คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ระยะสั้น
1. หาวิธีเช็คยอดจำนวนขาย ซึ่งการนับแก้วน่าจะเป็นวิธีการที่ง่าย และประหยัดที่สุดครับ เพราะสเกลธุรกิจคุณไม่น่าใหญ่มาก
ไปลงทุนระบบหรือเครื่องมืออะไรจะเป็นการเพิ่มต้นทุนเปล่าๆ
ส่วนถ้าตัวคุณเองไม่มีเวลาเข้าไป ก็ใช้พนักงานอีกคนที่ไว้ใจได้ช่วยตรงนี้ พร้อมให้ค่าแรงอีกนิดหน่อยครับ
2. ติดกล้องวงจรปิด แล้วมานั่งเช็คจำนวนยอดขาย วิธีนี้อาจจะแม่นยำมากขึ้น
แต่คุณต้องเสียเวลาในการนั่งย้อนดูกล้อง และยังต้องทำเรื่อยๆอีกต่างหาก
ระยะยาว
1. ถ้าการทำงานโดยมีลูกน้องที่ต้องหวาดระแวงแบบนี้ หากเรามีสิทธิในฐษนะของนายจ้าง
เราก็ควรเลือกคนอื่นดีกว่าครับ ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การหาคนมาทำงานไม่น่าจะอยากนะครับ
แต่คุณควรต้องหาหลักฐานก่อนว่าพนักงงานท่านนั้นทำผิดจริงนะครับ
ไม่ใช่คิดเอง เออเอง สรุปเอาเอง แล้วไล่เขาออกไปทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดครับ
2. ปรับแนวคิดในการบริหารครับ คุณรู้ปัญหา รู้จุดบกพร่องตัวเอง เผลอๆยังรู้วิธีแก้ไข
แต่คุณไม่ลงมือแก้ไขมันเองครับ
1. หาวิธีเช็คยอดจำนวนขาย ซึ่งการนับแก้วน่าจะเป็นวิธีการที่ง่าย และประหยัดที่สุดครับ เพราะสเกลธุรกิจคุณไม่น่าใหญ่มาก
ไปลงทุนระบบหรือเครื่องมืออะไรจะเป็นการเพิ่มต้นทุนเปล่าๆ
ส่วนถ้าตัวคุณเองไม่มีเวลาเข้าไป ก็ใช้พนักงานอีกคนที่ไว้ใจได้ช่วยตรงนี้ พร้อมให้ค่าแรงอีกนิดหน่อยครับ
2. ติดกล้องวงจรปิด แล้วมานั่งเช็คจำนวนยอดขาย วิธีนี้อาจจะแม่นยำมากขึ้น
แต่คุณต้องเสียเวลาในการนั่งย้อนดูกล้อง และยังต้องทำเรื่อยๆอีกต่างหาก
ระยะยาว
1. ถ้าการทำงานโดยมีลูกน้องที่ต้องหวาดระแวงแบบนี้ หากเรามีสิทธิในฐษนะของนายจ้าง
เราก็ควรเลือกคนอื่นดีกว่าครับ ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การหาคนมาทำงานไม่น่าจะอยากนะครับ
แต่คุณควรต้องหาหลักฐานก่อนว่าพนักงงานท่านนั้นทำผิดจริงนะครับ
ไม่ใช่คิดเอง เออเอง สรุปเอาเอง แล้วไล่เขาออกไปทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดครับ
2. ปรับแนวคิดในการบริหารครับ คุณรู้ปัญหา รู้จุดบกพร่องตัวเอง เผลอๆยังรู้วิธีแก้ไข
แต่คุณไม่ลงมือแก้ไขมันเองครับ
แสดงความคิดเห็น
เครียด!!! ลูกจ้างร้านมีวี่แววโกงยอดขายกาแฟของทางร้าน อยากขอแนวทางแก้ไข
ปกติเราจะให้ลูกจ้างเขียนว่าขายอะไรออกไปบ้าง กี่บาท รวมรายได้ทั้งวันกี่บาท และจะต้องซื้อของอะไรเพิ่มเติมบ้าง ซึ่งเรานำเอามาลงในบัญชีประจำวันทุกวัน ต้องยอมรับว่าเพราะเราไปดูธุรกิจตัวอื่นด้วยก็อาจจะกลายเป็นว่าละเลยในส่วนปลีกย่อยหลายๆ อย่างไป เช่น เราไม่ได้นับจำนวนแก้วที่ซื้อเข้ากับที่ขายออก เป็นต้น พักหลังๆ ลูกจ้างเดิมของเราเริ่มมากระซิบว่าลูกจ้างใหม่ดูเหมือนจะยักยอกยอดการขายของร้านไป คือ ขายออกแต่ไม่ลงยอด เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง จริงอยู่ว่าเท่าที่ลูกจ้างเดิมสังเกตุวันละ 2 แก้วบ้าง 3 แก้วบ้าง แต่ลูกจ้างเดิมก็กระซิบบอกว่าเขาก็ไม่สามารถดูได้ตลอดเวลาเพราะเป็นล็อคแบบกั้นปิดมิดชิด มองไม่เห็นกัน คือ ถ้าไม่เดินออกมาด้านหน้าร้านที่มีโต๊ะนั่งด้านหน้าก็จะไม่เห็น เขากลัวเราขาดทุน และเขาไม่ไว้ใจ เพราะถ้าให้คำนวณคร่าวๆ แก้วละ 30 บาท วันละ 3 แก้ว ก็ 90 บาทละ ถ้าเอาทุกวัน 90*30 = 2,700 บาท เหนาะๆ เลย ไหนจะค่าจ้างอีกต่างหาก
เราเลยจะเข้าร้านช่วงกลางวัน (ช่วงเวลามีคนเข้าร้านเยอะ) เราจะเข้าไปนับเงินคร่าวๆ ทุกครั้ง และเก็บยอดไว้ให้เหลือเพียงเงินทอนประมาณ 100 บาท แต่ก็อย่างที่บอก เราไม่รู้ว่าเขาจะแอบเอาไปก่อนหน้าแล้วหรือยัง ทำให้เกิดอาการระแวงตลอด จริงๆ ลูกจ้างคนนี้เราไม่ได้ตั้งใจจะรับเขาแต่แรกเพราะเขาเข้าหลักสี่แล้ว จริงๆ สำหรับร้านกาแฟเครื่องดื่มเราต้องการคนที่อายุยังน้อย (สามารถสอนได้ง่าย) แต่ตอนนั้นด้วยภาวะที่เราหาคนไม่ทันและภาระอันใหม่เข้ามาเร็วกว่าที่คาดไว้ จึงรับเขาเข้าทำงาน แต่ตอนนี้เริ่มเป็นกังวลแล้ว แต่ก็ยังหาคนมาแทนไม่ได้ จึงยังบอกเลิกจ้างไม่ได้ค่ะ
เราอยากหาวิธีแก้ไขเบื้องต้นสำหรับเคสนี้ค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ หาก tag ผิดห้องต้องขออภัยด้วยนะคะ