สวัสดีค่ะทุกๆท่าน วันนี้เจ้าของกระทู้มาลงภาคต่อเรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 8 นะคะ อาจจะห่างจากตอนที่ 7 ไปนิดนะคะ จะขอแปะลิงค์ไว้ด้านล่างเผื่อใครลืมนะคะ เราเขียนเป็นซีรีส์ยาวเล่ามาจากประสบการณ์จริงเลย อาจมีรายละเอียดตกหล่นไปบ้าง แต่ก็พยายามรวมประเด็นให้หมดนะคะ ยังไงมีคอมเมนต์อะไรติชมกันได้นะคะ เริ่มเลยละกันกับ " เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 8 : ยุทธการหักปีกครั้งที่ 1 ✈️✨ " ค่ะ
" นอนอืดในห้องนอนมองโคมระย้าเหนือเตียงหลังจากกลับมาจากไฟลท์กรุงเทพที่รัก
เหม่อ.. ลอย..
กลับไปคราวนี้ ดูใครๆต่างสนิทกันมากขึ้น และดูเราห่างออกไปอีก 1 สเต็ปโดยปริยาย ได้ฟังเค้าพูดกันเรื่องที่เราไม่เข้าใจ เมาท์เรื่องละครที่เราไม่เคยดู
และเพื่อนสนิทก็ยังมาทักว่า "ทำไมแต่งตัวเหมือนแขก?" -"-
อืมม.. ไม่รู้ตัวเลยนะ เราก็ว่าสวยดี เสื้อดำมีกากเพชรบลิงค์ บลิงค์ทั้งตัวกับรองเท้าแตะลายเสือ แขกตรงไหน? หรือว่าที่ไทยตอนนี้ชอบสีลูกกวาดกันนะ เอ๊ะ.. หรือว่าเราจะไม่ทันแฟชั่นจริงๆ
ยิ่งเซ็งทวีคูณ หลังจากที่ฝันรักครั้งแรกที่กรุงอาบูดาบีของเรานั้นจบเห่แบบไม่เป็นท่า เราจึงเริ่มจะเสื่อมศรัทธาเล็กๆกับคน
ถ้าอยู่ต่อ.. คงไม่มีวันได้เจอใครที่เป็นอย่างใจแน่ๆ แล้วเราจะได้แต่งงานไหม? คนไทยก็ไม่ได้เจอ แล้วจะหาต่างชาติที่ไหนที่ไม่กินเหล้า บุหรี่ไม่สูบ ผับไม่เที่ยว ไม่เจ้าชู้ และรักจริงหวังแต่ง สารพัดสเป็คเวอร์วังขนาดนี้ ควรจะไปเคาะตามหาตามบ้านดูหรือไปขุดหาจากพื้นดินสินะถึงจะเจอ!
“กลับไทยดีมั้ย?”
ผ่าง! ช่างกล้าที่คิดแบบนี้ มาทำได้แค่ปีเดียว คิดจะลาออกซะแล้ว แล้วจะตอบคำถามทุกคนว่าอย่างไร..
แต่จะว่าไป เราเข้าสู่วัย 25 ปีแล้ว หรือเราจะอ้างเบญจเพสดีนะว่าคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยต้องลาออก หรือยังไง? ทุกคนจะตั้งคำถามว่า.. ทีอีตอนเรียนเตรียมแอร์ไล่ล่าท้าฝันนี่.. จะเอาเป็นเอาตายน้ำตาคลอเบ้า ถึงขนาดหั่นฟันกระต่ายก็ทำ แถมกว่าจะไปสมัครแข่งขันกับคนเป็นพันแล้วเค้ารับเอาแค่ 10 คน ขนนี่ลุกพรือตลอดครึ่งชั่วโมงที่เปิดเมล์แจ้งผลการสัมภาษณ์
..แต่พอมาบินได้แค่ปีเดียวลาออกแล้วเหรอ? ไม่เสียดายเหรอ!
นั่นสิเนอะ.. เสียดายสิ แต่ชีวิตที่ขาดหายก็เสียดาย
งั้นเราคงต้องหาทางออกเก๋ๆ แล้วเดินลงมาจากตำแหน่งแบบสวยๆ แบบที่ทุกคนจะต้องตะลึง ตึ่ง ตึ๊ง
เดี๋ยวพรุ่งนี้นี่เรามีหยุดสองวันนี่เนอะ นอนแบะเป็นกล้วยทับแบบนี้จะเจริญได้อย่างไร เอ้า สู้มันสักตั้ง!!
เริ่มจากหางานที่ชอบ ตัวตนที่ใช่ของเราก่อนเลย – นั่นคือ “สอน-หนัง-สือ” กลับไปเป็นครู เฮ้!
ขั้นตอนที่ 1 นั่งเซิร์ชเน็ตรัวๆทุกสถาบัน รายได้ค่าสอนชั่วโมงละ 3-6 ร้อยบาท ที่ให้เยอะก็สารพัดสอบนู่นนี่นั่น นั่งจิ้มเครื่องคิดเลขแรงๆรัวๆ อืมม.. แล้วต้องสอนกี่ชั่วโมงถึงได้เงินเท่ากับเงินเดือนเดือนนี้วะเนี่ย ..ก่อนได้ข้อสรุป
พับโปรเจคต์หางานแล้วนอนเถอะ เห็นจำนวนชั่วโมงที่ต้องสอนแล้วง่วงแรง คร่อก!
3 ชั่วโมงผ่านไป
ตื่น.. รู้สึกว่าเพลียหนักกว่าเก่า เพราะนอนไปด้วยความเครียด สายตาเราจึงเหลือบไปที่กระเป๋าเดินทางคู่ใจที่เราเปิดคาพิงกำแพงไว้ที่ข้างเตียง
ถุงก็อบแก๊บยั้วเยี้ยเลย ของตั้งแต่กลับมาจากไฟลท์กรุงเทพนี่ยังไม่ได้เอาออกเลยสินะ ขยันเฟร่อมาก เอาของออกดีกว่าจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน..
เสมือนทุกถุงที่เปิดคือความสุขเล็กๆของใจ มาม่างี้, แผ่นซีดีละครไทยงี้, กาแฟสารพัดรส 3 in 1 งี้, พริกป่นงี้, นิตยสารจากไทยงี้.. นิตยสารงวดนี้จัดมา 2 เล่มเลย ทั้ง Ray และ Seventeen เอามาจูนการแต่งตัวตัวเราเองก่อนที่จะเริ่มแต่งกายด้วยส่าหรีทีเดียว
อะไรน่ะ.. เอ๊ะ!
“ประกวดมิส Seventeen” เพื่อจะเป็นแบรนด์ Ambassador ได้ขึ้นปกและอีกมากมาย
ผ่าง! ชัดๆ ที่หน้าปกเลย
ดุจสวรรค์มีตา สิ่งที่เรามองหาจึงบังเกิด บันไดสวยๆให้เราได้กลับบ้านเกิด
เปิดเข้าไปดูรายละเอียดข้างในสิคะ รออะไร! มีงาน มีหน้ามีตา และดูดี!
“ผู้สมัครจะต้องมีอายุ 17-25 ปี เป็นสาวเก่งมีคุณสมบัติ คัดเลือกจากรูปภาพจนเหลือ 40 คนแล้วมาทำกิจกรรมในการคัดเลือก”
เอาล่ะวะเฮ้ย! เอาให้ได้เข้าไปใน 40 คนนี้ก่อนแล้วไปตายเอาดาบหน้า มีเวลาอีกเพียง 5 วันจะปิดรับสมัคร
ตีสามแล้วไง ดวงจริงๆตูที่เปิดเจอก่อน!
เราจึงเริ่มต้นลุกขึ้นวิ่งไปหยิบกระดาษเขียนรายงานที่ซื้อตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่พกมาอาบูดาบีด้วย ฉีกมา 1 หน้า หยิบปากกา กางโต๊ะญี่ปุ่น และบรรจงเขียน “แนะนำตัว” ..ว่าเราเป็นใคร มาจากไหน ทำงานอะไร
ต่อ! มาที่รายละเอียดการติดต่อ ตรงที่อยู่อ่ะ เราใส่ที่อยู่บ้านที่เมืองไทยไป แต่ติดตรงเบอร์โทรนี่สิ ถ้าใส่เบอร์อาบูดาบีไป เค้าเห็น +971 ก็คงจะไม่โทรเป็นแน่แท้เพราะแพง เราจึงเนียนใส่เบอร์น้องสาวไป เค้าน่าจะแจ้งผลทางอีเมล์นี่หว่า อ่ะ.. ใส่อีเมล์เข้าปายย
ต่อไป! รูปถ่าย หึหึ เต็มตัว มี๊! อยู่ในคอมละจ้า ส่วนรูปหน้าตรงรึ จัดไปอย่าให้เสีย ถ่ายมันซะตอนนี้เลย เพื่อความสวยสด
ลุกขึ้นมาล้างหน้าที่มันเยิ้ม หัวฟูซะเดี๋ยวนี้ และเริ่มต้นแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อ ใส่หมวกพรางหัวฟูๆ และ Selfie! ด้วย Canon คู่ใจ กล้องดีงาม.. ชัดจนเห็นเส้นเลือดในตาเลยทีเดียวเชียว
อ่ะ.. เสร็จแล้ว นอนได้! ขาดเพียงแค่ล้างรูป คือดีงาม คือคอมพลีท
เสมือนนอนอิ่มทิพย์ คนที่ตื่นบ่ายคลายเครียดนอนอุตุได้แชมป์อย่างเราจึงตื่นมาโดยปราศจากนาฬิกาปลุก ณ เวลา 10 โมงเช้า
คงเป็นเพราะโชคชะตาสินะ!
เรานอนอมยิ้มที่มุมปากมโนว่า นี่แหละ.. คือเส้นทางชีวิตใหม่กำลังจะเปิด เพียงลุกขึ้นมา เอารูปไปล้างที่ร้านพี่อินเดียใต้ตึก แล้วเดินไปที่ไปรษณีย์กลางซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 500 เมตร (มั้ง!) เพื่อส่งใบสมัครและรูปถ่าย ทุกๆอย่างก็จะดูลื่นปรื๊ด ลื่นปรื๊ด
ไม่ผิดคาดจริงๆ รูปออกมาสวยแจ่มสะใจ เราจึงนำทุกอย่างใส่ซอง ติดกาว เขียนชื่อที่อยู่พร้อมตรวจทานราว 18 รอบเพื่อความถูกต้อง 100%
อ่ะ.. เดินไปรษณีย์ชิลล์ๆดีกว่า อารมณ์ดี
เดินไปครึ่งทางอาการชักไม่ดี หากใครเคยเห็นหนังหมูบนเตาถ่าน นั่นคือสภาพเราเลย แดดอาบูดาบีช่างร้อนนัก กี่องศาวะเนี่ย..
ฝืนเดินไปจนถึงไปรษณีย์แล้วแจ้งความจำนง "Express" ด่วนสุดไปไทยจ้ะ
คำตอบจากพนักงานมีเพียงสั้นๆตอนเก็บเงิน
" 100 ดีแฮม "
คราวนี้เหงื่อตกโดยไม่มีแดด โดนค่าส่งไป 1,000 บาทกับจม.1 ฉบับและรูป 2 ใบ แพงหูดับตับไหม้เลยทีเดียว!
หลังจากควักเงินจ่ายแต่โดยดี เราก็เรียกแท็กซี่กลับมาที่ตึกทันที
ชีวิตที่ใช้ไปด้วยความหวังอันล้นปรี่ มันช่างเติมเต็มพลังชีวิตให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
เหลือพรุ่งนี้หยุดอีก 1 วันก็จะมีบินถึกทึนไปปากีสถาน และต่อด้วยเจนีวาบ้านเกิดอีกตามเคย
คือมันดีงาม จัดกระเป๋าล่วงหน้าไป ยิ้มไป
หยิบกระดาษโน๊ต เขียนตัวใหญ่ๆ ก่อนปักหมุดลงบนกระดานเตือนความจำติดผนัง
"อย่าลืมเอาคอมไปเจนีวา!"
นับถอยหลัง 3 วันก่อนหมดเขตส่ง -
นับเป็นไฟลท์ปากีสถานที่เบิกบานสำราญใจยิ่งนัก แม้ขาไปจะ 3 ชั่วโมงขากลับอีก 3 ชั่วโมง รวมเวลาทำงานแล้วเป็น 10 ชั่วโมงเลยก็ตาม
เรากลับคิดว่ามันเร๊ว เร็ว
ไม่ว่าคุณผู้โดยสารค่อนขอดเรื่องไก่ ไม่น่าพิมพ์เมนูเลยเพราะไม่เคยได้กินไก่ ไฟลท์จะเต็ม คนจะแน่น ส้วมจะเปื้อนยังไง
.. เราก็ยังไม่สะท้านสะเทือน
กลับมาถึงตึกปุ๊ป รีบเช็คเมล์ปั๊ป
- ไม่มี
2 วันก่อนหมดเขต
รถมารับ 5 ทุ่มไปเจนีวา ระหว่างสแตนด์บายรอรถ คอมใต้ตึกที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั้ง 4 ตัวนี้คือเป้าหมายที่เราต้องพุ่งชน แอร์นางอื่นลุกปุ๊ป เราเข้าเสียบนั่งแทนปั๊ป
เช็คเมล์ - ไม่มี
1 วันก่อนปิดรับสมัคร
แลนด์ถึงเจนีวายามเช้า เข้าห้องปุ๊ป หมวกยังคาอยู่ที่หัวในยูนิฟอร์มเต็มยศ เราก็ต่อเน็ตที่ Laptop ปั๊ป
เช็คเมล์ - ไม่มี
วันปิดรับสมัคร
ออกไปเดินเล่น นั่งรถเมล์ กินข้าว ทำใจสบ๊ายย สบาย ยืนเหม่อมองวิวทะเลสาปเจนีวาได้ไม่นาน ก็แอบฉุกคิดในใจ จะได้มะวะ?!
นิ่งๆเข้าไว้ ใจเย็น..
รถมารับเวลาเดิมเช่นเคย เราจึงเลือกที่จะตื่นขึ้นมาก่อนเวลาเพื่อที่จะเช็คเมล์
- ไม่มี
จิตตกละนะเธอ!
" เราคงไม่ผ่านแหละ.."
เป็นครั้งแรกที่ตารางบินถี่ๆ 5 วันรวดแบบนี้ แต่เรากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
เรานั่งพิงกระจกรถตู้ มองวิวข้างทางจากสนามบินอาบูดาบีกลับมาที่ตึกในตัวเมืองตลอดทาง แม้แต่หูฟังก็ยังขี้เกียจเสียบ
ยังไม่ 7 โมงเช้าเลย แดดก็เปรี้ยงเสียแล้ว.. มองทะเลทรายที่เราเคยตื่นเต้นตกใจ แต่ตอนนี้มันคือตัวแทนแห่งความว่างเปล่า และเหงาเหลือเกิน
กลับไปถึงที่ห้องนอน แต่ไม่อยากโทรกลับบ้าน รู้สึกหมดอะไรตายอยากเล็กๆแต่ก็ไม่เสียใจ เราจึงส่งเมสเสจไปบอกแม่สั้นๆว่า
"ถึงแล้วจ้า ขอนอนก่อน เย็นนี้จะโทรไป"
ก่อนจะล้มตัวลงนอนยาวตลอดเที่ยงและบ่าย แล้วจึงตื่นขึ้นมาโทร
เรา : "ตื่นละจ้าา"
แม่ : "ตื่นแล้วเหรอลูก เหนื่อยมากมั้ย?
เรา : "ไม่เหนื่อยจ้าา"
แม่ : "เออ.. น้องมีอะไรคุยด้วย"
เรา : "ว่ามาสิ" .. เสียงส่งต่อมือถือจากปลายสายที่เราไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะนอนหลับตาคุยอยู่บนเตียง
"เจ้ๆ" เสียงน้องสาวสุดที่รักแหลมเข้ามาในมือถือ
เรา : "มีไร ว่ามา"
"ตลกว่ะเจ้ เมื่อ 2 วันก่อนมีคนโทรมาหาหนู เค้าบอกว่าเจ้ได้รับคัดเลือกไปอะไรของนิตยสาร Seventeenth นี่แหละด้วยล่ะ"
....... ตายห่าาาา!!! ลืมบอกน้องว่าเราสมัครไป และใช้เบอร์น้องในใบสมัคร
ใจเต้นแรงสุดพลัง ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง
เรา : "แล้วตอบเค้าไปว่าไง?"
น้อง : "ก็บอกเค้าไปว่าโทรผิดค่ะ พี่สาวหนูไปเป็นแอร์อยู่ที่อาบูดาบีแล้ว ไม่ได้สมัครไปค่ะ"
เรา : ............................ "วันไหนนะ?"
น้อง : "2-3 วันแล้วเจ้ ลืมบอกเจ้ เพราะเจ้ไปเจนีวา"
เรา : ................................
วางสาย
ชาไปทั้งตัวเลย อืมมม ไม่รู้จะโทษใครดี ความผิดเราเต็มๆ
เย็นวันนั้นเราจึงนอนซมไว้อาลัยแผนการณ์เด็ดปีกในครั้งแรกที่ล้มไม่เป็นท่า พร้อมฉลองครบรอบ 1 ปีของการเป็นแอร์ตะวันออกกลางในฝัน
อยากกลับบ้าน.. จะทำยังไงดี?
แต่ถ้าไม่มีทางออกที่ดีทัดเทียม เราก็จะสู้ต่อไป บินไปทั่วโลกอย่างที่ใจเราเคยฝันไว้เสมอ แม้จะต้องแลกกับความเหงา และช่วงชีวิตที่ขาดหายไปจากเมืองไทย ครอบครัว และวงจรเพื่อนๆก็ตาม
Happy Anniversary นะ My Wing ✈️✨ "
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าค่ะที่อ่าน ^ ^ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนได้นะคะ วันนี้เจ้าของกระทู้เปลี่ยนแนวเล็กๆ หากใครอยากติดตามงานเขียนอื่นๆของเรา ลองกดอ่านดูได้ตามลิงค์ที่แปะไว้ด้านล่างนี้นะคะ
" แกคือคนสุดท้ายในรุ่นที่ชั้นจะคิดว่าได้เป็นแอร์ " ..จากคำสบประมาท สู่ฝันแอร์โฮสเตสสายการบินตะวันออกกลาง
http://www.ppantip.com/topic/34273378
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 1 : ฝันที่เป็นจริงหรือภาพลวงตา ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34504171?
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 2 : หรือฉันจะไม่ใช่นางฟ้า ?.. ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34536596?
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 3 : นี่หรือ.. ที่เขาเรียกกันว่า ชีวิตนางฟ้า ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34568986
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 4 : ใครๆก็บอกว่า.. เราบินได้ ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34635697
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 5 : สวิสในฝัน ฉันมาถึงแล้ว✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34675852
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 6 : ความทรงจำสีจางใจกลางกรุงเจนีวา ✈✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34728863
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 7 : จุดเปลี่ยนแรกชีวิตแอร์ ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34785569
" เสียงลือเสียงเล่าอ้าง : ว่าด้วยเรื่องผีในเครื่องบิน "
http://www.ppantip.com/topic/34814284
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 8 : ยุทธการหักปีกครั้งที่ 1 ✈️✨ "
" นอนอืดในห้องนอนมองโคมระย้าเหนือเตียงหลังจากกลับมาจากไฟลท์กรุงเทพที่รัก
เหม่อ.. ลอย..
กลับไปคราวนี้ ดูใครๆต่างสนิทกันมากขึ้น และดูเราห่างออกไปอีก 1 สเต็ปโดยปริยาย ได้ฟังเค้าพูดกันเรื่องที่เราไม่เข้าใจ เมาท์เรื่องละครที่เราไม่เคยดู
และเพื่อนสนิทก็ยังมาทักว่า "ทำไมแต่งตัวเหมือนแขก?" -"-
อืมม.. ไม่รู้ตัวเลยนะ เราก็ว่าสวยดี เสื้อดำมีกากเพชรบลิงค์ บลิงค์ทั้งตัวกับรองเท้าแตะลายเสือ แขกตรงไหน? หรือว่าที่ไทยตอนนี้ชอบสีลูกกวาดกันนะ เอ๊ะ.. หรือว่าเราจะไม่ทันแฟชั่นจริงๆ
ยิ่งเซ็งทวีคูณ หลังจากที่ฝันรักครั้งแรกที่กรุงอาบูดาบีของเรานั้นจบเห่แบบไม่เป็นท่า เราจึงเริ่มจะเสื่อมศรัทธาเล็กๆกับคน
ถ้าอยู่ต่อ.. คงไม่มีวันได้เจอใครที่เป็นอย่างใจแน่ๆ แล้วเราจะได้แต่งงานไหม? คนไทยก็ไม่ได้เจอ แล้วจะหาต่างชาติที่ไหนที่ไม่กินเหล้า บุหรี่ไม่สูบ ผับไม่เที่ยว ไม่เจ้าชู้ และรักจริงหวังแต่ง สารพัดสเป็คเวอร์วังขนาดนี้ ควรจะไปเคาะตามหาตามบ้านดูหรือไปขุดหาจากพื้นดินสินะถึงจะเจอ!
“กลับไทยดีมั้ย?”
ผ่าง! ช่างกล้าที่คิดแบบนี้ มาทำได้แค่ปีเดียว คิดจะลาออกซะแล้ว แล้วจะตอบคำถามทุกคนว่าอย่างไร..
แต่จะว่าไป เราเข้าสู่วัย 25 ปีแล้ว หรือเราจะอ้างเบญจเพสดีนะว่าคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยต้องลาออก หรือยังไง? ทุกคนจะตั้งคำถามว่า.. ทีอีตอนเรียนเตรียมแอร์ไล่ล่าท้าฝันนี่.. จะเอาเป็นเอาตายน้ำตาคลอเบ้า ถึงขนาดหั่นฟันกระต่ายก็ทำ แถมกว่าจะไปสมัครแข่งขันกับคนเป็นพันแล้วเค้ารับเอาแค่ 10 คน ขนนี่ลุกพรือตลอดครึ่งชั่วโมงที่เปิดเมล์แจ้งผลการสัมภาษณ์
..แต่พอมาบินได้แค่ปีเดียวลาออกแล้วเหรอ? ไม่เสียดายเหรอ!
นั่นสิเนอะ.. เสียดายสิ แต่ชีวิตที่ขาดหายก็เสียดาย
งั้นเราคงต้องหาทางออกเก๋ๆ แล้วเดินลงมาจากตำแหน่งแบบสวยๆ แบบที่ทุกคนจะต้องตะลึง ตึ่ง ตึ๊ง
เดี๋ยวพรุ่งนี้นี่เรามีหยุดสองวันนี่เนอะ นอนแบะเป็นกล้วยทับแบบนี้จะเจริญได้อย่างไร เอ้า สู้มันสักตั้ง!!
เริ่มจากหางานที่ชอบ ตัวตนที่ใช่ของเราก่อนเลย – นั่นคือ “สอน-หนัง-สือ” กลับไปเป็นครู เฮ้!
ขั้นตอนที่ 1 นั่งเซิร์ชเน็ตรัวๆทุกสถาบัน รายได้ค่าสอนชั่วโมงละ 3-6 ร้อยบาท ที่ให้เยอะก็สารพัดสอบนู่นนี่นั่น นั่งจิ้มเครื่องคิดเลขแรงๆรัวๆ อืมม.. แล้วต้องสอนกี่ชั่วโมงถึงได้เงินเท่ากับเงินเดือนเดือนนี้วะเนี่ย ..ก่อนได้ข้อสรุป
พับโปรเจคต์หางานแล้วนอนเถอะ เห็นจำนวนชั่วโมงที่ต้องสอนแล้วง่วงแรง คร่อก!
3 ชั่วโมงผ่านไป
ตื่น.. รู้สึกว่าเพลียหนักกว่าเก่า เพราะนอนไปด้วยความเครียด สายตาเราจึงเหลือบไปที่กระเป๋าเดินทางคู่ใจที่เราเปิดคาพิงกำแพงไว้ที่ข้างเตียง
ถุงก็อบแก๊บยั้วเยี้ยเลย ของตั้งแต่กลับมาจากไฟลท์กรุงเทพนี่ยังไม่ได้เอาออกเลยสินะ ขยันเฟร่อมาก เอาของออกดีกว่าจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน..
เสมือนทุกถุงที่เปิดคือความสุขเล็กๆของใจ มาม่างี้, แผ่นซีดีละครไทยงี้, กาแฟสารพัดรส 3 in 1 งี้, พริกป่นงี้, นิตยสารจากไทยงี้.. นิตยสารงวดนี้จัดมา 2 เล่มเลย ทั้ง Ray และ Seventeen เอามาจูนการแต่งตัวตัวเราเองก่อนที่จะเริ่มแต่งกายด้วยส่าหรีทีเดียว
อะไรน่ะ.. เอ๊ะ!
“ประกวดมิส Seventeen” เพื่อจะเป็นแบรนด์ Ambassador ได้ขึ้นปกและอีกมากมาย
ผ่าง! ชัดๆ ที่หน้าปกเลย
ดุจสวรรค์มีตา สิ่งที่เรามองหาจึงบังเกิด บันไดสวยๆให้เราได้กลับบ้านเกิด
เปิดเข้าไปดูรายละเอียดข้างในสิคะ รออะไร! มีงาน มีหน้ามีตา และดูดี!
“ผู้สมัครจะต้องมีอายุ 17-25 ปี เป็นสาวเก่งมีคุณสมบัติ คัดเลือกจากรูปภาพจนเหลือ 40 คนแล้วมาทำกิจกรรมในการคัดเลือก”
เอาล่ะวะเฮ้ย! เอาให้ได้เข้าไปใน 40 คนนี้ก่อนแล้วไปตายเอาดาบหน้า มีเวลาอีกเพียง 5 วันจะปิดรับสมัคร
ตีสามแล้วไง ดวงจริงๆตูที่เปิดเจอก่อน!
เราจึงเริ่มต้นลุกขึ้นวิ่งไปหยิบกระดาษเขียนรายงานที่ซื้อตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่พกมาอาบูดาบีด้วย ฉีกมา 1 หน้า หยิบปากกา กางโต๊ะญี่ปุ่น และบรรจงเขียน “แนะนำตัว” ..ว่าเราเป็นใคร มาจากไหน ทำงานอะไร
ต่อ! มาที่รายละเอียดการติดต่อ ตรงที่อยู่อ่ะ เราใส่ที่อยู่บ้านที่เมืองไทยไป แต่ติดตรงเบอร์โทรนี่สิ ถ้าใส่เบอร์อาบูดาบีไป เค้าเห็น +971 ก็คงจะไม่โทรเป็นแน่แท้เพราะแพง เราจึงเนียนใส่เบอร์น้องสาวไป เค้าน่าจะแจ้งผลทางอีเมล์นี่หว่า อ่ะ.. ใส่อีเมล์เข้าปายย
ต่อไป! รูปถ่าย หึหึ เต็มตัว มี๊! อยู่ในคอมละจ้า ส่วนรูปหน้าตรงรึ จัดไปอย่าให้เสีย ถ่ายมันซะตอนนี้เลย เพื่อความสวยสด
ลุกขึ้นมาล้างหน้าที่มันเยิ้ม หัวฟูซะเดี๋ยวนี้ และเริ่มต้นแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อ ใส่หมวกพรางหัวฟูๆ และ Selfie! ด้วย Canon คู่ใจ กล้องดีงาม.. ชัดจนเห็นเส้นเลือดในตาเลยทีเดียวเชียว
อ่ะ.. เสร็จแล้ว นอนได้! ขาดเพียงแค่ล้างรูป คือดีงาม คือคอมพลีท
เสมือนนอนอิ่มทิพย์ คนที่ตื่นบ่ายคลายเครียดนอนอุตุได้แชมป์อย่างเราจึงตื่นมาโดยปราศจากนาฬิกาปลุก ณ เวลา 10 โมงเช้า
คงเป็นเพราะโชคชะตาสินะ!
เรานอนอมยิ้มที่มุมปากมโนว่า นี่แหละ.. คือเส้นทางชีวิตใหม่กำลังจะเปิด เพียงลุกขึ้นมา เอารูปไปล้างที่ร้านพี่อินเดียใต้ตึก แล้วเดินไปที่ไปรษณีย์กลางซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 500 เมตร (มั้ง!) เพื่อส่งใบสมัครและรูปถ่าย ทุกๆอย่างก็จะดูลื่นปรื๊ด ลื่นปรื๊ด
ไม่ผิดคาดจริงๆ รูปออกมาสวยแจ่มสะใจ เราจึงนำทุกอย่างใส่ซอง ติดกาว เขียนชื่อที่อยู่พร้อมตรวจทานราว 18 รอบเพื่อความถูกต้อง 100%
อ่ะ.. เดินไปรษณีย์ชิลล์ๆดีกว่า อารมณ์ดี
เดินไปครึ่งทางอาการชักไม่ดี หากใครเคยเห็นหนังหมูบนเตาถ่าน นั่นคือสภาพเราเลย แดดอาบูดาบีช่างร้อนนัก กี่องศาวะเนี่ย..
ฝืนเดินไปจนถึงไปรษณีย์แล้วแจ้งความจำนง "Express" ด่วนสุดไปไทยจ้ะ
คำตอบจากพนักงานมีเพียงสั้นๆตอนเก็บเงิน
" 100 ดีแฮม "
คราวนี้เหงื่อตกโดยไม่มีแดด โดนค่าส่งไป 1,000 บาทกับจม.1 ฉบับและรูป 2 ใบ แพงหูดับตับไหม้เลยทีเดียว!
หลังจากควักเงินจ่ายแต่โดยดี เราก็เรียกแท็กซี่กลับมาที่ตึกทันที
ชีวิตที่ใช้ไปด้วยความหวังอันล้นปรี่ มันช่างเติมเต็มพลังชีวิตให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
เหลือพรุ่งนี้หยุดอีก 1 วันก็จะมีบินถึกทึนไปปากีสถาน และต่อด้วยเจนีวาบ้านเกิดอีกตามเคย
คือมันดีงาม จัดกระเป๋าล่วงหน้าไป ยิ้มไป
หยิบกระดาษโน๊ต เขียนตัวใหญ่ๆ ก่อนปักหมุดลงบนกระดานเตือนความจำติดผนัง
"อย่าลืมเอาคอมไปเจนีวา!"
นับถอยหลัง 3 วันก่อนหมดเขตส่ง -
นับเป็นไฟลท์ปากีสถานที่เบิกบานสำราญใจยิ่งนัก แม้ขาไปจะ 3 ชั่วโมงขากลับอีก 3 ชั่วโมง รวมเวลาทำงานแล้วเป็น 10 ชั่วโมงเลยก็ตาม
เรากลับคิดว่ามันเร๊ว เร็ว
ไม่ว่าคุณผู้โดยสารค่อนขอดเรื่องไก่ ไม่น่าพิมพ์เมนูเลยเพราะไม่เคยได้กินไก่ ไฟลท์จะเต็ม คนจะแน่น ส้วมจะเปื้อนยังไง
.. เราก็ยังไม่สะท้านสะเทือน
กลับมาถึงตึกปุ๊ป รีบเช็คเมล์ปั๊ป
- ไม่มี
2 วันก่อนหมดเขต
รถมารับ 5 ทุ่มไปเจนีวา ระหว่างสแตนด์บายรอรถ คอมใต้ตึกที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั้ง 4 ตัวนี้คือเป้าหมายที่เราต้องพุ่งชน แอร์นางอื่นลุกปุ๊ป เราเข้าเสียบนั่งแทนปั๊ป
เช็คเมล์ - ไม่มี
1 วันก่อนปิดรับสมัคร
แลนด์ถึงเจนีวายามเช้า เข้าห้องปุ๊ป หมวกยังคาอยู่ที่หัวในยูนิฟอร์มเต็มยศ เราก็ต่อเน็ตที่ Laptop ปั๊ป
เช็คเมล์ - ไม่มี
วันปิดรับสมัคร
ออกไปเดินเล่น นั่งรถเมล์ กินข้าว ทำใจสบ๊ายย สบาย ยืนเหม่อมองวิวทะเลสาปเจนีวาได้ไม่นาน ก็แอบฉุกคิดในใจ จะได้มะวะ?!
นิ่งๆเข้าไว้ ใจเย็น..
รถมารับเวลาเดิมเช่นเคย เราจึงเลือกที่จะตื่นขึ้นมาก่อนเวลาเพื่อที่จะเช็คเมล์
- ไม่มี
จิตตกละนะเธอ!
" เราคงไม่ผ่านแหละ.."
เป็นครั้งแรกที่ตารางบินถี่ๆ 5 วันรวดแบบนี้ แต่เรากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
เรานั่งพิงกระจกรถตู้ มองวิวข้างทางจากสนามบินอาบูดาบีกลับมาที่ตึกในตัวเมืองตลอดทาง แม้แต่หูฟังก็ยังขี้เกียจเสียบ
ยังไม่ 7 โมงเช้าเลย แดดก็เปรี้ยงเสียแล้ว.. มองทะเลทรายที่เราเคยตื่นเต้นตกใจ แต่ตอนนี้มันคือตัวแทนแห่งความว่างเปล่า และเหงาเหลือเกิน
กลับไปถึงที่ห้องนอน แต่ไม่อยากโทรกลับบ้าน รู้สึกหมดอะไรตายอยากเล็กๆแต่ก็ไม่เสียใจ เราจึงส่งเมสเสจไปบอกแม่สั้นๆว่า
"ถึงแล้วจ้า ขอนอนก่อน เย็นนี้จะโทรไป"
ก่อนจะล้มตัวลงนอนยาวตลอดเที่ยงและบ่าย แล้วจึงตื่นขึ้นมาโทร
เรา : "ตื่นละจ้าา"
แม่ : "ตื่นแล้วเหรอลูก เหนื่อยมากมั้ย?
เรา : "ไม่เหนื่อยจ้าา"
แม่ : "เออ.. น้องมีอะไรคุยด้วย"
เรา : "ว่ามาสิ" .. เสียงส่งต่อมือถือจากปลายสายที่เราไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะนอนหลับตาคุยอยู่บนเตียง
"เจ้ๆ" เสียงน้องสาวสุดที่รักแหลมเข้ามาในมือถือ
เรา : "มีไร ว่ามา"
"ตลกว่ะเจ้ เมื่อ 2 วันก่อนมีคนโทรมาหาหนู เค้าบอกว่าเจ้ได้รับคัดเลือกไปอะไรของนิตยสาร Seventeenth นี่แหละด้วยล่ะ"
....... ตายห่าาาา!!! ลืมบอกน้องว่าเราสมัครไป และใช้เบอร์น้องในใบสมัคร
ใจเต้นแรงสุดพลัง ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง
เรา : "แล้วตอบเค้าไปว่าไง?"
น้อง : "ก็บอกเค้าไปว่าโทรผิดค่ะ พี่สาวหนูไปเป็นแอร์อยู่ที่อาบูดาบีแล้ว ไม่ได้สมัครไปค่ะ"
เรา : ............................ "วันไหนนะ?"
น้อง : "2-3 วันแล้วเจ้ ลืมบอกเจ้ เพราะเจ้ไปเจนีวา"
เรา : ................................
วางสาย
ชาไปทั้งตัวเลย อืมมม ไม่รู้จะโทษใครดี ความผิดเราเต็มๆ
เย็นวันนั้นเราจึงนอนซมไว้อาลัยแผนการณ์เด็ดปีกในครั้งแรกที่ล้มไม่เป็นท่า พร้อมฉลองครบรอบ 1 ปีของการเป็นแอร์ตะวันออกกลางในฝัน
อยากกลับบ้าน.. จะทำยังไงดี?
แต่ถ้าไม่มีทางออกที่ดีทัดเทียม เราก็จะสู้ต่อไป บินไปทั่วโลกอย่างที่ใจเราเคยฝันไว้เสมอ แม้จะต้องแลกกับความเหงา และช่วงชีวิตที่ขาดหายไปจากเมืองไทย ครอบครัว และวงจรเพื่อนๆก็ตาม
Happy Anniversary นะ My Wing ✈️✨ "
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าค่ะที่อ่าน ^ ^ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนได้นะคะ วันนี้เจ้าของกระทู้เปลี่ยนแนวเล็กๆ หากใครอยากติดตามงานเขียนอื่นๆของเรา ลองกดอ่านดูได้ตามลิงค์ที่แปะไว้ด้านล่างนี้นะคะ
" แกคือคนสุดท้ายในรุ่นที่ชั้นจะคิดว่าได้เป็นแอร์ " ..จากคำสบประมาท สู่ฝันแอร์โฮสเตสสายการบินตะวันออกกลาง
http://www.ppantip.com/topic/34273378
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 1 : ฝันที่เป็นจริงหรือภาพลวงตา ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34504171?
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 2 : หรือฉันจะไม่ใช่นางฟ้า ?.. ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34536596?
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 3 : นี่หรือ.. ที่เขาเรียกกันว่า ชีวิตนางฟ้า ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34568986
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 4 : ใครๆก็บอกว่า.. เราบินได้ ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34635697
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 5 : สวิสในฝัน ฉันมาถึงแล้ว✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34675852
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 6 : ความทรงจำสีจางใจกลางกรุงเจนีวา ✈✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34728863
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 7 : จุดเปลี่ยนแรกชีวิตแอร์ ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34785569
" เสียงลือเสียงเล่าอ้าง : ว่าด้วยเรื่องผีในเครื่องบิน "
http://www.ppantip.com/topic/34814284