[SR] "พะเยา" แล้วเราก็เจอกัน...


กรอม้วนฟิล์มกลับไปเมื่อซักราวสองสัปดาห์ก่อน ผมมีโอกาสย้ายก้นตัวเองจากเก้าอี้ทำงานออกไปเตร็ดเตร่แถว “พะเยา”จากการถูกชักชวนของมิตรสหาย หลังจากทักทายมาทางช่องแชทโซเชียลเน็ตเวิร์ค ใจความสำคัญ คือ “ไปพะเยากัน แต่งานนี้ไปกับชาวบ้านนะ”

ชาวบ้าน ในที่นี้ของผมและเพื่อนก็คือ คณะสื่อมวลชนเชียงใหม่ แล้วก็มีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวร่วมคณะไปด้วย (แต่ตอนไปดูท่าจะมีแต่สื่อมวลชน คนคุ้นๆ หน้ากันดี) ซึ่งถ้าถามตัวเองว่าไปในฐานะอะไร “นักท่องเทียวผสมกับสื่ออิสระ” น่าจะเป็นคำตอบที่เข้าท่ามากที่สุด

งานนี้เกิดขึ้นจากการจับมือของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง จัดทำโครงการทดสอบและแนะนำแหล่งท่องเที่ยวแก่สื่อมวลชน และนักท่องเที่ยว ในพื้นที่โครงการหลวงปังค่า อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งตามกำหนดการนั้นมี 2 วันด้วยกันครับ คือ วันที่ 22-23 มกราคม 2559 จุดล้อหมุนออกเดินทางอยู่ที่เชียงใหม่ และสถานีปลายทางก็คือพะเยา

หลังจากถูกชักชวนไปแล้ว ผมขอโปรแกรมคร่าวๆ จากเพื่อนว่ามีไปที่ไหนกันบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจ และรับปากว่า “ตูไปแน่นอน” ซึ่งเมื่อกวาดสายตาพบกับคำว่า “ดอยภูลังกา” ก็จัดว่าเป็นอะไรที่เย้ายวนใจไม่น้อยๆ พอๆ กับใบหน้าของอนงค์นางบนร่างสะโอดสะอง

เช้าวันศุกร์ที่ 22 มกรา ล้อหมุน ก่อนออกเดินทาง บรรยากาศรถติดในตัวเมืองเชียงใหม่ค่อนข้างวุ่นวายขายปลาช่อนกันเลยทีเดียว เพราะเป็นวันที่บัณทิต มช. ซ้อมรับปริญญา หลังจากเช็ครายชื่อผู้ร่วมทางครบทุกหมู่เหล่า เราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่พะเยากันด้วยรถตู้ 2 คันรถ

สำหรับโปรแกรมวันแรกคร่าวๆ ก็มีดังนี้คือ วัดพระนั่งดิน อ.เชียงคำ – วัดนันตาราม อ.เชียงคำ – ยอดดอยภูลังกา ส่วนวันที่สอง ภูลังการีสอร์ท – ชมหัตถกรรมชนเผ่า บ้านปางค่าใต้ – ชมแปลงผักสาธิตโครงหลวงปังค่า – กว๊านพะเยา

จากเชียงใหม่ถึงเชียงคำราวๆ เที่ยง ก่อนไปสถานีแรก ทางคณะพาแวะชิมลาบ จากร้านลาบลุงรบ ใน อ.เชียงคำ ซึ่งเป็นร้านลาบที่รสชาติเด็ดเอาเรื่อง โดยเฉพาะลาบดิบแล้วนั้น อร่อยอย่าบอกใครเชียว เรียกได้ว่าใครเป็นคอลาบ มาเที่ยวแถวเชียงคำ ร้านนี้ต้องแวะลองกันซักตั้งครับ



ถัดจากร้านลาบลุงรบไปไม่ไกล เป็นที่ตั้งของวัดพระนั่งดิน หนึ่งใน unseen ไทยแลนด์ที่เขาลือกัน เพราะวัดแห่งนี้พระประธานไม่มีฐานชุกชี เหมือนวัดอื่นๆ ทั่วไปกันครับ (ฐานชุกชี คือ ฐานปูนสำหรับประดิษฐานพระประธาน)



โดยพระเจ้านั่งดิน ถูกสร้างขึ้นในสมัยพุทธกาล โดยพระพุทธองค์ได้ทรงให้ปั้นด้วยดินจากลังกาทวีปขนาดเท่าองค์จริง ดังนั้นพระเจ้านั่งดินน่าจะมีอายุกว่า 2500 ปี ในการสร้างพระพุทธรูปนี้ ใช้เวลา 1  เดือน 7 วัน จึงเสร็จ เมื่อสร้างเสร็จได้ประดิษฐานไว้บนพื้นราบ ไม่มีฐานชุกชีดังพระพุทธรูปอื่นๆ ทั่วไป

มีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า เคยมีชาวบ้านพากันสร้างฐานชุกชี แล้วอัญเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ แต่มีเหตุปาฏิหาริย์เกิดฟ้าผ่าลงมาที่อุโบสถถึง 3 ครั้ง และจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทางวัดก็เลยประดิษฐานเพระเจ้านั่งดินไว้บนพื้นดินแบบเดิมตราบเท่าทุกวันนี้



สำหรับพระเจ้านั่งดินที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ องค์จริงจะอยู่ภายในห้องกระจก ส่วนองค์จำลองจะอยู่ด้านนอกฝั่งทางด้านขวามือ ซึ่งจากคำบอกเล่าของคุณป้าท่านนึงที่อยู่ในวัด แกเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ต้องสร้างองค์จำลองไว้ ด้วยเพราะว่าในอดีต เคยมีคนพยายามมาตัดเศียรพระเจ้านั่งดินไปแต่ทำไม่สำเร็จ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น จึงทำให้ทางวัดต้องสร้างห้องกระจกครอบองค์จริงไว้ และติดกล้องวงจรปิด ก่อนจะสร้างองค์จำลองอีกองค์เอาไว้บูชา ปิดทอง และสรงน้ำ สำหรับศรัทธาประชาชนที่มากราบไหว้  



อีกอย่างนึงเป็นที่น่าสังเกตว่า พระเจ้านั่งดินจะหันหน้าออกไปทางทิศตะวันตก ซึ่งโดยปกติแล้วพระประธานส่วนใหญ่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เรื่องนี้คุณลุงที่เป็นวิทยากรแกบอกว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะจะได้หันหน้าเข้าหากันกับพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยา (และเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา) เนื่องจากพระพุทธรูปสององค์นี้เป็นพี่น้องกัน

นอกจากนี้ภายในวัดพระนั่งดิน ยังมีรอยพระพุทธบาท ประทับบนก้อนหิน ประดิษฐานอยู่ เป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขนาดกว้าง 7  ซ.ม. ยาว 23 ซ.ม.

จากวัดพระนั่งดิน มาต่อที่วัดนันตาราม วัดศิลปะไทใหญ่แห่งเดียวในเชียงคำ ใกล้ตลาดเทศบาล



“นันตาราม” มาจากนามสกุลของ พ่อเฒ่านันตา (อู๋) วงศ์อนันต์  คหบดีชาวไทใหญ่ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการก่อสร้างและปฎิสังขรณ์วัด และสิ่งก่อสร้างสำคัญก็คือ วิหารไม้ ที่สร้าง ในปี พ.ศ. 2467 รูปทรงแบบไทใหญ่ หลังคาหน้าจั่วยกเป็นช่อชั้น ลดหลั่นกันสวยงามมุงด้วยแป้นเกล็ด (กระเบื้อง ไม้) เพดานประดับประดาด้วยกระจกสีลวดลายวิจิตรพิสดาร ไม่ซ้ำกัน เสาทั้ง 68  ต้นลงรักปิดทอง มีพระประธานในวิหารปัจจุบัน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้สักทอง ทั้งต้น ลงรักปิดทอง ทรงเครื่องแบบไทยใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 51 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดเกศา 9 ศอก ประดิษฐานบนฐานไม้ มีแผงไม้กั้นด้านหลังประดับประดากระจกสีที่สวยงาม ประกอบด้วยไม้ฉลุและแกะสลักลายเครือเถา เทวดาและสัตว์ป่าหิมพานต์




ศิลปะไทใหญ่มีให้เสพไม่พอ ทางวัดยังมีพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาวัตถุโบราณ ชื่อว่า “พิพิธภัฑณ์อู่เต็งมง”  เก็บรักษาพระเครื่องพิมพ์เก่าแก่นับร้อยองค์ คัมภีร์พระไตรปิฎก  เงินตราสกุลต่าง ๆ ในสมัยโบราณ และพระพุทธรูปปางต่างๆ ทรงเครื่องแบบไทยใหญ่ เรียกได้ว่ามาวัดนี้ มีหลายอย่างให้ดูเพลินกันเลยครับ



ออกจากวัดบ่ายสามเกือบบ่ายสี่ ทางคณะก็รีบรุดหน้ามายังโครงการหลวงปังค่า เพื่อนั่งรถ 4WD ต่อไปยังยอดดอยภูลังกา ในเขตพื้นที่วนอุทยานภูลังกา เส้นทางในการขึ้นสู่ยอดดอยนั้นใช้เวลาร่วมๆ ราว 40 นาทีด้วยกัน รถที่จะพาคุณย้ายก้นไปได้ ก็เห็นจะมีแต่ 4WD กันเท่านั้น เพราะทางค่อนข้างที่จะโหดระห่ำกันพอสมควร เป็นทางลูกรังที่ลัดเลาะเข้าไปยังในป่า




นั่งบนรถ 4WD กระเด็นกระดอนไถลไปกองกันจนถึงจุดเดินขึ้นไปยังยอดภู ป้ายปักไว้ต้องเดินไปถึงยอดภูนม 200 เมตร ส่วนยอดดอยภูลังกานั้น 800 เมตรด้วยกัน สำหรับผมระดับนี้นั้น ถือว่าอู๊ดดี้มาก



ที่แรกยอดภูนม กับระดับบความสูง 1,600 เมตร เป็นสันเขาแคบๆ ทอดตัวต่อลดหลั่นมาจากดอยภูลังกา เป็นยอดดอยหัวโล้นมีหญ้าปกคลุม ยอดดอยนี้สามารถชมวิวได้โดยรอบ และที่เหมาะก็น่าจะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ที่จะได้สัมผัสกับแสงธรรมชาติสวยๆ ให้ได้ลั่นชัตเตอร์





จากยอดภูนมไปอีกราว 600 เมตร จะเป็นเส้นทางขึ้นไปพิชิตยังยอดดอยภูลังกาครับ กับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,720 เมตร ทางเดินขึ้นสบายๆ ก่อนขึ้นไปถึงยอดซ้ายมือจะมีทางแวะไปยังลานหินล้านปี อันนี้ผมแวะตอนขาลงที่มืดแล้ว ลักษณะสภาพเป็นลานหินบนสันดอย มีมอสเกาะตามหิน มีดอกไม้ป่าขึ้นกระจัดกระจาย ซึ่งว่ากันว่าช่วงปลายฝนต้นหนาวตรงนี้จะสวย



กลับไปที่ยอดดอยภูลังกา จุดนี้สามารถมองเห็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  และสามเหลี่ยมทองคำได้ด้วย และเมื่อมองย้อนกลับไปยังด้านล่างก็จะเห็นยอดภูนมเป็นสันเขาทอดตัวลงไป บางอารมณ์ที่เห็นภาพนี้ ก็ชวนให้นึกถึงดอยม่อนจอง ที่อมก๋อย เชียงใหม่ แม้ว่าในระดับความสวยงามของทุ่งหญ้านั้น ดอยม่อนจองจะสวยกว่าหลายขุมอยู่มาก





ตกค่ำพวกเรากลับลงจากยอดดอยลงมายังโครงการหลวงปังค่า เพื่อกินข้าวเย็น แกล้มไปกับการแสดงชนเผ่าเมี่ยน ที่มาบำเรอความสนุกให้ ที่เหลือจากนั้นก็เป็นการเสวนาก่อนภาพจะถูกตัดมายังตอนเช้าของอีกวันราวตี 5 ซึ่งใครคนนี้ยังไม่ได้นอน ฮ่าๆๆ
ชื่อสินค้า:   พะเยา
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่