พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
เห็นอันใดก็เห็นเป็น “อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา” ไปทุกอย่างในโลกอันนี้น่ะ
ตาเห็นรูปก็ดี หูได้ยินเสียงก็ดี จมูกได้ดมกลิ่นก็ดี ลิ้นได้รับรสอาหารก็ดี
กายได้สัมผัสถูกต้องเย็นร้อนอ่อนแข็งก็ดี ใจได้รับรู้อารมณ์ทั้งห้านั้น
ก็สักว่าแต่รู้ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตัวตน เราเขา
แล้วก็ไม่ใช่สวยงาม แล้วก็ไม่ใช่ขี้ร้าย อย่างที่โลกสมมติกันนั้น
ถ้าพิจารณาถึง
ธาตุแท้ของรูปเสียง กลิ่นรส เครื่องสัมผัส เหล่านี้แล้ว
มันมีแต่เกิดแล้วดับไปอย่างนั้น ไม่มีดีไม่มีชั่วอะไร
ถ้าพิจารณาให้ถึงที่สุดแล้วนะ เป็นแต่
"สภาวธาตุ" เท่านั้นเอง
นั่นแหละเราต้องเพ่งพิจารณาลงไป ให้มันเห็นเป็นสภาวธาตุล้วนๆ
อย่าให้มันเห็นเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นตัวตนเราเขา
มันต้องพิจารณาลงไปอย่างนี้
มันจึง
ลบสมมติลบบัญญัติออกไปจากจิตใจนี้ได้
เรื่องอย่างนี้นะมันต้องอาศัย
ความเพียร เพราะว่าจิตใจนี้
มันเคยยึดถือรูปนามขันธ์ห้าอันนี้มานมนานกาเล
แล้วเราจะมาสอนให้มันละเอา ปลงเอา วางลงง่ายๆนี่..มันไปไม่รอด
เพราะว่ามันอาลัยหลาย มันเคยได้อาศัยขันธ์ห้านี้มานานแล้ว
นับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้วที่ล่วงแล้วมา นี่ต้องคิดดูให้มันเห็น
ฉะนั้นจะมาสอนให้มันปลงมันวางเอาง่ายๆอย่างนี้นะ
ถ้ามันสอนนะปลงวางได้ง่ายๆอย่างนี้
ทุกคนก็ไม่มีความทุกข์ความร้อนอะไรแล้ว
มันก็สบายกันอยู่หมดแล้วในโลกอันนี้น่ะ
ก็เพราะมันไม่ใช่ว่ามันจะปลงวางเอาโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยได้
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ใครทำใครได้"
การปลงวางขันธ์ห้า : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
เห็นอันใดก็เห็นเป็น “อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา” ไปทุกอย่างในโลกอันนี้น่ะ
ตาเห็นรูปก็ดี หูได้ยินเสียงก็ดี จมูกได้ดมกลิ่นก็ดี ลิ้นได้รับรสอาหารก็ดี
กายได้สัมผัสถูกต้องเย็นร้อนอ่อนแข็งก็ดี ใจได้รับรู้อารมณ์ทั้งห้านั้น
ก็สักว่าแต่รู้ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตัวตน เราเขา
แล้วก็ไม่ใช่สวยงาม แล้วก็ไม่ใช่ขี้ร้าย อย่างที่โลกสมมติกันนั้น
ถ้าพิจารณาถึงธาตุแท้ของรูปเสียง กลิ่นรส เครื่องสัมผัส เหล่านี้แล้ว
มันมีแต่เกิดแล้วดับไปอย่างนั้น ไม่มีดีไม่มีชั่วอะไร
ถ้าพิจารณาให้ถึงที่สุดแล้วนะ เป็นแต่ "สภาวธาตุ" เท่านั้นเอง
นั่นแหละเราต้องเพ่งพิจารณาลงไป ให้มันเห็นเป็นสภาวธาตุล้วนๆ
อย่าให้มันเห็นเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นตัวตนเราเขา
มันต้องพิจารณาลงไปอย่างนี้
มันจึงลบสมมติลบบัญญัติออกไปจากจิตใจนี้ได้
เรื่องอย่างนี้นะมันต้องอาศัยความเพียร เพราะว่าจิตใจนี้
มันเคยยึดถือรูปนามขันธ์ห้าอันนี้มานมนานกาเล
แล้วเราจะมาสอนให้มันละเอา ปลงเอา วางลงง่ายๆนี่..มันไปไม่รอด
เพราะว่ามันอาลัยหลาย มันเคยได้อาศัยขันธ์ห้านี้มานานแล้ว
นับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้วที่ล่วงแล้วมา นี่ต้องคิดดูให้มันเห็น
ฉะนั้นจะมาสอนให้มันปลงมันวางเอาง่ายๆอย่างนี้นะ
ถ้ามันสอนนะปลงวางได้ง่ายๆอย่างนี้
ทุกคนก็ไม่มีความทุกข์ความร้อนอะไรแล้ว
มันก็สบายกันอยู่หมดแล้วในโลกอันนี้น่ะ
ก็เพราะมันไม่ใช่ว่ามันจะปลงวางเอาโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยได้
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "ใครทำใครได้"