what is islam ?

อิสลามหมายถึงการยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ยอมจำนนต่อพระเจ้าผู้ทรงอภิบาล
ดังนั้นแล้วหลักคำสอนต่างๆของศาสนาอิสลาม หากบางสิ่งบางอย่างพระองค์ไม่ได้ทรงบอกเหตุผลของการสั่งใช้
ผู้ศรัทธาจึงมักปราศจากการระแวงสงสัย แต่กลับมีความเชื่อมั่น
ทั้งนี้เพราะทุกสิ่งที่พระองค์สั่งใช้หรือห้าม ล้วนมีเหตุผลและสิ่งที่ดีงามแฝงเร้นไว้เสมอ ใครที่ปฏิบัติตาม ก็ย่อมจะได้รับผลดีต่อเขาเอง
ซึ่งอาจเห็นมันได้ตั้งแต่ในโลกนี้ หรือเป็นผลบุญที่รออยู่ ณ โลกอาคีเราะห์เบื้องหน้า ซึ่งเป็นโลกอันสถาพรที่แน้แท้และจีรังยั่งยืนครับ
****เหตุผลที่อัลลอฮฺสร้างมนุษย์และญิน*****
เหตุผลที่พระองค์สร้างมนุษย์และญินขึ้นมานั้น พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอาน ความว่า
وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ
"และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์ มาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า" (อัซซาริยาต : 56-58)
ความหมายโดยสรุปของอายะข้างต้น : อัลลอฮฺทรงบอกไว้ในอายฮฺดังกล่าวว่า พระองค์ได้สร้างญินและเผ้าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมา เพื่อให้พวกเขาเคารพภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียว และได้บอกไว้ในอายะฮฺที่สองที่สามต่อมาว่า พระองค์ทรงร่ำรวยและมั่นคง ไม่ได้ต้องพึ่งพาสิ่งใด ๆ จากบ่าวของพระองค์ พระองค์ไม่พึงปรารถนาปัจจัยใดๆจากพวกเขา เพราะพระองค์ คือผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ถาวร คือผู้ประทานน้ำฝนและทรงทำให้ปัจจัยต่าง ๆ งอกเงยออกมาจากพื้นดิน และสำหรับสิ่งถูกสร้างอื่น ๆ ในโลกนี้ปราศจากสติปัญญา พระองค์ได้บอกว่า พระองค์สร้างมันขึ้นมาอันเนื่องจากมนุษย์ เพื่อมันจะได้ช่วยเหลือให้มนุษย์ดำรงอยู่บนการเชื่อฟัง และดำเนินตามบทบัญญัติของพระองค์ดังที่มันปฏิบัติ สิ่งถูกสร้างทุกชนิด การเคลื่อนไหวและการหยุดนิ่งที่ปรากฏในจักรวาล แท้จริงแล้วอัลลอฮฺทรงทำให้มันเกิดขึ้นด้วยหิกมะฮฺ(วิทยปัญญา) ที่พระอ งค์ทรงแจกแจงไว้ในอัลกุรอาน และบรรดาผู้รู้ในบทบัญญัติของอัลลอฮฺก็จะรู้ว่าหิกมะฮฺเหล ่านั้นทั้งหมด จะยังคงดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ความรู้แห่งพระองค์ กระทั้งความแตกต่างทางด้านอายุขัย ปัจจัยยังชีพ เคราะห์กรรม ความยากลำบากทั้งหมดนั้นจะดำเนินไปตามการอนุมัติของพระองค ์ เพื่อทดสอบปวงบ่าวของพระองค์ที่มีสติปัญญา ใครที่พึงพอใจต่อกฎสภาวะของอัลลอฮฺ ยอมจำนนเชื่อฟังพระองค์ และมุมานะพยายามในการปฏิบัติสิ่งพระองค์ทรงตอบรับ เขาก็จะได้รับความพึงพอใจจากอัลลอฮฺและความผาสุกในโลกดุนย าและอาคิเราะฮฺ ส่วนใครที่ไม่พอใจต่อกฎสภาวะของอัลลอฮฺ ไม่ยอมจำนนและเชื่อฟังต่อพระองค์ เขาก็จะเผชิญกับความทุกข์ยาก และความกริ้วโกรธของพระองค์ ในโลกดุนยาและอาคิเราะห์
ดังนั้นเป้าหมายหลักของพวกเราที่เป็นมุสลิม มุอฺมิน(ผู้ศรัทธา)ในโลกดุนยานี้ คือ
การทำอิบาดะห์หรือเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ครับ ยังมีผู้เข้าใจผิดในเรื่องของอิบาดะห์อีกมาก เพราะคิดไปว่า การทำอิบาดะห์คือการทำการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต และไปทำฮัจย์ เท่านั้น แต่ทว่าการทำอิบาดะห์นั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกในทุกๆสิ่งที่อัลลอฮ์ ทรงโปรดปรานไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำทั้งปวงทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น
การทำอิบาดะฮ์ที่เปิดเผย เช่น การกล่าวคำปฏิญาณตนทั้งสองประโยค,การทำละหมาด, การจ่ายซะกาต,การถือศีลอด,การประกอบพิธีฮัจญ์,การอ่านอัลกุรอาน, การทำดีต่อบิดามารดา, การช่วยเหลือกันในการทำความดี,การห้ามปรามไม่ให้ทำชั่ว,การเยี่ยมเยียนผู้ป่วย,การช่วยเหลือคนยากจน ขัดสน, การบริจาค, มารยาทความดีงามต่างๆ การเรียน การทำงาน การศึกษา แม้กระทั่งการดื่มกิน การนอนหลับพักผ่อน เพื่อให้มีชีวิตอยู่ในการทำอิบาดะห์ต่อพระองค์
การทำอิบาดะฮ์ในที่ซ่อนเร้น เช่น การทำความดีต่างๆที่ไม่มีผู้ใดรู้เห็นที่เป็นไปเพื่อพระองค์, ความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ที่มีอยู่ในจิตใจภายใน,ความกลัวต่อการลงโทษของอัลลอฮ์, ความหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺและการมอบหมายต่อพระองค์, การวิงวอนดุอาอฺให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยที่เขาไม่รู้, การบริจาคหรือการละหมาดยามค่ำคืนที่ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากเขากับพระองค์,ความรักเพื่อพระองค์, ความโกรธเพื่อพระองค์ ความบริสุทธิ์ใจ ฯลฯ
จะเห็นว่าการทำอิบาดะห์นั้นสรุปก็คือความดีงามทุกอย่างทั้งภายนอกและภายใน แม้เพียงแค่การยิ้มให้แก่พี่น้อง การให้สลามกันและกัน การกล่าวซิกรุ้ลเลาะฮฺต่างๆ(เช่น ซุบฮานัลลอฮฺ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ อัลลอฮุอักบัร) การมีความสะอาดไม่ว่าจะเป็นสะอาดในด้านร่างกายหรือจิตใจก็ตามเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงการมีศรัทธา ฉะนั้นแล้วทุกๆสิ่งที่มนุษย์ทำไปเพื่อมอบให้อัลลอฮ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำ ทั้งหมดล้วนนับได้ว่าเป็นการทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ทั้งสิ้น แต่จะถูกตอบรับให้เป็นอิบาดะห์ที่ถูกรับจากพระองค์อัลลอฮ์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขามีความบริสุทธิ์ใจเพียงใด และสิ่งดังกล่าวนั้นเป็นไปตามศาสนบัญญัติหรือเปล่า
ในซูเราะห์อัลอัศรฺ อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทรงกล่าวไว้ ความว่า
وَالْعَصْرِ ( 1
ขอสาบานด้วยกาลเวลา
إِنَّ الْإِنسَانَ لَفِي خُسْرٍ ( 2
แท้จริงมนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน
إِلَّا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ ( 3
นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน
ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย จนบางครั้งหลงลืมไปว่าเป้าหมายหลักของชีวิตพวกเราบนโลกดุนยานี้มิใช่เพื่อแสวงหาเงินทอง,มิใช่เกิดมาเพื่อหาความสุขให้แก่ตนเอง,มิใช่เกิดมาเพื่อทำแต่งานและมิใช่เพื่ออื่นๆอีกมากที่เรากำลังทำๆกัน แต่ทว่าเป้าหมายหลักในโลกดุนยานี้คือนำชีวิตและร่างกายของเราให้ผ่านพ้นโลกดุนยานี้เพื่อไปมีชีวิตที่สุขสบายและถาวรในโลกอาคิเราะห์โดยการปฏิบัติอมัลอิบาดะห์ต่อพระองค์อย่างจริงจังและจริงใจ ตักเตือนกันในสัจธรรม และความอดทน
อิสลาม ถือว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมามีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าเขาจะเป็นหญิงหรือชาย เป็นชนชั้นสูง หรือเป็นสามัญชน มีความร่ำรวย หรือยากจน มีอำนาจหรือต้อยต่ำ ฯลฯ ทุกคนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน หากแต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความแตกต่างกันในทัศนะของอิสลาม คือ
ความดี เป็นสิ่งที่จะแยกศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ดังที่พระองค์ได้ทรง ตรัสว่า
إِنَّ أَكْرَمَكُمْ عِنْدَ اللَّهِ أَتْقَاكُمْ ...".(الحجرات/ 49
“แท้จริง ผู้ที่มีเกียรติสูงสุด ณ อัลลอฮฺคือ ผู้ที่มีความยำเกรงมากที่สุดในหมู่พวกเจ้า”
(อัลฮุจรอต 49 / 13)
ฮะดีษ ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
إِنَّ اللهَ لاَ يَنْظُرُ إِلى أَجْسَامِكُمْ وَلاَ إِلى صُوَرِكُمْ وَلَكِنْ يَنْظُرُ إِلى قُلُوْبِكُمْ
"แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงพิจารณาที่รูปร่าง หน้าตาของพวกท่าน แต่พระองค์จะทรงพิจารณาที่หัวใจของพวกท่าน"
(บันทึกโดย มุสลิม)
ฮะดีษบทนี้นั้นเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นพระองค์ไม่ทรงมองที่ร่างกายหรือรุปร่าง หน้าตาของมนุษย์ เพราะ พระองค์สร้างมนุษย์มาแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น ผิวดำ ผิวขาว หล่อ ไม่หล่อ สูงเตี้ย อ้วนผอม หรือคนรวย คนจน เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการ กำหนดของพระองค์ แต่คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์นั้น นั่นคือ ผู้ที่มีความยำ เกรงต่อพระองค์มากที่สุด โดยทรงพิจารณาจากหัวใจ ในการงานอิบาดะฮฺต่างๆ ที่เป็นไปเพื่อพระองค์
ศึกษา เรียนรู้ อิสลาม (เพื่อความเข้าใจสำหรับชาวต่างศาสนิกมากขึ้น) ตอน 7
อิสลามหมายถึงการยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ยอมจำนนต่อพระเจ้าผู้ทรงอภิบาล
ดังนั้นแล้วหลักคำสอนต่างๆของศาสนาอิสลาม หากบางสิ่งบางอย่างพระองค์ไม่ได้ทรงบอกเหตุผลของการสั่งใช้
ผู้ศรัทธาจึงมักปราศจากการระแวงสงสัย แต่กลับมีความเชื่อมั่น
ทั้งนี้เพราะทุกสิ่งที่พระองค์สั่งใช้หรือห้าม ล้วนมีเหตุผลและสิ่งที่ดีงามแฝงเร้นไว้เสมอ ใครที่ปฏิบัติตาม ก็ย่อมจะได้รับผลดีต่อเขาเอง
ซึ่งอาจเห็นมันได้ตั้งแต่ในโลกนี้ หรือเป็นผลบุญที่รออยู่ ณ โลกอาคีเราะห์เบื้องหน้า ซึ่งเป็นโลกอันสถาพรที่แน้แท้และจีรังยั่งยืนครับ
****เหตุผลที่อัลลอฮฺสร้างมนุษย์และญิน*****
เหตุผลที่พระองค์สร้างมนุษย์และญินขึ้นมานั้น พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอาน ความว่า
وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ
"และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์ มาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า" (อัซซาริยาต : 56-58)
ความหมายโดยสรุปของอายะข้างต้น : อัลลอฮฺทรงบอกไว้ในอายฮฺดังกล่าวว่า พระองค์ได้สร้างญินและเผ้าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมา เพื่อให้พวกเขาเคารพภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียว และได้บอกไว้ในอายะฮฺที่สองที่สามต่อมาว่า พระองค์ทรงร่ำรวยและมั่นคง ไม่ได้ต้องพึ่งพาสิ่งใด ๆ จากบ่าวของพระองค์ พระองค์ไม่พึงปรารถนาปัจจัยใดๆจากพวกเขา เพราะพระองค์ คือผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ถาวร คือผู้ประทานน้ำฝนและทรงทำให้ปัจจัยต่าง ๆ งอกเงยออกมาจากพื้นดิน และสำหรับสิ่งถูกสร้างอื่น ๆ ในโลกนี้ปราศจากสติปัญญา พระองค์ได้บอกว่า พระองค์สร้างมันขึ้นมาอันเนื่องจากมนุษย์ เพื่อมันจะได้ช่วยเหลือให้มนุษย์ดำรงอยู่บนการเชื่อฟัง และดำเนินตามบทบัญญัติของพระองค์ดังที่มันปฏิบัติ สิ่งถูกสร้างทุกชนิด การเคลื่อนไหวและการหยุดนิ่งที่ปรากฏในจักรวาล แท้จริงแล้วอัลลอฮฺทรงทำให้มันเกิดขึ้นด้วยหิกมะฮฺ(วิทยปัญญา) ที่พระอ งค์ทรงแจกแจงไว้ในอัลกุรอาน และบรรดาผู้รู้ในบทบัญญัติของอัลลอฮฺก็จะรู้ว่าหิกมะฮฺเหล ่านั้นทั้งหมด จะยังคงดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ความรู้แห่งพระองค์ กระทั้งความแตกต่างทางด้านอายุขัย ปัจจัยยังชีพ เคราะห์กรรม ความยากลำบากทั้งหมดนั้นจะดำเนินไปตามการอนุมัติของพระองค ์ เพื่อทดสอบปวงบ่าวของพระองค์ที่มีสติปัญญา ใครที่พึงพอใจต่อกฎสภาวะของอัลลอฮฺ ยอมจำนนเชื่อฟังพระองค์ และมุมานะพยายามในการปฏิบัติสิ่งพระองค์ทรงตอบรับ เขาก็จะได้รับความพึงพอใจจากอัลลอฮฺและความผาสุกในโลกดุนย าและอาคิเราะฮฺ ส่วนใครที่ไม่พอใจต่อกฎสภาวะของอัลลอฮฺ ไม่ยอมจำนนและเชื่อฟังต่อพระองค์ เขาก็จะเผชิญกับความทุกข์ยาก และความกริ้วโกรธของพระองค์ ในโลกดุนยาและอาคิเราะห์
ดังนั้นเป้าหมายหลักของพวกเราที่เป็นมุสลิม มุอฺมิน(ผู้ศรัทธา)ในโลกดุนยานี้ คือ การทำอิบาดะห์หรือเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ครับ ยังมีผู้เข้าใจผิดในเรื่องของอิบาดะห์อีกมาก เพราะคิดไปว่า การทำอิบาดะห์คือการทำการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต และไปทำฮัจย์ เท่านั้น แต่ทว่าการทำอิบาดะห์นั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกในทุกๆสิ่งที่อัลลอฮ์ ทรงโปรดปรานไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำทั้งปวงทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น
การทำอิบาดะฮ์ที่เปิดเผย เช่น การกล่าวคำปฏิญาณตนทั้งสองประโยค,การทำละหมาด, การจ่ายซะกาต,การถือศีลอด,การประกอบพิธีฮัจญ์,การอ่านอัลกุรอาน, การทำดีต่อบิดามารดา, การช่วยเหลือกันในการทำความดี,การห้ามปรามไม่ให้ทำชั่ว,การเยี่ยมเยียนผู้ป่วย,การช่วยเหลือคนยากจน ขัดสน, การบริจาค, มารยาทความดีงามต่างๆ การเรียน การทำงาน การศึกษา แม้กระทั่งการดื่มกิน การนอนหลับพักผ่อน เพื่อให้มีชีวิตอยู่ในการทำอิบาดะห์ต่อพระองค์
การทำอิบาดะฮ์ในที่ซ่อนเร้น เช่น การทำความดีต่างๆที่ไม่มีผู้ใดรู้เห็นที่เป็นไปเพื่อพระองค์, ความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ที่มีอยู่ในจิตใจภายใน,ความกลัวต่อการลงโทษของอัลลอฮ์, ความหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺและการมอบหมายต่อพระองค์, การวิงวอนดุอาอฺให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยที่เขาไม่รู้, การบริจาคหรือการละหมาดยามค่ำคืนที่ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากเขากับพระองค์,ความรักเพื่อพระองค์, ความโกรธเพื่อพระองค์ ความบริสุทธิ์ใจ ฯลฯ
จะเห็นว่าการทำอิบาดะห์นั้นสรุปก็คือความดีงามทุกอย่างทั้งภายนอกและภายใน แม้เพียงแค่การยิ้มให้แก่พี่น้อง การให้สลามกันและกัน การกล่าวซิกรุ้ลเลาะฮฺต่างๆ(เช่น ซุบฮานัลลอฮฺ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ อัลลอฮุอักบัร) การมีความสะอาดไม่ว่าจะเป็นสะอาดในด้านร่างกายหรือจิตใจก็ตามเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงการมีศรัทธา ฉะนั้นแล้วทุกๆสิ่งที่มนุษย์ทำไปเพื่อมอบให้อัลลอฮ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำ ทั้งหมดล้วนนับได้ว่าเป็นการทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ทั้งสิ้น แต่จะถูกตอบรับให้เป็นอิบาดะห์ที่ถูกรับจากพระองค์อัลลอฮ์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขามีความบริสุทธิ์ใจเพียงใด และสิ่งดังกล่าวนั้นเป็นไปตามศาสนบัญญัติหรือเปล่า
ในซูเราะห์อัลอัศรฺ อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทรงกล่าวไว้ ความว่า
وَالْعَصْرِ ( 1
ขอสาบานด้วยกาลเวลา
إِنَّ الْإِنسَانَ لَفِي خُسْرٍ ( 2
แท้จริงมนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน
إِلَّا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ ( 3
นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน
ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย จนบางครั้งหลงลืมไปว่าเป้าหมายหลักของชีวิตพวกเราบนโลกดุนยานี้มิใช่เพื่อแสวงหาเงินทอง,มิใช่เกิดมาเพื่อหาความสุขให้แก่ตนเอง,มิใช่เกิดมาเพื่อทำแต่งานและมิใช่เพื่ออื่นๆอีกมากที่เรากำลังทำๆกัน แต่ทว่าเป้าหมายหลักในโลกดุนยานี้คือนำชีวิตและร่างกายของเราให้ผ่านพ้นโลกดุนยานี้เพื่อไปมีชีวิตที่สุขสบายและถาวรในโลกอาคิเราะห์โดยการปฏิบัติอมัลอิบาดะห์ต่อพระองค์อย่างจริงจังและจริงใจ ตักเตือนกันในสัจธรรม และความอดทน
อิสลาม ถือว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมามีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าเขาจะเป็นหญิงหรือชาย เป็นชนชั้นสูง หรือเป็นสามัญชน มีความร่ำรวย หรือยากจน มีอำนาจหรือต้อยต่ำ ฯลฯ ทุกคนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน หากแต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความแตกต่างกันในทัศนะของอิสลาม คือ ความดี เป็นสิ่งที่จะแยกศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ดังที่พระองค์ได้ทรง ตรัสว่า
“แท้จริง ผู้ที่มีเกียรติสูงสุด ณ อัลลอฮฺคือ ผู้ที่มีความยำเกรงมากที่สุดในหมู่พวกเจ้า”
(อัลฮุจรอต 49 / 13)
ฮะดีษ ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
إِنَّ اللهَ لاَ يَنْظُرُ إِلى أَجْسَامِكُمْ وَلاَ إِلى صُوَرِكُمْ وَلَكِنْ يَنْظُرُ إِلى قُلُوْبِكُمْ
"แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงพิจารณาที่รูปร่าง หน้าตาของพวกท่าน แต่พระองค์จะทรงพิจารณาที่หัวใจของพวกท่าน"
(บันทึกโดย มุสลิม)
ฮะดีษบทนี้นั้นเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นพระองค์ไม่ทรงมองที่ร่างกายหรือรุปร่าง หน้าตาของมนุษย์ เพราะ พระองค์สร้างมนุษย์มาแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น ผิวดำ ผิวขาว หล่อ ไม่หล่อ สูงเตี้ย อ้วนผอม หรือคนรวย คนจน เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการ กำหนดของพระองค์ แต่คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์นั้น นั่นคือ ผู้ที่มีความยำ เกรงต่อพระองค์มากที่สุด โดยทรงพิจารณาจากหัวใจ ในการงานอิบาดะฮฺต่างๆ ที่เป็นไปเพื่อพระองค์