ย้ายบ้านมาอยู่บ้านหลังใหม่ ครอบครัวน้ามาด้วย แต่น้าไม่ช่วย ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าใช้จ่ายใดๆเลย

ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่ พูดง่ายๆคือที่บ้านค่อนข้างลำบาก แม่เราทำงานเทศบาลเป็นคนกวาดถนน ที่บ้านอยู่ด้วยกัน 6 คน มีแม่ มียาย มีน้า มีสามีน้า มีลูกน้า และตัวเราเอง ตอนที่ยายยังอยู่เราอยู่บ้านเช่า เช่าเดือนละ 600 บาท น้าเราเป็นคนจ่าย ส่วนค่าน้ำค่าไฟแม่เราเป็นคนรับผิดชอบ ในตอนนั้นแม่เรากับน้าก็ทะเลาะกันบ่อยๆนะ แต่ก็ยังเกรงใจยายอยู่ไม่อยากให้ยายเสียใจ แต่ภาพและเสียงที่เราชินคือแม่กับน้าทะเลาะกันโดยที่น้าด่าแม่เราแบบ เฮ้ยคนที่แกด่านี่คือพี่สาวแกนะ ลืมบอกไปว่าสามีน้าทำงานแบบแม่เราคือกวาดถนน เงินเดือนก็ 9,000 บาท เวลาทะเลาะกันไม่ว่าจะกับใครก็ตามน้าจะชอบลงที่สิ่งของ แบบ จาน ชาม จะชอบวางแรงๆ จนลูกสาวน้าเวลามันโกรธหรือไม่พอใจใครมันจะชอบทำใส่ แบบกระทืบเท้าแรงๆ เราคิดในใจนะว่าลูกได้แม่มาเต็มๆ แต่เราก็ไม่นิ่งนอนใจก็คอยสั่งสอนว่าอย่าทำแบบนี้ เพราะเห็นว่าน้องยังเด็กน่าจะสอนกันได้ ส่วนคนที่ส่งเราเรียนให้เงินเราใช้คือแม่คนเดียว ไม่เคยรบกวนน้าและสามีน้าเลย เราก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาจนยายเสีย
         จนวันที่เราได้ทำงานที่ดี มีเงินเดือน สามารถกู้เงินซื้อบ้านให้แม่อยู่ได้ ครอบครัวเราตอนนั้นเหลือ 5 คน เพราะยายเสียไปแล้วจึงย้ายบ้านมาอยู่บ้านจัดสรร เราเงินเดือน 20,500 บาท ผ่อนบ้านเดือนละ 7,500 บาท มีหนี้บัตรเครดิตเพราะต้องซื้อพวกเครื่องซักผ้า ตู้เย็นให้แม่ ประมาณเดือนละ 3,500 บาท ในบ้านติดแอร์ 2 ตัว คือห้องเรากับห้องน้า แต่ด้วยความที่เราแบบไม่เคยได้อยู่บ้านดีๆ ไม่เคยนอนห้องแอร์ เราจึงเปิดแอร์นอน สุดท้ายพอค่าไฟมา เดือนนั้นเสียค่าไปประมาณ 1,500 บาท  เราก็หวังวาสน้าจะช่วยเสียค่าไฟ แต่เปล่าเลยนางไม่ช่วยเลยจ้า นางอ้างว่าซื้อกับข้าวมากินแล้ว เฮ้ย !!!! กับข้าวที่ซื้อก็เป็นประเภทที่สามีนางกินได้คนเดียวพวกต้มเนื้อไรงี้ แม่กับเราไม่กินเนื้อ แม่ชอบทำกับข้างกินเอง เวลาทำก็กินด้วยกันหมดทั้งบ้าน แต่น้าเอาเรื่องนี้มาอ้างไม่ช่วยจ่ายต่าไฟ คือเรานี่ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ คือเครื่องซักผ้าก็ใช้ด้วยกัน แอร์ก็เปิดทั้งคืน เราเลยไปบอกให้แม่คุยกะน้าให้รู้เรื่องอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันออกค่าใช้จ่าย
              เมื่อก่อนที่ยังอยู่บ้านหลังเดิมยังช่วยกันออกได้เลย แต่แม่เราไม่กล้าพูด กลัวน้องสาวโกรธ กลัวผิดใจกัน เราก็เลยไม่ว่าอะไร หลังจากนั้นมาเรานอนไม่เปิดแอร์เลย เปิดพัดลมเอา แต่ห้องน้าเปิดแอร์ตั้งแต่ทุ่มนึง เฮ้ย เรากลับมาจากทำงานเหนื่อยๆเจอแบบนี้เราโคตรเหนื่อย โคตรท้อเลย เราเลยพูดกับแม่ว่า แม่ไม่สงสารลูกตัวเองบ้างหรอ ที่ต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายให้ครอบครัวน้า แทนที่ตัวเองจะมีเงินเก็บ สักพักสามีน้าเราก็ออกรถกระบะคันใหม่ เพื่อเอามาขายของส่งของ คือทำอาชีพเสริม ทั้งเงินเดือนประจำ ทั้งเงินจากอาชีพ นี่ไม่คิดจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านเลยหรอ ลืมบอกไปว่าน้าผู้หญิงเรา นางไม่ได้ทำงานอยู่บ้านเฉยๆ แล้วบ้านเราเลี้ยงแมวก็ต้องมีค่าอาหาร ค่าทราย เช่นเคย เรากับแม่เป็นคนซื้อ แต่เราก็เต็มใจนะเพราะเราตัดสินใจเลี้ยงแล้วก็ต้องยอมรับค่าใช้จ่ายตัวนี้ แต่น้าเราชอบว่าแม่เราว่าไม่ช่วยงานบ้านเลย ไม่ช่วยเก็บขี้แมวเลย ล้างจานอีก เฮ้ยยย คือน้าอยู่บ้านเฉยๆป่าวว่ะ แม่เรามีงานประจำป่าวว่ะ แม่กับน้าเราชอบทะเลาะกันเรื่องแบบนี้บ่อยๆ จนเราบอกแม่ว่าถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ คือเราก็นึกถึงตอนที่อยู่ด้วยกันบ้านหลังเดิม ลำบากด้วยกันอยู่นะ แต่นี่พวกคุณมาอยู่บ้าน ไม่ช่วย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่าย ค่าชุดนักเรียนลูกสาวน้า เราก็ซื้อให้ทุกปี เพราะโบนัสเราออกเดือนมีนา เป็นช่วงที่เด็กต้องซื้อชุดใหม่ นี่งานบ้านยังจะไม่มำอีก แล้วยังมาตะโกนด่าแม่เรา เถียงกัน ทะเลาะกันแทบทุกวัน เราโคตเหนื่อยเลย เงินเก็บนี่ไม่มีสักบาท ตอนแรกที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ เราวางแผนไว้แล้วว่าให้น้าช่วยค่าไฟเฉยๆ แต่นี่กลับไม่ช่วยอะไรเลย แถมครอบครัวน้ายังมีเงินเก็บ มีรถคันใหม่ มีอาชีพเสริม  เรานั่งร้องไห้กับแม่ตลอด มันเหนื่อยนะ ดีที่จังหวัดที่เราอยู่ ค่าครองชีพต่ำ มีเงิน 5000 บาทก็อยู่ได้ทั้งเดือน แต่อยู่แบบไม่มีเงินเก็บนะ
               ลืมบอกไปอีกอย่าง แม่เรารับผ้าจากข้างบ้านมา ซักรีด แต่นางน้าตัวดี ฝากแม่เรารีดชุดนักเรียนลูกนาง 5 ชุด ทุกอาทิตย์ แล้วตัวนางทำอะไร ซักผ้าก็แค่เอาลงเครื่อง คือครอบครัวนางไม่คิดที่จะยืนด้วยลำแข้งตัวเองบ้างเลยหรอ ถ้าวันนึงที่เราแต่งงาน เราอยู่แบบไหน เราเลยไม่กล้าพาผู้ชายมาบ้าน แต่บอกว่าที่บ้านอยู่ด้วยกัน 5 คน ก็ตกใจแล้วแต่ดีที่ผู้ชายที่เราคบด้วยเขาเข้าใจ ไม่ว่าอะไรอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ แต่คนเรามันก็ควรมีความเกรงใจ แค่ทุกวันนี้เรากะน้าเขยวันนึงแทบไม่ได้คุยกัน   จะทำอะเสียงดังก็เกรงใจ จะพาเพื่อนมาเล่นที่บ้านก็ไม่กล้าพามา เกรงใจกลัวเสียงดัง เฮ้ยย นี่มันบ้านตรุ
                 ใครที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้อาจจะคิดว่าเราคิดเล็กคิดน้อย แต่ถ้าได้ลองมาทำงานหาเงิน หาเลี้ยงครอบครัวน้าแบบนี้ดู เรารู้เลยว่าที่ผ่ามาแม่เราลำบากขนาดไหน ประเด็นคือเราอยากบอกน้าให้ช่วย ค่าน้ำ ค่าไฟบ้าง หรือหางานทำบ้างเพราะเรามาอยู่บ้านใหม่ ค่าใช้จ่ายมันต้องเยอะขึ้นอยู่แล้ว  เราไม่รู้จะพูดกับน้าแบบไหนพูดตรงๆก็กลัวน้าจะเสียใจเพราะยังไงก็เป็นน้องสาวแม่ ถ้าไม่พูดเลยเราก็อึดอัด เราไม่รู้จะระบายที่ไหน บางวันกลับบ้านเลิกงานเจอแม่ทะเลาะกะน้า เราอึดอัดจริงๆนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่