ส่วนที่หนึ่ง
http://ppantip.com/topic/34733825
ส่วนที่สอง
http://ppantip.com/topic/34740385
ถนนสีหม่น ความฝัน และจิตวิญญาณ (ส่วนที่สาม)
โดย …. Lady Star
==========* ========== *==========
สายลมเย็นยะเยือกพัดปลิวมากระทบผิวกายดรุณีน้อยชวนให้ขนลุกตั้งชัน เด็กสาวเลื่อนมือมากอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นก่อนจะลูบไล้แขนตัวเอง สายตาจ้องมองไปยังหญิงสาวลึกลับในชุดสีขาวเบื้องหน้า ……….
เธอนั่งอยู่ห่างจากหญิงสาวชุดขาวเพียงเล็กน้อย และเอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นว่า
“เธอเป็นอะไรร้องไห้ทำไม”
หญิงสาวชุดขาวไม่ตอบคำถามยังคงนั่งร้องไห้ต่อไปแบบไม่สนใจคนแปลกหน้า ดรุณีน้อยยื่นมือไปสะกิดไหล่หญิงสาวชุดขาวก่อนถามอีกว่า
“เธอมีอะไรให้ฉันช่วยบอกฉันได้นะ”
“ช่วยเหรอ ตัวเธอเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ริอาจจะมาช่วยคนอื่น เฮอะ!…” หญิงสาวชุดขาวเงยหน้ามองพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของหล่อนนั่นเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา นัยน์ตาแดงก่ำเนื่องเพราะร้องไห้มาเนิ่นนาน หล่อนพูดจบก็ก้มหน้าร้องไห้ต่อ
“ก็ดูเธอท่าทางจะเสียใจหนักกว่าฉันเสียอีก เธอทำกระเป๋าความฝันหายไปหรือไง” ดรุณีน้อยเอ่ยถาม
หญิงสาวชุดขาวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ดวงตามีประกายแวววาบจับจ้องมองคนพูด
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันทำกระเป๋าความฝันหายไป” หญิงสาวชุดขาวโพล่งถามออกไปเสียงดัง
“ของฉันก็หายไปน่ะ”
“อุปสรรคขโมยของเธอไปใช่ไหม อุปสรรคใจร้ายนิสัยไม่ดี ขโมยกระเป๋าความฝันของฉันไปเช่นกัน และยังกลั่นแกล้งฉันสารพัด จนฉันไม่สามารถเดินทางไปยังถนนสีสดใสได้อีกแล้ว ฉันไปต่อไปได้อีกแล้ว ฮือ.. ฮือ..”
หญิงสาวชุดขาวพูดต่อน้ำเสียงสะอึกสะอื้นหยดน้ำตาหลั่งรินออกมาเป็นสายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ
“แล้วเธอไม่คิดที่จะตามหากระเป๋าความฝันของเธอหรือไง เธอจะปล่อยให้อุปสรรคขโมยไปแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ” ดรุณีน้อยพูดกับหญิงชุดขาว ก่อนจะขยับร่างกายตัวเองเปลี่ยนท่านั่งเป็นนั่งพับเพียบมือเลื่อนไปกุมข้อเท้าที่ปูดนูนขึ้นมารอยเขียวคล้ำกระจายแผ่ออกรอบข้อเท้า
“จะไปตามมาหาที่ไหนล่ะ ฉันจะไม่ไปไหนแล้ว ฉันจะนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ร้องไห้ให้ร่างกายแตกสลายไปเลย เพราะฉันคือความท้อแท้สิ้นหวัง ความท้อแท้สิ้นหวังจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น นอนจากนั่งซึมเศร้าท้อแท้สิ้นหวัง ฉันต้องทำจิตใจให้หดหู่เศร้าหมอง ฮือ... ฮือ...” หญิงสาวชุดขาวพูดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้อีกครั้ง
ดรุณีน้อยนั่งมึนงงกับสิ่งที่หญิงสาวบอก เธอครุ่นคิดอยู่นานว่าจะพูดเพื่อปลอบประโลมหญิงสาวคนนี้อย่างไรดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่ตั้งใจจะท้อแท้สิ้นหวังเริ่มไม่สนใจเธอแล้ว
“ฉันชื่อท้อแท้ นามสกุลสิ้นหวัง” อยู่ๆหญิงสาวชุดขาวก็พูดขึ้นมาเมื่อเห็นดรุณีน้อยนิ่งเงียบไปนาน
“ห๊ะ”
“มีอะไรน่าตกใจหรือไง” ท้อแท้ สิ้นหวังพูดขึ้นทำหน้าดุดันเคร่งเครียดใส่คนร้อง ห๊ะ
“อ่อ เปล่าหรอก ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อยน่ะ ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีคนชื่อท้อแท้นามสกุลสิ้นหวังด้วย”
“ก็ฉันนี่ไง ฉันจึงต้องมีหน้าที่ท้อแท้และสิ้นหวัง เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไหมฉันอยากมีเพื่อน นะนะ” ท้อแท้พูดเสียงหวานใสเชิญชวนดรุณีน้อย มือข้างหนึ่งยื่นมาจับแขนดรุณีน้อยไว้มั่น ดรุณีน้อยสัมผัสได้ถึงความเย็นราวกับน้ำแข็งที่แผ่ออกมาจากร่างของหล่อน เธอพยายามขยับแขนหนีแต่ถูกหญิงสาวท้อแท้ดึงแขนกลับมา
“นะ..อยู่เป็นเพื่อนฉันนะ เธอจะไม่เหนื่อยตามหาความฝันอีก และยังมีของกินอร่อยๆให้เธอกินได้ตลอดเวลาเลยนะ” พอหญิงสาวท้อแท้พูดจบ ก็มีอาหารสุดหรูหลายจานวางอยู่รายรอบตัวเด็กสาว ดรุณีน้อยลอบกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดินทางมายังไม่ได้กินอะไรเลยความหิวจึงเข้ามาเล่นงานเธอแบบไม่รู้ตัว
“หิวล่ะสิ จะกินหน่อยไหมฉันแบ่งให้เธอ” หญิงสาวท้อแท้ยื่นน่องไก่สีเหลืองอร่ามน่ากิน กลิ่นหอมเชิญชวนน่าหลงใหลมาตรงหน้าของเด็กสาว
“เอ่อ อืม ..ฉันต้องไปตามหากระเป๋าความฝันให้เจอก่อนนะ” ดรุณีน้อยพูดตะกุกตะกักสายจ้องมองน่องไก่อย่างหมายมั่น
“กินก่อนค่อยตามหาก็ได้ นะนะ” หญิงสาวท้อแท้ยื่นน่องไก่มาจนชิดจมูกดรุณีน้อย
“อ่อ นั่นมันจมูกนะไม่ใช่ปาก”
“แหม ..ล้อเล่นน่า อ้าว.. กินๆ” หญิงสาวท้อแท้ยื่นน่องไก่ใส่ปากเด็กสาวผู้กำลังอ้าปากรออยู่ด้วยความหิวโหย
“อย่ากิน!” เสียงทุ้มกังวานดังก้องขึ้น
ทั้งสองหันขวับไปมองตามทิศทางเสียง เห็นชายรูปร่างสูงใบหน้าเกลี้ยงเกลาสวมใส่ชุดสูททักซิโด้สีดำร้องเท้าหนังสีดำซึ่งถูกขัดจนเงางามเป็นประกายแวววับ ผมสีดำขวับเป็นมันเงาหวีเรียบเนียนราบกับหนังศีรษะ นัยน์ตาเป็นประกายฉายแววอบอุ่นเมตตา ริมฝีปากคล้ายกำลังแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่ได้ฉีกยิ้มให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง เขาผู้นี้หล่อเท่สง่างามราวกับเทพบุตรสายลับที่หลุดออกมาจากแผ่นฟิล์มก็ไม่ปาน
“มารดำอย่างมายุ่งเรื่องของฉัน ฉันกำลังแบ่งอาหารให้เพื่อนใหม่ได้กิน ไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย” หญิงสาวท้อแท้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองไม่พอใจ ใบหน้าบูดบึ้งพร้อมส่งสายตาอาฆาตแค้นไปยังชายชุดดำ
“มารดำเหรอ! นายคนนี้คือมารดำจริงๆใช่ไหม” ดรุณีน้อยเอ่ยถามด้วยอาการตื่นตระหนก เธอผงะถอยห่างจากชายชุดดำอย่างหวาดกลัว ก่อนจะรีบคลานไปหลบอยู่ด้านหลังหญิงสาวท้อแท้ และยังกระซิบถามว่า เขาจะกินความฝันและจิตวิญญาณตัวเองหรือเปล่า หญิงสาวท้อแท้พยักหน้าเป็นการตอบคำถาม
“เธอสองคนจะกระซิบกระซาบกันทำไม คิดว่าผมไม่ได้ยินหรือไง” มารดำเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับหญิงสาวสองคนที่นั่งกอดกันอยู่บนพื้นเบื้องล่าง
“ไปให้พ้นอย่ามายุ่งกับเธอ”
หญิงสาวท้อแท้ตะโกนไล่มารดำแสดงตนปกป้องดรุณีน้อย ทำให้เด็กสาวรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจจนเลื่อนมือไปโอบกอดเอวหญิงสาวแน่น
“เธอต่างหากอย่ายุ่งกับสาวน้อยคนนี้ ปล่อยเธอมาซะดีๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว” มารดำพูดตอบกลับมา ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งโดยคราวนี้หันไปมองดรุณีน้อย
“มานี้สาวน้อย...ผมมาช่วยคุณนะครับ ถ้าคุณอยู่กับเธอไม่นานคุณจะกลายเป็นอย่างเธอ ท้อแท้และสิ้นหวังไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น วันๆเอาแต่นั่งร้องไห้ สบถด่าทอโทษสิ่งต่างๆรอบกายอันนี้ไม่ดีอันโน่นไม่ดี โดยที่ตัวเองไม่คิดจะทำอะไรเลย นอกจากนั่งท้อแท้สิ้นหวัง เธออยากเป็นแบบนี้หรือไงสาวน้อย” มารดำพูดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่คนฟังคงไม่อาจรับรู้ถึงมันเพราะมีอีกคนคอยพูดกรอกหู
“อย่าไปเชื่อมารดำนะ เขาหลอกเธอแล้วจะกลืนกินจิตวิญญาณและความฝันของเธอไปทีละนิดทีละน้อย” หญิงสาวท้อแท้กระซิบกับเด็กสาว
“เธอหิวใช่ไหมล่ะ กินหน่อยนะ อั้ม..” หญิงสาวท้อแท้พยายามป้อนน่องไก่ให้ดรุณีน้อยกิน ในจังหวะเดียวกันนั้นมารดำก็ได้แต่ตะโกนก้องว่าอย่ากิน ก่อนจะพูดต่อว่า ถ้าเธอกินเธอจะกลายเป็นอย่างหญิงสาวชุดขาว
ดรุณีน้อยทำอะไรไม่ถูกได้แต่หันมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่รู้จะเชื่อใครดี ใจหนึ่งก็อยากจะกินเพราะหิว อีกใจก็กลัวจะเป็นดังคำที่มารดำบอกเพราะหญิงสาวชุดขาวที่เธอเห็นว่าเป็นคนน่าสงสารเมื่อครู่ ตอนนี้กลับเริ่มแตกต่างจากเดิมแววตาดุดันน่ากลัว น้ำเสียงมีแววข่มขู่บังคับให้ดรุณีน้อยกินน่องไก่
หญิงสาวชุดขาวมือหนึ่งถือน่องไก่ อีกมือจับศีรษะดรุณีน้อยกดลงมาที่น่องไก่ ปากตะโกน กินซะ.. กินเดี๋ยว..นี้ยัยเด็กบ้า... ฉันบอกให้แกกิน …. ดรุณีน้อยเม้นปากจนแน่นสนิทส่ายหน้าหนีหลายครั้งเป็นการปฏิเสธ เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้ให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของหญิงสาวชุดขาว แต่อีกฝ่ายมีพลังมากมายเหลือเกิน หล่อนกดหัวดรุณีน้อยปากขู่เข็ญให้กินน่องไก่
“นี่ๆพอได้แล้ว คนเค้าไม่อยากกินจะไปบังคับทำไม ปล่อยสาวน้อยคนนี้ซะ ไม่งั้นผมจะตามอุปสรรคมาจัดการคุณ” มารดำหลังจากที่ยืนกอดอกดูอยู่นานจนทนดูไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องใช้มาตรการขั้นโหดด้วยการขู่จะฟ้องอุปสรรคให้มาจัดการหญิงสาวชุดขาว
หญิงสาวท้อแท้ชะงักเอียงคอหันมามองมารดำ ส่งสายตาเศร้าซึมไม่นานน้ำตาก็เอ่อรื้นขึ้นมาอีกครั้ง น้ำใสๆหลั่งรินหยดลงบนพื้นถนนสีหม่น มือผ่อนคลายจากการออกแรงบังคับคนอื่น
“ไปให้พ้นอยากไปไหนก็ไป แต่อย่าไปตามอุปสรรคมาแกล้งฉันอีกนะ ฉันเกลียดอุปสรรค” หญิงสาวชุดขาวตะโกนพูดขึ้นทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นริกๆอย่างน่าสงสาร เธอกลับมานั่งชันเข่าแล้วก้มหน้าร้องไห้ต่อไป
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคแล้วเธอจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้ยังไง” มารดำพูดขึ้น
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้นฉันกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ท้อแท้และสิ้นหวัง ฮือ… ฮือ…” หญิงสาวท้อแท้พูด นั่งซบหน้าบนเข่า
“คนอื่นไล่แล้วยังไม่ลุกอีก ลุกซิจ้ะสาวน้อยจะนั่งให้รากงอกออกมาหรือไง” มารดำหันไปพูดกับคนซึ่งกำลังหน้าทำหน้าเหวออ้าปากค้าง มารดำมองแล้วทั้งอยากหัวเราะและน่าสงสารในคร่าเดียวกัน
ดรุณีน้อยเงยหน้ามองมารดำอย่างขุ่นเคืองใจ แอบนึกในใจอะไรก็ดูหล่อเท่ไปหมด เสียอย่างเดียวปากร้ายใช่เล่น
“ฉันลุกไม่ไหว...เจ็บเท้า” ดรุณีพูดขึ้นเสียงอ่อย
โดยไม่รอให้เธอต้องพูดอะไรอีกมารดำเดินมานั่งคุกเข่าหันหลังให้ดรุณีน้อย ปากบอกให้ดรุณีมาขี่หลังพร้อมใช้มือตบกลางหลังตัวเองเป็นเชื้อเชิญ
ถนนสีหม่น ความฝัน และจิตวิญญาณ (ส่วนที่สาม)....จบ
ส่วนที่สอง http://ppantip.com/topic/34740385
ถนนสีหม่น ความฝัน และจิตวิญญาณ (ส่วนที่สาม)
โดย …. Lady Star
==========* ========== *==========
สายลมเย็นยะเยือกพัดปลิวมากระทบผิวกายดรุณีน้อยชวนให้ขนลุกตั้งชัน เด็กสาวเลื่อนมือมากอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นก่อนจะลูบไล้แขนตัวเอง สายตาจ้องมองไปยังหญิงสาวลึกลับในชุดสีขาวเบื้องหน้า ……….
เธอนั่งอยู่ห่างจากหญิงสาวชุดขาวเพียงเล็กน้อย และเอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นว่า
“เธอเป็นอะไรร้องไห้ทำไม”
หญิงสาวชุดขาวไม่ตอบคำถามยังคงนั่งร้องไห้ต่อไปแบบไม่สนใจคนแปลกหน้า ดรุณีน้อยยื่นมือไปสะกิดไหล่หญิงสาวชุดขาวก่อนถามอีกว่า
“เธอมีอะไรให้ฉันช่วยบอกฉันได้นะ”
“ช่วยเหรอ ตัวเธอเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ริอาจจะมาช่วยคนอื่น เฮอะ!…” หญิงสาวชุดขาวเงยหน้ามองพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของหล่อนนั่นเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา นัยน์ตาแดงก่ำเนื่องเพราะร้องไห้มาเนิ่นนาน หล่อนพูดจบก็ก้มหน้าร้องไห้ต่อ
“ก็ดูเธอท่าทางจะเสียใจหนักกว่าฉันเสียอีก เธอทำกระเป๋าความฝันหายไปหรือไง” ดรุณีน้อยเอ่ยถาม
หญิงสาวชุดขาวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ดวงตามีประกายแวววาบจับจ้องมองคนพูด
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันทำกระเป๋าความฝันหายไป” หญิงสาวชุดขาวโพล่งถามออกไปเสียงดัง
“ของฉันก็หายไปน่ะ”
“อุปสรรคขโมยของเธอไปใช่ไหม อุปสรรคใจร้ายนิสัยไม่ดี ขโมยกระเป๋าความฝันของฉันไปเช่นกัน และยังกลั่นแกล้งฉันสารพัด จนฉันไม่สามารถเดินทางไปยังถนนสีสดใสได้อีกแล้ว ฉันไปต่อไปได้อีกแล้ว ฮือ.. ฮือ..”
หญิงสาวชุดขาวพูดต่อน้ำเสียงสะอึกสะอื้นหยดน้ำตาหลั่งรินออกมาเป็นสายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ
“แล้วเธอไม่คิดที่จะตามหากระเป๋าความฝันของเธอหรือไง เธอจะปล่อยให้อุปสรรคขโมยไปแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ” ดรุณีน้อยพูดกับหญิงชุดขาว ก่อนจะขยับร่างกายตัวเองเปลี่ยนท่านั่งเป็นนั่งพับเพียบมือเลื่อนไปกุมข้อเท้าที่ปูดนูนขึ้นมารอยเขียวคล้ำกระจายแผ่ออกรอบข้อเท้า
“จะไปตามมาหาที่ไหนล่ะ ฉันจะไม่ไปไหนแล้ว ฉันจะนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ร้องไห้ให้ร่างกายแตกสลายไปเลย เพราะฉันคือความท้อแท้สิ้นหวัง ความท้อแท้สิ้นหวังจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น นอนจากนั่งซึมเศร้าท้อแท้สิ้นหวัง ฉันต้องทำจิตใจให้หดหู่เศร้าหมอง ฮือ... ฮือ...” หญิงสาวชุดขาวพูดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้อีกครั้ง
ดรุณีน้อยนั่งมึนงงกับสิ่งที่หญิงสาวบอก เธอครุ่นคิดอยู่นานว่าจะพูดเพื่อปลอบประโลมหญิงสาวคนนี้อย่างไรดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่ตั้งใจจะท้อแท้สิ้นหวังเริ่มไม่สนใจเธอแล้ว
“ฉันชื่อท้อแท้ นามสกุลสิ้นหวัง” อยู่ๆหญิงสาวชุดขาวก็พูดขึ้นมาเมื่อเห็นดรุณีน้อยนิ่งเงียบไปนาน
“ห๊ะ”
“มีอะไรน่าตกใจหรือไง” ท้อแท้ สิ้นหวังพูดขึ้นทำหน้าดุดันเคร่งเครียดใส่คนร้อง ห๊ะ
“อ่อ เปล่าหรอก ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อยน่ะ ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีคนชื่อท้อแท้นามสกุลสิ้นหวังด้วย”
“ก็ฉันนี่ไง ฉันจึงต้องมีหน้าที่ท้อแท้และสิ้นหวัง เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไหมฉันอยากมีเพื่อน นะนะ” ท้อแท้พูดเสียงหวานใสเชิญชวนดรุณีน้อย มือข้างหนึ่งยื่นมาจับแขนดรุณีน้อยไว้มั่น ดรุณีน้อยสัมผัสได้ถึงความเย็นราวกับน้ำแข็งที่แผ่ออกมาจากร่างของหล่อน เธอพยายามขยับแขนหนีแต่ถูกหญิงสาวท้อแท้ดึงแขนกลับมา
“นะ..อยู่เป็นเพื่อนฉันนะ เธอจะไม่เหนื่อยตามหาความฝันอีก และยังมีของกินอร่อยๆให้เธอกินได้ตลอดเวลาเลยนะ” พอหญิงสาวท้อแท้พูดจบ ก็มีอาหารสุดหรูหลายจานวางอยู่รายรอบตัวเด็กสาว ดรุณีน้อยลอบกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดินทางมายังไม่ได้กินอะไรเลยความหิวจึงเข้ามาเล่นงานเธอแบบไม่รู้ตัว
“หิวล่ะสิ จะกินหน่อยไหมฉันแบ่งให้เธอ” หญิงสาวท้อแท้ยื่นน่องไก่สีเหลืองอร่ามน่ากิน กลิ่นหอมเชิญชวนน่าหลงใหลมาตรงหน้าของเด็กสาว
“เอ่อ อืม ..ฉันต้องไปตามหากระเป๋าความฝันให้เจอก่อนนะ” ดรุณีน้อยพูดตะกุกตะกักสายจ้องมองน่องไก่อย่างหมายมั่น
“กินก่อนค่อยตามหาก็ได้ นะนะ” หญิงสาวท้อแท้ยื่นน่องไก่มาจนชิดจมูกดรุณีน้อย
“อ่อ นั่นมันจมูกนะไม่ใช่ปาก”
“แหม ..ล้อเล่นน่า อ้าว.. กินๆ” หญิงสาวท้อแท้ยื่นน่องไก่ใส่ปากเด็กสาวผู้กำลังอ้าปากรออยู่ด้วยความหิวโหย
“อย่ากิน!” เสียงทุ้มกังวานดังก้องขึ้น
ทั้งสองหันขวับไปมองตามทิศทางเสียง เห็นชายรูปร่างสูงใบหน้าเกลี้ยงเกลาสวมใส่ชุดสูททักซิโด้สีดำร้องเท้าหนังสีดำซึ่งถูกขัดจนเงางามเป็นประกายแวววับ ผมสีดำขวับเป็นมันเงาหวีเรียบเนียนราบกับหนังศีรษะ นัยน์ตาเป็นประกายฉายแววอบอุ่นเมตตา ริมฝีปากคล้ายกำลังแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่ได้ฉีกยิ้มให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง เขาผู้นี้หล่อเท่สง่างามราวกับเทพบุตรสายลับที่หลุดออกมาจากแผ่นฟิล์มก็ไม่ปาน
“มารดำอย่างมายุ่งเรื่องของฉัน ฉันกำลังแบ่งอาหารให้เพื่อนใหม่ได้กิน ไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย” หญิงสาวท้อแท้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองไม่พอใจ ใบหน้าบูดบึ้งพร้อมส่งสายตาอาฆาตแค้นไปยังชายชุดดำ
“มารดำเหรอ! นายคนนี้คือมารดำจริงๆใช่ไหม” ดรุณีน้อยเอ่ยถามด้วยอาการตื่นตระหนก เธอผงะถอยห่างจากชายชุดดำอย่างหวาดกลัว ก่อนจะรีบคลานไปหลบอยู่ด้านหลังหญิงสาวท้อแท้ และยังกระซิบถามว่า เขาจะกินความฝันและจิตวิญญาณตัวเองหรือเปล่า หญิงสาวท้อแท้พยักหน้าเป็นการตอบคำถาม
“เธอสองคนจะกระซิบกระซาบกันทำไม คิดว่าผมไม่ได้ยินหรือไง” มารดำเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับหญิงสาวสองคนที่นั่งกอดกันอยู่บนพื้นเบื้องล่าง
“ไปให้พ้นอย่ามายุ่งกับเธอ”
หญิงสาวท้อแท้ตะโกนไล่มารดำแสดงตนปกป้องดรุณีน้อย ทำให้เด็กสาวรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจจนเลื่อนมือไปโอบกอดเอวหญิงสาวแน่น
“เธอต่างหากอย่ายุ่งกับสาวน้อยคนนี้ ปล่อยเธอมาซะดีๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว” มารดำพูดตอบกลับมา ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งโดยคราวนี้หันไปมองดรุณีน้อย
“มานี้สาวน้อย...ผมมาช่วยคุณนะครับ ถ้าคุณอยู่กับเธอไม่นานคุณจะกลายเป็นอย่างเธอ ท้อแท้และสิ้นหวังไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น วันๆเอาแต่นั่งร้องไห้ สบถด่าทอโทษสิ่งต่างๆรอบกายอันนี้ไม่ดีอันโน่นไม่ดี โดยที่ตัวเองไม่คิดจะทำอะไรเลย นอกจากนั่งท้อแท้สิ้นหวัง เธออยากเป็นแบบนี้หรือไงสาวน้อย” มารดำพูดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่คนฟังคงไม่อาจรับรู้ถึงมันเพราะมีอีกคนคอยพูดกรอกหู
“อย่าไปเชื่อมารดำนะ เขาหลอกเธอแล้วจะกลืนกินจิตวิญญาณและความฝันของเธอไปทีละนิดทีละน้อย” หญิงสาวท้อแท้กระซิบกับเด็กสาว
“เธอหิวใช่ไหมล่ะ กินหน่อยนะ อั้ม..” หญิงสาวท้อแท้พยายามป้อนน่องไก่ให้ดรุณีน้อยกิน ในจังหวะเดียวกันนั้นมารดำก็ได้แต่ตะโกนก้องว่าอย่ากิน ก่อนจะพูดต่อว่า ถ้าเธอกินเธอจะกลายเป็นอย่างหญิงสาวชุดขาว
ดรุณีน้อยทำอะไรไม่ถูกได้แต่หันมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่รู้จะเชื่อใครดี ใจหนึ่งก็อยากจะกินเพราะหิว อีกใจก็กลัวจะเป็นดังคำที่มารดำบอกเพราะหญิงสาวชุดขาวที่เธอเห็นว่าเป็นคนน่าสงสารเมื่อครู่ ตอนนี้กลับเริ่มแตกต่างจากเดิมแววตาดุดันน่ากลัว น้ำเสียงมีแววข่มขู่บังคับให้ดรุณีน้อยกินน่องไก่
หญิงสาวชุดขาวมือหนึ่งถือน่องไก่ อีกมือจับศีรษะดรุณีน้อยกดลงมาที่น่องไก่ ปากตะโกน กินซะ.. กินเดี๋ยว..นี้ยัยเด็กบ้า... ฉันบอกให้แกกิน …. ดรุณีน้อยเม้นปากจนแน่นสนิทส่ายหน้าหนีหลายครั้งเป็นการปฏิเสธ เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้ให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของหญิงสาวชุดขาว แต่อีกฝ่ายมีพลังมากมายเหลือเกิน หล่อนกดหัวดรุณีน้อยปากขู่เข็ญให้กินน่องไก่
“นี่ๆพอได้แล้ว คนเค้าไม่อยากกินจะไปบังคับทำไม ปล่อยสาวน้อยคนนี้ซะ ไม่งั้นผมจะตามอุปสรรคมาจัดการคุณ” มารดำหลังจากที่ยืนกอดอกดูอยู่นานจนทนดูไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องใช้มาตรการขั้นโหดด้วยการขู่จะฟ้องอุปสรรคให้มาจัดการหญิงสาวชุดขาว
หญิงสาวท้อแท้ชะงักเอียงคอหันมามองมารดำ ส่งสายตาเศร้าซึมไม่นานน้ำตาก็เอ่อรื้นขึ้นมาอีกครั้ง น้ำใสๆหลั่งรินหยดลงบนพื้นถนนสีหม่น มือผ่อนคลายจากการออกแรงบังคับคนอื่น
“ไปให้พ้นอยากไปไหนก็ไป แต่อย่าไปตามอุปสรรคมาแกล้งฉันอีกนะ ฉันเกลียดอุปสรรค” หญิงสาวชุดขาวตะโกนพูดขึ้นทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นริกๆอย่างน่าสงสาร เธอกลับมานั่งชันเข่าแล้วก้มหน้าร้องไห้ต่อไป
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคแล้วเธอจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้ยังไง” มารดำพูดขึ้น
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้นฉันกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ท้อแท้และสิ้นหวัง ฮือ… ฮือ…” หญิงสาวท้อแท้พูด นั่งซบหน้าบนเข่า
“คนอื่นไล่แล้วยังไม่ลุกอีก ลุกซิจ้ะสาวน้อยจะนั่งให้รากงอกออกมาหรือไง” มารดำหันไปพูดกับคนซึ่งกำลังหน้าทำหน้าเหวออ้าปากค้าง มารดำมองแล้วทั้งอยากหัวเราะและน่าสงสารในคร่าเดียวกัน
ดรุณีน้อยเงยหน้ามองมารดำอย่างขุ่นเคืองใจ แอบนึกในใจอะไรก็ดูหล่อเท่ไปหมด เสียอย่างเดียวปากร้ายใช่เล่น
“ฉันลุกไม่ไหว...เจ็บเท้า” ดรุณีพูดขึ้นเสียงอ่อย
โดยไม่รอให้เธอต้องพูดอะไรอีกมารดำเดินมานั่งคุกเข่าหันหลังให้ดรุณีน้อย ปากบอกให้ดรุณีมาขี่หลังพร้อมใช้มือตบกลางหลังตัวเองเป็นเชื้อเชิญ