ท่านผู้อ่านทุกท่าน ในสมัยพุทธกาล หากมีชาวบ้านโพนทะนา เพ่งโทษ ติเตียน ภิกษุ
พระพุทธเจ้าจะสอบสวนแล้วถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือไม่ ภิกษุถ้ามีความละอาย ก็จะยอมรับว่า "จริงพระเจ้าค่ะ"
ส่วนสำนักโซดาปั่น โสดาบันปลอม ไม่มีความละอาย
สมุน บริวารสำนักนี้ กลับหันมาตำหนิผู้ที่เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาเจ้าสำนัก
แถมบางรายยังอวดรู้กฎหมายจะฟ้องเขาข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าสำนัก
โดยที่ไม่เคยกลับไปตักน้ำใส่ขัน แล้วส่องเงาตนเองว่ามีส่วนได้เสียอะไรกะเขาในฐานะผู้เสียหายบ้าง
แทนที่สำนักนี้จะทำตามพระพุทธเจ้า คือ กลับไปถามภิกษุนั้นว่า ทำจริงอย่างเขาโพนทะนาไหม
กลับมาดิ้นรนจนใส้หลุดเพื่อปกป้องภิกษุนั้น
อะไรที่เข้ากับกิเลสตนเอง ตนเองก็หยิบมาใช้เป็นเกาะกำบังแล้วบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม
อะไรที่ตนเองไม่อยากทำ ไม่ชอบใจ กลัว ก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน
ทีพุทธจารีตที่ทรงปฏิบัติตลอดมาเมื่อมีการเพ่งโทษ โพนทะนา จากชาวบ้าน บริวารสำนักนี้กลับไม่ทำ
ท่านทั้งหลายลองใจสติปัญญา วางใจเป็นกลางอย่างอุเบกขา มองไปตามหลักฐานและความเป็นจริง แล้วพิจารณาไตร่ตรองเอาเถิด
แล้วช่วยกันตอบว่า
เมื่อชาวบ้านโพนทะนา เพ่งโทษ ติเตียนภิกษุใด บริวารของภิกษุนั้นควรปฏิบัติอย่างไร
ชาวบ้านโพนทะนา เพ่งโทษ ติเตียนภิกษุใด บริวารของภิกษุนั้นควรปฏิบัติอย่างไร
พระพุทธเจ้าจะสอบสวนแล้วถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือไม่ ภิกษุถ้ามีความละอาย ก็จะยอมรับว่า "จริงพระเจ้าค่ะ"
ส่วนสำนักโซดาปั่น โสดาบันปลอม ไม่มีความละอาย
สมุน บริวารสำนักนี้ กลับหันมาตำหนิผู้ที่เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาเจ้าสำนัก
แถมบางรายยังอวดรู้กฎหมายจะฟ้องเขาข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าสำนัก
โดยที่ไม่เคยกลับไปตักน้ำใส่ขัน แล้วส่องเงาตนเองว่ามีส่วนได้เสียอะไรกะเขาในฐานะผู้เสียหายบ้าง
แทนที่สำนักนี้จะทำตามพระพุทธเจ้า คือ กลับไปถามภิกษุนั้นว่า ทำจริงอย่างเขาโพนทะนาไหม
กลับมาดิ้นรนจนใส้หลุดเพื่อปกป้องภิกษุนั้น
อะไรที่เข้ากับกิเลสตนเอง ตนเองก็หยิบมาใช้เป็นเกาะกำบังแล้วบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม
อะไรที่ตนเองไม่อยากทำ ไม่ชอบใจ กลัว ก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน
ทีพุทธจารีตที่ทรงปฏิบัติตลอดมาเมื่อมีการเพ่งโทษ โพนทะนา จากชาวบ้าน บริวารสำนักนี้กลับไม่ทำ
ท่านทั้งหลายลองใจสติปัญญา วางใจเป็นกลางอย่างอุเบกขา มองไปตามหลักฐานและความเป็นจริง แล้วพิจารณาไตร่ตรองเอาเถิด
แล้วช่วยกันตอบว่า เมื่อชาวบ้านโพนทะนา เพ่งโทษ ติเตียนภิกษุใด บริวารของภิกษุนั้นควรปฏิบัติอย่างไร