สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
1. ดอกโบตั๋น (Peony) ราชาแห่งดอกไม้ ความมั่งมีศรีสุข
"โบตั๋น" ภาษาญี่ปุ่นว่า "โบะตัง" ภาษาจีนเรียก "หมู่ตัน" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "peony" โดยมีตำนานว่าตั้งตามชื่อของ Paean
ศิษย์คนหนึ่งของเอสเคลปิอัส เทพเจ้าแห่งการแพทย์กรีกโบราณ ต่อมาเอสเคลปิอัสอิจฉาลูกศิษย์ของตน
เทพเซอุสช่วยไพอันให้พ้นภัยโดยสาปให้กลายร่างเป็นดอกโบตั๋น
ส่วนประเทศจีนเล่ากันว่าสมัยพระนางบูเช็คเทียนทรงเคยโปรดดอกโบตั๋นมาก วันหนึ่งในฤดูหนาว พระนางเกิดอยากชมดอกไม้ขึ้นมา
จึงออกคำสั่งให้ดอกไม้บานโดยพร้อมเพรียงกัน มีแค่ดอกโบตั๋นเท่านั้นที่ไม่ยอมบาน เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูกาล (มักบานเดือนเมษายน)
พระนางโกรธมากสั่งเผาอุทยาน แล้วให้ถอนรากถอนโคนเอาไปทิ้งที่เขาเป่ยหมางในเมืองลั่วหยาง ปรากฏว่าโบตั๋นปลูกได้ดีที่นี่
ลั่วหยางก็เลยกลายเป็นแหล่งเพาะปลูกโบตั๋นที่สำคัญไป และมักจะยกย่องโบตั๋นจากลั่วหยางว่างดงามที่สุดในแผ่นดิน
ในสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นเป็นที่นิยมเพาะเลี้ยงกันในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งบางครั้งราคาประมูลขายกันแพงมาก
จนสุดยอดกวีราชวงศ์ถังท่านหนึ่ง ชื่อ ไป๋จวีอี้ กล่าวไว้ว่า "อี้ฉงเซินเซ่อฮวา สือฮุจงเหรินฝู้" ซึ่งหมายความว่า
โบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก
ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในงานศิลปะมายาวนาน เป็นดอกไม้ของจักรพรรดิ และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน
ขอมอบภาพอวยพรของดอกไม้แห่งเกียรติยศ ความมั่งมีศรีสุข และความโชคดี ให้เพื่อนๆ ทุกคน
จะได้มีแต่ความสดชื่นและเรื่องดีๆ ตลอดไปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"โบตั๋น" ภาษาญี่ปุ่นว่า "โบะตัง" ภาษาจีนเรียก "หมู่ตัน" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "peony" โดยมีตำนานว่าตั้งตามชื่อของ Paean
ศิษย์คนหนึ่งของเอสเคลปิอัส เทพเจ้าแห่งการแพทย์กรีกโบราณ ต่อมาเอสเคลปิอัสอิจฉาลูกศิษย์ของตน
เทพเซอุสช่วยไพอันให้พ้นภัยโดยสาปให้กลายร่างเป็นดอกโบตั๋น
ส่วนประเทศจีนเล่ากันว่าสมัยพระนางบูเช็คเทียนทรงเคยโปรดดอกโบตั๋นมาก วันหนึ่งในฤดูหนาว พระนางเกิดอยากชมดอกไม้ขึ้นมา
จึงออกคำสั่งให้ดอกไม้บานโดยพร้อมเพรียงกัน มีแค่ดอกโบตั๋นเท่านั้นที่ไม่ยอมบาน เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูกาล (มักบานเดือนเมษายน)
พระนางโกรธมากสั่งเผาอุทยาน แล้วให้ถอนรากถอนโคนเอาไปทิ้งที่เขาเป่ยหมางในเมืองลั่วหยาง ปรากฏว่าโบตั๋นปลูกได้ดีที่นี่
ลั่วหยางก็เลยกลายเป็นแหล่งเพาะปลูกโบตั๋นที่สำคัญไป และมักจะยกย่องโบตั๋นจากลั่วหยางว่างดงามที่สุดในแผ่นดิน
ในสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นเป็นที่นิยมเพาะเลี้ยงกันในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งบางครั้งราคาประมูลขายกันแพงมาก
จนสุดยอดกวีราชวงศ์ถังท่านหนึ่ง ชื่อ ไป๋จวีอี้ กล่าวไว้ว่า "อี้ฉงเซินเซ่อฮวา สือฮุจงเหรินฝู้" ซึ่งหมายความว่า
โบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก
ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในงานศิลปะมายาวนาน เป็นดอกไม้ของจักรพรรดิ และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน
ขอมอบภาพอวยพรของดอกไม้แห่งเกียรติยศ ความมั่งมีศรีสุข และความโชคดี ให้เพื่อนๆ ทุกคน
จะได้มีแต่ความสดชื่นและเรื่องดีๆ ตลอดไปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 19
7. ดอกชัยพฤกษ์ สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
ชัยพฤกษ์ หมายถึงต้นไม้แห่งชัยชนะ มักนำใบไปร้อยเป็นมาลัยสวมศีรษะแก่กวีและนักดนตรีสมัยโบราณ
ไทยเราก็ใช้ช่อชัยพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์มงคลหลายๆ แห่ง
ดอกชัยพฤกษ์มีสีชมพูค่ะ อย่าสับสนกับราชพฤกษ์หรือคูนที่มีสีเหลืองนะคะ
ซึ่งตำนานเรื่องต้นชัยพฤกษ์เนี่ยเกี่ยวกับ เรื่องดวงอาทิตย์และน้ำค้าง ด้วย เรื่องมีอยู่ว่า...
อพอลโลหรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ผู้แสนจะหล่อเหลา ขวัญใจทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลาย อพอลโลเก่งหลากหลายมากๆ
ทั้งด้านพยากรณ์ เทพแห่งชัยชนะ ทรงรถพระอาทิตย์ เล่นกีฬาดี เล่นดนตรีเพราะ ฯลฯ เกิดไปต้องใจดาฟเน่ซึ่งเป็นเทพีแห่งน้ำค้าง
ผู้แสนสวยงามและครองความบริสุทธิ์ อพอลโลคอยตามดาฟเน่ นางก็วิ่งหนีทุกทีไปเพราะรู้ว่าอพอลโลมีรักมากมาย
ดาฟเน่วิ่งหนีถึงริมน้ำ อพอลโลก็ตามติดมาแล้ว นางตกใจตัวสั่น ร้องขอให้บิดาที่เป็นเทพประจำสายน้ำช่วย (คิดผิดคิดใหม่ได้นะ)
จังหวะนี้สาวๆ หลายคนเสียดายมาก ถ้าเป็นดาฟเน่คงจะไม่วิ่งหนีเป็นแน่ บิดานางจึงช่วยให้นางหนีอพอลโลได้พ้นตลอดกาล
นั่นคือเสกให้นางกลายเป็นต้นชัยพฤกษ์ (โธ่ ท่านพ่อ เสียของจริงๆ เรยยยยย)
อพอลโลเสียใจมาก และกล่าวว่า
"ถึงนางอันเป็นที่รักจะหนีพ้นและชนะเรา แต่เราก็จะไม่พรากจากกัน เพราะนางจะเป็นต้นไม้ประจำตัวเรา เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
นางจะมีส่วนร่วมชัยชนะกับเราไปทุกครั้ง"
ดังนั้นเมื่อแสงอาทิตย์ปรากฏน้ำค้างจะหายไปฉะนี้
ชัยพฤกษ์ หมายถึงต้นไม้แห่งชัยชนะ มักนำใบไปร้อยเป็นมาลัยสวมศีรษะแก่กวีและนักดนตรีสมัยโบราณ
ไทยเราก็ใช้ช่อชัยพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์มงคลหลายๆ แห่ง
ดอกชัยพฤกษ์มีสีชมพูค่ะ อย่าสับสนกับราชพฤกษ์หรือคูนที่มีสีเหลืองนะคะ
ซึ่งตำนานเรื่องต้นชัยพฤกษ์เนี่ยเกี่ยวกับ เรื่องดวงอาทิตย์และน้ำค้าง ด้วย เรื่องมีอยู่ว่า...
อพอลโลหรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ผู้แสนจะหล่อเหลา ขวัญใจทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลาย อพอลโลเก่งหลากหลายมากๆ
ทั้งด้านพยากรณ์ เทพแห่งชัยชนะ ทรงรถพระอาทิตย์ เล่นกีฬาดี เล่นดนตรีเพราะ ฯลฯ เกิดไปต้องใจดาฟเน่ซึ่งเป็นเทพีแห่งน้ำค้าง
ผู้แสนสวยงามและครองความบริสุทธิ์ อพอลโลคอยตามดาฟเน่ นางก็วิ่งหนีทุกทีไปเพราะรู้ว่าอพอลโลมีรักมากมาย
ดาฟเน่วิ่งหนีถึงริมน้ำ อพอลโลก็ตามติดมาแล้ว นางตกใจตัวสั่น ร้องขอให้บิดาที่เป็นเทพประจำสายน้ำช่วย (คิดผิดคิดใหม่ได้นะ)
จังหวะนี้สาวๆ หลายคนเสียดายมาก ถ้าเป็นดาฟเน่คงจะไม่วิ่งหนีเป็นแน่ บิดานางจึงช่วยให้นางหนีอพอลโลได้พ้นตลอดกาล
นั่นคือเสกให้นางกลายเป็นต้นชัยพฤกษ์ (โธ่ ท่านพ่อ เสียของจริงๆ เรยยยยย)
อพอลโลเสียใจมาก และกล่าวว่า
"ถึงนางอันเป็นที่รักจะหนีพ้นและชนะเรา แต่เราก็จะไม่พรากจากกัน เพราะนางจะเป็นต้นไม้ประจำตัวเรา เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
นางจะมีส่วนร่วมชัยชนะกับเราไปทุกครั้ง"
ดังนั้นเมื่อแสงอาทิตย์ปรากฏน้ำค้างจะหายไปฉะนี้
ความคิดเห็นที่ 13
คนโบราณมักจะเปรียบเทียบผู้หญิงที่มีคุณลักษณะดีเพียบพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ กับ “ดอกแก้ว” หรือที่เรียกว่า “นางแก้ว”
สีที่ขาวบริสุทธิ์ ลักษณะดอกมีกลีบดอกห้ากลีบเป็นดอกสมบูรณ์งดงาม = กายของหญิงงาม
กลิ่นหอมอ่อนจรุงละมุนละมัย = วาจา คำพูดที่อ่อนหวาน นอบน้อม
ดอกมีขนาดเล็กอยู่รวมกันเป็นช่อดูบอบบางน่าทะนุถนอม = จิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตากรุณา ความคิดดี ฉลาด
นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็เปรียบได้กับ “ดอกแก้ว” เช่นกันค่ะ
วันนี้นิดกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ จอดรถปั๊บก็ได้กลิ่นหอมของดอกแก้วโชยมาเลยค่ะ
อืมมมม ...หอมสดชื่นจริงๆ คิดถึง จขกท. ก็เลยถ่ายรูปมาฝากค่ะ แต่แสงน้อยไปหน่อยไม่เป็นไรนะคะ
ผู้หญิงกับดอกไม้เป็นของคู่กัน นิดเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบดอกไม้เอามากๆ
ถามว่าขอบดอกอะไรมากที่สุด ..... ตอบไม่ได้อ่า (ชอบแทบทั้งหมดเลยมั๊ง)
ถามว่าไม่ชอบดอกอะไรมากที่สุด ...... รีบตอบเลย (ดอกเบี้ยจร้า คริ คริ )
ตอนนิดเกิด บ้านคุณย่าจะเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงแบบไทยอีสานหลังใหญ่ ซึ่งจะปลูกต้นไม้ ดอกไม้ไว้เยอะมาก
ส่วนใหญ่จะเป็นดอกไม้แบบไทยๆ ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก อย่างเช่น แก้ว เล็บมือนาง พุดจีบ พุดซ้อน ชงโค จำปา จำปี
มะลิลา มะลิซ้อน พุทธรักษา ชบา บานบุรี ... โอยเยอะแยะเต็มไปหมด แม้กระทั่งซ่อนกลิ่นก็ยังปลูก
พอตกเย็นนะ กลิ่นหอมของดอกไม้บ้านของนิดจะหอมฟุ้งไปไกล เจ็ดบ้านแปดบ้าน .... ชาวบ้านเค้าเรียกบ้านของนิดว่า
“บ้านดอกไม้”
ทุกวันพระ คุณย่าจะมอบหมายหน้าที่ให้นิดเก็บดอกไม้ขึ้นบูชาพระค่ะ
มีอยู่วันหนึ่ง นิดไปเก็บดอกมะลิซ้อนเพื่อจะเอาขึ้นบูชาพระ ก็สังเกตเห็นอยู่เหมือนกันว่า ทำไมใบมันไม่สวยเลย
ขาดๆวิ่นๆ แต่ก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากไปกว่านั้น
เป็นเรื่องตอนที่เอาดอกไม้ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนนี่ล่ะ มือไปจับเข้ากับอะไรนิ่มๆ ดิ้นดุ๊กดิ๊กๆ .....
หนอนแก้วค่ะ ... หนอนแก้วตัวเบ้อเร่อเลยเกาะอยู่ที่ใบดอกมะลิ กรี๊ดดดด! เป็นลมดีกว่า นิดเกลียดหนอนแก้วที่สุดเลยค่ะ
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอานิดถึงกับเป็นไข้เลยค่ะ .... เจ๊ย !! หนอนแก้วนะไม่ใช่ผี !
ดอกแก้ว
คนโบราณมักจะเปรียบเทียบผู้หญิงที่มีคุณลักษณะดีเพียบพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ กับ “ดอกแก้ว” หรือที่เรียกว่า “นางแก้ว”
สีที่ขาวบริสุทธิ์ ลักษณะดอกมีกลีบดอกห้ากลีบเป็นดอกสมบูรณ์งดงาม = กายของหญิงงาม
กลิ่นหอมอ่อนจรุงละมุนละมัย = วาจา คำพูดที่อ่อนหวาน นอบน้อม
ดอกมีขนาดเล็กอยู่รวมกันเป็นช่อดูบอบบางน่าทะนุถนอม = จิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตากรุณา ความคิดดี ฉลาด
นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็เปรียบได้กับ “ดอกแก้ว” เช่นกันค่ะ
วันนี้นิดกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ จอดรถปั๊บก็ได้กลิ่นหอมของดอกแก้วโชยมาเลยค่ะ
อืมมมม ...หอมสดชื่นจริงๆ คิดถึง จขกท. ก็เลยถ่ายรูปมาฝากค่ะ แต่แสงน้อยไปหน่อยไม่เป็นไรนะคะ
ผู้หญิงกับดอกไม้เป็นของคู่กัน นิดเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบดอกไม้เอามากๆ
ถามว่าขอบดอกอะไรมากที่สุด ..... ตอบไม่ได้อ่า (ชอบแทบทั้งหมดเลยมั๊ง)
ถามว่าไม่ชอบดอกอะไรมากที่สุด ...... รีบตอบเลย (ดอกเบี้ยจร้า คริ คริ )
ตอนนิดเกิด บ้านคุณย่าจะเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงแบบไทยอีสานหลังใหญ่ ซึ่งจะปลูกต้นไม้ ดอกไม้ไว้เยอะมาก
ส่วนใหญ่จะเป็นดอกไม้แบบไทยๆ ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก อย่างเช่น แก้ว เล็บมือนาง พุดจีบ พุดซ้อน ชงโค จำปา จำปี
มะลิลา มะลิซ้อน พุทธรักษา ชบา บานบุรี ... โอยเยอะแยะเต็มไปหมด แม้กระทั่งซ่อนกลิ่นก็ยังปลูก
พอตกเย็นนะ กลิ่นหอมของดอกไม้บ้านของนิดจะหอมฟุ้งไปไกล เจ็ดบ้านแปดบ้าน .... ชาวบ้านเค้าเรียกบ้านของนิดว่า
“บ้านดอกไม้”
ทุกวันพระ คุณย่าจะมอบหมายหน้าที่ให้นิดเก็บดอกไม้ขึ้นบูชาพระค่ะ
มีอยู่วันหนึ่ง นิดไปเก็บดอกมะลิซ้อนเพื่อจะเอาขึ้นบูชาพระ ก็สังเกตเห็นอยู่เหมือนกันว่า ทำไมใบมันไม่สวยเลย
ขาดๆวิ่นๆ แต่ก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากไปกว่านั้น
เป็นเรื่องตอนที่เอาดอกไม้ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนนี่ล่ะ มือไปจับเข้ากับอะไรนิ่มๆ ดิ้นดุ๊กดิ๊กๆ .....
หนอนแก้วค่ะ ... หนอนแก้วตัวเบ้อเร่อเลยเกาะอยู่ที่ใบดอกมะลิ กรี๊ดดดด! เป็นลมดีกว่า นิดเกลียดหนอนแก้วที่สุดเลยค่ะ
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอานิดถึงกับเป็นไข้เลยค่ะ .... เจ๊ย !! หนอนแก้วนะไม่ใช่ผี !
ความคิดเห็นที่ 10
วาเลนไทน์นี้มะเขือเทศไม่อยากได้ดอกไม้ค่ะพี่หญิง อยากได้ขนมมากกว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดอกไม้จะบาน
อันนี้ให้พี่หญิง เป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องค่ะ
อากู๋หนูขอยืมภาพหน่อยนะคะ
ดอกไม้จะบาน
อันนี้ให้พี่หญิง เป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องค่ะ
อากู๋หนูขอยืมภาพหน่อยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
**ห้องเรียนคนรากหญ้า: “ดอกไม้ เปลี่ยนโลก” เชิญเพื่อนๆ มามอบดอกไม้แก่กันเนื่องในวันแห่งความรัก** (ชุนเทียน)
ตอนนี้ผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีนมาแล้ว เทศกาลตรุษจีนคนจีนเรียกว่า ชุนเจี๋ย (春节) ที่แปลว่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิคือการขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ ประเทศจีนเป็นประเทศเกษตรกรรม แล้วยังมีอากาศหนาวเย็น ฤดูใบไม้ผลิจึงเป็นฤดูกาลแห่งความหวัง ความงอกงาม วันตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่ของจีนจึงถือเป็นวันแรกที่ก้าวผ่านพ้นฤดูหนาว (ตงเทียน) ย่างสู่ฤดูใบไม้ผลิ (ชุนเทียน) ถือเป็นวันเริ่มต้นสิ่งดีๆ
และนี่ก็กำลังเข้าสู่เทศกาลวันแห่งความรัก เลยอยากจะเชิญชวนเพิ่อนๆ มามอบดอกไม้สวยๆ แก่กัน ซึ่งความจริงเราก็ควรทำให้ทุกวันเป็นวันแห่งความรักอยู่แล้ว ทั้งรักตัวเอง รักครอบครัว ไปจนถึงรักเพื่อนมนุษย์และสัตว์ร่วมโลก ใครมีภาพดอกไม้อะไรมาแบ่งปันกันได้เต็มที่นะคะ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบทั้งหลายตามที่อ้างอิงไว้ ขอบคุณ WM และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ไม่ว่าจะแสดงตัวหรือไม่ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ ความคิดเห็น
โชคดีที่โลกนี้มีดอกไม้
ดอกไม้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากมายนับไม่หวาดไม่ไหว ตั้งแต่ช่วยให้ดึงดูดแมลงเพื่อให้พืชสืบพันธุ์ต่อไปได้ ช่วยคลุมดิน รักษาความชุ่มชื้นและอุณหภูมิของดิน ใช้เป็นอาหาร ยารักษาโรค ให้สีสัน กลิ่นหอม สร้างความสดชื่น ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ฯลฯ พูดถึงดอกไม้เรามักนึกถึงสิ่งดีๆ เช่น ความอ่อนโยนสดใสของผู้หญิง คำพูดจาที่น่าฟัง การมอบเพื่อสื่อความหมายในทางบวกทั้งให้ความรัก กำลังใจ ความปรารถนาดี การแสดงความยินดี การอวยพร ฯลฯ
(ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณเพชรน้ำนิล)
นอกจากนี้ในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังมีการใช้ดอกไม้เป็นทูตไมตรีสร้างมิตรภาพระหว่างประเทศ เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์มีดอกทิวลิปเป็นดอกไม้ประจำชาติ เมื่อค้นพบสายพันธุ์ใหม่นอกจากจะตั้งชื่อตามผู้ค้นพบหรือบุคคลสำคัญแล้ว เนเธอร์แลนด์ยังมีการเชิญภริยาของประมุขต่างประเทศที่ไปเยือนตั้งชื่อให้ดอกทิวลิป เป็นการสร้างความประทับใจให้สตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศนั้นๆ อีกด้วย (ลึกซึ้งจริงๆ เอาใจภริยาผู้นำประเทศ เห็นไหม ผู้หญิงมีความสำคัญนะ) เช่น ปี 2014 นางเผิง ลี่หยวน ภริยาของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนเนเธอร์แลนด์ตั้งชื่อให้ดอกทิวลิปพันธุ์ใหม่ ว่า "กั๋วไท่" แปลว่าบ้านเมืองสงบสุข อีกทั้งรินแชมเปญบนดอกทิวลิป
ทำไมดอกไม้จึงเปลี่ยนโลก? เมื่อถามว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับโลกและสังคมของเรา ติสตูตอบว่า "สวนพฤกษชาติ"
ติสตูเป็นใคร ? ที่จริงแล้วติสตูเป็นเด็กน้อยตัวเอกในวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมของฝรั่งเศส “ติสตูนักปลูกต้นไม้” (Tistou de l’Académie française) แต่งโดย โมรีส ดรูอง ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 50 หนังสือน่าอ่านก่อนโต (แต่ถึงโตแล้วก็อ่านได้นะ ถ้ามีโอกาส) หลายๆ คนต้องเคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้แน่ๆ หนังสือเล่มนี้ว่ากันว่าใช้เป็นแนวทางให้กับลูกหลาน แม้กระทั่งเป็นแนวทางให้กับผู้นำ ทางการเมือง และการทหาร ได้เป็นอย่างดี
ผู้เขียนเรื่องนี้มีแนวคิดว่า เด็กทุกคนมีความฝัน และกระตือรือร้นที่จะสร้างประโยชน์ พวกเขาเฝ้ารอคอยที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อกระทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ แต่เมื่อเขาโตขึ้น ส่วนใหญ่มักลืมสิ่งที่อยากจะทำ หรือไม่ก็เลิกล้มความตั้งใจนั้นเสีย ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นอีกคนบนโลกนี้เท่านั้นเอง โดยปราศจากสิ่งมหัศจรรย์ แต่ติสตูโชคดี เขาทำการใหญ่ได้ทั้งๆ ที่ยังเป็นเด็ก และเขาทำได้โดยใช้ดอกไม้ซึ่งเหมือนกับเด็กอย่างยิ่ง คือให้ทั้งคำมั่น สัญญาและความหวัง
เรื่องมีอยู่ว่ามีครอบครัวมหาเศรษฐีที่เพียบพร้อมทั้งชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ บริวารคนรับใช้ และยังมีบุตรชายตัวเล็กๆ น่ารักน่าเอ็นดู ชื่อว่า ‘ติสตู’ แต่ติสตูกลับเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่เห็นว่า ‘แปลก’ และมีปัญหาด้านการศึกษา เพียงเพราะติสตูมองโลกในมุมที่ต่างจากผู้ใหญ่ เมื่อไปโรงเรียน เสียงพร่ำสอนของครูประหนึ่งเสียงร้องเพลงกล่อมเด็กอันไพเราะ ห้องเรียนก็เปรียบเหมือนห้องนอนอันแสนสบาย ติสตูจึงหลับใหลอย่างเป็นสุข (คุ้นๆ จัง ใครที่วัยเด็กเป็นแบบนี้บ้างนะ) แต่ครูไม่สุขด้วยแน่ๆ เขาแจ้งผู้ปกครองทันใดว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถร่วมเรียนกับเพื่อนๆ ได้
หากเป็นบางครอบครัวคงลงโทษ ดุด่าติสตู แต่พ่อแม่เขากลับบอกว่าจะใช้ระบบแบบใหม่ ไม่ต้องอาศัยตำรา เพราะชีวิตเราก็คือ โรงเรียนที่ดีที่สุดนั่นเอง (หลักการเหมือนห้องเรียนคนรากหญ้าเลย “เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา” ได้ทีโฆษณาเลย)
ติสตูเรียนเรื่องสวนกับ "มูสตาช" ที่เป็นคนสวน และค้นพบทันทีว่า หนูน้อยมีพรสวรรค์ในการปลูกต้นไม้ เขาบอกติสตูว่า...
"คุณหนูมีนิ้วหัวแม่มือ สีเขียว...มันคือคุณสมบัติวิเศษ เป็นพรจากสวรรค์โดยแท้...มีเมล็ดพันธุ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่เพียงในดินเท่านั้น....หากนิ้วหัวแม่มือสีเขียวได้สัมผัสเมล็ดพันธุ์ เหล่านี้เมล็ดเดียว ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใดก็ตาม ดอกไม้จะงอกขึ้นในทันทีทันใด..."
ติสตูหวังให้โลกนี้ดีขึ้นด้วยวิธีสันติ ไม่ใช่ด้วยความรุนแรง อาทิการกักขังนักโทษไว้ในคุกสภาพน่าเกลียดน่ากลัว ติสตูคิดว่าถ้าคุกน่าอยู่กว่านี้ นักโทษย่อมกลับตัวเป็นคนดีได้ง่ายกว่าเดิม เด็กน้อยไม่รอช้าที่เนรมิตจนคุกให้เต็มไปดอกไม้ที่งดงาม
ติสตูค้นพบความลับอีกว่า "คนเราจะหายป่วย ก็ต่อเมื่อเราอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป..." เขาจึงปลูกดอกไม้ขึ้นมากมายในห้องของเด็กหญิงที่ป่วยหนัก เธอเฝ้าชมดอกไม้ด้วยความหวังและเริ่มเคลื่อนไหวได้ในที่สุด แทนที่จะเฝ้ามองแต่เพดานและผนังอย่างสิ้นหวัง
ติสตูเชื่อว่าดอกไม้สามารถสกัดกั้นความชั่วร้ายได้ เขาจัดระเบียบเมืองโดยปลูกดอกไม้ซะจนสลัมโกโรโกโสก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมา และสร้างรายได้ให้ผู้คน
ติสตูมีความสุขกับการสร้างสิ่งดีๆ เปลี่ยนแปลงโลกใกล้ตัว แม้กระทั่งปัญหาใหญ่สุดนั่นคือ กำลังจะเกิดสงครามโดยอาวุธมาจากโรงงานของคุณพ่อของเขา ติสตูตัดสินใจทำให้ปืนใหญ่ที่ยิงออกไปกลายเป็นดอกไม้ ถึงแม้จะทำให้โรงงาน คนงาน พ่อ และครอบครัว ต้องเดือดร้อน แต่แล้วผู้ใหญ่ก็คิดได้และเรียนรู้ว่าเราไม่สามารถต่อต้านพลังของธรรมชาติได้
บทสรุป
ติสตูเป็นตัวแทนความอ่อนโยน ความหวัง การมองโลกในแง่ดี การมองโลกในมุมที่ต่างออกไป การลงมือทำทันทีตั้งแต่วัยเด็กไม่ต้องรอให้เป็นผู้ใหญ่
ท่ามกลางโลกที่สับสนวุ่นวาย แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ผู้ใหญ่มักแก้ปัญหาด้วยวิธีก้าวร้าว รุนแรง แย่งชิง หวังเอาชนะโดยไม่คิดถึงผลร้ายที่จะเกิดตามมา แต่เด็กน้อยเลือกใช้วิธีปลูกต้นไม้ สร้างความสดชื่น สร้างกำลังใจ ในขณะที่ผู้ใหญ่มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นสิ่งไม่มีประโยชน์ แต่หากบริหารจัดการดีๆ มันกลับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ผู้ใหญ่ที่ไร้จินตนาการและขาดจิตใจที่อ่อนโยนไม่มีทางมองเห็น หากผู้ใหญ่มีหัวใจที่เหมือนเด็กน้อยติสตู อย่างน้อยโลกนี้ก็ไม่มีสงครามและน่าอยู่ขึ้นมาก
ในโลกแห่งความจริง ไม่มีใครมีนิ้วหัวแม่โป้งที่มหัศจรรย์เหมือนติสตู แต่หากทุกคนที่เป็นคนธรรมดา คิดในสิ่งที่ดี ลงมือทำในสิ่งที่ดี ด้วยจิตใจที่ดี ก็เท่ากับช่วยกันเปลี่ยนโลกได้
คลังกระทู้เดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มามอบดอกไม้ให้กันเถอะค่ะ
จขกท.จะนำมาสัก 10 ดอก แต่เพื่อนๆ มาร่วมมอบดอกไม้กันได้เลย ไม่ต้องรอให้ครบ 10 เม้นท์ค่ะ จขกท. จะได้ไม่รู้สึกวังเวงและเหงานัก
(แก้ไขคำผิดและตกหล่น)