สมาคมร้านค้าปลอดอากรโต้กลับท่าอากาศยาน จงใจเลี่ยงใช้กม.เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งรัฐ ชี้เรียกร้อง Pick up counter ไม่เกี่ยวสัมปทานดิวตี้ฟรี
รายงานข่าวจากสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรไทย เปิดเผยว่าข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยและสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากร ที่เรียกร้องให้รัฐและ กระทรวงการคลังเปิดเสรีร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown duty free) และให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท.พิจารณาจัดหาพื้นที่ตั้งจุดรับส่งสินค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอื่นๆ ของ ทอท.นั้นว่าข้อเรียกร้องของสมาคมไม่ได้ขัดแย้งกับสัญญาสัมปทานร้านปลอดอากรของกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ แต่อย่างใด เพราะเป็นคนละส่วนกัน แต่เป็นไปเพื่อรองรับการเปิดเสรีดิวตี้ฟรี เพื่อส่งเสริมและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นหลัก
ทั้งนี้ หากพิจารณาแนวโน้มของประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะเห็นว่า แต่ละประเทศได้ชูนโยบายเปิดเสรีธุรกิจดิวตี้ฟรีกันไปหมดแล้ว บางประเทศอย่างดูไบนั้นถึงขนาดประกาศเป็นเมืองท่าปลอดภาษี ขณะที่เพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ต่างชูนโยบายเปิดเสรีดิวตี้ฟรีรองรับนักท่องเที่ยวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ เวียดนาม แม้แต่ สปป.ลาว และกัมพูชา แต่เมืองไทยกลับเหมือนต้องคำสาปที่ธุรกิจนี้ถูกผูกขาด
รายงานข่าวระบุว่าอย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบสัญญาสัมปทานที่ ทอท.มีอยู่กับบริษัทเอกชนที่สัมปทานการใช้พื้นที่ในสนามบินนั้น จะพบจุดที่น่าสังเกตว่าทำไมคนของรัฐ โดยเฉพาะ ทอท. กลับมองแต่ประโยชน์ของเอกชนกว่าประโยชน์แห่งรัฐ โดยสัญญาสัมปทานที่ทอท.มีอยู่กับบริษัทนั้น ครอบคลุมก็แต่เฉพาะกิจการร้านปลอดอากรภายในสนามบินเท่านั้นที่ไม่สามารถเปิดให้เอกชนรายอื่นเข้ามาแข่งขันได้ แต่ในส่วนของการจัดตั้งร้านปลอดภาษีนอกสนามบินหรือร้านปลอดภาษีในเมืองนั้นเป็นคนละส่วนกัน และในข้อเท็จจริงนั้นทุกสนามบินจะต้องจัดพื้นที่ให้แก่นักท่องเที่ยวส่วนนี้ด้วย ซึ่งในอดีตสนามบินทุกแห่งของ ทอท. ก็มีให้บริการ แต่ปัจจุบันกลับอ้างว่าติดสัญญาสัมปทาน
นอกจากนี้ในส่วนของกรมศุลกากรที่ตามกฎหมายแล้วถือเป็นผู้อนุมัติให้มีการจัดตั้งเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนและร้านปลอดภาษีโดยตรงด้วยนั้นตามพ.ร.บ.ศุลกากรปี 2495 นั้นได้ให้อำนาจอธิบดีกีรมศุลกากร เป็นผู้กำหนดจุดรับส่งสินค้าปลอดอากรทั้งในสนามบินและนอกสนามบิน แต่ที่ผ่านมากรมศุลกากรกลับอ้างว่าตนเองไม่มีอำนาจกลับโยนกลองให้เป็นเรื่องของ ทอท.
แหล่งข่าวยืนยันว่า ข้ออ้างของทอท.ที่อ้างว่า ไม่สามารถจัดหาพื้นที่ตั้งจุดรับส่งสินค้าให้เอกชนรายใดได้ ต้องรอให้หมดสัญญาใน 4 ปีข้างหน้าค่อยมาประมูลสัมปทานกันใหม่นั้น หากในอนาคตได้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์เดิมแล้ว ทอท.คงต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า จะยังสงวนพื้นที่ตั้งจุดรับส่งสินค้าให้ผู้ได้รับสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินไปด้วยหรือไม่ เพราะหากยึดถือจุดยืนของทอท.ในปัจจุบัน เมื่อสัมปทานร้านปลอดภาษีในสนามบินเปลี่ยนมือไปแล้ว พื้นที่ตั้งจุดมอบส่งสินค้าก็ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนผู้ได้สัมปทานร้านปลอดภาษีในสนามบินไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งเท่ากับว่าบรรดาร้านค้าปลอดอากรในเมืองของกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่เปิดให้บริการอยู่นี้จะหมดสิทธิ์เข้ามาตั้งจุดส่งมอบสินค้าหรือ Pick up counter ในสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอื่นๆ ของ ทอท. ด้วย
“ถึงเวลานั้น คงทำให้กิจการร้านปลอดภาษีนอกสนามบินของกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันเผชิญอุปสรรคใหญ่ ไม่สามารถจะเข้าไปส่งมอบสินค้าภายในสนามบินได้แน่และอาจถึงขั้นต้องปิดตัวเองลงไปเฉกเช่นที่ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีในเมืองรายอื่นๆ กำลังเรียกร้องความถูกต้องอยู่เวลานี้”
ที่มา :
http://m.naewna.com/view/business/industrial/201587#1
สมาคมร้านค้าปลอดอากรโต้กลับท่าอากาศยาน จงใจเลี่ยงใช้ กม.เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งรัฐ
รายงานข่าวจากสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรไทย เปิดเผยว่าข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยและสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากร ที่เรียกร้องให้รัฐและ กระทรวงการคลังเปิดเสรีร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown duty free) และให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท.พิจารณาจัดหาพื้นที่ตั้งจุดรับส่งสินค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอื่นๆ ของ ทอท.นั้นว่าข้อเรียกร้องของสมาคมไม่ได้ขัดแย้งกับสัญญาสัมปทานร้านปลอดอากรของกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ แต่อย่างใด เพราะเป็นคนละส่วนกัน แต่เป็นไปเพื่อรองรับการเปิดเสรีดิวตี้ฟรี เพื่อส่งเสริมและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นหลัก
ทั้งนี้ หากพิจารณาแนวโน้มของประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะเห็นว่า แต่ละประเทศได้ชูนโยบายเปิดเสรีธุรกิจดิวตี้ฟรีกันไปหมดแล้ว บางประเทศอย่างดูไบนั้นถึงขนาดประกาศเป็นเมืองท่าปลอดภาษี ขณะที่เพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ต่างชูนโยบายเปิดเสรีดิวตี้ฟรีรองรับนักท่องเที่ยวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ เวียดนาม แม้แต่ สปป.ลาว และกัมพูชา แต่เมืองไทยกลับเหมือนต้องคำสาปที่ธุรกิจนี้ถูกผูกขาด
รายงานข่าวระบุว่าอย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบสัญญาสัมปทานที่ ทอท.มีอยู่กับบริษัทเอกชนที่สัมปทานการใช้พื้นที่ในสนามบินนั้น จะพบจุดที่น่าสังเกตว่าทำไมคนของรัฐ โดยเฉพาะ ทอท. กลับมองแต่ประโยชน์ของเอกชนกว่าประโยชน์แห่งรัฐ โดยสัญญาสัมปทานที่ทอท.มีอยู่กับบริษัทนั้น ครอบคลุมก็แต่เฉพาะกิจการร้านปลอดอากรภายในสนามบินเท่านั้นที่ไม่สามารถเปิดให้เอกชนรายอื่นเข้ามาแข่งขันได้ แต่ในส่วนของการจัดตั้งร้านปลอดภาษีนอกสนามบินหรือร้านปลอดภาษีในเมืองนั้นเป็นคนละส่วนกัน และในข้อเท็จจริงนั้นทุกสนามบินจะต้องจัดพื้นที่ให้แก่นักท่องเที่ยวส่วนนี้ด้วย ซึ่งในอดีตสนามบินทุกแห่งของ ทอท. ก็มีให้บริการ แต่ปัจจุบันกลับอ้างว่าติดสัญญาสัมปทาน
นอกจากนี้ในส่วนของกรมศุลกากรที่ตามกฎหมายแล้วถือเป็นผู้อนุมัติให้มีการจัดตั้งเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนและร้านปลอดภาษีโดยตรงด้วยนั้นตามพ.ร.บ.ศุลกากรปี 2495 นั้นได้ให้อำนาจอธิบดีกีรมศุลกากร เป็นผู้กำหนดจุดรับส่งสินค้าปลอดอากรทั้งในสนามบินและนอกสนามบิน แต่ที่ผ่านมากรมศุลกากรกลับอ้างว่าตนเองไม่มีอำนาจกลับโยนกลองให้เป็นเรื่องของ ทอท.
แหล่งข่าวยืนยันว่า ข้ออ้างของทอท.ที่อ้างว่า ไม่สามารถจัดหาพื้นที่ตั้งจุดรับส่งสินค้าให้เอกชนรายใดได้ ต้องรอให้หมดสัญญาใน 4 ปีข้างหน้าค่อยมาประมูลสัมปทานกันใหม่นั้น หากในอนาคตได้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์เดิมแล้ว ทอท.คงต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า จะยังสงวนพื้นที่ตั้งจุดรับส่งสินค้าให้ผู้ได้รับสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินไปด้วยหรือไม่ เพราะหากยึดถือจุดยืนของทอท.ในปัจจุบัน เมื่อสัมปทานร้านปลอดภาษีในสนามบินเปลี่ยนมือไปแล้ว พื้นที่ตั้งจุดมอบส่งสินค้าก็ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนผู้ได้สัมปทานร้านปลอดภาษีในสนามบินไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งเท่ากับว่าบรรดาร้านค้าปลอดอากรในเมืองของกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่เปิดให้บริการอยู่นี้จะหมดสิทธิ์เข้ามาตั้งจุดส่งมอบสินค้าหรือ Pick up counter ในสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอื่นๆ ของ ทอท. ด้วย
“ถึงเวลานั้น คงทำให้กิจการร้านปลอดภาษีนอกสนามบินของกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันเผชิญอุปสรรคใหญ่ ไม่สามารถจะเข้าไปส่งมอบสินค้าภายในสนามบินได้แน่และอาจถึงขั้นต้องปิดตัวเองลงไปเฉกเช่นที่ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีในเมืองรายอื่นๆ กำลังเรียกร้องความถูกต้องอยู่เวลานี้”
ที่มา : http://m.naewna.com/view/business/industrial/201587#1