คำเตือน
นี้คือกระทู้แรกในชีวิตที่เขียน สาระมีน้อย แต่ไร้สาระเยอะ จะไม่มีข้อมูลมากมาย จะเขียนไม่เยอะ แต่จะเน้นสนุกและรูป อาจจะใช้ภาษามั่วซั่วเหมือนกับตำซกเล็ก ข้าวเหนียว ไก่ย่าง และอาจจะใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ หรืออาจจะมีบางคำที่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง กรุณาหาคนแปลเอง และอีกอย่าง อย่าด่าผมนะ กูไหว้ล่ะ!!!
ปล. ภาษาไทยไม่แข็งแรง ยอมรับว่าเรื่องภาษาปึกหลาย เขียนผิดๆ ถูกๆ ขออะภัยด้วยนะครับบบ!!!
„สะบายดี“ !!!
พ่อแม่พี่น้องเชาพันทิบ เฮาอซื่อว่านายประวิทย์ หรือสิเอิ่นว่า „อีวิตตี้“ กะได้ดื่อ (เป็นซื่อที่สุ่มหมู่เฮามักเอิ่น ในวงการอีแอบ) ส่วนชะนีเยอรมันนางซื่ออิซาเบล หรือสิเอิ่นนางสั้นๆ ว่า „อิซี้“ กะได้ เฮาสองคนเคยเรียน กับฝึกงานอยู่ม่องเดียวกัน อยู่นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน แต่ว่าบ่ค่อยได้สนิดกันทอได๋ดอก บ่ค่อยได๋เว่ากันด้วยซำ แต่พอดีมีอยู่มื่อหนึงได้เฮ็ดงานนำกันพอดี ก็เลยได้เว่านำกัน นางก็เลยถามว่า „ปิดเทิอมสิไปเทียวใส“ เฮาก็เลยบอกนางว่า „สิกลับไปเทียวไทย ลังเทียก็สิไปเทียวลาวนำ“ ก็เล่าสู่นางฟังว่าเคยอ่านกระทู้รีวิวเกียวกับลาว ก็เลยอยากลองไปเทียวเบิง เฮาก็เลยถามนางเล่นๆ ว่า „สนใจสิไปเทียวนำกันบ่“? เฮาก็แอบคิดในใจว่าจังใด๋นางก็บ่ไปนำดอก แต่นางตอบมาว่า „เฮาบ่ทันเคยไปเทียวนอกยุโรบเลย ไกลสุดที่เคยไป ก็อิบีซ่า ประเทศสเบน เดียวสิรองกลับไปคิดเบิง“ เฮาก็แอบคิดในใจว่า „อีปอบเอ่ยยยยย กูถามเล่นๆ สิกลับไปคิดเฮ็ดหยัง“?
สองอาทิตย์ก่อนที่เฮาสิบินอิซี้โทรมาถามว่า „หยังสิให้เฮาไปเทียวนำบ่? เฮากลับไปคิดเบิงแล้วเฮาอยากไปนำ เฮาสิไปจองตั๋วบินมื่ออื่นเลยดื้อ!“ วาาาายยยตายอีนางชะนีเอาอีหลี ไปก็ไปวะ ดีคือกัน สิได๋มีหมู่เทียว
และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นการเดินทาง ของชะนีกับอีแอบ
**ยามเว่ากันกับนางชะนี สิเว่ากันเป็นภาษาเยอรมัน แต่ว่าเฮาเอามาแปลให้แล้วเรียบร้อย เฮาใหญ่อยู่เยอรมัน อยู่นี้ได๋สิบหกปีแล้ว
(ตอนนี้อายุยี่สิบหก) ก็เลยอ่านกับเขียนภาษาเยอรมันได้ แต่ว่าพ่อเฮานะคนชุมแพ จังหวัดขอนแก่นดื้ออออ**
เวลา 17:55 น. รถออกก่อนเวลาห้านาที จากสถานีขนส่งหมอซิต มุ่งหน้าสู่หนองคาย ในรถมีนำ้ และข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวแจกคนละกล่อง หน้าตาหน้ากินมาาาาก *หิวหิวๆๆ* แต่ว่าเผ็ดแฮง เผ็ดอีหลี หลีโตนเจ่าของกับชะนีแฮง สวบไปร้องไห้ไป ผนก็ตกตลอดทาง นอนหลับสบาย หลังจากที่กินพริกกับข้าว และไข่ดาว *อิ่มมมม* และแล้วเวลาประมาณตี่ห้า ก็มาถึงหนองคายซักที
**จ่ายค่ารถไปคนละ 450 บาท**
พอมาถึงหนองคาย ก็นอนเล่นที่สถานีขนส่ง แบบสภาพศพผีตายอยากบ่มีที่ผุดที่เกิด เพื่อรอทำวีซ่าให้ชะนีตอน 6:00 น. และก็ต้องรอด่านเปิดข้ามไปผั่งลาว ตอน 7:00 น.
ประมาณ 8:00 น. ไปถึงผั่งลาว ผ่านด่านตรวจคนเขาเมืองเส็รจ ก็พากันเช่ารถตู้ทั้วร์เมืองเวียงจันทน์ เช่าแบบทั้งวันไปไหนก็ได้ที่อยากไป ลุงคนขับรถบอกว่า „บักหล่าสิพาผู้สาวฝรังไปเทียวหม่องใส บอกลุงมาได้เลย ลุงสิพาไปลุย“ ตอบลงแบบมั้นใจไปว่า „หมู่กันบ่แม่นผู้สาว ผมบ่มักกินดื้อหอย“ คิดภาพแล้วขนลุก ลุงตอบกลับมาคำเดียวสั้นๆ ว่า „ฮ่วย“
**จ่ายค่าเช่ารถตู้ทั้วร์เมือง คนละ 600 บาท แพงมาก รู้ว่าลุงโกงราคาแต่ยอม เพราะง่วงนอนและเหนื่อยมาก ไม่มีพลังปาก ต่อราคากับลุงแก**
ที่แรกที่ลุงพาไปคือ พระพาตุหลวง สีทอง สวยงามอลังการงานสร้างมาก แต่อากาศไม่เป็นใจ ผมตก ก็เลยพากันอยู่ไม่นานก็ไปกันต่อ นี้ขนาดอยูไม่นานนะ แต่ถ่ายรูป แค่ที่พระพาตุหลวง เป็นร้อยๆๆๆ รูป
**วัดแต่ละที่ ที่ลาวต้องจ่ายค้าเข้า แต่ไม่แพงมาก ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้**
พระพาตุหลวง
สถานที่ที่สอง ประตูชัย
และที่สุดท่าย วัดศรีสะเกษ
วัดพระแก้ว ไม่ได้ไป ลุงบอกว่า „กำลังซ่อมแซมอยู่ บ่ต้องไปดอก เสียดายค่าเข้า มันบ่มีอิหยังให้เบิงดอก“ แล้วลูงก็พาขับรถรอบเมื่องกินลมชมวิวริมแม่นำ้โขง ก็มีแค่นี้ละที่ไปกันมา เหนื่อยมาาาากกก ประมานบ่ายๆๆโมง ก็ให้ลุงไปส่งที่สถานีขนส่ง เพื่อที่จะเดินทางไปหลวงพระบาง จ่ายค่าตั๋วเสร็จ ก็รอรถออก และก็หาอะไรกันกิน รถออกตอนประมานบ่ายสาม จำเวลาไม่ค่อยได้เพราะตอนนั้น ง่วงนอนมาก
**ค่ารถบาสไปหลวงพระบาง 400 บาท**
สภาพรถไปหลวงพระบาง
ประมานตีหนึ่ง มาถึงสถานีขนสงหลวงพระบาง ผมเป็นคนไปไหนมาไหมไม่เคยจองที่พักเลย ชอบไปแบบลุยๆ ไปตายดาบหน้าอย่าเดียว ก็เลยต้องพากันเดินหาที่พัก ถนนไม่มีคนเลย เป็นตาย่านแฮง มีที่พักที่หนึ่งในถนนนั้น ป่ายโรงแรมมันใหญ่มาาากก ใหญ่ที่สุดในในถนนนั้น เราสองคนเดินตรงไปที่นั้นแบบอัตโนมัด โดยที่ไม่ได้คุยกันเลย ก็เลยตัดสินใจไปเคราะประตูโรงแรมป่ายใหญ่ และแล้วก็มีผู้ชายหน้าตาพอกินได้ สภาพโดนปลุก มาเปิดประตูให้ ผมก็เลยถาม „อ่ายมีห้องว่างบ่ กับมีอินเตอร์เน็ตพรีบ่“? ผู้ชายหน้าตาพอกินตอบว่า „มีๆ“ ราคาผมไม่ได้ถามครับ พอมีอินเตอร์เน็ตฟรี ก็เอาเลย ต้อนนั้นรู้สึกว่าไม่ได้เล่นอินเตอร์เน็ตมาเป็นชาติแล้ว แต่ก็ยังไม่ตาย ฮาฮา สุดทายก็ได้เล่นอินเตอร์เน็ต อาบนำ้ และก็นอนหลับเต็มอิ่มชักที
**ค่าห้องสองคืน 1040 บาท อยู่กันสองคน เปลื่ยนกันจ่ายคนละคืน ตกลงค่าห้องคนละ 520 บาท**
หน้าตาที่พัก
อันนี้ไม่ได้เกียวอะไรกับหลวงพระบาง แต่ว่าอยากเล่าสู่กันฟัง
ตอนที่อยู่ลาวผมไม่ได้ซื่อซิมโทรศัพท์ แสดงว่าก็ไม่อินเตอร์เน็ตในมือถือ จะเล่นอินเตอร์เน็ตก็แค่เวลาที่อยู่ฮ้องพัก ผมเป็นคนที่ติดอินเตอร์เน็ต ติดมือถือ มาาาากกกก ต้องคอยอับเดท ลงรูป อาหารทุกมือเพื่อนกูต้องรู้ว่ากู-อะไรมา เช็คอิน ตอบวอทส์แอบ อยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนั้นโทรศัพท์ผมได้กลายเป็นแค่กล่องถ่ายรูป แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ได้เห็นหลายสิ่ง หลายอย่าง เห็นสิ่งรอบข้างแบบชัดเจน และก็จะฟินกับสถานที่ที่ไปมาทุกที่ ได้คุยกับคนมากมาย แบบสดๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในรถโดยสาร ในร้านอาหาร ในทุกๆที่ที่ไปมา ได้คุยแรกเปลื่ยนประสบการณ์ ได้รู้จักกับผู้คนใหม่ๆ มากมาย แบบไม่ต้องก้มหน้าดูแต่จอมือถือ ห่วงคอยแต่จะอับเดท เช็คอิน ลงรูป ตอบวอทส์แอบ
เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ *กูก็เพิ่งคิดได้ตอนไปลาวนี้ละ* เฮื่ยยยกูมาเทียว มากิน มาเพื่อเห็นสิ่งใหม่ๆ ในโลกนี้นะโวยยยย ไม่ได้มาเพื่อก้มหน้าดูแต่จอมือถือ เป็นอะไรที่เสียเวลาเทียวมาาากกกๆ ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ที่ต้องคอยอับเดทให้คนรู้ตลอดเวลาว่าอยู่ไหน ทำอะไร กินอะไร บางสิ่ง บางอยาง อับเดททีหลังก็ได้ปะวะ บางครั้งกูถึงกับขั้นไร่สาระขนาดเลยหรอวะ
เอาเวลาที่กูเคยเสียไปกับจอมือถือคืนมาเดียวนี้!!!
วันที่สอง
(สบายดีหลวงพระบาง!!! )
[CR] พาชะนีเยอรมัน เทียวลาว เวียงจันทน์/หลวงพระบาง/วังเวียง 5 วัน 4 คืน
นี้คือกระทู้แรกในชีวิตที่เขียน สาระมีน้อย แต่ไร้สาระเยอะ จะไม่มีข้อมูลมากมาย จะเขียนไม่เยอะ แต่จะเน้นสนุกและรูป อาจจะใช้ภาษามั่วซั่วเหมือนกับตำซกเล็ก ข้าวเหนียว ไก่ย่าง และอาจจะใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ หรืออาจจะมีบางคำที่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง กรุณาหาคนแปลเอง และอีกอย่าง อย่าด่าผมนะ กูไหว้ล่ะ!!!
ปล. ภาษาไทยไม่แข็งแรง ยอมรับว่าเรื่องภาษาปึกหลาย เขียนผิดๆ ถูกๆ ขออะภัยด้วยนะครับบบ!!!
„สะบายดี“ !!!
พ่อแม่พี่น้องเชาพันทิบ เฮาอซื่อว่านายประวิทย์ หรือสิเอิ่นว่า „อีวิตตี้“ กะได้ดื่อ (เป็นซื่อที่สุ่มหมู่เฮามักเอิ่น ในวงการอีแอบ) ส่วนชะนีเยอรมันนางซื่ออิซาเบล หรือสิเอิ่นนางสั้นๆ ว่า „อิซี้“ กะได้ เฮาสองคนเคยเรียน กับฝึกงานอยู่ม่องเดียวกัน อยู่นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน แต่ว่าบ่ค่อยได้สนิดกันทอได๋ดอก บ่ค่อยได๋เว่ากันด้วยซำ แต่พอดีมีอยู่มื่อหนึงได้เฮ็ดงานนำกันพอดี ก็เลยได้เว่านำกัน นางก็เลยถามว่า „ปิดเทิอมสิไปเทียวใส“ เฮาก็เลยบอกนางว่า „สิกลับไปเทียวไทย ลังเทียก็สิไปเทียวลาวนำ“ ก็เล่าสู่นางฟังว่าเคยอ่านกระทู้รีวิวเกียวกับลาว ก็เลยอยากลองไปเทียวเบิง เฮาก็เลยถามนางเล่นๆ ว่า „สนใจสิไปเทียวนำกันบ่“? เฮาก็แอบคิดในใจว่าจังใด๋นางก็บ่ไปนำดอก แต่นางตอบมาว่า „เฮาบ่ทันเคยไปเทียวนอกยุโรบเลย ไกลสุดที่เคยไป ก็อิบีซ่า ประเทศสเบน เดียวสิรองกลับไปคิดเบิง“ เฮาก็แอบคิดในใจว่า „อีปอบเอ่ยยยยย กูถามเล่นๆ สิกลับไปคิดเฮ็ดหยัง“?
สองอาทิตย์ก่อนที่เฮาสิบินอิซี้โทรมาถามว่า „หยังสิให้เฮาไปเทียวนำบ่? เฮากลับไปคิดเบิงแล้วเฮาอยากไปนำ เฮาสิไปจองตั๋วบินมื่ออื่นเลยดื้อ!“ วาาาายยยตายอีนางชะนีเอาอีหลี ไปก็ไปวะ ดีคือกัน สิได๋มีหมู่เทียว
และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นการเดินทาง ของชะนีกับอีแอบ
**ยามเว่ากันกับนางชะนี สิเว่ากันเป็นภาษาเยอรมัน แต่ว่าเฮาเอามาแปลให้แล้วเรียบร้อย เฮาใหญ่อยู่เยอรมัน อยู่นี้ได๋สิบหกปีแล้ว
(ตอนนี้อายุยี่สิบหก) ก็เลยอ่านกับเขียนภาษาเยอรมันได้ แต่ว่าพ่อเฮานะคนชุมแพ จังหวัดขอนแก่นดื้ออออ**
เวลา 17:55 น. รถออกก่อนเวลาห้านาที จากสถานีขนส่งหมอซิต มุ่งหน้าสู่หนองคาย ในรถมีนำ้ และข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวแจกคนละกล่อง หน้าตาหน้ากินมาาาาก *หิวหิวๆๆ* แต่ว่าเผ็ดแฮง เผ็ดอีหลี หลีโตนเจ่าของกับชะนีแฮง สวบไปร้องไห้ไป ผนก็ตกตลอดทาง นอนหลับสบาย หลังจากที่กินพริกกับข้าว และไข่ดาว *อิ่มมมม* และแล้วเวลาประมาณตี่ห้า ก็มาถึงหนองคายซักที
**จ่ายค่ารถไปคนละ 450 บาท**
พอมาถึงหนองคาย ก็นอนเล่นที่สถานีขนส่ง แบบสภาพศพผีตายอยากบ่มีที่ผุดที่เกิด เพื่อรอทำวีซ่าให้ชะนีตอน 6:00 น. และก็ต้องรอด่านเปิดข้ามไปผั่งลาว ตอน 7:00 น.
ประมาณ 8:00 น. ไปถึงผั่งลาว ผ่านด่านตรวจคนเขาเมืองเส็รจ ก็พากันเช่ารถตู้ทั้วร์เมืองเวียงจันทน์ เช่าแบบทั้งวันไปไหนก็ได้ที่อยากไป ลุงคนขับรถบอกว่า „บักหล่าสิพาผู้สาวฝรังไปเทียวหม่องใส บอกลุงมาได้เลย ลุงสิพาไปลุย“ ตอบลงแบบมั้นใจไปว่า „หมู่กันบ่แม่นผู้สาว ผมบ่มักกินดื้อหอย“ คิดภาพแล้วขนลุก ลุงตอบกลับมาคำเดียวสั้นๆ ว่า „ฮ่วย“
**จ่ายค่าเช่ารถตู้ทั้วร์เมือง คนละ 600 บาท แพงมาก รู้ว่าลุงโกงราคาแต่ยอม เพราะง่วงนอนและเหนื่อยมาก ไม่มีพลังปาก ต่อราคากับลุงแก**
ที่แรกที่ลุงพาไปคือ พระพาตุหลวง สีทอง สวยงามอลังการงานสร้างมาก แต่อากาศไม่เป็นใจ ผมตก ก็เลยพากันอยู่ไม่นานก็ไปกันต่อ นี้ขนาดอยูไม่นานนะ แต่ถ่ายรูป แค่ที่พระพาตุหลวง เป็นร้อยๆๆๆ รูป
**วัดแต่ละที่ ที่ลาวต้องจ่ายค้าเข้า แต่ไม่แพงมาก ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้**
พระพาตุหลวง
สถานที่ที่สอง ประตูชัย
และที่สุดท่าย วัดศรีสะเกษ
วัดพระแก้ว ไม่ได้ไป ลุงบอกว่า „กำลังซ่อมแซมอยู่ บ่ต้องไปดอก เสียดายค่าเข้า มันบ่มีอิหยังให้เบิงดอก“ แล้วลูงก็พาขับรถรอบเมื่องกินลมชมวิวริมแม่นำ้โขง ก็มีแค่นี้ละที่ไปกันมา เหนื่อยมาาาากกก ประมานบ่ายๆๆโมง ก็ให้ลุงไปส่งที่สถานีขนส่ง เพื่อที่จะเดินทางไปหลวงพระบาง จ่ายค่าตั๋วเสร็จ ก็รอรถออก และก็หาอะไรกันกิน รถออกตอนประมานบ่ายสาม จำเวลาไม่ค่อยได้เพราะตอนนั้น ง่วงนอนมาก
**ค่ารถบาสไปหลวงพระบาง 400 บาท**
สภาพรถไปหลวงพระบาง
ประมานตีหนึ่ง มาถึงสถานีขนสงหลวงพระบาง ผมเป็นคนไปไหนมาไหมไม่เคยจองที่พักเลย ชอบไปแบบลุยๆ ไปตายดาบหน้าอย่าเดียว ก็เลยต้องพากันเดินหาที่พัก ถนนไม่มีคนเลย เป็นตาย่านแฮง มีที่พักที่หนึ่งในถนนนั้น ป่ายโรงแรมมันใหญ่มาาากก ใหญ่ที่สุดในในถนนนั้น เราสองคนเดินตรงไปที่นั้นแบบอัตโนมัด โดยที่ไม่ได้คุยกันเลย ก็เลยตัดสินใจไปเคราะประตูโรงแรมป่ายใหญ่ และแล้วก็มีผู้ชายหน้าตาพอกินได้ สภาพโดนปลุก มาเปิดประตูให้ ผมก็เลยถาม „อ่ายมีห้องว่างบ่ กับมีอินเตอร์เน็ตพรีบ่“? ผู้ชายหน้าตาพอกินตอบว่า „มีๆ“ ราคาผมไม่ได้ถามครับ พอมีอินเตอร์เน็ตฟรี ก็เอาเลย ต้อนนั้นรู้สึกว่าไม่ได้เล่นอินเตอร์เน็ตมาเป็นชาติแล้ว แต่ก็ยังไม่ตาย ฮาฮา สุดทายก็ได้เล่นอินเตอร์เน็ต อาบนำ้ และก็นอนหลับเต็มอิ่มชักที
**ค่าห้องสองคืน 1040 บาท อยู่กันสองคน เปลื่ยนกันจ่ายคนละคืน ตกลงค่าห้องคนละ 520 บาท**
หน้าตาที่พัก
อันนี้ไม่ได้เกียวอะไรกับหลวงพระบาง แต่ว่าอยากเล่าสู่กันฟัง
ตอนที่อยู่ลาวผมไม่ได้ซื่อซิมโทรศัพท์ แสดงว่าก็ไม่อินเตอร์เน็ตในมือถือ จะเล่นอินเตอร์เน็ตก็แค่เวลาที่อยู่ฮ้องพัก ผมเป็นคนที่ติดอินเตอร์เน็ต ติดมือถือ มาาาากกกก ต้องคอยอับเดท ลงรูป อาหารทุกมือเพื่อนกูต้องรู้ว่ากู-อะไรมา เช็คอิน ตอบวอทส์แอบ อยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนั้นโทรศัพท์ผมได้กลายเป็นแค่กล่องถ่ายรูป แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ได้เห็นหลายสิ่ง หลายอย่าง เห็นสิ่งรอบข้างแบบชัดเจน และก็จะฟินกับสถานที่ที่ไปมาทุกที่ ได้คุยกับคนมากมาย แบบสดๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในรถโดยสาร ในร้านอาหาร ในทุกๆที่ที่ไปมา ได้คุยแรกเปลื่ยนประสบการณ์ ได้รู้จักกับผู้คนใหม่ๆ มากมาย แบบไม่ต้องก้มหน้าดูแต่จอมือถือ ห่วงคอยแต่จะอับเดท เช็คอิน ลงรูป ตอบวอทส์แอบ
เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ *กูก็เพิ่งคิดได้ตอนไปลาวนี้ละ* เฮื่ยยยกูมาเทียว มากิน มาเพื่อเห็นสิ่งใหม่ๆ ในโลกนี้นะโวยยยย ไม่ได้มาเพื่อก้มหน้าดูแต่จอมือถือ เป็นอะไรที่เสียเวลาเทียวมาาากกกๆ ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ที่ต้องคอยอับเดทให้คนรู้ตลอดเวลาว่าอยู่ไหน ทำอะไร กินอะไร บางสิ่ง บางอยาง อับเดททีหลังก็ได้ปะวะ บางครั้งกูถึงกับขั้นไร่สาระขนาดเลยหรอวะ
เอาเวลาที่กูเคยเสียไปกับจอมือถือคืนมาเดียวนี้!!!
วันที่สอง
(สบายดีหลวงพระบาง!!! )