สวัสดีค่ะ ปกติสิงอยู่ห้องต้นไม้ วันนี้ขอข้ามห้องมาลุมพินีบ้าง
เพราะความภูมิใจมันทะลักจนล้น อยากบอกให้ใครสักคนได้รู้กับสิ่งเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของเรามากๆ
ขอท้าวความถึงการที่ขึ้นหัวกระทู้ว่า"เป็นคนที่เกลียดการวิ่งมาตลอดชีวิต" มันเป็นเรื่องจริงค่ะ
ปกติแล้วเป็นคนชอบเล่นกีฬาหลายอย่าง ยกเว้น"วิ่ง" ห้ามชวน ไม่วิ่ง วิ่งไม่ไหว วิ่งไม่ได้ 100 เมตรก็จอดแล้ว เป็นมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
วิชาพละที่ครูให้วิ่ง จะมีเรารั้งท้ายและเดินแทนเสมอ สั้นๆคือ ครูระอาเลยล่ะ ท่านคงคิดว่าปล่อยมันไปเถอะ มันเดินถึงก็เก่งมากแล้ว
37 ปีผ่านไป ความอ้วนเริ่มมาเยือน ทั้งพุง ต้นขา เหนียง อื้อหือมากันให้ครบ ไม่ไหวแล้วเพราะเข้าขั้นอวบระยะสุดท้าย
ไม่รีบลดตอนนี้จะลดตอนไหนล่ะนี่ ก็เลยมองหาการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แน่นอนการวิ่งไม่อยู่ในความคิด
ก็ไปเล่นเทนนิส กระโดดเชือก ว่ายน้ำ แต่ออกกำลังแบบนี้มันรู้สึกว่าถ้าอุปกรณ์ไม่พร้อมมันก็จะไม่สะดวกในการออกกำลังกายนัก
จึงนึกถึงการวิ่ง อุปกรณ์ไม่ต้อง มีรองเท้าคู่เดียวก็วิ่งได้ทุกที่ทุกเวลา แต่จิตใต้สำนึกก็บอกกับตัวเองว่า
"หนังหน้าอย่าตรู จะวิ่งได้เหรอฟร๊ะ"
แต่ได้มาอ่านกระทู้เพื่อนสมาชิกห้องนี้ลดน้ำหนักโดยการวิ่ง และคุมอาหาร ผอมสวยหล่อกันหลายคน
แถมบางท่านอายุ 50-60 เราอายุแค่สามสิบปลายๆ ทำไมจะทำไม่ได้ เลยตัดสินใจวิ่ง
วันแรก วิ่ง 200 เมตร ก็หอบแฮ่กๆ ใจจะขาด แต่ใจมันฮึด เราต้องทำได้สิ
วันต่อมาก็เริ่มวิ่งนานขึ้น เป็น 500 เมตร 1 กิโล 2 กิโล 3 กิโล ค่อยๆเพิ่มเรื่อยๆ ถามว่าเหนื่อยไหมเหนื่อยมากกกก 55555
แต่ใจสู้ ไง ก็วิ่งแบบนี้เป็นระยะมา 2-3 เดือน
จึงตัดสินใจลงวิ่งงานแรก คือ "เฮง เฮง มินิมาราธอน" เพราะเป็นงานการกุศล ในใจคิดว่าถ้าวิ่งไม่ไหวอย่างน้อยก็ได้ทำบุญ เลยไม่คิดมาก
มีเวลาเตรียมตัวเกือบเดือน ก็ได้ศึกษาการวิ่งมินิมาราธอนจากงานอื่นๆ มีเพื่อนไปวิ่งหลายงาน เจอประสบการณ์ที่ไม่ดีนักจากการจัดงาน
เฮง เฮง มินิมาราธอน @ สวนลุมพินี กับการลงวิ่งครั้งแรกของคนที่เกลียดการวิ่งมาตลอดชีวิต
เพราะความภูมิใจมันทะลักจนล้น อยากบอกให้ใครสักคนได้รู้กับสิ่งเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของเรามากๆ
ขอท้าวความถึงการที่ขึ้นหัวกระทู้ว่า"เป็นคนที่เกลียดการวิ่งมาตลอดชีวิต" มันเป็นเรื่องจริงค่ะ
ปกติแล้วเป็นคนชอบเล่นกีฬาหลายอย่าง ยกเว้น"วิ่ง" ห้ามชวน ไม่วิ่ง วิ่งไม่ไหว วิ่งไม่ได้ 100 เมตรก็จอดแล้ว เป็นมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
วิชาพละที่ครูให้วิ่ง จะมีเรารั้งท้ายและเดินแทนเสมอ สั้นๆคือ ครูระอาเลยล่ะ ท่านคงคิดว่าปล่อยมันไปเถอะ มันเดินถึงก็เก่งมากแล้ว
37 ปีผ่านไป ความอ้วนเริ่มมาเยือน ทั้งพุง ต้นขา เหนียง อื้อหือมากันให้ครบ ไม่ไหวแล้วเพราะเข้าขั้นอวบระยะสุดท้าย
ไม่รีบลดตอนนี้จะลดตอนไหนล่ะนี่ ก็เลยมองหาการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แน่นอนการวิ่งไม่อยู่ในความคิด
ก็ไปเล่นเทนนิส กระโดดเชือก ว่ายน้ำ แต่ออกกำลังแบบนี้มันรู้สึกว่าถ้าอุปกรณ์ไม่พร้อมมันก็จะไม่สะดวกในการออกกำลังกายนัก
จึงนึกถึงการวิ่ง อุปกรณ์ไม่ต้อง มีรองเท้าคู่เดียวก็วิ่งได้ทุกที่ทุกเวลา แต่จิตใต้สำนึกก็บอกกับตัวเองว่า
"หนังหน้าอย่าตรู จะวิ่งได้เหรอฟร๊ะ"
แต่ได้มาอ่านกระทู้เพื่อนสมาชิกห้องนี้ลดน้ำหนักโดยการวิ่ง และคุมอาหาร ผอมสวยหล่อกันหลายคน
แถมบางท่านอายุ 50-60 เราอายุแค่สามสิบปลายๆ ทำไมจะทำไม่ได้ เลยตัดสินใจวิ่ง
วันแรก วิ่ง 200 เมตร ก็หอบแฮ่กๆ ใจจะขาด แต่ใจมันฮึด เราต้องทำได้สิ
วันต่อมาก็เริ่มวิ่งนานขึ้น เป็น 500 เมตร 1 กิโล 2 กิโล 3 กิโล ค่อยๆเพิ่มเรื่อยๆ ถามว่าเหนื่อยไหมเหนื่อยมากกกก 55555
แต่ใจสู้ ไง ก็วิ่งแบบนี้เป็นระยะมา 2-3 เดือน
จึงตัดสินใจลงวิ่งงานแรก คือ "เฮง เฮง มินิมาราธอน" เพราะเป็นงานการกุศล ในใจคิดว่าถ้าวิ่งไม่ไหวอย่างน้อยก็ได้ทำบุญ เลยไม่คิดมาก
มีเวลาเตรียมตัวเกือบเดือน ก็ได้ศึกษาการวิ่งมินิมาราธอนจากงานอื่นๆ มีเพื่อนไปวิ่งหลายงาน เจอประสบการณ์ที่ไม่ดีนักจากการจัดงาน