เสน่หาอำมหิต...มฤตยูที่รัก ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
บทนำอยู่ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
http://ppantip.com/topic/34885694


เสน่หาอำมหิต...มฤตยูที่รัก


โดย...ล. วิลิศมาหรา


ตอนที่ 1


       บ้านสองชั้นขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำ แม้ไม่ใหญ่โตนักแต่ทว่าหรูหรามีระดับของบรรพต ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มใหญ่วัยเกษียณอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรสำหรับบุคคลเฉพาะด้านย่านชานเมือง ชื่อว่า "โครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่เพื่อชีวิตผู้สูงวัยที่ดีกว่า" เจ้าของบ้านที่นี่ส่วนมากเป็นคนพ้นวัยหนุ่มสาวไปแล้ว เกินครึ่งคือบรรดาข้าราชการที่เกษียณอายุและต้องการพักผ่อนเงียบ ๆ อยู่ในแวดล้อมคนวัยเดียวกัน ท่ามกลางบรรยากาศภายในโครงการสุดหรู สวยงาม สะอาดน่าอยู่ เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างสุขสงบในบั้นปลายชีวิต

     บรรพตหลงเสน่ห์ที่นี่เพราะมีสวนสาธารณะร่มรื่นได้บรรยากาศของการพักผ่อน พื้นที่ส่วนกลางมีสวนสวยและสระน้ำพุรูปวงกลมตั้งเด่นใจกลางโครงการ กับมีสนามหญ้าเขียวชอุ่ม อาคารทุกหลังมีพื้นที่ใช้สอยกว้างหกเมตร เจ้าของบ้านแต่ละหลังมักจัดสวนเล็ก ๆ ไว้หน้าบ้าน ถนนกับเลนปั่นจักรยานคอนกรีตกว้างโล่ง สองข้างทางปลูกต้นไม้ใหญ่เรียงรายเป็นระเบียบ ทุกสามชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขี่จักรยานมาคอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อย

       ในโครงการมีคลับเฮ้าส์บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ บรรพตชอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่และฟิตเนสออกกำลังกาย มันโดนใจคนที่กำลังคิดเริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเองจริงจังเสียทีอย่างเขา เพราะที่ผ่านมา นายแพทย์ผู้ย่างเข้าวัยอาวุโสไม่เคยมีเวลาใส่ใจตัวเอง ทุกชั่วโมงนาทีหมดไปกับการดูแลคนอื่น แม้ตอนทานข้าวน้อยครั้งที่จะได้ทานตรงตามเวลา

       นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีห้องคาราโอเกะ ห้องอบเซาน่า และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ผู้อาศัยไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปไหนไกล โครงการหมู่บ้านเแห่งนี้จึงนับว่าบรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น ทำให้บรรพตตัดสินใจยกบ้านหลังใหญ่ของตัวเองให้สองสามีภรรยาชาวฝรั่งเศสเช่า ทำสัญญาเช่ากันห้าปี ส่วนเขาก็มาซื้อบ้านพักอยู่ที่นี่แทนบ้านหลังใหญ่มานานกว่าหนึ่งปีแล้ว

       นายแพทย์บรรพตตกพุ่มม่าย เพราะสายใจภรรยาของเขามาด่วนเสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้วด้วยโรคมะเร็งปอดที่แพร่กระจายรวดเร็วไปยังกระดูกและต่อมน้ำเหลือง เธอทนทุกข์ทรมานอยู่เพียงสี่เดือนก็จากเขาไป

       ต่อมาสุกิจลูกชายเพียงคนเดียวที่ดำเนินรอยตามบิดาก็ไปทำงานให้โรงพยาบาลในประเทศสหรัฐอเมริกา นาน ๆ ถึงติดต่อกลับมาสักครั้ง ทิ้งภาระการดูแลบ้านช่องใหญ่โตกว้างขวางราวคฤหาสน์และคนรับใช้อีกหลายคนไว้ให้

      บรรพตสลัดภาระเหล่านั้นทิ้งทันทีที่อ่านเจอรายละเอียดของโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่แห่งนี้เข้า



    ตั้งแต่ภรรยาจากไป หมอบรรพตรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต เขาเสื่อมศรัทธาในตัวเองที่เป็นถึงแพทย์ศัลยกรรมฝีมือดี แต่กลับไม่สามารถช่วยชีวิตภรรยาสุดที่รักเอาไว้ได้ นายแพทย์ผู้เคยเก่งกาจรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ประกอบกับไฟในการทำงานมอดดับเพราะขาดแรงจูงใจที่เคยหนุนส่ง บรรพตไม่รู้จะทำงานหนักหาเงินไปทำไม ในเมื่อบุคคลที่รักทยอยจากไปทีละคนทั้งจากเป็นและจากตาย สุดท้ายก็หมดเกลี้ยง อีกทั้งเหลือทนต่อหน้าที่การงานอันหนักหนา กลับกันกับสุขภาพซึ่งเริ่มทรุดโทรมอ่อนล้าลงทุกที

       ดีที่เขาเป็นคนชอบเขียนหนังสือ ดังนั้น เมื่อบทความและนิยายเชิงการแพทย์ที่เขียนเป็นงานอดิเรกได้รับความสนใจ เขาจึงหันมาเขียนหนังสือจริงจังและวางมือจากงานรักษาอาการป่วยไข้โดยสิ้นเชิง



    บ้านของนายแพทย์บรรพตอยู่ตรงหัวมุมถนน ส่วนอีกด้านติดกับบ้านหลังที่ยังว่าง เจ้าของซื้อไว้ให้คนเช่าอยู่ ทีแรกเขาหวังว่าจะได้เพื่อนบ้านน่ารัก ๆ ที่พอพูดคุยพึ่งพิงกันได้ประสาคนวัยเดียวกัน บ้านพักระดับนี้คนที่มีแรงซื้อคงไม่ใช่ไก่กา ครั้นมาเจอบ้านว่างไร้คนอาศัยอยู่ติดกัน จึงรู้สึกผิดหวังนิด ๆ แต่บางทีก็คิดว่าดีเหมือนกัน เขาจะได้มีสมาธิเขียนหนังสือโดยปราศจากสิ่งรบกวน
  
    ชะตาชีวิตเริ่มเล่นตลกกับหมอบรรพต เพราะประมาณสามเดือนที่ผ่านมา บ้านว่างข้าง ๆ ได้มีผู้ชายแก่คนหนึ่งย้ายเข้ามาพัก ดูจากท่าทางแล้วชายคนนี้คงไม่ใช่เจ้าของบ้าน น่าจะเป็นคนที่มาเช่าอยู่ บรรพตรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นข้าวของที่ชายชราหอบหิ้วมาด้วย มีเพียงกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมสามสี่ใบและกล่องไม้ใบใหญ่อีกหนึ่งใบที่มีรถบรรทุกขนมาส่งเท่านั้น

    เป็นเวลาหลายวันทีเดียว ขณะบรรพตออกมายืดเส้นยืดสายหรือรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านในตอนเย็น เขามักเห็นชายแก่นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเก้าอี้ตรงระเบียงบ้านชั้นล่างนานเป็นชั่วโมง ๆ ดวงตาของเขาเหม่อมองไปเบื้องหน้าเหมือนกำลังตั้งตารอคอยอะไรบางอย่าง ชายชราไม่เคยหันมาทักทายเพื่อนบ้าน จนหนุ่มใหญ่อ้าปากทักทายค้างอยู่หลายครั้ง

    ต่อเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วชายแก่จึงลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในบ้าน บรรพตสังเกตเห็นเขาเข้าไปเปิดไฟเพียงดวงเดียวเฉพาะในห้องนอนเท่านั้น ส่วนอื่นของบ้านมืดสนิท แต่ก็มีบางวันที่ชายคนนั้นไม่ออกมาให้เห็น เขาหายเงียบอยู่ภายในบ้านตลอดทั้งวัน โดยไม่โผล่หน้าออกมาข้างนอกเลย

    ในเมื่อเพื่อนบ้านดูเหมือนไม่สนใจจะทำความรู้จักกัน ทั้งที่อยู่ในวัยใกล้เคียงและต่างอยู่ลำพัง หมอศัลยกรรมจึงเลิกสนใจชายคนนี้ บรรพตรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเพื่อนบ้านใกล้ชิดขึ้นมาตงิด ๆ จนคิดอยากย้ายบ้านหนี

    ขณะที่เขามีความคิดเช่นนั้น แต่แล้วก็มีสิ่งที่ทำให้เขาเลิกคิด และต้องหันมาเฝ้าจับตามองบ้านข้าง ๆ อีกครั้ง สิ่งนั้นก็คือเด็กสาวแสนสวยปริศนา ที่ปรากฏตัวให้เขาเห็นเป็นครั้งแรกในค่ำคืนหนึ่งเมื่อกว่าสามเดือนที่แล้ว

    เธอชื่อพลอย....



    บรรพตจำวินาที ที่ตัวเองตะลึงจ้องดรุณีอ่อนเยาว์ในชุดนอนสีชมพู สั้นสูงเลยเข่าขึ้นมากว่าคืบ ระบายลูกไม้ที่คอ แขน และชายเสื้อสวยหวานได้ดี ชุดนอนค่อนข้างบางเบาเผยให้เห็นเรือนร่างระหงแต่อวบอิ่มซ่อนอยู่ข้างใต้รางเลือน ผิวเนื้อนวลเนียนของเรียวขางามดึงดูดสายตาจนเขาเผลอมองก่อนรีบเลื่อนสายตาไปยังที่อื่น

    สาวน้อยออกมายืนแปรงผมยาวสลวยดำขลับอยู่ตรงระเบียง ซึ่งยื่นออกมานอกห้องนอนชั้นบนของบ้านทุกหลัง ห่างกันประมาณสองเมตร  ระเบียงบ้านเธออยู่ใกล้ระเบียงห้องนอนของเขาเช่นกัน ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่บรรพตยืนจิบเครื่องดื่มรับลมเย็น ระหว่างชมท้องฟ้ายามราตรี

    แสงไฟจากหลอดไฟฟ้าเรียงรายตามถนนคอนกรีตส่องสว่าง ทันใดนั้น สายตาของทั้งคู่เหลือบมาประสบกันเข้า เด็กสาวมองตอบด้วยดวงตากลมโต มันเปล่งประกายสดใสราวดวงดาราบนฟ้ามืดยามไร้เมฆบัง สาวน้อยยืนนิ่งอยู่สักครู่ ก่อนคลี่ยิ้มบาง ๆ บนริมฝีปากสีชมพูจิ้มลิ้มน่ารักมาให้ ทันทีนั้นหนุ่มใหญ่รู้สึกใจสะท้านไหววูบกับภาพมีเสน่ห์ยวนใจตรงหน้า จนลมหายใจเกิดติดขัด

    “สวัสดีค่ะคุณ”

    เด็กสาวเอ่ยทักทายขึ้นก่อน หมอบรรพตค้อมศีรษะให้กับสาวน้อยงามละมุน

    “สวัสดีครับ เอ้อ นึกว่าบ้านหลังนี้มีคนพักแค่คนเดียวเสียอีก” สาวแรกรุ่นหัวเราะเสียงใสเหมือนรู้สึกขำ

      “หนูชื่อพลอยค่ะ พลอยพักอยู่กับคุณพ่อสมาน แล้วคุณล่ะคะ ให้พลอยเรียกว่าคุณอะไรดี”

    เธอยืนตัวตรงเอียงคอถาม กิริยานั้นทำให้หัวใจของบรรพตเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมนะ เขาเคยเห็นเด็กสาว ๆ มามากมาย บางคนสวยราวนางฟ้า ต่างพากันแต่งตัวอวดโฉมหลายแบบ บางคนสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เหมือนไม่ได้สวมอะไรเลยก็ผ่านตามาเยอะแยะ แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกแบบนี้เลยสักครั้ง

...แต่กับร่างน้อยอิ่มเต็มในชุดนอนระบายลูกไม้ เธอผู้มีเรียวขางาม เรือนผมดำสนิทยาวสยายลงคลุมไหล่กรอบดวงหน้านวลกระจ่าง กับดวงตาแวววาวแจ่มจรัสคู่นั้น...พลอยช่างน่าหลงใหลอย่างน่าพิศวง

    ค่ำคืนนั้นพิเศษ มันเหมือนบางอย่างในตัวหมอรุ่นใหญ่ที่เคยหลับใหลเกิดตื่น บรรพตเฝ้ามองปากบางเจื้อยแจ้วเจรจา เสียงหัวเราะสดใส ดวงตาเป็นประกายเต้นระยิบ หนุ่มใหญ่ยืดตัวขึ้น ความรู้สึกกระชุ่มกระชวยกลับคืนมาอีกครั้ง เขาสอบถามและแนะนำตัว พยายามทำตัวเองให้เป็นที่สนใจของสาวน้อยมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    บรรพตรู้จากพลอยว่าเธออายุสิบแปดปี ส่วนสมานผู้เป็นบิดาอายุแปดสิบ เขาทำงานกับองค์กรวิจัยระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องเดินทางข้ามประเทศตลอดเวลา

    “พ่อทำงานกับทีมวิจัยเรื่องสิ่งลี้ลับนอกโลกขององค์กรปกป้องมนุษยชาติสากลค่ะ เราต้องออกเดินทางอยู่เรื่อย ๆ พลอยตะลอนตามคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้อยู่เป็นหลักแหล่งเลยค่ะ”

    "แล้ว...คุณแม่พลอยล่ะครับ"

    บรรพตได้โอกาสซักไซ้สิ่งที่ข้องใจมานาน เพราะเขาไม่เคยเห็นพลอยออกมานอกบ้านในตอนกลางวันบ้างเลย แถมสมานยังนั่งขวางอยู่หน้าประตูบ้าน ทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อเห็นบรรพตเมียงมองเข้ามา เขาเข้าใจว่าสมานคงตุนของกินของใช้เอาไว้ให้ลูกสาวคนเดียว ส่วนพลอยทำอะไรอยู่ข้างในบ้านนั้นนะ เธออาจเป็นเด็กติดเกมส์ เล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืนก็ได้

    "พลอยไม่เคยเห็นหน้าแม่" เด็กสาวทำเสียงเย็นชาลง

    "พ่อก็ไม่ยอมพูดถึง พลอยไม่รู้เรื่องแม่เลยแม้แต่น้อย"

    บรรพตพยักหน้ารับรู้ เขารู้สึกผิดพลาดที่คำถามไปจี้จุดเจ็บในดวงใจของเด็กสาวกำพร้า รู้สึกสงสารสาวน้อยจึงส่งยิ้มปลอบแล้วหยุดคำถามลง รีบเปลี่ยนเรื่องคุย

         "พระจันทร์สวยจังนะครับ" เขาชี้ชวนให้เธอชมจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า

         "สวยมากค่ะ พลอยชอบคืนพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้จัง"

สาวน้อยแสนสวยหันมองดวงจันทร์ใสกระจ่างฟ้าดวงโต เธอทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มคล้ายตกอยู่ในฝันหวาน บรรพตมองกิริยาของเธอราวต้องมนต์เสน่ห์ โอ้ แม่สาวน้อยแสนหวาน อยากเข้าไปใกล้ชิดอีกสักนิด หัวใจหนุ่มใหญ่เต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาตกหลุมเสน่ห์เด็กสาวเข้าให้แล้วอย่างจัง

   "คุณว่าบนนั้นมีอะไรคะ"

จู่ ๆ เธอก็หันมาจ้องหน้าส่งคำถามทำตาแป๋ว บรรพตเลิกคิ้วสูง อดขำคำถามสาวน้อยช่างฝันไม่ได้

"มีกระต่ายครับ" เขาบอกล้อ ๆ

"ผิดค่ะ"

เธอยิ้มหวานให้ แต่แววตาขำขัน

"บนนั้นแห้งแล้งหนาวเย็น ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ คุณเล่านิทานหลอกเด็ก พลอยไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว"

ฉับพลันเธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง

"บางทีอาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ก็ได้ เพียงแต่พวกนั้นซ่อนตัวอยู่ และวิทยาการของเราตรวจสอบไม่ถึง"


    บรรพตถึงกับอึ้งเมื่อถูกเด็กสาวย้อนเอา ความรู้สึกเมื่อได้ยืนคุยกันตรงระเบียงห้องนอน จากการพูดจา ดูเหมือนพลอยเป็นเด็กที่มีความรู้รอบตัวดีมาก ซึ่งไม่แปลก ในเมื่อโลกทุกวันนี้สามารถเรียนรู้อะไร ๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส พลอยอาจไม่ได้เข้าโรงเรียนที่ไหน เธอคงเรียนรู้วิชาการต่าง ๆ จากพ่อซึ่งมีดีกรีเป็นดอกเตอร์ทางชีวเคมี (Biochemists) ซึ่งศึกษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ปรากฏการณ์เซลล์และปฏิสัมพันธ์ในระดับโมเลกุล และเรียนรู้ผ่านทางเครือข่ายใยแมงมุมนี้เอง


    หลังจากทำความรู้จักกันในคืนนั้น เพื่อนบ้านทั้งสองเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พลอยคงนำเรื่องที่ได้คุยกับเขาไปบอกสมาน ชายแก่จึงมีท่าทีสนใจบรรพตมากขึ้น อย่างน้อยชายชราก็ยิ้มนิด ๆ ตรงมุมปากให้เวลาเจอหน้ากันจัง ๆ บรรพตซึ่งนึกสงสัยเรื่องพลอยไม่ออกจากบ้านตอนกลางวัน หลังทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวจึงเอ่ยปากถามสมาน หลังจากดักพบดอกเตอร์ชราในเย็นวันหนึ่ง

    “พลอยไม่ชอบโดนแดด”

    ชายแก่ตอบเรื่องนี้อย่างเสียไม่ได้ บรรพตดูออกว่าชายชราปิดบังบางอย่างเอาไว้

    “พลอยป่วยหรือครับ”

    เพราะอาชีพที่อยู่กับความป่วยไข้ของมนุษย์มายาวนานทำให้บรรพตคิดถึงเรื่องนี้ สมานนิ่งไปทันที ดวงตาฉายแววลังเล

     “สมกับเป็นหมอ ลูกสาวผมแพ้แสงแดดอย่างแรง”

    หลังจากนิ่งคิดใคร่ครวญ และแล้วดูเหมือนสมานตัดสินใจได้ เขายอมเล่าอาการเจ็บป่วยของบุตรสาวให้นายแพทย์ข้างบ้านฟัง ชายแก่ถอนหายใจยาวก่อนเริ่มต้น

    “พลอยเป็นโรคประหลาด มันสืบทอดทางกรรมพันธุ์”

          “โรคลูปัส”

    หมอหนุ่มใหญ่คราง สมานผงกศีรษะช้า ๆ ก่อนเล่าต่อ

    “หนักกว่านั้น มันเป็นลูปัสที่รุนแรงเพราะพลอยมีความผิดปกติของระบบอื่นร่วมด้วย ลูปัสอาจแค่เป็นผื่นแดงเวลาโดนแดด แต่ผิวเนื้อของพลอยจะลอกออกมาเป็นแผ่นได้เลย หากโดนแดดจัด ๆ”

    “โธ่...”

    หมอบรรพตอุทานออกมาอย่างเวทนาสาวน้อยจับใจ ยิ่งนึกถึงเรือนร่างอาบเสน่ห์ที่คงเจ็บปวดแสนสาหัส อีกทั้งยังมีชีวิตราวต้องคำสาป ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขานึกอยากหาทางช่วยเหลือแม่สาวนัยน์ตาชวนฝันของเขาขึ้นมาทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่