หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR][SR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครืองบิน ตอนที่ 14 เกาะลังกาวี มาเลเซีย
กระทู้รีวิว
รถโดยสาร
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวทะเล
Backpack
"ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก" ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครื่องบิน
ตอนที่ 14 เกาะลังกาวี มาเลเซีย
เรือออกจากท่า 08.15 น. เป็นเรือใหญ่ มีห้องโดยสาร 2 ห้อง จุคนได้ห้องละ 100 คน นั่งในเรือแล้วมองไม่เห็นด้านนอก เห็นแต่จอทีวีอยู่ด้านหน้า มีบางจังหวะที่เรือปะทะคลื่น เสียงดังตึงตังเหมือนเสียงรถไฟโยก มีคนเมาเรือหลายคน รวมทั้งป้าด้วย เรือแวะรับ-ส่งผู้โดยสารที่เกาะไพ เวลา 10.15 น. ถึงเกาะลังกาวี 11.15 น.
เดินขึ้นจากเรือ เข้าไปในท่า ทะลุด้านหน้า ออกไปซื้อตั๋วไปหลีเป๊ะ ตอนบ่ายวันต่อไป ค่าเรือ คนละ 100 ริงกิต ตรงที่ขายตั๋วมีให้เช่ามอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเกาะด้วย วันละ 35 ริงกิต มัดจำ 50 ริงกิต
น้ำมันในรถเกือบหมดถัง ต้องหาที่เติมก่อนออกไปเที่ยว คุณ Othman Ayob ผู้จัดการ Moonlight ที่ขายตั๋วให้ แนะนำโรงแรม มีทั้งย่านราคาถูกและราคาแพง เราสนใจย่านราคาถูก ซึ่งอยู่ทางซ้ายเมือหันหน้าออกถนน ห่างจากท่าเรือประมาณ 1 กม. มองจากถนนลึกเข้าไปเป็นท่าเรือเล็ก เลี้ยวขวาที่ 1 แล้วก็ขวาที่ 2 อยู่ขวามือ เห็นโรงแรมแรก ป้าเข้าไปถามพนักงานกำลังทำความสะอาดอยู่ เธอบอกว่า ยังเช็คอินไม่ได้ เพราะแขกเพิ่งออก ต้องรอตอนบ่าย ถามราคาห้องที่ไม่ใช่ห้องรวม เธอบอกว่า คืนละ 70 ริงกิต ป้าตกลง และขอฝากของ ออกไปเรียกลุงให้เอาของเข้าไปฝาก ลุงเอาของเข้าไปฝาก แล้วก็ดุป้า ว่า รีบตัดสินใจ โรงแรมที่อยูติดกัน คืนละ 65 ริงกิต และเช็คอินได้เลยลุงเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ป้าต้องไปขอโทษพนักงานที่ให้เราฝากของ เธอบอกว่า ห้องของเขากับห้องของเธอต่างกัน และห้องน้ำก็ต่างกัน ป้าบอกว่า ลุงตัดสินใจแล้ว จำเป็นต้องย้าย และแบกกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่โรงแรม Island Time 2 คืนละ 65 ริงกิต มีอาหารเช้า และ Free wifi เราเอาของไปเก็บในห้อง แล้วออกไปขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเกาะ
มองหาปั๊มน้ำมันไม่เห็นมี จึงถามสาวที่เดินออกมาที่รถมอเตอร์ไซด์ เธอบอกว่า ขี่ตรงไปอีกประมาณ 20 นาที เราไม่มั่นใจว่ากว่าจะหาปั๊มเจอ เราต้องจูงรถหรือไม่ มองไปรอบตัวเห็นร้านอาหารอยู่ด้านหลัง จึงไปหาข้าวกินก่อน ในร้านอาหารที่มีถาด และหม้อใส่อาหาร ละลานตา เรามองหาอะไรที่ไม่มัน ได้แกงปลากับผัดผัก อีกตามเคย
ป้าเดินไปสั่งน้ำมะนาว 2 แก้ว ดูวิธีทำ เขาเอาน้ำเปล่าใส่แก้ว แล้วตักน้ำเชื่อมใส่ บีบมะนาว 2 ซีก เอาเปลือกมะนาวใส่ลงไปในแก้ว คนให้เข้ากัน แล้วตักน้ำแข็งใส่ เอาหลอดดูดใส่ ดูง่ายๆ สำหรับดับกระหาย คลายร้อน จะให้รสชาติถูกใจเหมือนทำเอง คงหาไม่ได้ สรุปค่าอาหารกับน้ำ มื้อนี้ 11.4 ริงกิต
อิ่มแล้วก็ออกเดินทาง ขี่ไปประมาณ 2 กม. เจอปั๊มเติมน้ำมัน เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เพิ่งเคยพบ ต้อง จ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก่อน แค็ชเชียร์จะเซ็ทค่าเริ่มต้นและปริมาณน้ำมันให้ ลูกค้าเดินไปที่ตู้น้ำมัน แล้วบริการตัวเอง เราจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าของพื้นที่ ที่มาทีหลังเรา แต่เติมเสร็จแล้ว ขอให้ช่วยคำนวณว่า เราควรจะจ่ายเงินเท่าไร จึงจะได้น้ำมันเต็มถัง ซึ่งเขาบอกว่า 5 ริงกิต ไปจ่ายเงินแล้ว เราก็เติมไม่เป็นอีก จึงให้เขาช่วย เขาก็ช่วยด้วยความเต็มใจ
จากนั้น ขี่ไปตามถนนสายนอก ต่อไปอีกไม่ถึงร้อยเมตร ก็เจอปั๊มน้ำมันอีก แสดงว่า เขาแบ่งโซน ปั๊มน้ำมัน ดูจากแผนที่ดูเหมือนว่าจงใจจะให้ไปซื้อของ โดยไม่เน้นแหล่งท่องเที่ยว เราต้องสังเกตป้ายท่องเที่ยวเอาเอง เป็นป้ายสีน้ำตาล จากปั๊มน้ำมันไปประมาณ 1 กม. เป็นสถานที่ราชการของเกาะลังกาวี ตั้งอยู่บนเนิน แต่วันอาทิตย์ไม่มีคนไปทำงาน
ขี่ต่อไปประมาณ 2 กม. เจอป้าย Matsuri เลี้ยวขวา เราจึงเลี้ยวขวาไปตามป้าย สุสานมัตสุหรีอยู่นอกเมือง ชุมชนที่อยู่บริเวณนั้น มีลักษณะเป็นชุมชนใหม่
ที่น่าจะเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากการประหาร และมีสุสานมัตสุหรี แล้ว วันอาทิตย์ที่มีแดดจ้า อากาศร้อนมาก ร่มลีลาวดีแทบจะไม่ช่วยให้คลายร้อนได้เลย ที่สุสานเจ้าหญิงมัตสุหรี มีคนมาเลย์ไปเที่ยวกันพอประมาณ พวกเขาก็เชื่อในเรื่องการขอพร เหมือนคนเอเชียทั่วๆ สิ่งก่อสร้างที่สุสาน ส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ ชั้นเดียว ไม่หรูหรา ด้านในมีการแสดงพื้นเมือง เรื่องเล่าของพระนางมัสุหรี และมีของที่ระลึกขาย เล่าต่อกันมาว่า เมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว เจ้าหญิงมัตสุหรี เดิมเป็นสาวน้อยวัย 17 ปี ชาวภูเก็ต เดินทางไปค้าขายทางเรือกับครอบครัว บังเอิญเกิดพายุ คลื่น ลม แรง ทำให้เรือแตก แต่ทั้งครอบครัว ถูกน้ำพัดเข้าหาฝั่ง ที่เกาะลังกาวี ซึ่งแปลว่า นกอินทรี สีน้ำตาล ได้พบรักและแต่งงานกันกับเจ้าชายวันดารุส แห่งลังกาวี โดยที่พระญาติของฝ่ายชายไม่เต็มใจ แต่ทั้งสองก็ครองรักและมีโอรสร่วมกัน 1 องค์ เจ้าหญิงมัตสุหรีเพิ่งจะให้กำเนิดโอรส ก็มีข้าศึกมาประชิดเมือง เจ้าชายต้องออกไปรบ พระมารดา กับบรรดาพระญาติของเจ้าชายวันดารุส รวมหัวกันหาทางกำจัดเจ้าหญิงมัตสุหรี โดยใช้ให้ทำงานสารพัด ทำให้องครักษ์ที่เจ้าชายแต่งตั้งให้ดูแลเจ้าหญิงต้องรับหน้าที่ทำงานแทน พวกที่รวมหัวกันได้ทีใส่ร้าย ว่ามัตสุหรีมีชู้ และรวบรัดจับไปประหารทั้งคู่ โดยไม่ฟังคำอุทธรณ์ ของมัตสุหรี และราชองครักษ์ ก่อนที่นางจะถูกประหาร นางได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้านางไม่ผิด เมื่อนางตายไป ขอให้ลังกาวีเกิดภัยภิบัติ ฝนแล้งน้ำท่วมไปตลอด และในขณะที่ถูกตัดคอขอให้เลือดของนางเป็นสีขาว ซึ่งก็เป็นดังคำอธิษฐาน เลือดที่กระฉูดออกมาตามคมมีดของเพชรฌฆาต ก็เป็นสีขาวจริงๆ นางจึงสมญานามว่า พระนางเลือดขาว หลังการประหารได้นำเอาศพของนางไปฝัง ไม่ว่าจะขุดดินที่ใดก็ขุดไม่เข้า จึงต้องนำศพไปทิ้งในป่า ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่มาของสุสานมัตสุหรีในปัจจุบัน และหลังจากที่นางสิ้นชีวิต ลังกาวีก็ประสบภัยพิบัติตลอดมา ทำให้ประชาชนอดอยาก ยากแค้น และอยากหาวิธีการลบล้างคำสาป
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลมาเลเซียได้พยายามตามหาทายาทของมัสุหรี ซึ่งสืบสายเลือดจากโอรสของวันดารุสกับมัตสุหรี ที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ภูเก็ต เนื่องจากวันดารุสฆ่าตัวตายตามมัตสุหรี หลังจากกลับจากสงคราม และรู้ว่ามัตสุหรีถูกประหารชีวิตอย่างไม่เป็นธรรม เพราะวันดารุสเชื่อมั่นในความรักที่มัตสุหรีมีต่อพระองค์ และการตามหาก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อพบว่า ทายาทของมัตสุหรี ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ภูเก็ต ชื่อ สิรินทรา รัฐบาลมาเลเซีย จึงเชิญสิรินทรา ไปเป็นตัวแทน รับการขอขมาจากชาวลังกาวี ซึ่งนางก็ตอบรับคำเชิญด้วยความเต็มใจ เมื่อพิธีขอขมาได้เสร็จสิ้นลง รัฐบาลมาเลเซีย ขอให้สิรินทราอยู่ที่ลังกาวี และถวายพระอิสริยศักดิ์ให้เป็นเจ้าหญิง แต่สิรินทราไม่รับ นางขอกลับมาอยู่ภูเก็ตตามเดิม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฝน ฟ้า ก็ตกต้องตามฤดูกาล ชาวประชาก็ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งหนึ่ง
เราพยายามสังเกตและไปตามป้ายท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวในลังกาวี ค่อนข้างหายากเพราะแผนที่ที่แจกให้เน้นธุรกิจเกินไป แทนที่จะบอกพิกัดสถานที่ท่องเที่ยว หรือหาดทราย ก็บอกชื่อห้างและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งมีค่าเข้าชม และมีสินค้าขาย แต่ชาวยุโรปก็ช่างรู้จักกันมากกว่าเรา พวกเขาเดินกันขวักไขว่บางคนแบกลังเบียร์ บ้างใส่ชุดชายหาดบ้างทำให้เราตามหาหาดจนเจอ
หาดเซนังสวยและยาว ทรายขาวละเอียดเหมือนหาดทรายแก้วที่เกาะเสม็ด เว้นวรรคด้วยโขดหินและสิ่งก่อสร้างที่กั้นเขตไว้เป็นหาดส่วนตัว ต่อด้วยหาดสาธารณะอื่นๆ ที่ไม่สวยเท่าหาดเซนัง
เราไปเที่ยวอีก 3 หาด คือ หาด Tengah หาด Awam และ หาด Awam & Black Sand เป็นหาดที่สีทรายไม่ขาว และน้ำไม่ใส ที่หาดเซนัง นักท่องเที่ยวนอนอาบแดด เล่นน้ำ ขี่ม้า ส่วนหาดอื่นๆ ที่มีบริเวณไม่กว้าง หรือ ยาวเท่า น้ำไม่ใส และทรายไม่ขาว เป็นที่ที่เขาเช่าเรือและอุปกรณ์สารพัดที่เป็นกิจกรรมทางน้ำ แต่คนก็ไม่คึกคัก
โดยเฉพาะที่หาด Awam Teluk Yu Langkawi หรือ Black Sand Beach มีแต่เลน ปลาตีน หอย และปูลมมากมาย คนที่ไปก็คงชอบธรรมชาติแบบนั้น เอาเสื่อไปปู นั่งกินอาหารแบบปิคนิค ไม่มีคนลงเล่นน้ำ เพราะกว่าจะผ่านเลน ออกไปถึงน้ำทะเล น่าจะประมาณ 100 เมตร และทะเลที่เป็นเลนแบบนั้น น้ำก็ไม่ใส แม้แต่เจ้าของบ้านก็ไม่ได้นิยมเท่าใดนัก
เราไปเที่ยวหมู่บ้านชาวประมง ที่ภาษามาเลย์ เรียกว่า Teluk ดูเขาสานแห สานอวน และเรือที่เกยตื้น ในช่วงน้ำลง มีน้ำอยู่เล้กน้อย แต่มีสัตว์น้ำชุกชุม ดูเหมือนว่า เป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะเล
หลังจากนั้นเราขี่ไปจนสุดเกาะ เป็นที่พักตากอากาศและท่าเรือเล็กๆ มีรถจอดรอรับผู้โดยสารอยู่พอประมาณ เราไปเดินสูดอากาศ ดูผู้คน แล้วเดินทางกลับ เป้าหมายของเราอยู่ที่หมู่บ้านตะวันออก กับเคเบิลคาร์ กว่าจะหาเจอก็ยากลำบาก แต่ถนนที่นำไปสู่ปลายทางทางผ่านสวนป่าร่มรื่น เราไปจนถึงที่ แล้วยังหาไม่เจอ เพราะมันเป็นแค่ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก
เป้าหมายสุดท้ายของเรา คือ วัดไทยชื่อวัดเกาะวนาราม พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แต่เราก็ยังไม่เจอเป้าหมาย มีวัดฮินดูอยู่บนเส้นทางที่เราผ่านไป เป็นวัดที่สวยมาก เราขี่ต่อไปเห็นป้ายข้างทาง มีรูปหลวงพ่อคูณนั่งยองๆ มองตามถนนเข้าไปไม่เห็นวัด ดูเหมือนว่า จะอยู่ไกล แต่เราก็ต้องไปให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งความจริงอยู่ห่างจากทางเข้าไม่ถึง 1 กม. ซุ้มประตูอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ศาลาการเปรียญอยู่ระหว่างการปรับปรุง มองผ่านโบสถ์เข้าไป ที่หน้าผาเห็นพระพุทธรูปยืน ที่ยังแกะสลักไม่เสร็จ ได้ยินเสียงไก่ขันเจื้อยแจ้ว รอบตัวเริ่มมืดลงเรื่อยๆ
ชื่อสินค้า:
ลังกาวี มาเลเซีย
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครืองบิน ตอนที่ 15 เกาะหลีเป๊ะ สตูล
"ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก" ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครื่องบิน ตอนที่ 14 เกาะหลีเป๊ะ ไทย ที่ท่าเรือเกาะลังกาวี ป้าเห็นมีเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อสีส้ม เหมือนคุณ Othman นั่งอยู่ตรงจุดที่คุ
ป้ากับลุง
ลังกาวี-หลีเป๊ะ 4 วัน 3 คืน
ทีแรกวางแผนจะไปนอนหลีเป๊ะ 3 คืน ดีที่ยังไม่ทันได้จองห้องพักไปเจอคลิป “นั่งเรือจากสตูลไป มาเลเซีย ที่เกาะลังกาวี | VLOG” เลยเปลี่ยนแ
Don't worry baby!
แบกยกพรรคจริงๆเลย ลุงแม้ว
วันใดลุงแม้วไม่อยู่ พรรคคงไปต่อยาก จะให้เป็นสถาบันการเมืองอย่างที่คุย คงเป็นไปไม่ได้ ก่อนลุงแม้วจะกลับมา พรรค พท.แทบจะหา ใครมาเป็นหัวเรือไม่ได้เลย ส่วนคนที่มีความ สามารถก็ไม่เลือกมายืนหนึ่ง มาวันนี้
สมาชิกหมายเลข 8207992
ไม่เก่งเรื่องภาษาเเต่เช่ามอร์ไซค์เเว๊นมั่วๆ @เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย 2 วัน 1 คืน..
ขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมเที่ยวคนเดียว ไม่เก่งภาษาอังกฤษเเละไม่ได้ภาษาอื่นๆใดเลย ท่องได้เเค่ A - Z เเค่นั้น การเดินทางครั้งนี้ผมตัดสินใจก่อนออกเดินทางเพียงเเค่.. . 1 วัน !!!ได้ชวนเพื่อนๆทาง Facebook. (เ
สมาชิกหมายเลข 1413582
++ นั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวมาเลเซีย (เกาะลังกาวี) 5 วัน 4 คืน
สวัสดีครับ รีวิวเป็นอันที่ 2 ต่อจาก รีวิวแรกที่ผมไปเที่ยวเวียดนามกลางมาด้วยงบไม่ถึง 5000 บาท http://ppantip.com/topic/32734782 ครั้งนี้ขอลงไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเราใต้มั่งครับ นั่นคือ ประเทศมาเลเซีย
สมาชิกหมายเลข 961439
บินไปเกาะลังกาวีด้วยตนเอง
สวัสดีครับขอพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่าน ผมมีแพลนจะบินจากรุงเทพไปเกาะลังกาวีด้วยตนเองไป 25 พย. 66 กลับ 28 พย. 66 ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วโดยจะต้องเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ แต่ลืมไปว่า ตม. จะถามหาแพ็ค
สมาชิกหมายเลข 7656030
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครืองบิน ตอน 13 ปีนัง มาเลเซีย
"ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก" ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครื่องบิน ตอนที่ 13 ปีนัง มาเลเซีย กว่ารถจะออกจากสถานีขนส่ง TPS Terminal Bersepau ก็ 15.20 น. ตอนเดินทางก็มีแต่คนเล็งถามกัน ตกลง
ป้ากับลุง
[Spoil] ONE PIECE : 1,133 'Please praise me' (เต็มตอน)
กระทู้นี้เป็น Spoil นะคะตัวเต็มออกวันอาทิตย์ 22:00 ทาง Manga Plus ONE PIECE : 1,132 PLEASE PRAISE ME - บทนี้เริ่มต้นด้วยภาพย้อนอดีตของโรบินในวัยเด็ก เป็นภาพเหตุการณ์เดียวกัน แต่เป็นมุมมองของคนอื่น
Josephbb
ตะโกน้อย ชวนฝอย อร่อยกับ ปูม้าต้ม
กราบสวัสดี พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้าน้าอา และสมาชิกที่รักทุกๆท่านครับ หลังผ่าน วันพระใหญ่ ก็เข้าข้างแรม เดือนมืดมิด ก็เริ่มได้เวลา ออกวางอวนปู ราคาปูช่วงนี้ถือว่าดีกว่าปีก่อน คงเป็นเพราะ แขกเหรื่อ ท
สมาชิกหมายเลข 3643762
เกาะเต่าในวันสงบ
เราได้ไปเกาะเต่าเมื่อปี 2563 ค่ะ ความจำอาจเลอะเลือนไปบ้าง ขอเน้นไปทางรูปประกอบนะคะ เราบินลงสนามบินสุราษฎร์ และก็ต่อเรือไปเกาะเต่าค่ะ เรากับเพื่อนเช่ามอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเกาะค่ะ ไป
SoMeDay..SoMeOnE
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
รถโดยสาร
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวทะเล
Backpack
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR][SR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครืองบิน ตอนที่ 14 เกาะลังกาวี มาเลเซีย
ตอนที่ 14 เกาะลังกาวี มาเลเซีย
เรือออกจากท่า 08.15 น. เป็นเรือใหญ่ มีห้องโดยสาร 2 ห้อง จุคนได้ห้องละ 100 คน นั่งในเรือแล้วมองไม่เห็นด้านนอก เห็นแต่จอทีวีอยู่ด้านหน้า มีบางจังหวะที่เรือปะทะคลื่น เสียงดังตึงตังเหมือนเสียงรถไฟโยก มีคนเมาเรือหลายคน รวมทั้งป้าด้วย เรือแวะรับ-ส่งผู้โดยสารที่เกาะไพ เวลา 10.15 น. ถึงเกาะลังกาวี 11.15 น.
เดินขึ้นจากเรือ เข้าไปในท่า ทะลุด้านหน้า ออกไปซื้อตั๋วไปหลีเป๊ะ ตอนบ่ายวันต่อไป ค่าเรือ คนละ 100 ริงกิต ตรงที่ขายตั๋วมีให้เช่ามอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเกาะด้วย วันละ 35 ริงกิต มัดจำ 50 ริงกิต
น้ำมันในรถเกือบหมดถัง ต้องหาที่เติมก่อนออกไปเที่ยว คุณ Othman Ayob ผู้จัดการ Moonlight ที่ขายตั๋วให้ แนะนำโรงแรม มีทั้งย่านราคาถูกและราคาแพง เราสนใจย่านราคาถูก ซึ่งอยู่ทางซ้ายเมือหันหน้าออกถนน ห่างจากท่าเรือประมาณ 1 กม. มองจากถนนลึกเข้าไปเป็นท่าเรือเล็ก เลี้ยวขวาที่ 1 แล้วก็ขวาที่ 2 อยู่ขวามือ เห็นโรงแรมแรก ป้าเข้าไปถามพนักงานกำลังทำความสะอาดอยู่ เธอบอกว่า ยังเช็คอินไม่ได้ เพราะแขกเพิ่งออก ต้องรอตอนบ่าย ถามราคาห้องที่ไม่ใช่ห้องรวม เธอบอกว่า คืนละ 70 ริงกิต ป้าตกลง และขอฝากของ ออกไปเรียกลุงให้เอาของเข้าไปฝาก ลุงเอาของเข้าไปฝาก แล้วก็ดุป้า ว่า รีบตัดสินใจ โรงแรมที่อยูติดกัน คืนละ 65 ริงกิต และเช็คอินได้เลยลุงเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ป้าต้องไปขอโทษพนักงานที่ให้เราฝากของ เธอบอกว่า ห้องของเขากับห้องของเธอต่างกัน และห้องน้ำก็ต่างกัน ป้าบอกว่า ลุงตัดสินใจแล้ว จำเป็นต้องย้าย และแบกกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่โรงแรม Island Time 2 คืนละ 65 ริงกิต มีอาหารเช้า และ Free wifi เราเอาของไปเก็บในห้อง แล้วออกไปขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเกาะ
มองหาปั๊มน้ำมันไม่เห็นมี จึงถามสาวที่เดินออกมาที่รถมอเตอร์ไซด์ เธอบอกว่า ขี่ตรงไปอีกประมาณ 20 นาที เราไม่มั่นใจว่ากว่าจะหาปั๊มเจอ เราต้องจูงรถหรือไม่ มองไปรอบตัวเห็นร้านอาหารอยู่ด้านหลัง จึงไปหาข้าวกินก่อน ในร้านอาหารที่มีถาด และหม้อใส่อาหาร ละลานตา เรามองหาอะไรที่ไม่มัน ได้แกงปลากับผัดผัก อีกตามเคย
ป้าเดินไปสั่งน้ำมะนาว 2 แก้ว ดูวิธีทำ เขาเอาน้ำเปล่าใส่แก้ว แล้วตักน้ำเชื่อมใส่ บีบมะนาว 2 ซีก เอาเปลือกมะนาวใส่ลงไปในแก้ว คนให้เข้ากัน แล้วตักน้ำแข็งใส่ เอาหลอดดูดใส่ ดูง่ายๆ สำหรับดับกระหาย คลายร้อน จะให้รสชาติถูกใจเหมือนทำเอง คงหาไม่ได้ สรุปค่าอาหารกับน้ำ มื้อนี้ 11.4 ริงกิต
อิ่มแล้วก็ออกเดินทาง ขี่ไปประมาณ 2 กม. เจอปั๊มเติมน้ำมัน เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เพิ่งเคยพบ ต้อง จ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก่อน แค็ชเชียร์จะเซ็ทค่าเริ่มต้นและปริมาณน้ำมันให้ ลูกค้าเดินไปที่ตู้น้ำมัน แล้วบริการตัวเอง เราจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าของพื้นที่ ที่มาทีหลังเรา แต่เติมเสร็จแล้ว ขอให้ช่วยคำนวณว่า เราควรจะจ่ายเงินเท่าไร จึงจะได้น้ำมันเต็มถัง ซึ่งเขาบอกว่า 5 ริงกิต ไปจ่ายเงินแล้ว เราก็เติมไม่เป็นอีก จึงให้เขาช่วย เขาก็ช่วยด้วยความเต็มใจ
จากนั้น ขี่ไปตามถนนสายนอก ต่อไปอีกไม่ถึงร้อยเมตร ก็เจอปั๊มน้ำมันอีก แสดงว่า เขาแบ่งโซน ปั๊มน้ำมัน ดูจากแผนที่ดูเหมือนว่าจงใจจะให้ไปซื้อของ โดยไม่เน้นแหล่งท่องเที่ยว เราต้องสังเกตป้ายท่องเที่ยวเอาเอง เป็นป้ายสีน้ำตาล จากปั๊มน้ำมันไปประมาณ 1 กม. เป็นสถานที่ราชการของเกาะลังกาวี ตั้งอยู่บนเนิน แต่วันอาทิตย์ไม่มีคนไปทำงาน
ขี่ต่อไปประมาณ 2 กม. เจอป้าย Matsuri เลี้ยวขวา เราจึงเลี้ยวขวาไปตามป้าย สุสานมัตสุหรีอยู่นอกเมือง ชุมชนที่อยู่บริเวณนั้น มีลักษณะเป็นชุมชนใหม่
ที่น่าจะเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากการประหาร และมีสุสานมัตสุหรี แล้ว วันอาทิตย์ที่มีแดดจ้า อากาศร้อนมาก ร่มลีลาวดีแทบจะไม่ช่วยให้คลายร้อนได้เลย ที่สุสานเจ้าหญิงมัตสุหรี มีคนมาเลย์ไปเที่ยวกันพอประมาณ พวกเขาก็เชื่อในเรื่องการขอพร เหมือนคนเอเชียทั่วๆ สิ่งก่อสร้างที่สุสาน ส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ ชั้นเดียว ไม่หรูหรา ด้านในมีการแสดงพื้นเมือง เรื่องเล่าของพระนางมัสุหรี และมีของที่ระลึกขาย เล่าต่อกันมาว่า เมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว เจ้าหญิงมัตสุหรี เดิมเป็นสาวน้อยวัย 17 ปี ชาวภูเก็ต เดินทางไปค้าขายทางเรือกับครอบครัว บังเอิญเกิดพายุ คลื่น ลม แรง ทำให้เรือแตก แต่ทั้งครอบครัว ถูกน้ำพัดเข้าหาฝั่ง ที่เกาะลังกาวี ซึ่งแปลว่า นกอินทรี สีน้ำตาล ได้พบรักและแต่งงานกันกับเจ้าชายวันดารุส แห่งลังกาวี โดยที่พระญาติของฝ่ายชายไม่เต็มใจ แต่ทั้งสองก็ครองรักและมีโอรสร่วมกัน 1 องค์ เจ้าหญิงมัตสุหรีเพิ่งจะให้กำเนิดโอรส ก็มีข้าศึกมาประชิดเมือง เจ้าชายต้องออกไปรบ พระมารดา กับบรรดาพระญาติของเจ้าชายวันดารุส รวมหัวกันหาทางกำจัดเจ้าหญิงมัตสุหรี โดยใช้ให้ทำงานสารพัด ทำให้องครักษ์ที่เจ้าชายแต่งตั้งให้ดูแลเจ้าหญิงต้องรับหน้าที่ทำงานแทน พวกที่รวมหัวกันได้ทีใส่ร้าย ว่ามัตสุหรีมีชู้ และรวบรัดจับไปประหารทั้งคู่ โดยไม่ฟังคำอุทธรณ์ ของมัตสุหรี และราชองครักษ์ ก่อนที่นางจะถูกประหาร นางได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้านางไม่ผิด เมื่อนางตายไป ขอให้ลังกาวีเกิดภัยภิบัติ ฝนแล้งน้ำท่วมไปตลอด และในขณะที่ถูกตัดคอขอให้เลือดของนางเป็นสีขาว ซึ่งก็เป็นดังคำอธิษฐาน เลือดที่กระฉูดออกมาตามคมมีดของเพชรฌฆาต ก็เป็นสีขาวจริงๆ นางจึงสมญานามว่า พระนางเลือดขาว หลังการประหารได้นำเอาศพของนางไปฝัง ไม่ว่าจะขุดดินที่ใดก็ขุดไม่เข้า จึงต้องนำศพไปทิ้งในป่า ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่มาของสุสานมัตสุหรีในปัจจุบัน และหลังจากที่นางสิ้นชีวิต ลังกาวีก็ประสบภัยพิบัติตลอดมา ทำให้ประชาชนอดอยาก ยากแค้น และอยากหาวิธีการลบล้างคำสาป
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลมาเลเซียได้พยายามตามหาทายาทของมัสุหรี ซึ่งสืบสายเลือดจากโอรสของวันดารุสกับมัตสุหรี ที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ภูเก็ต เนื่องจากวันดารุสฆ่าตัวตายตามมัตสุหรี หลังจากกลับจากสงคราม และรู้ว่ามัตสุหรีถูกประหารชีวิตอย่างไม่เป็นธรรม เพราะวันดารุสเชื่อมั่นในความรักที่มัตสุหรีมีต่อพระองค์ และการตามหาก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อพบว่า ทายาทของมัตสุหรี ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ภูเก็ต ชื่อ สิรินทรา รัฐบาลมาเลเซีย จึงเชิญสิรินทรา ไปเป็นตัวแทน รับการขอขมาจากชาวลังกาวี ซึ่งนางก็ตอบรับคำเชิญด้วยความเต็มใจ เมื่อพิธีขอขมาได้เสร็จสิ้นลง รัฐบาลมาเลเซีย ขอให้สิรินทราอยู่ที่ลังกาวี และถวายพระอิสริยศักดิ์ให้เป็นเจ้าหญิง แต่สิรินทราไม่รับ นางขอกลับมาอยู่ภูเก็ตตามเดิม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฝน ฟ้า ก็ตกต้องตามฤดูกาล ชาวประชาก็ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งหนึ่ง
เราพยายามสังเกตและไปตามป้ายท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวในลังกาวี ค่อนข้างหายากเพราะแผนที่ที่แจกให้เน้นธุรกิจเกินไป แทนที่จะบอกพิกัดสถานที่ท่องเที่ยว หรือหาดทราย ก็บอกชื่อห้างและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งมีค่าเข้าชม และมีสินค้าขาย แต่ชาวยุโรปก็ช่างรู้จักกันมากกว่าเรา พวกเขาเดินกันขวักไขว่บางคนแบกลังเบียร์ บ้างใส่ชุดชายหาดบ้างทำให้เราตามหาหาดจนเจอ
หาดเซนังสวยและยาว ทรายขาวละเอียดเหมือนหาดทรายแก้วที่เกาะเสม็ด เว้นวรรคด้วยโขดหินและสิ่งก่อสร้างที่กั้นเขตไว้เป็นหาดส่วนตัว ต่อด้วยหาดสาธารณะอื่นๆ ที่ไม่สวยเท่าหาดเซนัง
เราไปเที่ยวอีก 3 หาด คือ หาด Tengah หาด Awam และ หาด Awam & Black Sand เป็นหาดที่สีทรายไม่ขาว และน้ำไม่ใส ที่หาดเซนัง นักท่องเที่ยวนอนอาบแดด เล่นน้ำ ขี่ม้า ส่วนหาดอื่นๆ ที่มีบริเวณไม่กว้าง หรือ ยาวเท่า น้ำไม่ใส และทรายไม่ขาว เป็นที่ที่เขาเช่าเรือและอุปกรณ์สารพัดที่เป็นกิจกรรมทางน้ำ แต่คนก็ไม่คึกคัก
โดยเฉพาะที่หาด Awam Teluk Yu Langkawi หรือ Black Sand Beach มีแต่เลน ปลาตีน หอย และปูลมมากมาย คนที่ไปก็คงชอบธรรมชาติแบบนั้น เอาเสื่อไปปู นั่งกินอาหารแบบปิคนิค ไม่มีคนลงเล่นน้ำ เพราะกว่าจะผ่านเลน ออกไปถึงน้ำทะเล น่าจะประมาณ 100 เมตร และทะเลที่เป็นเลนแบบนั้น น้ำก็ไม่ใส แม้แต่เจ้าของบ้านก็ไม่ได้นิยมเท่าใดนัก
เราไปเที่ยวหมู่บ้านชาวประมง ที่ภาษามาเลย์ เรียกว่า Teluk ดูเขาสานแห สานอวน และเรือที่เกยตื้น ในช่วงน้ำลง มีน้ำอยู่เล้กน้อย แต่มีสัตว์น้ำชุกชุม ดูเหมือนว่า เป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะเล
หลังจากนั้นเราขี่ไปจนสุดเกาะ เป็นที่พักตากอากาศและท่าเรือเล็กๆ มีรถจอดรอรับผู้โดยสารอยู่พอประมาณ เราไปเดินสูดอากาศ ดูผู้คน แล้วเดินทางกลับ เป้าหมายของเราอยู่ที่หมู่บ้านตะวันออก กับเคเบิลคาร์ กว่าจะหาเจอก็ยากลำบาก แต่ถนนที่นำไปสู่ปลายทางทางผ่านสวนป่าร่มรื่น เราไปจนถึงที่ แล้วยังหาไม่เจอ เพราะมันเป็นแค่ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก
เป้าหมายสุดท้ายของเรา คือ วัดไทยชื่อวัดเกาะวนาราม พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แต่เราก็ยังไม่เจอเป้าหมาย มีวัดฮินดูอยู่บนเส้นทางที่เราผ่านไป เป็นวัดที่สวยมาก เราขี่ต่อไปเห็นป้ายข้างทาง มีรูปหลวงพ่อคูณนั่งยองๆ มองตามถนนเข้าไปไม่เห็นวัด ดูเหมือนว่า จะอยู่ไกล แต่เราก็ต้องไปให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งความจริงอยู่ห่างจากทางเข้าไม่ถึง 1 กม. ซุ้มประตูอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ศาลาการเปรียญอยู่ระหว่างการปรับปรุง มองผ่านโบสถ์เข้าไป ที่หน้าผาเห็นพระพุทธรูปยืน ที่ยังแกะสลักไม่เสร็จ ได้ยินเสียงไก่ขันเจื้อยแจ้ว รอบตัวเริ่มมืดลงเรื่อยๆ
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น