สวัสดีครับก่อนอื่นต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้เลยและก็ไม่เคยคิดจะเขียนด้วย เนื่องจากว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยมีหัวทางการเขียนเล่าเรื่องสักเท่าไหร่ แต่คิดไปคิดมาก็อยากจะแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าที่ตัวเองได้เคยทำซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่น ๆ ไม่มากก็น้อยและอีกอย่างเป็นการเตือนความจำเราด้วยว่าต้องทำและเตรียมอะไรบ้าง เพราะคงไม่ได้ทำแบบนี้บ่อย ๆ เท่าไหร่ แต่ก่อนที่จะเริ่มเล่าขั้นตอนการขอวีซ่านั้น ขอเล่าประวัติตัวเองก่อนนะครับว่าขอวีซ่าไปทำไมและไปหาใคร ขออนุญาตแทนตัวเองว่า "เรา" นะครับ คือว่า เรากับแฟน (ชายรักชาย) เริ่มรู้จักกันผ่านอินเตอร์เน็ต (ขอไม่บอกชื่อเวปไซด์นะครับ) ซึ่งจะเป็นในลักษณะของการฝากประวัติและรูปถ่ายไว้ ถ้าใครสนใจเราเค้าก็จะส่งข้อความมาหาเรา แล้วเราก็เริ่มคุยกันมาตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาผ่านทางอีเมลล์ (ประมาณเดือนสิงหาคม 2557) หลังจากนั้นเดือนธันวาคมปีเดียวกันเค้าก็บินมาเมืองไทยทำให้เราได้เจอกันครั้งแรกอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ก็บินกลับไปซึ่งหลังจากเค้ากลับไปเราก็คุยกันมาโดยตลอดผ่านทางโปรแกรม Skype และเค้าก็บอกว่าอยากให้เราไปเยี่ยมเค้าบ้างจะได้รู้ว่าเค้าอยู่อย่างไรจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ซึ่งเรื่องตั๋วเครื่องบินหรือค่าใช้จ่ายแฟนเราเป็นคนจ่ายทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำคือ ขอพาสปอร์ตกับวีซ่าครับ ดังนั้น เรามาเริ่มกันเลยนะครับว่ามีขั้นตอนการขอวีซ่าอย่างไร (ขออนุญาตไม่พูดถึงครั้งแรกนะครับ เนื่องจากจำรายละเอียดไม่ค่อยได้)
ขั้นตอนการขอวีซ่ามีดังนี้
1. เตรียมเอกสารก่อนเลยจ้า ซึ่งเรามีเอกสารดังนี้
- พาสปอร์ตตัวจริง
- สำเนาพาสปอร์ต 1 ชุด
- เอกสารคำร้องการยื่นขอเชงเก้น วีซ่า กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย (อันนี้แฟนกรอกให้ตั้งแต่ครั้งแรก พอครั้งที่สองก็เปลี่ยนแค่วันที่เดินทางและรายละเอียดนิดหน่อย แต่ถ้าใครกรอกไม่เป็น ที่สถานฑูตจะมีบริการกรอกข้อมูลให้นะ ค่าบริการประมาณ 150 บาท)
- เอกสารการเชิญตัวจริงจากแฟนส่งมาจากเยอรมัน (ตัวจริงและสำเนา หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจเสร็จเค้าจะคืนตัวจริงกลับมาให้เรา)
- หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไปและกลับ (พิมพ์จากอีเมลล์ที่ได้รับจากสายการบินที่จองตั๋ว)
- เอกสารรับรองการทำงานจากบริษัท โดยระบุจำนวนปีที่ทำงาน อัตราเงินเดือนและช่วงเวลาที่ลาหยุดอย่างชัดเจน (ตัวจริง)
- เอกสารรับรองสถานะทางการเงินจากธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่มีบัญชีเงินเดือน ขอจากธนาคารสาขาไหนก็ได้ ค่าบริการ 100 บาท (ตัวจริง)
- หน้าบัญชีและ Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
- โฉนดที่ดิน มีเท่าไหร่เอาไปให้หมด (อันนี้เราเตรียมสำเนาไป แต่เจ้าหน้าที่ถามว่าเอาตัวจริงมามั้ย เราบอกไม่ได้เอามา เจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่าอะไร)
- ตารางกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งครอบคลุมวันเดินทางไปและกลับ (พิมพ์จากอีเมลล์ที่ได้รับจากบริษัทประกัน)
- สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า (ย้ำว่าทุกหน้า)
- รูปถ่าย 2 ใบ (ติดที่เอกสารคำร้อง 1 ใบและแนบไปกับเอกสารอีก 1 ใบ แนะนำว่าให้ไปถ่ายที่สถานฑูตดีกว่า เพราะหากถ่ายจากข้างนอกอาจจะใช้ไม่ได้ ค่าบริการ 180 บาท ได้มา 4 ใบ)
2. จองคิวยื่นวีซ่า ซึ่งเข้าใจว่าจะมี 2 วิธี คือ จองผ่านโทรศัพท์ที่เบอร์ 1900 222 343 (อย่าลืมเตรียมเลขที่พาสปอร์ตด้วย) และจองผ่านทางเวปไซด์ของสถานฑูต เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป ซึ่งเราได้คิววันที่ 29 ก.พ. 2559 เวลา 07:30 น.
3. เมื่อถึงวันนัดเราก็ไปถึงสถานฑูตก่อน 30 นาที จะมีเจ้าหน้าที่ รปภ จัดคิวที่หน้าสถานฑูต พอถึงเวลาก็ให้เดินเข้าไป สำหรับโทรศัพท์จะต้องปิดเครื่องและฝากเจ้าหน้าที่ไว้ที่ประตู
4. เมื่อเข้าไปด้านในเราก็ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่บอกคิวที่เราจองไว้ เจ้าหน้าที่ก็จะดูรายชื่อและตรวจเอกสารให้เราแบบคร่าวและบอกให้นั่งรอก่อนถึงเวลาจะเรียก ระหว่างนั่งรอเราก็ไปถ่ายรูปเพื่อนำมาติดกับเอกสารแล้วก็นั่งรอจนถึงเวลานัด
5. พอถึงเวลานัดเจ้าหน้าที่ก็จะบอกว่าให้เราเดินเข้าไปด้านในได้เลยและกดคิวตามประเภทวีซ่าที่เราขอซึ่งจะมีเจ้าหน้าประจำอยู่ตรงนั้นคอยบอกเรา ซึ่งในบัตรคิวก็จะบอกว่าเราต้องเข้าช่องที่เท่าไหร่และหมายเลขอะไร เราก็นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกอีกที
6. รอสักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกคิวของเรา ทีนี้แหละตื่นเต้นสุด ๆ เจ้าหน้าที่ก็ยิงคำถามรัว ๆ มีดังนี้(เท่าที่จำได้นะ) ขอไม่บอกสิ่งที่เราตอบนะ
- รู้จักแฟนได้ยังไง / รู้จักกันผ่านโปรแกรมอะไร / เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ / แฟนมาเยี่ยมบ่อยมั้ย
- ไปทำอะไรที่นั่น
- ไปกี่วัน
- เป็นอะไรกับคนเชิญ
- เป็นคนเดิมที่เชิญเมื่อปีที่แล้วมั้ย
- แฟนอยู่เมืองอะไร ทำงานอะไร เค้าส่งเงินให้เราใช้มั้ย
- เราทำงานอะไร รับผิดชอบส่วนไหน ทำงานมากี่ปี
- ขอสำเนาเอกสารพาสปอร์ตของแฟน เราบอกไม่ได้เตรียมมา พอดีมีบัตรประจำตัวของแฟนไปด้วยเลยถามว่าแทนกันได้มั้ย เค้าบอกว่าได้ เราก็ยื่นให้เค้าไป
- คำถามสุดท้าย ==> สะดวกจะรับพาสปอร์ตทางไปรษณีย์หรือมารับเอง เราตอบว่ารับทางไปรษณีย์ เจ้าหน้าก็ให้เอกสารอะไรซักอย่างมาบอกให้เดินไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียม 2,300 บาท (อ้อ!!!!ลืมบอก เพื่อความรวดเร็วเตรียมเงินค่าทำวีซ่าให้พอดีด้วยนะ 2,300 บาท เผื่อเจ้าหน้าที่ไม่มีเงินทอน) และไปซื้อซอง EMS หลังจากนั้นก็เอาไปยื่นที่เจ้าหน้าที่คนที่ประจำที่กดบัตรคิว แล้วก็กลับบ้านได้ ==> เท่าที่จำได้มีประมาณนี้นะครับ
7. หลังจากนั้น 3 วันก็ได้รับเล่มพาสปอร์ตคืน โดยมีวีซ่า เชงเก้นประทับอยู่ในนั้นด้วย เย้!!!! (ยื่นเอกสารวันจันทร์ได้รับวันพฤหัส)
จบแล้วครับ โชคดีทุกคนนะครับ ถ้ามีการขอวีซ่าครั้งที่ 3 อีกจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ แนะนำว่าให้ตอบคำถามตามความเป็นจริงนะครับ เพราะความจริงคือสิ่งไม่ตาย แต่อาจจะตายได้ ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน 555
ปล สำหรับการเตรียมสำเนาเอกสาร เราไม่ได้เซ็นต์สำเนาถูกต้องเลยนะครับ เผื่อมีคนสงสัยว่าต้องเซ็นต์กำกับที่สำเนาเอกสารหรือเปล่า
แชร์ประสบการณ์การขอเชงเก้น วีซ่าที่สถานฑูตเยอรมณีด้วยตัวเอง
ขั้นตอนการขอวีซ่ามีดังนี้
1. เตรียมเอกสารก่อนเลยจ้า ซึ่งเรามีเอกสารดังนี้
- พาสปอร์ตตัวจริง
- สำเนาพาสปอร์ต 1 ชุด
- เอกสารคำร้องการยื่นขอเชงเก้น วีซ่า กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย (อันนี้แฟนกรอกให้ตั้งแต่ครั้งแรก พอครั้งที่สองก็เปลี่ยนแค่วันที่เดินทางและรายละเอียดนิดหน่อย แต่ถ้าใครกรอกไม่เป็น ที่สถานฑูตจะมีบริการกรอกข้อมูลให้นะ ค่าบริการประมาณ 150 บาท)
- เอกสารการเชิญตัวจริงจากแฟนส่งมาจากเยอรมัน (ตัวจริงและสำเนา หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจเสร็จเค้าจะคืนตัวจริงกลับมาให้เรา)
- หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไปและกลับ (พิมพ์จากอีเมลล์ที่ได้รับจากสายการบินที่จองตั๋ว)
- เอกสารรับรองการทำงานจากบริษัท โดยระบุจำนวนปีที่ทำงาน อัตราเงินเดือนและช่วงเวลาที่ลาหยุดอย่างชัดเจน (ตัวจริง)
- เอกสารรับรองสถานะทางการเงินจากธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่มีบัญชีเงินเดือน ขอจากธนาคารสาขาไหนก็ได้ ค่าบริการ 100 บาท (ตัวจริง)
- หน้าบัญชีและ Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
- โฉนดที่ดิน มีเท่าไหร่เอาไปให้หมด (อันนี้เราเตรียมสำเนาไป แต่เจ้าหน้าที่ถามว่าเอาตัวจริงมามั้ย เราบอกไม่ได้เอามา เจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่าอะไร)
- ตารางกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งครอบคลุมวันเดินทางไปและกลับ (พิมพ์จากอีเมลล์ที่ได้รับจากบริษัทประกัน)
- สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า (ย้ำว่าทุกหน้า)
- รูปถ่าย 2 ใบ (ติดที่เอกสารคำร้อง 1 ใบและแนบไปกับเอกสารอีก 1 ใบ แนะนำว่าให้ไปถ่ายที่สถานฑูตดีกว่า เพราะหากถ่ายจากข้างนอกอาจจะใช้ไม่ได้ ค่าบริการ 180 บาท ได้มา 4 ใบ)
2. จองคิวยื่นวีซ่า ซึ่งเข้าใจว่าจะมี 2 วิธี คือ จองผ่านโทรศัพท์ที่เบอร์ 1900 222 343 (อย่าลืมเตรียมเลขที่พาสปอร์ตด้วย) และจองผ่านทางเวปไซด์ของสถานฑูต เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป ซึ่งเราได้คิววันที่ 29 ก.พ. 2559 เวลา 07:30 น.
3. เมื่อถึงวันนัดเราก็ไปถึงสถานฑูตก่อน 30 นาที จะมีเจ้าหน้าที่ รปภ จัดคิวที่หน้าสถานฑูต พอถึงเวลาก็ให้เดินเข้าไป สำหรับโทรศัพท์จะต้องปิดเครื่องและฝากเจ้าหน้าที่ไว้ที่ประตู
4. เมื่อเข้าไปด้านในเราก็ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่บอกคิวที่เราจองไว้ เจ้าหน้าที่ก็จะดูรายชื่อและตรวจเอกสารให้เราแบบคร่าวและบอกให้นั่งรอก่อนถึงเวลาจะเรียก ระหว่างนั่งรอเราก็ไปถ่ายรูปเพื่อนำมาติดกับเอกสารแล้วก็นั่งรอจนถึงเวลานัด
5. พอถึงเวลานัดเจ้าหน้าที่ก็จะบอกว่าให้เราเดินเข้าไปด้านในได้เลยและกดคิวตามประเภทวีซ่าที่เราขอซึ่งจะมีเจ้าหน้าประจำอยู่ตรงนั้นคอยบอกเรา ซึ่งในบัตรคิวก็จะบอกว่าเราต้องเข้าช่องที่เท่าไหร่และหมายเลขอะไร เราก็นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกอีกที
6. รอสักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกคิวของเรา ทีนี้แหละตื่นเต้นสุด ๆ เจ้าหน้าที่ก็ยิงคำถามรัว ๆ มีดังนี้(เท่าที่จำได้นะ) ขอไม่บอกสิ่งที่เราตอบนะ
- รู้จักแฟนได้ยังไง / รู้จักกันผ่านโปรแกรมอะไร / เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ / แฟนมาเยี่ยมบ่อยมั้ย
- ไปทำอะไรที่นั่น
- ไปกี่วัน
- เป็นอะไรกับคนเชิญ
- เป็นคนเดิมที่เชิญเมื่อปีที่แล้วมั้ย
- แฟนอยู่เมืองอะไร ทำงานอะไร เค้าส่งเงินให้เราใช้มั้ย
- เราทำงานอะไร รับผิดชอบส่วนไหน ทำงานมากี่ปี
- ขอสำเนาเอกสารพาสปอร์ตของแฟน เราบอกไม่ได้เตรียมมา พอดีมีบัตรประจำตัวของแฟนไปด้วยเลยถามว่าแทนกันได้มั้ย เค้าบอกว่าได้ เราก็ยื่นให้เค้าไป
- คำถามสุดท้าย ==> สะดวกจะรับพาสปอร์ตทางไปรษณีย์หรือมารับเอง เราตอบว่ารับทางไปรษณีย์ เจ้าหน้าก็ให้เอกสารอะไรซักอย่างมาบอกให้เดินไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียม 2,300 บาท (อ้อ!!!!ลืมบอก เพื่อความรวดเร็วเตรียมเงินค่าทำวีซ่าให้พอดีด้วยนะ 2,300 บาท เผื่อเจ้าหน้าที่ไม่มีเงินทอน) และไปซื้อซอง EMS หลังจากนั้นก็เอาไปยื่นที่เจ้าหน้าที่คนที่ประจำที่กดบัตรคิว แล้วก็กลับบ้านได้ ==> เท่าที่จำได้มีประมาณนี้นะครับ
7. หลังจากนั้น 3 วันก็ได้รับเล่มพาสปอร์ตคืน โดยมีวีซ่า เชงเก้นประทับอยู่ในนั้นด้วย เย้!!!! (ยื่นเอกสารวันจันทร์ได้รับวันพฤหัส)
จบแล้วครับ โชคดีทุกคนนะครับ ถ้ามีการขอวีซ่าครั้งที่ 3 อีกจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ แนะนำว่าให้ตอบคำถามตามความเป็นจริงนะครับ เพราะความจริงคือสิ่งไม่ตาย แต่อาจจะตายได้ ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน 555
ปล สำหรับการเตรียมสำเนาเอกสาร เราไม่ได้เซ็นต์สำเนาถูกต้องเลยนะครับ เผื่อมีคนสงสัยว่าต้องเซ็นต์กำกับที่สำเนาเอกสารหรือเปล่า