เราเป็นคนภาคเหนือคะ ช่วงขึ้นมัธยมพ่อแม่เราให้เราย้ายมาเรียนโรงเรียนประจำ ในจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประจำเมื่อก่อนเป็นโรงเรียนหญิงล้วน แต่เปลี่ยนเป็นสหนานแล้วแต่ผู้ชายก็ยังน้อยอยู่ดี เราเข้ามาเรียนปรับพื้นฐานช่วงซัมเมอร์ก่อนเปิดเทอมจริง1เดือน ขึ้นม.1 วันแรกที่เข้าหอใจมันก็หดหู่ ไม่อยากอยู่หอใน อยากกลับบ้าน แต่เอาเหอะมีหน้าที่เรียนก็เรียน พ่อแม่ส่งมาเรียน เราอยู่ที่นี่ก็สนุกดีไปอีกแบบ มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย ไม่เครียดเลย แถมลอกการบ้านกันง่ายกว่าเด็กไปกลับด้วยสบาย5555 แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น กฏระเบียบโรงเรียนเราค่อนข้างโหดพอตัวเลยแหละ อย่างว่าก็โรงเรียนประจำนี่ (เอ่อลืมบอกว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนคริสต์) มันก็ค่อนข้างโหดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่เราอยู่ได้เราปรับตัวได้เลยไม่มีปัญหากับมิสกับเพื่อนแต่อย่างใด
เข้าเรื่องน่ากลัวเลยแล้วกัน เราอยู่ห้องนอนมัธยมซึ่งหอในจะแบ่งเป็นห้องใหญ่ๆ4-5ห้อง ห้องเด็กประถม ห้องมัธยมต้น ห้องมัธยมปลาย ห้องๆนึงจะนอนรวมกันประมาณ40-50คน ห้องน้ำ20ห้อง เตียงเป็นเตียง2ชั้น
วันนั้น วันเข้าค่ายเนตรนารีตอน ม.3 เข้าค่ายที่โรงเรียน วันสุดท้ายก็กลับเข้าหอตามปกติ ซึ่งเราเหนื่อยมากๆ เราก็อาบน้ำเก็บของ ปกติตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ม.1เราใส่สร้อยพระตลอด จนวันนี้วันที่กลับจากค่ายเราถอดไว้ในตู้เสื้อผ้า และอาบน้ำมานอนที่เตียง ราวๆ2ทุ่มเศษๆได้ เรานอนเตียงชั้นล่าง น้องม.1นอนชั้นบน เตียงเราจะอยู่ใกล้ๆประตูห้อง ในคืนนั้นเราสะดุ้งตื่นมาแต่ไม่รู้เวลาเท่าไหร่น่าจะดึกมากแล้ว ในห้องเงียบและมืดสนิท เราได้กลิ่นธูป เราคิดในใจ ใครจะมาจุดธูปอะไรตอนนี้ มันมีที่ไหน ลึกๆเราก็เริ่มกลัว เลยฝืนใจข่มตาหลับ ในช่วงกำลังเคลิ้มก็มีลมเบาๆมากระทบกับหน้า ทำให้เราลืมตาตื่นขึ้น สักพักเราได้ยินเสียงหัวเราะจากหน้าห้องน้ำ เป็นเสียงเด็กเล็กประมาณ4-5คน เราคิดแล้วว่าเด็กที่ไหนจะมานั่งเล่นกันตอนนี้มันเป็นไปได้ยากมากที่สำคัญห้องนี้มันเป็นห้องนอนมัธยม เราเริ่มกลัว มือเท้าเหงือออก จะปลุกเพื่อนก็ไม่กล้าปลุก จะเดินไปเอาพระในตู้เสื้อผ้าก็ไม่กล้าไป เพราะตู้เราอยู่โซนที่เราได้ยินเสียง บอกก่อนเลยว่าเตียงเราอยู่ไกลจากประตูห้องน้ำพอสมควร ซึ่งถ้ามันดังขนาดนี้ต้องมีคนตื่นสิ แต่นี่ไม่มีใครตื่นไม่มีใครขยับตัวเลย เราเลยเริ่มสวดมนต์แต่สวดของบทพุทธก็ได้แค่นะโมตัสสะ เราเลยท่องบทคริสต์ไปด้วย เพราะเราเรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่อนุบาล บทพุทธท่องได้แต่ต้องเปิดหนังสือ เพราะครอบครัวเรานับถือพุทธ แต่ยังไงก็เถอะ สถานการณ์ตอนนั้น บทอะไรที่รู้บทอะไรที่ท่องได้ ท่องหมดแหละ สักพักเสียงหัวเราะนั้นก็เงียบไป ใจเราเริ่มไม่ดีเลย พรุ่งนี้จะเจออะไรไหม หลังจากวันนั้นเรื่องเล่าที่รุ่นพี่เลยเล่าให้เราฟังเมื่อก่อนไม่เคยเชื่อ ตอนนี้เราเริ่มเชือแล้ว
เอาไว้ว่างๆเราจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ
(เอ่อ ตอนนี้เราจบจากโรงเรียนนี้มาได้นานแล้ว เราอยู่ปี4แล้ว ไม่เคยลืมเรื่องราวต่างๆจากที่นี่เลย)
ขอบคุณที่อ่านและติดตามนะคะ
ณ โรงเรียนประจำ
เข้าเรื่องน่ากลัวเลยแล้วกัน เราอยู่ห้องนอนมัธยมซึ่งหอในจะแบ่งเป็นห้องใหญ่ๆ4-5ห้อง ห้องเด็กประถม ห้องมัธยมต้น ห้องมัธยมปลาย ห้องๆนึงจะนอนรวมกันประมาณ40-50คน ห้องน้ำ20ห้อง เตียงเป็นเตียง2ชั้น
วันนั้น วันเข้าค่ายเนตรนารีตอน ม.3 เข้าค่ายที่โรงเรียน วันสุดท้ายก็กลับเข้าหอตามปกติ ซึ่งเราเหนื่อยมากๆ เราก็อาบน้ำเก็บของ ปกติตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ม.1เราใส่สร้อยพระตลอด จนวันนี้วันที่กลับจากค่ายเราถอดไว้ในตู้เสื้อผ้า และอาบน้ำมานอนที่เตียง ราวๆ2ทุ่มเศษๆได้ เรานอนเตียงชั้นล่าง น้องม.1นอนชั้นบน เตียงเราจะอยู่ใกล้ๆประตูห้อง ในคืนนั้นเราสะดุ้งตื่นมาแต่ไม่รู้เวลาเท่าไหร่น่าจะดึกมากแล้ว ในห้องเงียบและมืดสนิท เราได้กลิ่นธูป เราคิดในใจ ใครจะมาจุดธูปอะไรตอนนี้ มันมีที่ไหน ลึกๆเราก็เริ่มกลัว เลยฝืนใจข่มตาหลับ ในช่วงกำลังเคลิ้มก็มีลมเบาๆมากระทบกับหน้า ทำให้เราลืมตาตื่นขึ้น สักพักเราได้ยินเสียงหัวเราะจากหน้าห้องน้ำ เป็นเสียงเด็กเล็กประมาณ4-5คน เราคิดแล้วว่าเด็กที่ไหนจะมานั่งเล่นกันตอนนี้มันเป็นไปได้ยากมากที่สำคัญห้องนี้มันเป็นห้องนอนมัธยม เราเริ่มกลัว มือเท้าเหงือออก จะปลุกเพื่อนก็ไม่กล้าปลุก จะเดินไปเอาพระในตู้เสื้อผ้าก็ไม่กล้าไป เพราะตู้เราอยู่โซนที่เราได้ยินเสียง บอกก่อนเลยว่าเตียงเราอยู่ไกลจากประตูห้องน้ำพอสมควร ซึ่งถ้ามันดังขนาดนี้ต้องมีคนตื่นสิ แต่นี่ไม่มีใครตื่นไม่มีใครขยับตัวเลย เราเลยเริ่มสวดมนต์แต่สวดของบทพุทธก็ได้แค่นะโมตัสสะ เราเลยท่องบทคริสต์ไปด้วย เพราะเราเรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่อนุบาล บทพุทธท่องได้แต่ต้องเปิดหนังสือ เพราะครอบครัวเรานับถือพุทธ แต่ยังไงก็เถอะ สถานการณ์ตอนนั้น บทอะไรที่รู้บทอะไรที่ท่องได้ ท่องหมดแหละ สักพักเสียงหัวเราะนั้นก็เงียบไป ใจเราเริ่มไม่ดีเลย พรุ่งนี้จะเจออะไรไหม หลังจากวันนั้นเรื่องเล่าที่รุ่นพี่เลยเล่าให้เราฟังเมื่อก่อนไม่เคยเชื่อ ตอนนี้เราเริ่มเชือแล้ว
เอาไว้ว่างๆเราจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ
(เอ่อ ตอนนี้เราจบจากโรงเรียนนี้มาได้นานแล้ว เราอยู่ปี4แล้ว ไม่เคยลืมเรื่องราวต่างๆจากที่นี่เลย)
ขอบคุณที่อ่านและติดตามนะคะ