เคยสงสัยมั้ย ว่าสุนัขกำลังคิดอะไรอยู่ตอนที่มันจ้องหน้าคุณ?
เย็นวันหนึ่ง คุณกลับบ้านมาด้วยถุงช้อปปิ้งมากมาย เมื่อวางมันลงที่กลางห้อง เจ้าสี่ขาเดินมาดม ๆ แล้วมองหน้าคุณ
มันส่งสายตาเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง...
ทีมนักจิตวิทยาคณะแพทยศาสตร์ แห่ง University of Milan นำทีมโดย Dr.Sarah Marshall-Pescini ให้ความสนใจพฤติกรรมของสุนัขดังกล่าว ว่าเหมือนกับปฏิกิริยาของมนุษย์เด็กเล็ก เราเรียกพฤติกรรมนี้ว่า Social Referencing (การอ้างอิงทางสังคม) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพยายามประเมินสถานการณ์ โดยใช้การแปลความจากการสังเกตผู้อื่น
กระบวนการนี้เป็นการชี้นำพฤติกรรมของเด็กในอนาคตได้ด้วย เช่น ถ้าเด็กเจองูแผ่แม่เบี้ยอยู่ในห้องนอน แฟร่ แฟร่ เด็กจะหันมามองผู้ใหญ่ ว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร หากผู้ใหญ่หวีดร้อง กลัว ถอยหนี เด็กก็จะทำตาม พฤติกรรมนี้มีประโยชน์ เพราะทำให้เราเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายได้นั่นเอง
มาต่อที่พฤติกรรม Social Referencing มีอยู่สองขั้นตอน ขั้นที่หนึ่ง เมื่อเด็กเจอวัตถุประหลาด หรือเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เด็กจะมองวัตถุ สลับกับหันมามองผู้เลี้ยงดู การมองสลับไปมาระหว่างหน้าผู้เลี้ยง กับวัตถุที่สงสัยคือสัญลักษณ์ของการสื่อสาร ทำให้ผู้เลี้ยงเด็กสนใจและโฟกัสไปที่วัตถุต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว (ต่างกับการมองแบบปกตินะ) ขั้นที่สอง เด็กจะดูพฤติกรรมและการตอบสนองทางอารมณ์ของผู้ใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะเข้าไปเล่นหรือจะถอย
กลับมาที่เจ้าตูบตัวแสบ ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหมือนเด็กที่กล่าวมา นั่นหมายความว่าสัตว์เลี้ยงของคุณกำลังกังวลหรือไม่แน่ใจกับอะไรบางอย่าง มันพยายามสื่อสารกับคุณ “เฮ้! เจ้ามนุษย์ ผมเข้าไปเล่นไอ้นี่ได้มั้ยฮะ” มันจ้องหน้าคุณเพื่อรอคำตอบ...
เพื่อยืนยันว่าสุนัขของคุณมีพฤติกรรมแบบเดียวกับเด็กจริง นักวิจัยได้จำลองสถานการณ์ที่กระตุ้นความเครียดในสุนัข สถานการณ์นี้จะทำให้พวกมันเกิดความกังวลเล็กน้อย โดยใช้พัดลมธรรมดา และติดแผ่นพลาสติกยาวเป็นริ้ว ๆ ไว้ที่พัดลมเพื่อให้มันปลิว แค่นี้ก็ดูแปลกปลอมสุด ๆ สำหรับน้องหมาแล้วล่ะ!
จากนั้น สุนัขถูกนำเข้ามาในห้องและถอดสายจูงออก เมื่อพัดลมยังไม่ทำงาน พวกมันเดินเล่นไปรอบ ๆ ห้องอย่างสบายใจ และแทบจะไม่ชำเลืองมองเจ้าของเลย แต่เมื่อเปิดพัดลมเท่านั้นแหละ 83% ของสุนัขมองเจ้าของทันที และมองกลับไปที่พัดลม สุนัขมองสลับไปมาเพื่อขอความเห็นจากเจ้าของ “ผมควรเข้าไปมั้ยฮะ?” พวกมันหยุดนิ่งและรอ หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเจ้าของ
การทดลองขยับไปอีกขั้น ด้วยการให้เจ้าของสื่อสารกับสุนัขโดยพูดโดยใช้น้ำเสียงเชิงบวก และน้ำเสียงเชิงลบ พบว่าสุนัขมีความไวต่อน้ำเสียงเชิงลบ เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของในเชิงลบ สุนัขจะจำกัดพื้นที่ตนเอง หยุดเดินรอบ ๆ ในทางกลับกัน หากสุนัขได้ยินน้ำเสียงในเชิงบวก มันจะยังคงเดินเล่นรอบห้องเล็กน้อยด้วยความระมัดระวัง อ้อ! นอกจากน้ำเสียงแล้ว มันยังคอยสังเกตพฤติกรรมของเจ้าของอีกด้วยนะ ถ้าเราเผ่น เจ้าสี่ขาก็พร้อมที่จะโกยแนบตามเรามาติด ๆ
ยังไงก็ลองสังเกตพฤติกรรมของเจ้าแสบที่บ้านดูนะคะ แล้วมาแชร์กันว่าสุนัขของใครขี้สงสัยกว่ากัน หากสุนัขของใครไม่กลัวสิ่งใด กระโดดเข้าฟัดกับทุกอย่างแบบไม่เกรงกลัว อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าของมีพฤติกรรมอันแสนกล้าหาญเป็นตัวอย่างให้แก่สุนัขก็เป็นได้ อิอิ
จขกท.เรียบเรียงจากบทความ Your Dog Watches You and Interprets Your Behavior ของ Stanley Coren Ph.D., F.R.S.C.
เคยสงสัยมั้ย ว่าสุนัขกำลังคิดอะไรอยู่ตอนที่มันจ้องหน้าคุณ?
เย็นวันหนึ่ง คุณกลับบ้านมาด้วยถุงช้อปปิ้งมากมาย เมื่อวางมันลงที่กลางห้อง เจ้าสี่ขาเดินมาดม ๆ แล้วมองหน้าคุณ
มันส่งสายตาเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง...
ทีมนักจิตวิทยาคณะแพทยศาสตร์ แห่ง University of Milan นำทีมโดย Dr.Sarah Marshall-Pescini ให้ความสนใจพฤติกรรมของสุนัขดังกล่าว ว่าเหมือนกับปฏิกิริยาของมนุษย์เด็กเล็ก เราเรียกพฤติกรรมนี้ว่า Social Referencing (การอ้างอิงทางสังคม) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพยายามประเมินสถานการณ์ โดยใช้การแปลความจากการสังเกตผู้อื่น
กระบวนการนี้เป็นการชี้นำพฤติกรรมของเด็กในอนาคตได้ด้วย เช่น ถ้าเด็กเจองูแผ่แม่เบี้ยอยู่ในห้องนอน แฟร่ แฟร่ เด็กจะหันมามองผู้ใหญ่ ว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร หากผู้ใหญ่หวีดร้อง กลัว ถอยหนี เด็กก็จะทำตาม พฤติกรรมนี้มีประโยชน์ เพราะทำให้เราเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายได้นั่นเอง
มาต่อที่พฤติกรรม Social Referencing มีอยู่สองขั้นตอน ขั้นที่หนึ่ง เมื่อเด็กเจอวัตถุประหลาด หรือเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เด็กจะมองวัตถุ สลับกับหันมามองผู้เลี้ยงดู การมองสลับไปมาระหว่างหน้าผู้เลี้ยง กับวัตถุที่สงสัยคือสัญลักษณ์ของการสื่อสาร ทำให้ผู้เลี้ยงเด็กสนใจและโฟกัสไปที่วัตถุต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว (ต่างกับการมองแบบปกตินะ) ขั้นที่สอง เด็กจะดูพฤติกรรมและการตอบสนองทางอารมณ์ของผู้ใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะเข้าไปเล่นหรือจะถอย
กลับมาที่เจ้าตูบตัวแสบ ถ้าสุนัขของคุณมีอาการเหมือนเด็กที่กล่าวมา นั่นหมายความว่าสัตว์เลี้ยงของคุณกำลังกังวลหรือไม่แน่ใจกับอะไรบางอย่าง มันพยายามสื่อสารกับคุณ “เฮ้! เจ้ามนุษย์ ผมเข้าไปเล่นไอ้นี่ได้มั้ยฮะ” มันจ้องหน้าคุณเพื่อรอคำตอบ...
เพื่อยืนยันว่าสุนัขของคุณมีพฤติกรรมแบบเดียวกับเด็กจริง นักวิจัยได้จำลองสถานการณ์ที่กระตุ้นความเครียดในสุนัข สถานการณ์นี้จะทำให้พวกมันเกิดความกังวลเล็กน้อย โดยใช้พัดลมธรรมดา และติดแผ่นพลาสติกยาวเป็นริ้ว ๆ ไว้ที่พัดลมเพื่อให้มันปลิว แค่นี้ก็ดูแปลกปลอมสุด ๆ สำหรับน้องหมาแล้วล่ะ!
จากนั้น สุนัขถูกนำเข้ามาในห้องและถอดสายจูงออก เมื่อพัดลมยังไม่ทำงาน พวกมันเดินเล่นไปรอบ ๆ ห้องอย่างสบายใจ และแทบจะไม่ชำเลืองมองเจ้าของเลย แต่เมื่อเปิดพัดลมเท่านั้นแหละ 83% ของสุนัขมองเจ้าของทันที และมองกลับไปที่พัดลม สุนัขมองสลับไปมาเพื่อขอความเห็นจากเจ้าของ “ผมควรเข้าไปมั้ยฮะ?” พวกมันหยุดนิ่งและรอ หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเจ้าของ
การทดลองขยับไปอีกขั้น ด้วยการให้เจ้าของสื่อสารกับสุนัขโดยพูดโดยใช้น้ำเสียงเชิงบวก และน้ำเสียงเชิงลบ พบว่าสุนัขมีความไวต่อน้ำเสียงเชิงลบ เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของในเชิงลบ สุนัขจะจำกัดพื้นที่ตนเอง หยุดเดินรอบ ๆ ในทางกลับกัน หากสุนัขได้ยินน้ำเสียงในเชิงบวก มันจะยังคงเดินเล่นรอบห้องเล็กน้อยด้วยความระมัดระวัง อ้อ! นอกจากน้ำเสียงแล้ว มันยังคอยสังเกตพฤติกรรมของเจ้าของอีกด้วยนะ ถ้าเราเผ่น เจ้าสี่ขาก็พร้อมที่จะโกยแนบตามเรามาติด ๆ
ยังไงก็ลองสังเกตพฤติกรรมของเจ้าแสบที่บ้านดูนะคะ แล้วมาแชร์กันว่าสุนัขของใครขี้สงสัยกว่ากัน หากสุนัขของใครไม่กลัวสิ่งใด กระโดดเข้าฟัดกับทุกอย่างแบบไม่เกรงกลัว อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าของมีพฤติกรรมอันแสนกล้าหาญเป็นตัวอย่างให้แก่สุนัขก็เป็นได้ อิอิ
จขกท.เรียบเรียงจากบทความ Your Dog Watches You and Interprets Your Behavior ของ Stanley Coren Ph.D., F.R.S.C.