อิสลามยอมรับไม่ได้ถ้าสังคมไม่ช่วยเหลือผู้ลำบากยากไร้ในสังคม(คำสอนศาสนาอิสลามกับการช่วยเหลือคนจน

กระทู้คำถาม
ความยากจนเป็นสาเหตุแห่งความล้าหลัง            

       ทุกวันนี้ หนึ่งในจำนวนปัญหาหลักที่เหล่าประเทศกำลังพัฒนาต่างประสบกันอยู่ก็คือ ปัญหาความยากจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ก่อให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆ เช่น อาชญากรรม  ขาดโอกาสทางการศึกษา โสเภณี หนี้นอกระบบ คุณภาพชีวิตที่เสื่อมโทรม ฯลฯ กลายเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญตัวหนึ่งว่าประเทศนั้นพัฒนาหรือไม่ในระดับใด            

        ในอิสลามก็มองว่าความยากจนเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการเยียวยา ในหลายโองการจากอัลกุรอานที่อัลลอฮฺได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับคนที่ยากจนขัดสน และเตือนสำทับถึงการไม่ดูแลคนที่ขาดแคลนปัจจัยอย่างเช่นพวกเขาเหล่านั้น
                       อัลลอฮฺได้ตรัสว่า       ความว่า “พวกเขาจะถามเจ้า(มุหัมมัด)ว่า พวกเขาจะบริจาคสิ่งใดบ้าง? จงกล่าวเถิดว่า ทรัพย์สินใดๆ  ก็ตามที่พวกท่านบริจาคไปก็จงให้แก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และบรรดาญาติที่ใกล้ชิด และแก่บรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาคนยากจน และผู้ที่อยู่ในการเดินทาง และก็ความดีใด ๆ ที่พวกท่านกระทำอยู่นั้น แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ดี”   (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 215)  
      

            ความว่า “เมื่อบรรดาญาติที่ใกล้ชิด บรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาผู้ที่ยากจนขัดสนมาร่วมอยู่ด้วยในการแบ่งมรดก ก็จงปันส่วนหนึ่งจากสิ่งนั้น ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา และจงกล่าวแก่พวกเขาอย่างดี”    (อัน-นิสาอ์ 8)
         
            ความว่า “และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด”   (อัน-นิสาอ์ 36)              


             การไม่สนใจดูแลผู้ยากจนขัดสนที่เป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมสังคมคือสิ่งที่อิสลามยอมรับไม่ได้ และเรื่องนี้ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับการที่คนผู้หนึ่งต้องโดนลงโทษในวันกิยามะฮฺด้วย อัลลอฮฺได้ตรัสถึงชาวนรกส่วนหนึ่งว่า   ความว่า “แท้จริง เขามิได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ผู้ยิ่งใหญ่ และเขามิได้ส่งเสริมให้อาหารแก่คนขัดสน ดังนั้น วันนี้เขาจะไม่มีมิตรสนิท ณ ที่นี้ และไม่มีอาหารอย่างใด นอกจากน้ำหนองที่ไหลมาจากแผลของชาวนรก ไม่มีผู้ใดกินมัน นอกจากบรรดาผู้กระทำความผิด”   (อัล-ห๊ากเกาะฮฺ 33-37)                ความยากจนถือเป็นฟิตนะฮฺหรือบททดสอบ

        ประการหนึ่งที่อาจจะส่งผลต่อการปฏิเสธศรัทธาและรุนแรงเท่าๆ กับบททดสอบประเภทอื่นได้ ด้วยเหตุนี้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากฟิตนะฮฺของความยากจน เช่นเดียวกันกับที่ท่านขอความคุ้มครองให้พ้นจากบททดสอบของความร่ำรวย เช่นในบทดุอาอ์ของท่านที่ว่า   «اللَّهُـمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنَ الكَسَلِ وَالهَرَمِ، وَالمَغْرَمِ، وَالمَأْثَمِ، اللَّهُـمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنْ عَذَابِ النَّارِ، وَفِتْنَةِ النَّارِ، وَفِتْنَةِ القَبْرِ، وَعَذَابِ القَبْرِ، وَشَرِّ فِتْنَةِ الغِنَى، وَشَرِّ فِتْنَةِ الفَقْرِ، وَمِنْ شَرِّ فِتْنَةِ المَسِيحِ الدَّجَّالِ»   ความว่า "โอ้ พระผู้อภิบาลแห่งข้า แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองด้วยพระองค์จากความเกียจคร้าน   ความแก่เฒ่า การติดหนี้สิน การติดบาป   โอ้ พระผู้อภิบาลแห่งข้า แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองด้วยพระองค์จากการทรมานและการทดสอบในนรก   จากการทดสอบและการทรมานในหลุมศพ จากความเลวร้ายในการทดสอบของความร่ำรวยและความยากจน   ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองด้วยพระองค์จากความชั่วร้ายในการทดสอบของดัจญาล"   (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 6375 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และ มุสลิม 589 ในบทว่าด้วยการซิกิร)         

          ทุกเช้าและเย็น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะขอความคุ้มครองให้พ้นจากการเป็นกุฟรฺหรือการปฏิเสธศรัทธา พร้อมๆ กับการขอให้พ้นจากความยากจนด้วย นั่นคือบทซิกิรฺของท่านที่ว่า   «اللهم إِنِّيْ أَعُوْذُ بِكَ مِنَ الْكُفْرِ وَالْفَقْرِ، اللهم إِنِّيْ أَعُوْذُ بِكَ مِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ، لَا إِلٰـهَ إِلَّا  أَنْتَ»   ความว่า “โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริงฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้จากกุฟรฺ(การฝ่าฝืนหรือปฏิเสธศรัทธา)และให้พ้นจากความยากจน และฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากจากการลงโทษในหลุมศพ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์”   (อบู ดาวูด หมายเลข 4426)    เช่นเดียวกับที่ท่านขอให้พ้นจากการเป็นหนี้ล้นตัว   «اللَّهُـمَّ إنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنَ الهَـمِّ وَالحَزَنِ، وَالعَجْزِ وَالكَسَلِ، وَالجُبْنِ وَالبُـخْلِ، وَضَلَعِ الدَّيْنِ، وَغَلَبَةِ الرِّجَالِ». أخرجه البخاري.   ความว่า "โอ้พระผู้อภิบาลแห่งข้า แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความกังวลใจและความโศกเศร้า ความอ่อนแอและความเกียจคร้าน ความขยาดและความตระหนี่ การติดหนี้ที่มากมายจนล้นตัว และการพ่ายแพ้ต่อผู้อื่น"    (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 6369)             ข้อเท็จจริงทางหลักฐานเหล่านี้ชี้ชัดว่า อิสลามได้บัญญัติซะกาตไว้และกำหนดให้เป็นหนึ่งในรุก่นอิสลามทั้งห้าประการ ก็เพื่อต้องการที่จะพัฒนาให้สังคมได้พ้นจากความยากจน อันเป็นมูลเหตุหลักของความล้าหลังและความอ่อนแอของประชาชาติ ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างไม่เพียงแค่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่อาจจะลามไปถึงด้านอื่นๆ อีกมากมาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่