พรรค ประชาธิปัตย์ พรรคที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่สอง ได้บัญญัติชื่อ "พรรคประชาธิปัตย์"
โดยมีความหมายว่า "ผู้บำเพ็ญประชาธิปไตย" หรือ "ประชาชนผู้ถืออำนาจอธิปไตย"
พรรคที่ดีแต่ชื่อพรรคนี้ กลับเป็นพรรคเดียวที่อิงแอบแนบกับเผด็จการ และเป็นพรรคเดียวที่ได้รับประโยชน์
จากการก่อรัฐประหารหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา
จวบจนกระทั่งมาถึงยุค นายอภิสิทธิ์ เราอาจกล่าวได้ว่า พรรคปชป.ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ตกต่ำและได้ทำลาย
ระบอบประชาธิปไตยมากที่สุด ในประวัติศาสตร์พรรค ปชป.และของชาติไทย
นายอภิสิทธิ์ ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 7 ในปี พศ.2548 ต่อจากนายบัญญัติ บรรทัดฐาน
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นแรกที่นายอภิสิทธิ์ ได้กระทำย่ำยีต่อระบอบประชาธิปไตยคือการคือการบอยคอต ไม่ส่งผู้สมัครลง
เลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2549 จนต่อมาศาลได้วินิฉัยให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ ความอัปยศครั้งนี้
ได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นที่สอง ภายหลังใช้วิชามารโค่นล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี
กันในค่ายทหาร นายอภิสิทธิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี จนมีประชาชน(เสื้อแดง)มากมาย ออกมาชุมนุมต่อต้าน
เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ ยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งตามระบอบ ประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ เวลานั้น เลือกที่จะสลายการชุมนุม อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตร่วมร้อยและบาดเจ็บนับพันคน
ประวัติศาสตร์ได้จารึกอีกครั้งหนึ่งถึงผลงานนายอภิสิทธ์ นายนี้
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นที่สาม เกิดขึ้นหลังจากที่ นส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเสียงท่วมท้นจากประชาชนให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีคนที่28 ต่อจากนายอภิสิทธิ์ พรรคปชป.ภายใต้การนำของของนายอภิสิทธิ์ ได้สร้างความเสื่อมเสีย
ให้แก่รัฐสภาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการตีรวน ส่งเสียงโห่ร้อง ขว้างปาเก้าอี้หรือสิ่งของ
ไม่ให้เกีรยติประธานสภา ฉุดกระชากลากประธาน โขมยเก้าอี้ประธาน รวมถึงบอยคอตการประชุม และฯลฯ
พฤติกรรมถ่อยๆต่างๆที่พรรค ปชป.ได้กระทำต่อรัฐสภาอันทรงเกีรยติ มันได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์อันอัปยศ
ของนายอภิสิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นที่สี่ หลังจากการตีรวนทุกอย่าง ค้านทุกเรื่องและฟ้องศาลทุกเม็ด จนนำไปสู่เหตุการณ์ชุมนุมต่อต้าน
รัฐบาล ของกปปส.ที่มีสส.พรรคปชป.เป็นแกนนำและอยู่เบื้องหลัง รัฐบาลภายใต้การนำของ นส.ยิ่งลักษณ์ ก็มิอาจทาน
ได้ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาขนและจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นายอภิสิทธิ์
ได้ประกาศนำพรรคบอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งอีกเป็นครั้งที่สอง และ กปปส.ได้กระทำการขัดขวาง
การเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้ศาลวินิจฉัยให้การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ความอัปยศอดสูจากการกระทำ
ของนายอภิสิทธิ์ ได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง
เหตุไฉน พรรค ปชป.ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ถึงได้สร้างความอัปยศ เสื่อมเสียและนำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อ
ระบอบประชาธิปไตยและต่อเศรฐกิจของประเทศจนไม่อาจประเมินได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมถึงเพียงนี้
นั้นเนื่องเพราะ นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยแม้แต่ที่จะสำนึก ในการกระทำของตนเอง ทุกสิ่ง นายอภิสิทธิ จะมองและปัด
ให้เป็นความผิดของบุคคลอื่น การชี้นิ้วว่ากล่าวใส่ร้ายผู้อื่นอยู่เป็นนิจ ถือเป็นลักษณะนิสัยเด่น อันถาวรของคน
พรรคนี้ไปโดยปริยาย
ดังนั้นหากเราต้องการให้ประเทศไทยเดินหน้าและก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรค ปชป.ซึ่งมีส่วนสำคัญของความขัดแย้ง
และหายนะ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะถูกขจัดให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย หาไม่เช่นนั้นแล้ววังวนความขัดแย้ง
อันเกิดจากการกระทำของบุคคลในพรรค ปชป.นี้ก็จะกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
CrystalStone
ขอฝากบทความสองลิงค์ด้านล่างสำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่านน่ะครับ
อภิสิทธิ์หนึ่งในต้นตอความขัดแย้งที่สมควรถูกกำจัด เพราะคุณคือจุดอ่อนประชาธิปไตย
http://ppantip.com/topic/32106147
แค่เริ่มต้นก็เห็นจุดจบ
http://ppantip.com/topic/32107939
พรรคประชาธิปัตย์ หายนะการเมืองไทย
โดยมีความหมายว่า "ผู้บำเพ็ญประชาธิปไตย" หรือ "ประชาชนผู้ถืออำนาจอธิปไตย"
พรรคที่ดีแต่ชื่อพรรคนี้ กลับเป็นพรรคเดียวที่อิงแอบแนบกับเผด็จการ และเป็นพรรคเดียวที่ได้รับประโยชน์
จากการก่อรัฐประหารหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา
จวบจนกระทั่งมาถึงยุค นายอภิสิทธิ์ เราอาจกล่าวได้ว่า พรรคปชป.ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ตกต่ำและได้ทำลาย
ระบอบประชาธิปไตยมากที่สุด ในประวัติศาสตร์พรรค ปชป.และของชาติไทย
นายอภิสิทธิ์ ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 7 ในปี พศ.2548 ต่อจากนายบัญญัติ บรรทัดฐาน
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นแรกที่นายอภิสิทธิ์ ได้กระทำย่ำยีต่อระบอบประชาธิปไตยคือการคือการบอยคอต ไม่ส่งผู้สมัครลง
เลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2549 จนต่อมาศาลได้วินิฉัยให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ ความอัปยศครั้งนี้
ได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นที่สอง ภายหลังใช้วิชามารโค่นล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี
กันในค่ายทหาร นายอภิสิทธิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี จนมีประชาชน(เสื้อแดง)มากมาย ออกมาชุมนุมต่อต้าน
เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ ยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งตามระบอบ ประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ เวลานั้น เลือกที่จะสลายการชุมนุม อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตร่วมร้อยและบาดเจ็บนับพันคน
ประวัติศาสตร์ได้จารึกอีกครั้งหนึ่งถึงผลงานนายอภิสิทธ์ นายนี้
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นที่สาม เกิดขึ้นหลังจากที่ นส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเสียงท่วมท้นจากประชาชนให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีคนที่28 ต่อจากนายอภิสิทธิ์ พรรคปชป.ภายใต้การนำของของนายอภิสิทธิ์ ได้สร้างความเสื่อมเสีย
ให้แก่รัฐสภาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการตีรวน ส่งเสียงโห่ร้อง ขว้างปาเก้าอี้หรือสิ่งของ
ไม่ให้เกีรยติประธานสภา ฉุดกระชากลากประธาน โขมยเก้าอี้ประธาน รวมถึงบอยคอตการประชุม และฯลฯ
พฤติกรรมถ่อยๆต่างๆที่พรรค ปชป.ได้กระทำต่อรัฐสภาอันทรงเกีรยติ มันได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์อันอัปยศ
ของนายอภิสิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
ผลงานชิ้นโบว์ดำชิ้นที่สี่ หลังจากการตีรวนทุกอย่าง ค้านทุกเรื่องและฟ้องศาลทุกเม็ด จนนำไปสู่เหตุการณ์ชุมนุมต่อต้าน
รัฐบาล ของกปปส.ที่มีสส.พรรคปชป.เป็นแกนนำและอยู่เบื้องหลัง รัฐบาลภายใต้การนำของ นส.ยิ่งลักษณ์ ก็มิอาจทาน
ได้ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาขนและจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นายอภิสิทธิ์
ได้ประกาศนำพรรคบอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งอีกเป็นครั้งที่สอง และ กปปส.ได้กระทำการขัดขวาง
การเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้ศาลวินิจฉัยให้การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ความอัปยศอดสูจากการกระทำ
ของนายอภิสิทธิ์ ได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง
เหตุไฉน พรรค ปชป.ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ถึงได้สร้างความอัปยศ เสื่อมเสียและนำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อ
ระบอบประชาธิปไตยและต่อเศรฐกิจของประเทศจนไม่อาจประเมินได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมถึงเพียงนี้
นั้นเนื่องเพราะ นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยแม้แต่ที่จะสำนึก ในการกระทำของตนเอง ทุกสิ่ง นายอภิสิทธิ จะมองและปัด
ให้เป็นความผิดของบุคคลอื่น การชี้นิ้วว่ากล่าวใส่ร้ายผู้อื่นอยู่เป็นนิจ ถือเป็นลักษณะนิสัยเด่น อันถาวรของคน
พรรคนี้ไปโดยปริยาย
ดังนั้นหากเราต้องการให้ประเทศไทยเดินหน้าและก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรค ปชป.ซึ่งมีส่วนสำคัญของความขัดแย้ง
และหายนะ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะถูกขจัดให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย หาไม่เช่นนั้นแล้ววังวนความขัดแย้ง
อันเกิดจากการกระทำของบุคคลในพรรค ปชป.นี้ก็จะกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
CrystalStone
ขอฝากบทความสองลิงค์ด้านล่างสำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่านน่ะครับ
อภิสิทธิ์หนึ่งในต้นตอความขัดแย้งที่สมควรถูกกำจัด เพราะคุณคือจุดอ่อนประชาธิปไตย
http://ppantip.com/topic/32106147
แค่เริ่มต้นก็เห็นจุดจบ
http://ppantip.com/topic/32107939