ข้อคิดจากท่านศาสตราจารย์ ดร... ท่านหนึ่ง

    สวัสดีค่ะ เรามี ประสบการณ์มาเเชร์ เป็นคำพูดของอาจารย์คนนึงสมัยที่เราเรียนอยู่ค่ะ อาจารย์ ก็จะชอบ พูด คุยเรื่อง ปรัญชา ชีวิต สอนการใช้ชีวิตให้แก่นิสิตฟัง มีเรื่องนึงที่น่าสนใจ ต้องบอกก่อน อาจารย์ ท่านนี้ จบปริญญาเอก ตอนจบใหม่ท่านได้ ทำงานที่ประเทศต่างประเทศ ของบริษัทใหญ่ๆ จนต่อมา ผัน ตัว มาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
     เราได้ทำวิทยานิพนธ์กับท่านพอดี ท่านเล่าให้ฟังว่า อีก  2 ปี ข้างหน้าจะ ลาออกไปทำเกษตร ซึ่งเราเเละเพื่อนๆที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ คิดว่า อาจารย์ พูด ตลกอีกเเล้ว เนื่องด้วย อาจารย์ท่านนี้ เป็นคนติดตลกหน่อยๆ เราเลยได้ถามอาจารย์ว่า ที่อาจารย์พูด จริงหรอ อาจารย์เลยได้ เล่าย้อนไปในสมัยที่แกได้ทำงานเเรกๆ ช่วงนั้นท่านได้ทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ท่านทำงานเเบบไม่มีวันหยุด หรือถ้าวันไหนเป็นวัน หยุด ท่านก็จะเดินตรวจงานในโครงการเป็นแบบนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนถึงจุดเปลี่ยน ท่านได้ล้มป่วยหนักในวัยที่อายุ 45 ปี ช่วงนั้น ท่านทำอยู่สิงคโปร์  พอพักรักษา ตัวหาย จึงได้ผันตัวมาเป็น อาจารย์ ปัจจุบัน ในขณะนั้น ท่านคิดเพียงเเต่ว่า ทำงานเเลกเงิน มีความรู้ จะเติบโตไปในสายงานนี้ จนได้ป่วย ความคิดท่านก็เปลี่ยน จากอยากเติบโตในสายนี้ มีเงินมีทอง เป็นเจ้าของธุรกิจเปิดบริษัทใหญ่ กลายมาเป็นเเค่ ลุงคนนึงที่มีสวนผลไม้เป็นของตัวเอง อยู่กินอย่างพอเพียง เราฟังจบก็ถามอาจารย์ไปว่า แบบนั้น อาจารย์ไม่เสียดาย เวลาที่ผ่านมาหรอ ท่านเลยตอบว่า ตอนนี้ ยังเสียดายที่ตอนนั้น คิดไม่ได้ เเบบนี้ ท่านพูดต่อว่า วันไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะล้มหานตายจากไปตอนไหน สิ่งที่เราทำในปัจจุบัน เราคิดว่านั้นคือ ความต้องการของเรา เนื่องด้วยหลายๆปัจจัย ส่งผลให้เราคิดแบบนั้น เเต่ถ้า เรา มองดีๆ เเล้ว เเต่ละคนเพียงอยากมีชีวิตที่มีความสุข เท่านั้น พูดจบ ก็ เดินจากไปเเบบ เท่ๆๆ

     ในตอนที่เราฟังท่านพูด ในช่วงวัยนั้น บอกตามตรง เราไม่เคยเข้าใจเลย เพราะทุกอย่าง กว่าจะได้มาก็ ต้องมีทุน ทุนก็ได้มาจากการทำงาน จนตอนนี้ เราเริ่มจะเข้าใจความหมายของท่านเเล้ว เเละวิศวกรอาวุโสหลายๆท่านก็มีความคิดเช่นเดียวกันอาจารย์ท่านนี้ คือ สุดท้ายทุกคนอยากมีสวนเป็นของตัวเอง เเละอยู่กับสวนนั้นตลอดไป...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่