ได้ มือเรียวที่สอดโอบรอบลำคอกระชากใบหน้าของเขาให้โน้มต่ำลงอีก โหน่งเห็นคาตาว่าแม่สาวตรงหน้าบัดนี้ได้กลายร่างเป็นผีดิบ หล่อนอ้าปากเห็นเขี้ยวยาวแหลมคมสองมุมปาก ดวงตาแวววาวดำขลับเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานดุจแสงเพลิง สาวแวมไพร์แยกเขี้ยวแสยะ ก่อนเอียงหน้าซุกเข้าที่ซอกคอของชายจรจัด หนุ่มเคราะห์ร้ายตาเหลือก เมื่อฉับพลันเขารู้สึกถึงเขี้ยวแหลมคมกัดแทงทะลุผิวเนื้อ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจนเนื้อกายสั่นเทิ้ม โหน่งอ้าปากร้องโหยหวน แต่เสียงร้องของเขาถูกอุ้งมือเธอตะปบปิดเอาไว้ทันใด ชายเคราะห์ร้ายดิ้นอึกอัก พยายามเตะถีบให้ตัวเองหลุดพ้นจากชะตากรรมสยอง แต่สองขากลับอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว สายเลือดตรงลำคอถูกดูดดื่มหนักหน่วงและมันได้ดูดเอาพละกำลังของเขาหายออกไปด้วย แต่ชายจรจัดยังฮึดสู้ ดิ้นรนจนสุดแรง
ฉับพลัน เงาร่างบุรุษผู้หนึ่งทะยานลงมาจากช่องโหว่ของหลังคาตึก ร่างลึกลับทิ้งตัวลงมายืนจังก้าตรงหน้า ก่อนกระโจนเข้าหากลุ่มคนที่กำลังชุลมุนกันอยู่
โหน่งรู้สึกว่าแรงบีบรัดคลายลงจากความตกใจของคนที่กอดรัดร่างเขาเอาไว้ และเขี้ยวคมถูกถอนออกจากลำคอกะทันหันเพราะเจ้าของคมเขี้ยวหันขวับไปทางผู้บุกรุก วินาทีแห่งชีวิต ชายพเนจรรีบถือโอกาสนั้นสะบัดตัวหลุดจากการควบคุม ร่างผอมหงายหลังผลึ่งลง ก่อนรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น พอยันตัวยืนได้มั่น โหน่งก็รีบโกยอ้าวออกจากที่ตรงนั้นทันที
ร่างชราโผนเข้ากั้น หวังขวางเหยื่อไว้ไม่ให้หนีรอด แต่อีกร่างของผู้มาใหม่ปราดตามติด มือแข็งแรงคว้าหัวไหล่ของชายชราซึ่งก็คือดอกเตอร์สมานพ่อของพลอยนั่นเอง ชายลึกลับออกแรงกระชากให้ชายแก่หันร่างกลับมา สมานเหวี่ยงท่อนแขนข้างนั้นเข้าใส่ทันควัน แรงกระแทกจากท่อนแขนกระทบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง ส่งผลให้หน้านั้นผงะหงายไปด้านหลัง แต่มือเหนียวเป็นตุ๊กแกก็ยังไม่ยอมปล่อยให้หัวไหล่ของดอกเตอร์ชราเป็นอิสระ เมื่ออีกฝ่ายเข้าคลุกวงใน สมานจึงจำต้องหันมาพันตูกับเจ้าของร่างลึกลับ จนต้องปล่อยให้เหยื่อคมเขี้ยวหลุดรอดวิ่งหนีไปจนได้ ชายชราทว่ามีพละกำลังมากมายผิดมนุษย์ ใช้สองมือผลักร่างผู้บุกรุกให้ถอยออก ก่อนยกเท้ายันโครมเต็มแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นออกห่าง ครั้นแล้วสมานจึงมองเห็นหน้าคนที่เข้ามาขวางทางเต็มตา
“เดวิด”
ชายชราอุทานเรียกชื่อบุรุษตรงหน้าออกมาอย่างคาดไม่ถึง ร่างชายที่ชื่อเดวิดเป็นชาวเอเชียวัยกลางคน ร่างสันทัดอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงสีดำสนิทตัดกับผิวขาวเผือดซึด ดวงตาเรียวเล็กบนใบหน้าสี่เหลี่ยมเขม้นมองมา พลางแสยะยิ้มให้
“ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง ลุงฉี”
“นายมาได้ยังไง”
“ไม่น่าถาม แล้วลุงล่ะ มาได้ยังไง”
เดวิดตอบยียวน สายตาคมเหมือนตาเหยี่ยวจ้องมองมาอย่างประสงค์ร้าย
“อ้อ อันที่จริงผมตามกลิ่นเธอมา”
เขาเอียงศีรษะไปอีกด้านทางร่างของเด็กสาวที่ยังมีคราบเลือดเลอะเปรอะริมฝีปากยืนอยู่
“ทางใครทางมัน แกหลีกไปซะ”
สมานหรือลุงฉี ซึ่งอีกชื่อหนึ่งคือเหลียงฉี หัวหน้าสถาบันวิจัยพันธุ์มนุษย์ประหลาดขององค์กรลับปกป้องมนุษยชาติจากภัยคุกคามเหนือคำอธิบาย แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกห้วน ๆ
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอลุง ผมได้แค่เศษเพชรกับเงินอีกนิดหน่อย ส่วนลุงได้เพชรล้ำค่า แถมยังพาชิงชิงหนีมาด้วย ยุติธรรมกับผมหน่อยสิครับลุงฉี”
“แกได้เพชรส่วนใหญ่ไปตามข้อตกลง ฉันแบ่งมานิดหน่อยกับเพชรพิงก์ เลดี้ สตาร์ เม็ดเดียวเท่านั้น ส่วนชิงชิง...นึกว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนระหว่างพ่อแกกับฉันสักครั้งได้ไหม”
เหลียงฉีพูดถึงโคตรเพชรน้ำงามทรงอัลมอนด์สีชมพูจาง เม็ดใหญ่ขนาดเท่าหัวแม่มือคนตัวโต ๆ มูลค่าประมาณไม่ได้ ซึ่งมันเคยเป็นสมบัติบรรพบุรุษของชิงชิง หรือชื่อใหม่ในไทยคือเพียงพลอย ที่เขาแอบนำมันหลบหนีมาไทยพร้อมกับเด็กสาวเจ้าของเพชรเมื่อสองปีที่แล้ว
เดวิดหรือชื่อจีนคือหลี่จิ้ง หนึ่งในคณะทำงานของสถาบันวิจัยมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาด ซึ่งรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อคราวสถาบันวิจัยขององค์กรลับที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะเร้นลับแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซียเกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดรุนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุคราวนั้นทำให้สถาบันวิจัยแหลกเป็นจุณภายในพริบตา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนของสถาบันอยู่ในนั้น พวกเขาเสียชีวิตทั้งหมดพร้อมมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาดที่ค้นพบ ไม่มีใครระแคะระคายว่าหัวหน้าสถาบันวิจัยเหลียงฉีกับผู้ช่วยของเขาอีกหนึ่งคนได้ลักลอบนำมนุษย์ประหลาดชื่อชิงชิงหลบหนีออกมาก่อนเกิดเหตุระเบิด และผู้ช่วยคนนั้นของเขาก็คือดอกเตอร์หลี่จิ้ง
หลี่จิ้งเป็นลูกชายคนเดียวของดอกเตอร์หลี่เว่ย ซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมงานและเพื่อนสนิทของเหลียงฉี เขาเสียชีวิตที่สถาบันแห่งนี้เช่นกัน ต่างกันแต่ว่าหลี่เว่ยไม่ได้ตายจากเหตุระเบิด แต่เขาถูกชิงชิงฆ่าตาย
เรื่องราวก่อนหน้านั้นมีอยู่ว่า...ชิงชิง คือสาวน้อยแสนสวยที่เป็นหญิงมีลักษณะพิเศษ ผิวกายเธอหอมกรุ่นราวกลิ่นดอกไม้ หากชายใดได้อยู่ใกล้มักทำให้เกิดปั่นป่วนรัญจวนใจราวต้องมนต์เสน่ห์ เธอถูกพบโดยบังเอิญในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อหมู่บ้านมู่เฟิงซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก เมื่อคราวเหลียงฉีกับหลี่เว่ยหลงป่าจนพลัดหลงเข้าไปลึกถึงใจกลางเกาะที่หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ นักวิจัยทั้งสองพบเรื่องราวประหลาดมากมาย เริ่มจากผู้คนในหมู่บ้านพูดภาษาจีนสมัยราชวงศ์ฉินที่ทั้งคู่แทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยิน แถมยังยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีจีนโบราณอย่างเคร่งครัด
ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องหญิงสาวได้กินยาอายุวัฒนะ "เซียนจือ" (ตำรายาเทวดา หรือยาอายุวัฒนะ) ของเซียน ซิ่ว ชาวบ้านที่มีเพียงไม่ถึงร้อยคนต่างนับถือบูชาเธอราวเทพเจ้า พวกเขาเชื่อว่าเธอคือบุตรสาวของเซียนเพราะเธอไม่แก่เฒ่า ของวิเศษนี้ขบวนเรือหมอหลวงราชวงศ์ฉินหาจนพบ แต่ไม่สามารถนำไปถวายองค์จักรพรรดิจิ๋นซีได้ เพราะขบวนเรือเจอพายุและล่มลงกลางทะเลลึกเสียก่อน เหลือรอดเพียงลำเดียวเท่านั้น คือลำที่บิดาของชิงชิงซึ่งเป็นหัวหน้าคณะพร้อมลูกเรือเต็มลำโดยสารมา แต่เรือก็เสียหายและถูกคลื่นซัดมาติดค้างอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ชิงชิงสูญเสียบิดาไปในเกลียวคลื่นรุนแรง ชาวเรือที่เหลือรอดเกรงพระราชอาญาขององค์ฮ่องเต้ ที่ไม่สามารถนำยาอายุวัฒนะกลับไปถวายได้ จึงพากันตัดสินใจตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ครั้นเวลาล่วงเลยเป็นพัน ๆ ปี ผู้คนบนเกาะบ้างก็ถือกำเนิดเด็กทารก บ้างก็พากันล้มหายตายจาก...ยกเว้นชิงชิง หญิงสาวผู้ถูกรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ตามคำสั่งของบิดา และเธอไม่เคยแก่เฒ่า
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราว ประกอบกับการหว่านล้อมล่อหลอกผู้คนในหมู่บ้านด้วยอุปกรณ์และวิทยาการสมัยใหม่ กระทั่งชาวบ้านหลงเชื่อว่าชายทั้งสองต่างเป็นเทพเจ้าเหมือนชิงชิง จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าถึงตัวหญิงสาวแสนมหัศจรรย์คนนี้ได้ ครั้นเมื่อพบปะพูดคุยกัน ทั้งสองจึงทราบเรื่องของชิงชิงกับบิดาอย่างละเอียด และในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถเกลี้ยกล่อมทั้งชาวบ้านและชิงชิง พาตัวสาวน้อยมหัศจรรย์มายังสถาบันวิจัยแห่งนี้จนได้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)