ทิ้งหัวใจไว้ในไซบีเรีย

ทิ้งหัวใจไว้ในไซบีเรีย at Olkhon Island

การมาเยือนของกลุ่มลัทธิประหลาด
(เรื่องและภาพประกอบไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง
กับบุคคลหรือสมาคมใดๆ)

ในเวลาอาหารค่ำวันหนึ่ง วันที่ผมไปช่วยตักอาหารเสิร์ฟอยู่หลังเคาน์เตอร์ ห้องอาหารเต็มไปด้วยผู้คน
ใครๆก็เข้ามาอัดกันอยู่ในนี้ เพราะว่ามันอุ่น
และใกล้เวลาที่ตาแก่ขี้เมาจะเริ่มเล่นหีบเพลง
ผมระมัดระวังอย่างมากในการพิมพ์คำว่า "หีบเพลง"
เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดการตกหล่นของตัวอักษร

เหล่านักท่องเที่ยว นักเดินทางถือจานอาหารไปนั่งตามที่ของตนเอง ตาแก่ขี้เมาก็เริ่มเล่นดนตรีและร้องเพลงประกอบ
เพลงที่แกเล่นก็มีอยู่ไม่กี่เพลงวนไปวนมา แรกๆก็น่าสนใจดี แต่พักหลังนี่เริ่มจับทางแกได้แล้ว เพลงเดิมตลอด
เพลงฮิตของแกเป็นเพลงทาจิกิสสถาน
ผมเองก็แปลความหมายไม่ได้หรอกครับ

โดยการสัมผัสอารมณ์ของเพลง คงประมาณความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวบ้านนอกอะไรประมาณนั้น มันเล่าถึงความไม่สมหวังในความรัก ชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากจากช่วงสงคราม การพลัดพราก ทำนองดนตรีและสีหน้าของตาแก่มันบอกอย่างนั้น
ผมเองก็นับถือและก็ทึ่งในความสามารถของแกอยู่
แกเคยพาเข้าไปในบ้านพักหลังคาเตี้ยๆซึ่งไม่ได้มีข้าวของเครื่องใช้อะไรมากมาย ที่นอน เสื้อผ้า กล่องเครื่องดนตรีสองกล่อง กีตาร์หนึ่งตัว มีหนังสือภาพอยู่สองสามเล่ม บรรจุความหลังมากพอๆกับรอยยับย่นบนหนังหน้าของแกเลย
แต่ช่างเถอะ ทุกครั้งที่ตาแก่นี่เล่นดนตรี มันสามารถสะกดคนให้นิ่ง ฟังแกเล่นจนจบ แล้ววันนี้แกก็ทำได้ดีเหมือนเดิม แถมมีเสียงปรบมือมากขึ้น จากคนที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

ทุกคนกินอิ่ม ดนตรีจบ บ้างก็นั่งคุย ทักทาย บ้างก็แยกตัวออกไปเดินเล่น ไปนอน
มีคนๆหนึ่ง เป็นชายวัยประมาณสี่สิบ ห้าสิบ มองมาที่ผมอย่างตาไม่กระพริบ เหมือนกำลังส่งกระแสจิตมาบอกว่า
"กูกำลังมองอยู่"
มันน่าแปลกที่ผมก็เหมือนว่าจะได้ยินเสียงอีลุงนั่นแว่วอยู่ในหัวด้วย
สักพักหนึ่งมีเด็กชายวัยรุ่นจากกลุ่มนั้นเดินตรงมาที่ผม
พูดกับผมว่าอาจารย์ของเราอยากพบคุณ คุณช่วยไปพบอาจารย์ของเราทางโต๊ะนู้นหน่อยได้ไหม
มันพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งชี้ข้ามหัวไหล่
ผมมองผ่านจากหลังเคาเตอร์จ่ายอาหาร
อีลุงนั่นก็ยังมองผมตาเขม็ง

"อาจารย์อะไรของคุณ..ทำไมเขาต้องการพบตัวผม"

"คือ..อาจารย์สัมผัสถึงพลังงานมหาศาลได้จากในห้องนี้
แล้วคิดว่ามันมาจากคุณ"

"หะ..?พลังอะไรของ"
(ดูดราก้อนบอลเยอะไปน่ะสิ..ผมแอบคิด)

เอาเถอะน่า ช่วยไปพบอาจารยเราหน่อยละกันนะ ผมขอร้อง
พูดจบประโยคมันก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งผมเองก็มองตามไป
ตัวอาจารย์ทำท่าพยักหน้าอย่างพอใจแล้วละสายตาจากผมอย่างช้าๆ ในกลุ่มนั้นเป็นชายรัสเซียราวๆสิบคน
มีผู้หญิงสาวหนึ่งคน ทุกคนแต่งกายด้วยชุดโทนสีดำทั้งเสื้อและกางเกง ยกเว้นแม่สาวนั่น

พอกำลังพูดถึงแม่สาวนั่นแม่สาวนั่นก็เดินตรงมาหาผม มาทำท่าเขอะเขินแล้วขอยืมปากกา
"สวัสดี..ชั้นขออีเมลเธอหน่อย"
เธอวางเศษกระดาษ และปากกาที่ผมยื่นให้บนโต๊ะ

"เธอเอาไปเพื่ออะไร?"
ผมถามแบบโง่ๆงงๆ เนื่องจากอยู่ๆก็มาขอ
"ก็เอาไว้ติดต่อกันไงเล่า(ไอ้ซื่อบื้อ)" เธอตอบตรงไปตรงมา

"นี่..เธอรู้จักกับพวกนั้นด้วยเหรอ..พวกชุดสีดำนั่นน่ะ" ผมก้มหน้าเขียนชื่อตัวเอง และที่อยู่อีเมลบนกระดาษจนเสร็จ เธอก็ไม่ตอบ

อะ..นี่ ผมเลื่อนกระดาษนั่นให้เธอ
"เธอชื่ออะไร..เธอพูดรัสเซียไม่ชัดด้วย เป็นคนที่ไหนอ่ะ" ผมถาม

"อืม..เด็บบี้..ชั้นมาจากเยอรมัน"
"ชั้นไม่รู้จักพวกเขาหรอก แค่เผอิญนั่งรถมาคันเดียวกับพวกเขาน่ะ" (เป็นการนั่งรถตู้มาที่เกาะแห่งนี้)

"คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม? ผมพูดภาษารัสเซียไม่ค่อยได้"
"อ้าว..เธอไม่ใช่คนรัสเซียหรอกเหรอ!? ฉันเขินที่จะต้องพูดภาษารัสเซียผิดๆถูกๆ เมื่อตอนมาขอยืมปากกาน่ะ"

"เธอว่าพวกเขาแปลกๆไหม พวกนั้นน่ะ"
"ก็..เมามากกว่ามั้ง กินเหล้าเมาตั้งแต่อยู่ในรถแล้วนิ..ทำไมเหรอ"

"คนที่เป็นอาจารย์นั่นส่งลูกศิษย์มาบอกผมว่า สัมผัสพลังงานบางอย่างได้" ผมว่าจะลองไปคุยกับเขาหน่อย

.................................โปรดติดตามตอนต่อไป

ทิ้งหัวใจไว้ในไซบีเรีย
https://www.facebook.com/wherewindblow/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่