หากพูดถึงความสามารถในการดมกลิ่น คงหนีไม่พ้นน้องหมาเพื่อนผู้แสนซื่อสัตย์ ที่มีความสามารถตรวจหายาเสพติด วัตถุระเบิด เฝ้าเรือกสวนไร่นา ได้อย่างน่าทึ่งมาตั้งแต่ในฮดีต จนในปัจจุบันได้มีการค้นพบว่าน้องหมาสามารถดหาโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ของคนได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงเกิดงานวิจัย งานกรณีศึกน้องหมาดมกลิ่นหาโรคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รู้ตัวก่อนที่โรคร้ายจะลุมลามหรือทวีความรุนแรงมากขึ้น
หลายคนคงสงสังและะว่า น้องหมารับรู้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนได้จริงไหม พวกเขาแสดงพฤติกรรมอย่างไรเมื่อรับรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น การฝึกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้มากน้อยแค่ไหน มีขั้นตอนอย่างไร อย่ารอช้า ไปตามหาความจริงกันเลย!!
Dogilike.com :: ไขข้อสงสัย ... ทำไมน้องหมาถึงดมกลิ่นโรคในมนุษย์ได้?
ธรรมชาติของน้องหมาจะมีประสาทสัมผัสมากกว่าคนถึง 10,000 – 100,000 เท่า โดยระบบการได้รับกลิ่นของน้องหมาจะซึมซับโมเลกุลของสารเคมี ความชื้น ไอระเหยที่ล่องลอยอยู่ในอากศผ่านเนื้อเยื่อภายในจมูก และส่งข้อมูลไปยังสมอง ประกอบกับการที่น้องหมามีความผูกพันกับคนมากกว่า 100,000 ปี จึงมีการรับรู้กลิ่นกาย เหงื่อ ลมหายใจ ฮอร์โมนต่างๆ ของคนติดอยู่ในสายเลือด ดังนั้นเมื่อเกิดกลิ่นที่ผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายของเจ้านายผู้เลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เล็ก จึงสามารถรู้ได้ถึงความผิดปกติ ส่งสัญญาณเตือนเจ้านายเพื่อเป็นการทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ระวังภัยตามสัญชาตญาณของน้องหมา
นอกจากนี้การดำเนินชีวิตของน้องหมาร่วมกับคนตั้งแต่เก่าก่อนจนถึงปัจจุบัน จะอยู่อาศัยแบบพึ่งพากันและกัน คนเป็นผู้ทำหน้าที่ให้อาหาร ให้ที่อยู่อาศัย น้องหมามีหน้าที่คอยเตือนภัยเป็นการทดแทนบุญคุณ เฝ้าไร่นา ไล่ล่าสัตว์ที่เข้ามากัดกินผลผลิต ซึ่งการดมกลิ่นโรคต่างๆ ของน้องหมาเป็นการเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด เมื่อต้องไล่นก ไล่สัตว์ออกจากไร่ พวกเขาจะสามารถจับกลิ่นโรคที่ติดมากับเหยื่อ และไม่กัดกิน เพื่อปกป้องตนเอง เมื่อพวกเขาได้กลิ่นโรคจากเจ้านายก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกตินั่นเอง
น้องหมามีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อรับรู้กลิ่นโรค
มีงานกรณีศึกษาและงานวิจัยหลายชิ้นได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการรับรู้กลิ่นมะเร็งและเบาหวานจากผู้ป่วยโดยระบุว่า เซลล์มะเร็ง เบาหวาน อาการลมชัก หรือโรคอื่นๆ จะทิ้งร่องรอยทางชีวภาพ แบคทีเรีย ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือ สารเคมีในร่างกาย ออกมาพร้อมกับกลิ่นลมหายใจ ปัสสาวะ และเหงื่อ ซึ่งน้องหมาจะสามารถตรวจจับกลิ่นโรคมะเร็งได้จากกลิ่นลมหายใจของผู้ป่วย โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งทรวงอกได้อย่างแม่นยำถึง 80 – 99 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเป็นมะเร็งที่เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นก็ตาม (ลมหายใจจะไม่ได้มีแค่อากาศเท่านั้น แต่มีความชื้นไอระเหยต่างๆ ออกมาด้วย) ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวานน้องหมาจะสามารถจตรวจจับความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้จากกลิ่นปัสสาวะ และ กลิ่นเหงื่อนั่นเองค่ะ
ด้านพฤติกรรมของน้องหมาเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เลี้ยงก็จะแสดงออกแตกต่างกันไป บางตัวเห่า ร้อง กระโดด เอาจมูกดุนๆ หรือ ตะกุยบริเวณที่พวกเขาได้กลิ่นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นในระยะเริ่มต้น หลายครั้งที่น้องหมาสามารถรับรู้ได้ก่อนที่เครื่องมือทางการแพทย์จะตรวจพบเสียอีกค่ะ สำหรับน้องหมาที่ได้กลิ่นระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานลดลง พวกเขาจะดมๆ ร่างกาย เลียเหงื่อบนใบหน้า ร้อง หรือเห่า ซึ่งเป็นการเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานก่อนที่จะเกิดอาการสั่น หมดสติ ช็อค โคม่า จนเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม น้องหมาบางตัวอาจจะแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นเป็นปกติ ผู้เลี้ยงควรสังเกตว่ามีการแสดงออกที่รุนแรง หรือ ผิดไปจากปกติหรือไม่ค่ะ
ส่วนใหญ่แล้ว งานวิจัยและกรณีศึกษาการดมกลิ่นหาโรคของน้องหมาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การตรวจหาโรคมะเร็งและเบาหวาน เนื่องจากเป็นภัยเงียบที่กว่าจะรู้ว่ามีตรวจเชคได้ยากหากเชื้อยังไม่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย หรือเกิดอาการช็อคหมดสติได้โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการตรวจพบได้เร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตจากโรคร้ายมากขึ้นค่ะ
งานวิจัยของศูนย์สุนัขใช้งานมหาวิทยาลัยเพนซิเวเนีย (University of Pennsylvania's Working Dog Center) สหรัฐอเมริกา ได้มีการนำตัวอย่างลมหายใจทั้งหมด 220 ตัวอย่าง เป็นกลิ่นลมหายใจของผู้ที่มีเชื้อมะเร็ง กับ ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ให้น้องหมาพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด 2 ตัว ลาบราดอร์ 1 ตัว และ ออสเตรเลียน เชฟเพิร์ด อีก 1 ตัวซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีประสาทการดมกลิ่นที่ดี และได้รับการฝึกให้ดมกลิ่นมาแล้ว นั่งลงตรงหน้าตัวอย่างที่มีกลิ่นมะเร็ง ซึ่งน้องหมาสามารถระบุได้แม่นยำถึง 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับตัวอย่างที่มีกลิ่นมะเร็ง และ 93 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง นั่นแสดงว่า มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่น้องหมาดมพลาด เผลอนั่งลงหน้ากลิ่นลมหายใจของผู้ที่มีสุขภาพดี
ส่วนกรณีศึกษาเกี่ยวกับการตรวจหาโรคเบาหวานที่ทางมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) และ มหาวิทยาลัยดันดี (University of Dundee) สหราชอาณาจักรได้ทำการทดลองร่วมกัน ได้มีการเลือกสัมภาษณ์อาสาสมัคร 17 คนที่เป็นโรคเบาหวาน และเลี้ยงน้องหมาซึ่งได้รับการฝึกดมกลิ่นตรวจวัดค่าน้ำตาลในเลือดมาแล้วซึ่งผลจากการให้สัมภาษณ์ของอาสาสมัครต่างกล่าวว่า น้องหมาของพวกเขาจะตื่นตัว ดมกลิ่นลมหายใจ กลิ่นเหงื่อ เลียใบหน้า เห่า ให้สัญญาณเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของเหล่าอาสาสมัครลดลง ภายหลังได้มีการตรวจเชคพบว่าพวกเขามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจริง การช่วยเหลือของน้องหมาให้พวกเขาได้รู้ตัว ป้องกันตัวได้ทันก่อนที่จะหมดสติ เกิดอาการช็อกถึงขั้นโคม่าได้ทันท่วงที
Dogilike.com :: ไขข้อสงสัย ... ทำไมน้องหมาถึงดมกลิ่นโรคในมนุษย์ได้?
เนื่องจากน้องหมามีประสาทการดมกลิ่นที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถพัฒนาศักยภาพการดมกลิ่นได้ไม่ยาก ระยะเวลาในการฝึกให้น้องหมาดมกลิ่นโรคจึงอยู่ที่ 6 – 8 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นค่ะ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการวิจัยและสายพันธุ์น้องหมาด้วยนะคะ ว่ามีความสามารถในการดมกลิ่นมากแค่ไหน อย่าง ดัชชุนมีประสาทการรับรู้ 125 ล้านเซล เยอรมันเชพเพิร์ดมี 220 ล้านเซล เป็นต้นค่ะ แต่ปกติแล้วเพียง 2 สัปดาห์แรก น้องหมาจะเริ่มแยกแยะความแตกต่างของกลิ่นได้แล้วว่าตัวอย่างลมหายใจ ปัสสาวะ หรือ เหงื่อ ว่าตัวอย่างใดที่มีโรค ตัวอย่างใดที่ปกติ
การฝึกให้น้องหมาดมกลิ่นโรค เป็นงานหินสำหรับพวกเขาที่ต้องแยกกลิ่นผิดปกติออกจากกลิ่นอวัยวะ ฮอร์โมนปกติของระบบต่างๆ กว่าร้อยอย่างในร่างกายที่ออกมาพร้อมกันจากลมหายใจ ปัสสาวะ และเหงื่อ ให้ได้....การตรวจหายาเสพย์ติดและวัตถุต้องสงสัยจึงกลายเป็นเรื่องหมูๆ สำหรับพวกเขาไปเลยล่ะค่ะ
วิธีการฝึก
ตัวอย่างการทดลองจะขึ้นอยู่กับโรคนะคะ อย่าง โรคมะเร็งจะใช้ตัวอย่างลมหายใจ โดยเฉพาะมะเร็งปอดกับทรวงอก ส่วนโรคเบาหวานจะใช้เหงื่อ และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะใช้ปัสสาวะของผู้ป่วยค่ะ
- มีตัวอย่างลมหายใจ เหงื่อ หรือ ปัสสาวะ ของคนที่เป็นโรคและคนที่สุขภาพดีให้น้องหมาดม ส่วนใหญ่ตัวอย่างจะอยู่ในขวด หลอดทดลอง สำลี เป็นต้น
- เมื่อน้องหมาดมฟุด ฟิด จับความผิดปกติของตัวอย่างโรค ผู้ฝึกจะทำการกดคลิกเกอร์ สั่งให้นั่งลง และให้ของรางวัล ในทางตรงกันข้าม หากเป็นตัวอย่างที่มีความปกติให้น้องหมาดมผ่านๆ ไม่มีคำสั่ง ไม่ให้ของรางวัล ดังนั้นน้องหมาก็จะจำว่า กลิ่นมะเร็ง = นั่งลง = ของรางวัล นั่นเองค่ะ
- ในกรณีที่เป็นตัวอย่างมะเร็ง ควรมีตัวอย่างมะเร็งหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งในรังไข่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม และอีกหลายๆ ประเภท เพื่อให้น้องหมาตอบสนองกับเนื้อเยื่อมะเร็งได้ชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ
- หลังจากที่น้องหมาแยกตัวอย่างที่เป็นโรคและไม่เป็นโรคได้แล้ว ให้เริ่มนำตัวอย่างที่มีโรคไปซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ใต้โต๊ะ ในตู้ ใต้เตียง แล้วปล่อยให้พวกเขาตามหาเอง รอให้พวกเขานั่งลง แล้วจึงให้รางวัลสุดพิเศษ
- สุดท้ายก็ลงสนามจริงให้ดมจากคนที่มีโรคต่างๆ กับคนที่ไม่มีโรค ว่าสามารถแยกแยะได้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วน้องหมาจะสามารถตรวจหาคนที่มีโรคได้ถูกต้อง แต่จะเกิดข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งเมื่อดมกลิ่นผู้ที่ปกติดีแต่กลับนั่งเป็นสัญญาบอกว่ามีโรค (ซึ่งบางครั้งคนนั้นอาจจะมีโรคบางอย่างเกิดขึ้น แต่ยังไม่มีประวัติว่าเป็นโรคนั้นอยู่ก็ได้ค่ะ)
pp
ถึงแม้ประสาทการดมกลิ่นของน้องหมาจะสามารถดมกลิ่นโรคต่างๆ ได้ก็จริง แต่ไม่สามารถแยกแยะไปถึงขึ้นรู้ว่ามะเร็งชนิดไหน หรือแยกกลิ่นกลิ่นมะเร็ง กลิ่นเบาหวาน กลิ่นลมชัก ออกจากกันได้ หากพวกเขาจะจดจำเพียงว่า กลิ่นเหล่านี้คือกลิ่นที่ผิดปกติจากกลิ่นทั่วไป ดังนั้น หากนำน้องหมาไปเป็นตัวช่วยทางการแพทย์ ก็จะมีการฝึกน้องหมาแยกประเภทการดมกลิ่นโรคให้เฉพาะทางมากขึ้น หนึ่งตัวหนึ่งโรค ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดมกลิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิต และเพิ่มโอกาสรอดให้แก่ผู้ป่วยมากขึ้นนั่นเองค่ะ ... สุดยอดผู้ช่วยแพทย์แห่งศตวรรษที่ 21 ต้องยกให้น้องหมานักดมกลิ่นไปเลย!!!
ขอบคุณที่มาบทความจาก
http://www.dogilike.com/content/train/2816/
(เอาบทความมาฝาก) ทำไมสุนัขถึงดมกลิ่นโรคในคนได้
หากพูดถึงความสามารถในการดมกลิ่น คงหนีไม่พ้นน้องหมาเพื่อนผู้แสนซื่อสัตย์ ที่มีความสามารถตรวจหายาเสพติด วัตถุระเบิด เฝ้าเรือกสวนไร่นา ได้อย่างน่าทึ่งมาตั้งแต่ในฮดีต จนในปัจจุบันได้มีการค้นพบว่าน้องหมาสามารถดหาโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ของคนได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงเกิดงานวิจัย งานกรณีศึกน้องหมาดมกลิ่นหาโรคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รู้ตัวก่อนที่โรคร้ายจะลุมลามหรือทวีความรุนแรงมากขึ้น
หลายคนคงสงสังและะว่า น้องหมารับรู้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนได้จริงไหม พวกเขาแสดงพฤติกรรมอย่างไรเมื่อรับรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น การฝึกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้มากน้อยแค่ไหน มีขั้นตอนอย่างไร อย่ารอช้า ไปตามหาความจริงกันเลย!!
Dogilike.com :: ไขข้อสงสัย ... ทำไมน้องหมาถึงดมกลิ่นโรคในมนุษย์ได้?
ธรรมชาติของน้องหมาจะมีประสาทสัมผัสมากกว่าคนถึง 10,000 – 100,000 เท่า โดยระบบการได้รับกลิ่นของน้องหมาจะซึมซับโมเลกุลของสารเคมี ความชื้น ไอระเหยที่ล่องลอยอยู่ในอากศผ่านเนื้อเยื่อภายในจมูก และส่งข้อมูลไปยังสมอง ประกอบกับการที่น้องหมามีความผูกพันกับคนมากกว่า 100,000 ปี จึงมีการรับรู้กลิ่นกาย เหงื่อ ลมหายใจ ฮอร์โมนต่างๆ ของคนติดอยู่ในสายเลือด ดังนั้นเมื่อเกิดกลิ่นที่ผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายของเจ้านายผู้เลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เล็ก จึงสามารถรู้ได้ถึงความผิดปกติ ส่งสัญญาณเตือนเจ้านายเพื่อเป็นการทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ระวังภัยตามสัญชาตญาณของน้องหมา
นอกจากนี้การดำเนินชีวิตของน้องหมาร่วมกับคนตั้งแต่เก่าก่อนจนถึงปัจจุบัน จะอยู่อาศัยแบบพึ่งพากันและกัน คนเป็นผู้ทำหน้าที่ให้อาหาร ให้ที่อยู่อาศัย น้องหมามีหน้าที่คอยเตือนภัยเป็นการทดแทนบุญคุณ เฝ้าไร่นา ไล่ล่าสัตว์ที่เข้ามากัดกินผลผลิต ซึ่งการดมกลิ่นโรคต่างๆ ของน้องหมาเป็นการเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด เมื่อต้องไล่นก ไล่สัตว์ออกจากไร่ พวกเขาจะสามารถจับกลิ่นโรคที่ติดมากับเหยื่อ และไม่กัดกิน เพื่อปกป้องตนเอง เมื่อพวกเขาได้กลิ่นโรคจากเจ้านายก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกตินั่นเอง
น้องหมามีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อรับรู้กลิ่นโรค
มีงานกรณีศึกษาและงานวิจัยหลายชิ้นได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการรับรู้กลิ่นมะเร็งและเบาหวานจากผู้ป่วยโดยระบุว่า เซลล์มะเร็ง เบาหวาน อาการลมชัก หรือโรคอื่นๆ จะทิ้งร่องรอยทางชีวภาพ แบคทีเรีย ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือ สารเคมีในร่างกาย ออกมาพร้อมกับกลิ่นลมหายใจ ปัสสาวะ และเหงื่อ ซึ่งน้องหมาจะสามารถตรวจจับกลิ่นโรคมะเร็งได้จากกลิ่นลมหายใจของผู้ป่วย โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งทรวงอกได้อย่างแม่นยำถึง 80 – 99 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเป็นมะเร็งที่เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นก็ตาม (ลมหายใจจะไม่ได้มีแค่อากาศเท่านั้น แต่มีความชื้นไอระเหยต่างๆ ออกมาด้วย) ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวานน้องหมาจะสามารถจตรวจจับความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้จากกลิ่นปัสสาวะ และ กลิ่นเหงื่อนั่นเองค่ะ
ด้านพฤติกรรมของน้องหมาเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เลี้ยงก็จะแสดงออกแตกต่างกันไป บางตัวเห่า ร้อง กระโดด เอาจมูกดุนๆ หรือ ตะกุยบริเวณที่พวกเขาได้กลิ่นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นในระยะเริ่มต้น หลายครั้งที่น้องหมาสามารถรับรู้ได้ก่อนที่เครื่องมือทางการแพทย์จะตรวจพบเสียอีกค่ะ สำหรับน้องหมาที่ได้กลิ่นระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานลดลง พวกเขาจะดมๆ ร่างกาย เลียเหงื่อบนใบหน้า ร้อง หรือเห่า ซึ่งเป็นการเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานก่อนที่จะเกิดอาการสั่น หมดสติ ช็อค โคม่า จนเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม น้องหมาบางตัวอาจจะแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นเป็นปกติ ผู้เลี้ยงควรสังเกตว่ามีการแสดงออกที่รุนแรง หรือ ผิดไปจากปกติหรือไม่ค่ะ
ส่วนใหญ่แล้ว งานวิจัยและกรณีศึกษาการดมกลิ่นหาโรคของน้องหมาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การตรวจหาโรคมะเร็งและเบาหวาน เนื่องจากเป็นภัยเงียบที่กว่าจะรู้ว่ามีตรวจเชคได้ยากหากเชื้อยังไม่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย หรือเกิดอาการช็อคหมดสติได้โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการตรวจพบได้เร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตจากโรคร้ายมากขึ้นค่ะ
งานวิจัยของศูนย์สุนัขใช้งานมหาวิทยาลัยเพนซิเวเนีย (University of Pennsylvania's Working Dog Center) สหรัฐอเมริกา ได้มีการนำตัวอย่างลมหายใจทั้งหมด 220 ตัวอย่าง เป็นกลิ่นลมหายใจของผู้ที่มีเชื้อมะเร็ง กับ ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ให้น้องหมาพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด 2 ตัว ลาบราดอร์ 1 ตัว และ ออสเตรเลียน เชฟเพิร์ด อีก 1 ตัวซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีประสาทการดมกลิ่นที่ดี และได้รับการฝึกให้ดมกลิ่นมาแล้ว นั่งลงตรงหน้าตัวอย่างที่มีกลิ่นมะเร็ง ซึ่งน้องหมาสามารถระบุได้แม่นยำถึง 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับตัวอย่างที่มีกลิ่นมะเร็ง และ 93 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง นั่นแสดงว่า มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่น้องหมาดมพลาด เผลอนั่งลงหน้ากลิ่นลมหายใจของผู้ที่มีสุขภาพดี
ส่วนกรณีศึกษาเกี่ยวกับการตรวจหาโรคเบาหวานที่ทางมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) และ มหาวิทยาลัยดันดี (University of Dundee) สหราชอาณาจักรได้ทำการทดลองร่วมกัน ได้มีการเลือกสัมภาษณ์อาสาสมัคร 17 คนที่เป็นโรคเบาหวาน และเลี้ยงน้องหมาซึ่งได้รับการฝึกดมกลิ่นตรวจวัดค่าน้ำตาลในเลือดมาแล้วซึ่งผลจากการให้สัมภาษณ์ของอาสาสมัครต่างกล่าวว่า น้องหมาของพวกเขาจะตื่นตัว ดมกลิ่นลมหายใจ กลิ่นเหงื่อ เลียใบหน้า เห่า ให้สัญญาณเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของเหล่าอาสาสมัครลดลง ภายหลังได้มีการตรวจเชคพบว่าพวกเขามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจริง การช่วยเหลือของน้องหมาให้พวกเขาได้รู้ตัว ป้องกันตัวได้ทันก่อนที่จะหมดสติ เกิดอาการช็อกถึงขั้นโคม่าได้ทันท่วงที
Dogilike.com :: ไขข้อสงสัย ... ทำไมน้องหมาถึงดมกลิ่นโรคในมนุษย์ได้?
เนื่องจากน้องหมามีประสาทการดมกลิ่นที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถพัฒนาศักยภาพการดมกลิ่นได้ไม่ยาก ระยะเวลาในการฝึกให้น้องหมาดมกลิ่นโรคจึงอยู่ที่ 6 – 8 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นค่ะ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการวิจัยและสายพันธุ์น้องหมาด้วยนะคะ ว่ามีความสามารถในการดมกลิ่นมากแค่ไหน อย่าง ดัชชุนมีประสาทการรับรู้ 125 ล้านเซล เยอรมันเชพเพิร์ดมี 220 ล้านเซล เป็นต้นค่ะ แต่ปกติแล้วเพียง 2 สัปดาห์แรก น้องหมาจะเริ่มแยกแยะความแตกต่างของกลิ่นได้แล้วว่าตัวอย่างลมหายใจ ปัสสาวะ หรือ เหงื่อ ว่าตัวอย่างใดที่มีโรค ตัวอย่างใดที่ปกติ
การฝึกให้น้องหมาดมกลิ่นโรค เป็นงานหินสำหรับพวกเขาที่ต้องแยกกลิ่นผิดปกติออกจากกลิ่นอวัยวะ ฮอร์โมนปกติของระบบต่างๆ กว่าร้อยอย่างในร่างกายที่ออกมาพร้อมกันจากลมหายใจ ปัสสาวะ และเหงื่อ ให้ได้....การตรวจหายาเสพย์ติดและวัตถุต้องสงสัยจึงกลายเป็นเรื่องหมูๆ สำหรับพวกเขาไปเลยล่ะค่ะ
วิธีการฝึก
ตัวอย่างการทดลองจะขึ้นอยู่กับโรคนะคะ อย่าง โรคมะเร็งจะใช้ตัวอย่างลมหายใจ โดยเฉพาะมะเร็งปอดกับทรวงอก ส่วนโรคเบาหวานจะใช้เหงื่อ และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะใช้ปัสสาวะของผู้ป่วยค่ะ
- มีตัวอย่างลมหายใจ เหงื่อ หรือ ปัสสาวะ ของคนที่เป็นโรคและคนที่สุขภาพดีให้น้องหมาดม ส่วนใหญ่ตัวอย่างจะอยู่ในขวด หลอดทดลอง สำลี เป็นต้น
- เมื่อน้องหมาดมฟุด ฟิด จับความผิดปกติของตัวอย่างโรค ผู้ฝึกจะทำการกดคลิกเกอร์ สั่งให้นั่งลง และให้ของรางวัล ในทางตรงกันข้าม หากเป็นตัวอย่างที่มีความปกติให้น้องหมาดมผ่านๆ ไม่มีคำสั่ง ไม่ให้ของรางวัล ดังนั้นน้องหมาก็จะจำว่า กลิ่นมะเร็ง = นั่งลง = ของรางวัล นั่นเองค่ะ
- ในกรณีที่เป็นตัวอย่างมะเร็ง ควรมีตัวอย่างมะเร็งหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งในรังไข่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม และอีกหลายๆ ประเภท เพื่อให้น้องหมาตอบสนองกับเนื้อเยื่อมะเร็งได้ชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ
- หลังจากที่น้องหมาแยกตัวอย่างที่เป็นโรคและไม่เป็นโรคได้แล้ว ให้เริ่มนำตัวอย่างที่มีโรคไปซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ใต้โต๊ะ ในตู้ ใต้เตียง แล้วปล่อยให้พวกเขาตามหาเอง รอให้พวกเขานั่งลง แล้วจึงให้รางวัลสุดพิเศษ
- สุดท้ายก็ลงสนามจริงให้ดมจากคนที่มีโรคต่างๆ กับคนที่ไม่มีโรค ว่าสามารถแยกแยะได้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วน้องหมาจะสามารถตรวจหาคนที่มีโรคได้ถูกต้อง แต่จะเกิดข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งเมื่อดมกลิ่นผู้ที่ปกติดีแต่กลับนั่งเป็นสัญญาบอกว่ามีโรค (ซึ่งบางครั้งคนนั้นอาจจะมีโรคบางอย่างเกิดขึ้น แต่ยังไม่มีประวัติว่าเป็นโรคนั้นอยู่ก็ได้ค่ะ)
pp
ถึงแม้ประสาทการดมกลิ่นของน้องหมาจะสามารถดมกลิ่นโรคต่างๆ ได้ก็จริง แต่ไม่สามารถแยกแยะไปถึงขึ้นรู้ว่ามะเร็งชนิดไหน หรือแยกกลิ่นกลิ่นมะเร็ง กลิ่นเบาหวาน กลิ่นลมชัก ออกจากกันได้ หากพวกเขาจะจดจำเพียงว่า กลิ่นเหล่านี้คือกลิ่นที่ผิดปกติจากกลิ่นทั่วไป ดังนั้น หากนำน้องหมาไปเป็นตัวช่วยทางการแพทย์ ก็จะมีการฝึกน้องหมาแยกประเภทการดมกลิ่นโรคให้เฉพาะทางมากขึ้น หนึ่งตัวหนึ่งโรค ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดมกลิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิต และเพิ่มโอกาสรอดให้แก่ผู้ป่วยมากขึ้นนั่นเองค่ะ ... สุดยอดผู้ช่วยแพทย์แห่งศตวรรษที่ 21 ต้องยกให้น้องหมานักดมกลิ่นไปเลย!!!
ขอบคุณที่มาบทความจาก
http://www.dogilike.com/content/train/2816/