คงต้องขออนุญาตรวบรวมมาเป็นฉบับอย่อเพราะยาวมาก อีกประการขอปรับคำให้อ่านเข้าใจง่ายในบางคำ แต่ก็จะลิ้งค์ต้นฉบับในพระไตรปิฎกไว้ให้ในตอนท้ายๆ ครับ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕
มหาวรรค ภาค ๒
สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายเกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะวิวาทกัน แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน ในโรงอาหาร ในละแวกบ้าน คนทั้งหลายเพ่งโทษ ติเตียน ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระพุทธเจ้า จึงได้เกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะการวิวาท แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน เล่าภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย .... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน ได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุทั้งหลายทะเลาะวิวาทกัน แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน ในโรงอาหาร ในละแวกบ้าน จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงแนะให้สำรวมกาย วาจา
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำกิจร่วมกัน เมื่อถ้อยคำยังบาดหมางกันอยู่ พวกเธอพึงนั่งเหนืออาสนะ โดยนึกในใจว่า ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พวกเราจักไม่แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน จักไม่ทำปรามาสกันด้วยมือ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พวกเธอพึงนั่งในแถวมีอาสนะอันหนึ่งคั่นกลาง
(มีต่อ)
ความแตกแยกและความสามัคคีในครั้งพุทธกาล (สามัคคีธรรม)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕
มหาวรรค ภาค ๒
สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายเกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะวิวาทกัน แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน ในโรงอาหาร ในละแวกบ้าน คนทั้งหลายเพ่งโทษ ติเตียน ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระพุทธเจ้า จึงได้เกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะการวิวาท แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน เล่าภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย .... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน ได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุทั้งหลายทะเลาะวิวาทกัน แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน ในโรงอาหาร ในละแวกบ้าน จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงแนะให้สำรวมกาย วาจา
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำกิจร่วมกัน เมื่อถ้อยคำยังบาดหมางกันอยู่ พวกเธอพึงนั่งเหนืออาสนะ โดยนึกในใจว่า ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พวกเราจักไม่แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน จักไม่ทำปรามาสกันด้วยมือ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พวกเธอพึงนั่งในแถวมีอาสนะอันหนึ่งคั่นกลาง
(มีต่อ)