กรมควบคุมโรค และภาคีเครือข่าย...สานพลังยุติการเลือกปฏิบัติผู้ติดเชื้อเอชไอวี

ข้อมูลสถานการณ์การตีตราและการเลือกปฏิบัติ ชี้ให้เห็นว่าการตีตราและการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเอดส์ยังคงมีปรากฏในสังคม และเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนไม่เข้าสู่ระบบบริการดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้น เพื่อยุติปัญหาเอดส์ให้ได้ ภายในปี 2573 จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลด "การตีตราและการเลือกปฏิบัติ"

            นายจอน อึ้งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ กล่าวว่า จากการร้องเรียนเรื่องการเลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิด้านเอดส์ที่ได้รับเป็นจำนวนมาก คณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์พบว่าในปัจจุบันแม้ผู้มีเชื้อเอชไอวีจะมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาว เนื่องจากการได้รับสูตรยาสมัยใหม่ และไม่ได้มีโอกาสแพร่เชื้อต่อผู้อื่นในชีวิตประจำวัน แต่การไม่เข้าใจของสังคมและการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีเชื้อที่ไร้เหตุผลยังมีอยู่กว้างขวาง โดยเฉพาะยังมีนายจ้างเอกชนหลายรายยังบังคับผู้สมัครงานตรวจเลือดเอชไอวีและในกรณีที่พบว่ามีเชื้อก็ไม่รับเข้าทำงาน คณะอนุกรรมการฯได้ไปเจรจากับนายจ้างรายใหญ่ที่เป็นห้างที่มีสาขาทั่วประเทศ ประสบความสำเร็จ โดยนายจ้างตกลงยกเลิกการตรวจเอชไอวีในการตรวจสุขภาพผู้สมัครงาน แต่ยังมีนายจ้างอีกบางส่วนไม่ยอมเปลี่ยนนโยบายและยังละเมิดสิทธิโดยไม่รับผู้มีเชื้อเอชไอวีเข้าทำงาน

         นอกจากนี้พบว่ามีมหาวิทยาลัยเอกชนบังคับนักศึกษาตรวจเชื้อเอชไอวี ทั้งๆที่ขัดต่อแนวปฏิบัติของมหาวิทยาลัยทั่วโลกและมหาวิทยาลัยอื่นในประเทศไทย เมื่อไปพูดคุยปรึกษาหารือทางมหาวิทยาลัยไม่ยอมเปลี่ยนแนวปฏิบัติ ซึ่งเรื่องนี้ได้นำไปสู่คดีฟ้องร้องในศาลปกครอง นอกจากนี้ยังมีกรณีของโรงเรียนบางแห่งที่เลือกปฏิบัติต่อนักเรียนที่มีเชื้อเอชไอวี ซึ่งต้องอาศัยการทำความเข้าใจกับครูและผู้ปกครองจึงแก้ปัญหาได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันคณะอนุกรรมการฯกำลังศึกษาหามาตรการทางกฏหมายที่จะช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้มีเชื้อเอชไอวีให้สามารถเข้าถึงการศึกษาและการจ้างงานเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก ThaiPr.net

Report by LIV APCO
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่