10 ปีแห่งความทรงจำอันเลวร้ายการเมืองไทย ประชาธิปไตยที่โรยด้วยหนามกุหลาบ

สวัสดีวันแห่งความรักค่ะท่านผู้อ่านเวปไซต์พันทิปห้องราชดำเนินทุกท่าน


สิบปีที่ผ่านมาดิฉันในฐานะประชาชนคนหนึ่งได้พบเห็นและคิดว่าน่าจะมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ทบทวนกันเผื่อเราจะนำสิ่งที่เราได้พบเห็นหรือประสบมาด้วยกัน นำมาเป็นบทเรียนเพื่อที่จะไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับประเทศไทยของเราอีก ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเจ็บปวดมามากพอแล้วกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา การเมืองไทยกลับกลายเป็นเรื่องสกปรกทซ้ำๆซากๆที่กระทำโดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน มันถึงเวลาหรือยังที่เราจะ ลด ละ เลิก ความไม่ดีเหล่านั้น

เริ่มจากการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเมื่อปี 2549 โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถามว่าเราได้อะไรขึ้นมาจากการขับไล่รัฐบาลไทยรักไทย ณ ขณะนั้น อ้างว่าไล่คนโกงอย่างงั้นหรือ แล้วเวลาต่อมารัฐบาลอื่นๆแตกต่างกันไหม ดิฉันไม่ได้อะไรจากพวกคุณเลยนอกจากความแตกแยกของสังคมไทย ตามมาด้วยการบอยคอตเลือกตั้งของพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ชื่อสื่อถึงประชาธิปไตยแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ร่วมผสมโรงกับพันธมิตร มิหนำซ้ำยังขอเป็นนายกฯเองดื้อๆจาก ม.7 จนเป็นที่มาของคำแซวที่ว่า "ผมพร้อมเป็นนายกฯ แต่ผมไม่พร้อมลงเลือกตั้ง"

เมื่อเกิดการชุมนุมทางการเมือง เกิดการบอยคอตเลือกตั้งจึงเปิดช่องให้ คมช. เข้ามายึดอำนาจในขณะที่มีรัฐบาลรักษาการก่อนการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2549 ดิฉันได้เห็นผู้คนนำลูกเล็กเด็กแดงไปนั่งชื่นชมรถถังยังกะงานวันเด็กด้วยความสนุกสนาน ด้วยความชื่นชมที่มีการรัฐประหารในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยฯ เด็กๆน่ารักนะค่ะ เด็กๆไม่ผิดเพราะไม่รู้เรื่องอะไร แต่คนที่ชื่นชมกับการยึดอำนาจเช่นนั้นดิฉันไม่เห็นด้วย ในเวลาต่อมาได้เห็นผู้นำการยึดอำนาจในครั้งนั้นคือพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ออกมายืนคร่ำครวญว่าจำเป็นต้องทำไม่เช่นนั้นประเทศชาติเหลือแต่กระดูกแน่ ดิฉันยิ่งได้แต่สงสาร ไม่ได้สงสารพลเอกสนธินะค่ะ แต่สงสารประเทศชาติจับใจที่คนจำนวนไม่น้อยเชื่อพลเอกสนธิ

ปี 2550 เราได้มีรัฐธรรมนูญใหม่เข้ามาแทนที่รัฐธรรมนูญปี 2540 ผ่านการทำประชามติเรียบร้อยด้วยวาทกรรมอมตะ "รับไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีหลัง" เราได้ สว.แต่งตั้งมาเต็มสภา ด้วยความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญนี้เพราะแม้ว่าจะชนะประชามติอย่างเฉียดฉิว แต่ก็ชนะ ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของประชาชนเพียงเพราะรอกันไม่ได้ อยากเลือกตั้งเร็วๆโดยมิได้คำนึงถึงอำนาจขององค์กรอิสระที่มีอำนาจเหนือเสียงของประชาชนว่ามีความเที่ยงธรรมหรือไม่ ท้ายสุดก็ไม่เปิดช่องให้แก้ค่ะ บทเรียนนี้หากจะนำมาประกอบการพิจารณาว่ารัฐธรรมนูญใหม่ล่าสุดที่กำลังจะออกมานั้น คุณจะรับ ไม่รับ หรือไปแก้ให้ดีก่อนแล้วค่อยรับ

ปลายปี 2550 เราได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งอีกครั้งหลังจากพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ลูกพรรคที่เหลือก็มารวมตัวเป็นพรรคพลังประชาชนและชนะการเลือกตั้งโดยได้คุณสมัคร สุนทรเวช ดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ก็ทำงานได้ไม่นานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(ตรงไหน) มาอีกแล้ว และแน่นอนค่ะเจ้าเก่าจากพรรคการเมืองเก่าแก่เข้าผสมโรงอีกตามเคย บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อกดดันรัฐบาล มีการฟ้องร้องปลดนายกฯด้วยข้อหาสะท้านโลก "ทำกับข้าวออกโทรทัศน์" องค์กรอิสระที่ทุกคนคิดว่าเป็นศาลแต่ไม่ใช่ศาลรับลูกทันทีตัดสินด้วยการปลดนายกฯสมัครทันทีในปี 2551 ซึ่งกรณีนี้ดิฉันยังมองไม่ออกว่าจริยธรรมทางการเมืองระหว่างคนทำกับข้าวกับคนที่เป็นนายกฯในขณะที่มีการสลายการชุมนุมจนผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเมื่อปี 2553 คนทำกับข้าวมันร้ายแรงกว่าคนกรณีหลังตรงไหน

การเข้ามารับตำแหน่งนายกฯต่อของคุณสมชาย วงศสวัสดิ์ ก็แทบจะทำงานไม่ได้ เข้าทำเนียบก็ยังไม่ได้ เพราะมีการปิดล้อมจากเจ้าเก่าคือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(ตรงไหน) กับพรรคเก่าแก่แอบผสมโรงเหมือนเดิม ท้ายสุดก็ไม่พ้นองค์กรอิสระเจ้าเดิมอีกแล้วสั่งยุบพรรคพลังประชาชนรวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้เวลาต่อมาพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ชื่อประชาธิปัตย์ใช้กลไกรัฐสภาดึง ส.ส. จากพรรคตรงกันข้ามจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารหน้าตาเฉย เป็นการเข้าดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยชนะการเลือกตั้งของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นครั้งแรก

ปี 2552 เกิดการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดในขณะที่มีการสั่งสลายการชุมนุม มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะในครั้งนั้น 10 ศพ บาดเจ็บอีกร้อยกว่าราย แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ในสภาสมัยเป็นฝ่ายค้าน(กรณีการเสียชีวิตของสารวัตรจ๊าบและคุณโบว์) ว่าหากมีการสูญเสียแม้แต่ 1 ชีวิต คนเป็นนายกฯต้องรับผิดชอบ

ปี 2553 เกิดการชุมนุมเรียกร้องให้คุณอภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ในคราวนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าคราวที่แล้วเกือบร้อยศพ บาดเจ็บกว่าสองพันคน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเจรจายุติการชุมนุมแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล เช่นเดิมค่ะ คุณอภิสิทธิ์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่มีความผิดอะไร การใช้อำนาจโดยมิชอบถูกถามถึงหรือไม่ แต่ครั้งคนทำกับข้าวออกทีวีกลับมีความผิด

คุณอภิสิทธิ์ทำงานอย่างสบายใจจนครบวาระท่ามกลางกระแสขาขึ้น เนื่องจากมีสื่อมวลชน ดารา นักร้อง นักวิชาการ คนมีชื่อเสียง มีทุน มากมายคอยสนับสนุน แม้แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(ตรงไหน) ยังไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ได้ เนื่องจากไม่มีการเข้าผสมโรงเพื่อไล่รัฐบาลของผู้ชื่นชอบพรรคนี้อย่างที่เคย เหตุการณ์นี้ทำให้กลุ่มพันธมิตรหลายคนต้องหูตาสว่าง เพราะที่ผ่านมาถูกใช้ชื่อบังหน้าโดยมีกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์คอยเกาะอยู่ข้างหลังเพื่อให้ตัวเองได้มาซึ่งอำนาจ

ปี 2554 มีการเลือกตั้งใหม่ท่ามกลางความหวังว่าตัวเองจะชนะการเลือกตั้งของคุณอภิสิทธิ์จะได้ดำรงค์ตำแหน่งนายกฯอย่างเต็มภาคภูมิ แต่พลังเงียบไม่เข้าข้าง กลับเทคะแนนให้กับผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยคือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากผลคะแนนที่ถล่มทลาย

ปี 2556 รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำงานได้ประมาณครึ่งวาระ สัญญาณขวากหนามของระบอบประชาธิปไตยก็มาอีกครั้ง คราวนี้นำทีมโดยพรรคประชาธิปัตย์เองแต่เพื่อความดูดีของภาพลักษณ์พรรคในการชุมนุมและดึงแนวร่วมอื่นเข้ามาด้วยจึงใช้ชื่อว่า กปปส.  คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ฯ มันคือตลกร้ายซ้ำๆซากๆที่น่าเบื่อของประชาชนที่เขาต้องการให้ประเทศชาติสงบปราศจากการขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกคุณเคยถามประชาชนบ้างหรือไม่ว่าประชาชนเบื่อพฤติการณ์ดังกล่าวของพวกคุณหรือไม่ พวกคุณชอบเอาคำว่าโกงมาอ้างทุกครั้งทั้งๆที่ชนักติดหลังพวกคุณเต็มไปหมดเหมือนกันและมองเห็นภาพเป็นรูปธรรมมากกว่าด้วยซ้ำ พวกคุณเอาคำว่าออกมาเพื่อต้านกฏหมายนิรโทษกรรม แต่ในเมื่อกฏหมายนิรโทษกรรมตกไปแล้วทำไมไม่กลับบ้าน อยู่ดีๆก็หาเรื่องชุมนุมต่อไปเรื่อยๆจนไปจบที่ขอบริหารประเทศเองเอาดื้อๆโดใช้คำว่ารัฐฐาธิปัตย์ ก็ไม่ต่างอะไรกับนายกฯ ม.7 ที่พวกคุณเคยร้องขอแต่ไม่เป็นผล

ต้นปี 2557 มีการจัดการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่พรรคที่เคยบอกกับประชาชนว่าเป็นมวลมหาประชาชนของคนทั้งประเทศที่มาชุมนุม คุณบอกว่ายังไม่รวมมวลชนอีกจำนวนมากที่อยู่กับบ้านที่เอาใจช่วยมวลมหาประชาชนผ่านหน้าจอทีวี แต่คุณกลับไม่ยอมลงเลือกตั้งให้มวลมหาประชาชนได้ขับไล่คนที่ตัวเองคิดว่าโกงตามกติกาประชาธิปไตย กลับเลือกที่จะบอยคอตการเลือกตั้งเพื่อชุมนุมขอความเป็นรัฐฐาธิปัตย์ ขอบริหารประเทศเอาดื้อๆ โดยไม่คำนึงถึงความย้อนแย้งในชื่อกลุ่มที่ตัวเองตั้งขึ้นมาแม้แต่น้อย ไม่แคร์ประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีการ ใช้กำลังขัดขวางคนที่จะไปเลือกตั้งที่หน้าคูหาโดยไม่มีความผิด สิ่งหนึ่งที่ดิฉันรับไม่ได้เลยเด็ดขาดคือถ้อยคำดูถูกว่าเสียงประชาชนไม่เท่ากัน มันคือการดูถูกเพื่อนมนุษย์อย่างคนไร้ความคิดเป็นอย่างมาก ขับไล่คนที่คิดต่างไปอยู่ต่างประเทศทั้งๆที่ประเทศนี้ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน พฤติกรรมย้อนแย้งกับสิ่งที่พยายามนำเสนอว่าตนเองเป็นคนดี คนไม่เห็นด้วยเป็นคนไม่ดี โกงชาติ โกงแผ่นดิน ขจัดให้สิ้น พวกคุณคิดไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร ไกลมากจนลืมดูตัวเองหรือไม่ ได้โปรดคิดสักครั้ง

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยึดอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 มวลชนคนเสื้อแดงถูกสลายการชุมนุมต่อต้านรัฐประหารที่ถนนอักษะ มวลมหาประชาชนที่เหลืออยู่ไม่มากถูกเชิญออกจากสวนลุมเพื่อนั่งรถกลับบ้าน พร้อมประกาศชัยชนะ ท่ามกลางความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมประเทศที่เขาไม่เห็นด้วยกับการล้มรัฐบาลด้วยวิธีนอกกติกา

ณ เวลานี้มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 คิดว่าหลายต่อหลายท่านคงได้อ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ส่วนเรื่องจะรับร่างหรือไม่รับก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล แล้วแต่วิจารณญานส่วนบุคคลค่ะ หากคิดว่าดีก็รับ หากอยากเลือกตั้งเร็วๆก็รับ หากคิดว่ายังไม่เหมาะและจะเป็นปัญหาก็ยังไม่ต้องรับ การลงประชามติรับร่าง-ไม่รับร่างก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล แล้วนำผลของประชามติของประชาชนทั้งประเทศมาตัดสินกันนะค่ะ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การทบทวนความทรงจำที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา และอยากฝากถามไปยังท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยว่า 10 ปีที่ผ่านมาเราได้อะไรจากขวากหนามประชาธิปไตยเหล่านั้น ประเทศชาติและชีวิตความเป็นอยู่ของตัวท่านเองดีขึ้นหรือแย่ลง คิดว่าทุกคนคงตัดสินกันเองได้ ที่สำคัญอย่าได้หลงตกเป็นเครื่องมือให้กับใครมาเป็นเกราะกันบังให้กับคนที่ชอบแอบอ้างความรักชาติมากกว่าคนอื่น แต่พฤติกรรมตรงกันข้าม มองเจาะเข้าไปตรงๆไปเลยว่าเขาเหล่านั้นรักชาติจริงหรือไม่ ทำเพื่อชาติหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วประชาชนธรรมดาอย่างเราได้อะไร ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยากตะโกนกรอกหูพวกคุณแม้จะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาก็ช่าง แต่ขอแค่ให้มันผ่านรูหูพวกคุณบ้างว่าเลี่ยนและขยะแขยงกับคนดีที่ชอบนอกกติกาเต็มทนแล้ว ดิฉันยอมเป็นคนชั่วที่จะอยู่เฉยๆและปล่อยให้บ้านเมืองมันดำเนินไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น ให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศได้มีโอกาสเลือกคนที่มาทำงานบริหารประเทศของตัวเองบ้าง ให้โอกาสคนที่ถูกเลือกได้ทำงานตามวาระ หากทำงานห่วย โกง เลว ชั่ว ประเทศชาติเหลือแต่กระดูก ดิฉันเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเขาก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน  รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าสุดที่จะออกมาบังคับใช้จึงได้โปรดขอความกรุณาท่านผู้มีอำนาจจงโปรดพิจารณาให้ถ้วนถี่ด้วยว่าสามารถทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยประชาธิปไตยอันสมบูรณ์อยู่หรือไม่ หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาจากเสียงของประชาชนต้องเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบสิบปีที่ผ่านมา และองค์กรอิสระมีความเป็นกลางจริงหรือพร้อมที่จะเป็นดาบสองเพื่อประหารพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งซ้ำจากกลุ่มคนดีที่รักชาติจริงไม่จริงไม่รู้ที่มาล้มรัฐบาลด้วยวิธีนอกกติกา

สิบปีของประชาธิปไตยไทยไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ มีแต่หนามกุหลาบที่โรยอยู่เต็มเส้นทาง หากเราไม่คิดที่จะนำบทเรียนที่ผ่านมานำกลับมาคิด และปล่อยให้ประเทศชาติวังวนอยู่กับพฤติกรรมเดิมๆซ้ำๆซากๆวนเวียนเป็นวัฏจักร ปรเทศของเราจะไม่มีวันพัฒนาทัดเทียมอารยะประเทศได้เพราะทุกอย่างจะย่ำอยู่กับที่และถอยหลังลงทีละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว ขอสดุดีหัวใจของเพื่อนร่วมประเทศของดิฉันที่อดทนกับความอยุติธรรมมาด้วยกันอย่างมีสติ และไม่ซ้ำเติมประเทศด้วยการออกมารบราฆ่าฟันกันเอง ดิฉันหวังลึกๆว่าความอดทนรอด้วยสติเหล่านั้นจะส่งผลให้ประเทศของเรากลับมายืนเป็นหนึ่งในประเทศแถวหน้าของเอเชียได้อีกครั้งในอนาคต

ขออานุภาพแห่งความรักจงสถิตอยู่ในใจของท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
สิบปีแห่งความทรงจำอันเลวร้ายของประชาชน การปลุกระดมล้มล้างระบอบประชาธิปไตยเมื่อรู้ตัวว่าสู้เขาตามกติกาไม่ได้ ประชาชนที่ศรัทธาขั้วการเมืองของตัวเองถูกชักจูงให้มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมของการกระทำนั้น คงไม่ต่างอะไรกับการสร้างวาทกรรมดีๆเพื่อสร้างภาพ สร้างมายาคติมารองรับในสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ แต่ความเป็นจริงที่แอบแฝงอยู่มันคืออะไรหลายคนทราบกันดี ถึงแม้จะไม่พูดแต่มันจะค่อยๆเฉลยตัวเองออกมาทีละนิดผ่านสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน จะดีจะร้ายทุกอย่างมันตัดสินด้วยความเป็นรูปธรรม วิจารณญาณของประชาชนในการรับรู้รับฟังและนำมาวิเคราะห์ผิดชอบชั่วดีจะสามารถจัดการกับพฤติกรรมดังกล่าวได้จึงอยากให้ทุกคนมีไว้ให้มาก ผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงของประชาชนที่จะจดจำบทเรียนบทนี้ไว้ แม้ไม่ได้เป็นผู้ร่วมกระทำการ แต่จะเก็บไว้สอนคนรุ่นต่อๆไปว่าการกระทำใดเป็นสิ่งที่ไม่ดี  ปากคนมันสามารถพูดได้หมดว่าตัวเองดีเลิศขนาดไหน แต่สำหรับผู้บริหารประเทศที่ดีนั้น การดีแต่ปากมันไม่เพียงพอ แต่ต้องทำดีจริงๆให้คนเห็นด้วย การทำดีให้คนเห็นไม่ใช่ไปกำจัดฝ่ายตรงข้ามตัวเองแล้วบอกว่ากำจัดคนชั่ว แต่มันคือการทำให้ประเทศชาติเดินหน้าพัฒนาต่อไปได้ด้วยความมั่นคงและเคารพในกติกาการอยู่ร่วมกันของคนในประเทศ  ขอจงโปรดให้โอกาสรัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เขาต้องการให้บริหารประเทศได้มีโอกาสทำงานครบวาระบ้าง จะดีจะชั่วให้ประชาชนตัดสินในวาระหน้า ผมเชื่อว่าประชาชนเขาเลือกของเขาเองได้ไม่ต้องให้ใครมาชี้นำ ใครทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นเขาก็เลือก ใครทำให้ชีวิตความเป็นอยู่แย่ลงเขาก็ไม่เลือก มันมีเท่านี้จริงๆ
ความคิดเห็นที่ 8
ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ค่ะ
เป็น 10 ที่เกิดเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการเมืองไทยไปอย่างมากมาย จนไม่น่าเชื่อ

- ทำให้เรารู้จักการเมืองใหม่ที่แท้จริง นั่นคือผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีนโยบายที่ทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่แค่วาทกรรมอย่างที่ผ่านๆ มา

- ทำให้เราได้รู้จักสิทธิทางการเมือง ได้รู้ศักยภาพว่าเราสามารถแข่งขันกับนานาอารยะประเทศได้ น่าเสียดายที่เป็นแค่ช่วงสั้นๆ

- ทำให้เรารู้ว่าหากพรรคที่มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ทำเพื่อคนจน เกษตรกร รากหญ้า
แต่ถ้าไปขัดขวางผลประโยชน์นายทุน หรือพวกที่เรียกตัวเองว่าคนดีบางกลุ่ม ฯลฯ จะอยู่ไม่ได้

- ทำให้เรารู้ว่า พรรคที่ชื่อ "ประชาธิปัตย์" แต่กับ "ขัดขวางวิถีแห่งประชาธิปไตย"
ทั้งบอยคอตและขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งไม่เห็นหัวประชาชน

- ทำให้เรารู้ว่า ตัวที่ฉุดรั้งและทำลายประเทศคือองค์กรอิสระทั้งหลายที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่ไม่มีกติกาที่แน่นอน

และสิ่งที่เราน่าจะต้องตระหนักถึงต่อไปนี้ให้มากๆ คือการรักและหวงแหนรัฐธรรมนูญ
อะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็คือไม่ถูกต้อง ไม่มีการรับๆ ไปก่อนแล้วแก้ทีหลัง หรือหาข้ออ้างใดๆ ว่าเราไม่เหมือนใครในโลก

จะนานแค่ไหนก็รอได้ ขอให้อยู่บนเส้นทางของประชาธิปไตยที่แท้จริง

ความคิดเห็นที่ 3
สิบปีที่ผ่านเราได้แต่มองเห็นบ้านเมือง ล่มสลายเศรษฐกิจถดถอยอย่างน่าไจหาย
โดยการวางแผน ป่วนเมืองและรับลูกเป็นขั้นเป็นตอน ไห้ได้รัฐบาลตามแผนที่วางไว้
เมื่อเลือกตั้งที่หวังว่าจะชนะอย่างแน่นอน ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ก็ต่อดว้ยแผน ม็อบปิดเมืองเป็นปี
ทำความเสียหายอย่างย่อยยับ รวมหมู่ข่มขู่ทุกวิธีทาง ก็ยังล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้ เพาะคุณยิ่งลักษณ์
ยึดหลัก กติกาประชาธิปไตยไว้แน่น แต่เมื่อเห็นความวุ่นวายมาก ก็ตัดสิบไจยุบสภาไห้เลือกตั้ง ไห้ประชาชนตัดสินไจไหม่
ก็ยังไม่พอไจ เพาะรู้ว่าเลือกตั้งก็แพ้ ก็เล่นบอยคอต ขัดขวางการเลือกตั้ง เหตุการร้ายแรง ก็ไม่มีไครกล้าขัดขวางเลยหรือ?
จนมาถึงปัจจุบัน ได้รัฐบาล ที่เศรษฐกิจการเมือง เหมือนเป็ดง่อยถอยหลัง จนกลายเป็นประเทศล้าหลังที่สุดไนกลุ่มประเทศอาเชี่ยน
ความคิดเห็นที่ 11
ไม่ได้เพียงแต่ระยะเวลาเพียงสิบปีที่ผ่านมานี้เท่านั้น แต่ตลอดระยะเวลาเกือบ 84 ปีที่ผ่านมา บทเรียนต่างๆถูกสร้างขึ้น
แต่เราไม่เคยคิดจะเอาบทเรียนนี้มาปรับแก้ และปล่อยให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอยหลายต่อหลายรอบ มันเป็นความจริงที่เจ็บปวด

ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือ "ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน" ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าใจ เพราะเราเหมือนไม่เคยเดินออกไปจากวงจรที่เรียกว่าวงจรอุบาทนี้ได้เลย
เหตุการณ์ ณ ปัจจุบันไม่ต่างจากอดีตที่เราเริ่มต้นมีประชาธิปไตย ถูกคนบางกลุ่มล้มเพื่อประโยชน์ตนเอง เข้าสู่ยุคเผด็จการ วนลูปกลับเข้าไปเรื่อยๆ

ถ้ามีโอกาสและเป็นไปได้ ก็ขอให้ปัญหาต่างๆของประเทศไทยจบลงเพียงเท่านี้ ขอให้คสช.คือคณะรัฐประหารคณะสุดท้ายของการเมืองไทย
ขอให้คนไทยได้มีสิทธิมีเสียงอย่างเต็มที่ เทียบเท่าอารยประเทศ ขอให้ทุกขีวิตที่สูยเสียไปเพื่อนประชาธิปไตย ไม่สูญเสียเปล่า

ผมเชื่อว่า ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยมือของเรานี่แหละครับ อาจจะยาก แต่เชื่อเถอะ เมื่อเราผ่านไปได้แล้ว อนาคตข้างหน้ามันจะสวยงาม
ไม่ว่าอีกนานเท่าไร ผมก็จะรอ

รอวันที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่